รีวิวนี้ จะพาท่านไปพบกับเมืองหนึ่งที่อยู่เลาะเลียบฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งไหลผ่านยึดโยงเหมือนกาวทาฝาบ้านของหลายประเทศ
ในแถบอาเซียน ไล่ลงมาตั้งแต่กัมพูชา เวียตนาม ลาว ไทย ทริปนี้เหมาะสำหรับทั้งผู้มีเวลาน้อย และมีเวลาเหลือจนไม่รู้จะทำอะไร
เพราะเป้าหมายปลายทางของผู้คนส่วนใหญ่ที่มาเวียตนามใต้มักจะมุ่งไปที่ ดาลัท มุย เน่ และมหานครโฮจิมินห์
สำหรับ เมืองที่ผมจะมารีวิวนี้ชื่อว่า "เกิ่งเทอ" (Caon tho) ที่ซึ่งเปรียบเสมือนเชียงคานของบ้านเขา
เพราะสิ่งที่น่าสนใจของที่นี่ คือวิถีชีวิตคน แม่น้ำ และความไม่พุกผล่านของผู้คน
ไม่เเปลกถ้ากระทู้นี้จะบอกทุกท่านว่า มาเมืองนี้ไม่มีเสียงแตร
นับจากก้าวลงจากเครื่องบิน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต ใครที่ต้องการเเลกเงิน หรือซื้อซิมโทรศัพท์ ก็สามารถทำได้ที่นี่เลย
ส่วนเรื่องเรตราคา คงเป็นเหมือนที่กระทู้ส่วนใหญ่พูดถึงคือ ไปแลกกับร้านทองที่ตลาด เบน ถัน จะได้เรตดีกว่า
หรือจะให้ดีควรมีเเบงค์เล็กติดตัวไปจากเมืองไทย เพื่อใช้ในการขึ้นรถประจำทาง
หากใครมีเป้าหมายอยู่ที่ ถนนฟาม งูหลาว ก็ให้โดดขึ้นรถเมล์ สาย 152 หรือ 109 ซึ่งเป็นที่นิยมของบรรดานักท่องเที่ยวได้เลย
แต่สำหรับผม เลือกบินไฟล์ทเช้า เพื่อต้องการดิ่งไปที่สถานีขนส่งสายใต้ เพื่อต่อรถไปยัง "เกิ่ง เทอ" ทันที
โดยที่สามารถขึ้นรถเมล์สีเหลือง สาย 119 จากหน้าสนามบินเพื่อ โดยให้เดินออกมาที่บริเวณด้านหน้าที่มีผู้คนมายืนรอมากมาย
ใช่ครับ ถ้าเดินออกมาเเล้วคุณพบมวลชนมหาศาลตั้งแถวให้การต้อนรับคุณอยู่แปลว่าคุณมาถูกทางแล้ว
ตอนที่เดินออกมาจากประตูหลักของสนามบิน ผมรู้สึกราวกับกลายร่างศิลปินดังที่มีคนมารอรับมากมาย
แม้สุดท้ายจะแค่หลอกตัวเอง
รถประจำทางของที่นี่จะเก็บเงินคุณบนรถ ย้ำว่าให้ไปจ่ายบนรถเท่านั้น เขาจะเเบ่งเป็นระยะสั้นกว่า 5 กม.
กับระยะไกลกว่านั้น เราก็จ่ายกันไป เพราะปลายทาง สถานีขนส่งสายใต้ (Mien Tay Bus Station) นั้นอยู่สุดสาย
รถเมล์สาย 119 ราว 30 - 40 นาทีขึ้นอยู่ที่ว่าการจราจรบนถนนช่วงนั้นของโฮจิมินห์จะอยู่ในภาวะ
วิกฤต หรือ
โคตะระวิกฤต ไม่มีอย่างอื่นให้เลือก มีเพียงสองทาง แต่ระหว่างทางคุณจะเจอะเจอกับ ความสมดุลของต้นไม้
ผู้คน กลุ่มควัน และเเตรรถ เสียดหูราวกับอยู่ในปาร์ตี้อีดีเอ็มที่ดีเจมิกซ์แต่เสียงเเหลม
หลังจากมาถึงสถานีขนส่งเเล้ว หากว่าไม่รีบร้อนลองเดินดูให้ทั่ว จะเจอว่า รถที่จะสามารถต่อไปยัง "เกิ่ง เทอ" ได้นั้น
มีหลายต่อหลายบริษัท รวมถึงรถที่ต่อไปยัง ดาลัท มุยเน่ด้วย เรทราคาก็ต่างกันออกไป แต่จากที่ผมสำรวจมานั้น
ราคาแตกต่างกันสูงสุดไม่เกิน 30,000 VND ดังนั้นหากแนะนำได้ก็คงเหมือนทุกท่านที่แนะนำให้ใช้บริการของ futa bus
หรือนครชัยแอร์ บ้านเขานั่นเเหละครับ (ภาษาเวียดนามเรียก Phương Trang ) เหตุผลเพราะสะดวก มีที่จอดรถส่วนตัว
มีรถตู้ส่งท่านจากสถานีไปยังที่พักโดยไม่มีการชาร์จค่าบริการเพิ่ม
หลังจากขึ้นรถจะพบบริกรหนุ่มบ้างสาวบ้าง มาแนะนำเรื่องความปลอดภัย ในจุดนี้ผมชื่นชมผู้ให้บริการมาก
แต่จะดีกว่านี้ ถ้าพนักงานจะเข้าใจเป็นภาษาอังกฤษด้วย เพราะจากที่เราได้ยินก็ไม่อาจถึงตรงนี้จะบอกว่า ถ้าเลือกได้
(และคุณเลือก) ควรเลือกที่นอนเเถวริม A หรือ C ของเตียงบน เหตุผลเพราะตีนของคุณจะเป็นเจ้าเเรกที่ถูกแอร์เป่าไปด้านหลัง
นั่นหมายความว่า จมูกของคุณจะเบิกบานกว่าชาวบ้านแน่ แต่หากเลือกไม่ได้ กรณีนี้ขออย่าไปตกที่นั่งหลังสุด
โดยเฉพาะระหว่างเบาะของทั้งสามแถว เพราะนอกจากนอนลำบากแล้วชีวิตของคุณจะอยู่ยากขึ้นเป็นกอง
นครชัยแอร์ แห่งโฉจิมินห์ ใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง จะพาเรามาจอดที่ท่ารถส่วนตัวของ futa บัส จากนั้นเราก็สามารถโดยสารรถตู้
ของบริษัทกระจายไปตามที่พักได้ ใครที่ไม่ได้จองที่พักไว้ ให้ไปลงย่านตลาดกลางคืน หรือบริเวณริมเเม่น้ำ เอาเป็นว่าจะริมซ้ายริมขวา
ริมไหนก็ได้ขอซักริม แล้วเดินเลาะดูที่พักที่น่าสนใจ ใช้เวลาเลือกได้ตามสบายเพราะมีมากเหลือเกิน ที่สำคัญในยามค่ำคืน
ย่านนี้จะเป็นที่นิยมของหนุ่มสาวชาว เกิ่ง เทอ ที่จะพากันออกมาเฉิดฉายเอาเป็นว่าถ้าจะจองที่พัก อย่าเลือกที่มันไกลจากแม่น้ำนัก
เหตุผลหลักก็คือ เพราะตอนเดินคุณจะเหนื่อย
สำหรับวันแรกผมมาทันตลาดเย็นพอดี เลยใช้เวลาไปกับการเดินเล่น เดิน เดิน เดินเหมือนคนบ้า แต่ว่ายามเย็นริมแม่น้ำที่ไหนก็ได้
ในโลกนี้นี่มันดีจริง ๆ นะครับ เหมาะกับการบริหารสายตา และปล่อยใจให้คิดเรื่องที่เป็ฯไปได้ เป็นไปไม่ได้ในชีวิต
(รูปมารัว ๆ)
และสถานที่ท่องเที่ยวหลักของเมือง เกิ่งเทอ ถ้าจะเอาที่นิยม คงเป็นการนั่งเรือ (ทั้งเช้า / เย็น) ชมสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง
สัมผัสวิถีตลาดน้ำ กับเยี่ยมชมหมู่บ้านต่าง ๆ จะบอกว่าหากไปเที่ยวคนเดียว คุณไม่จำเป็นต้องเหมาลำเรือจากโรงเเรม ให้ใช้วิธีไปเดินเตร่
เฉี่ยวไปโฉบมาริมแม่น้ำ เพราะคนขับเรือจะมาสอบถาม เสนอราคาให้คุณในแบบที่ถูกกว่าโรงแรมแน่นอน แต่ถ้าอยากได้ความรู้สึกหวาดเสียว
และเปรี้ยวหัวใจเพิ่ม แนะนำให้ มองหาสาวเวียตนามที่เดินเล่นอยู่คนเดียวแล้ว ทำหน้าด้าน ๆ เข้าไว้ ไปคุยกับเธอ
หลังจากนั้นบรรยากาศเย็น ๆ กับสายน้ำจะพัดคุณไปตกที่เรือลำใดสักลำเเล้วคุณจะมีเพื่อนหารค่าทริปในตอนรุ่งเช้าวันถัดไปเอง
เวลาดีและมีเวลาเดียวที่คุณจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งคนขับเรือจะนัดหมายคุณคือ ประมาณตีห้า และราคาที่สมเหตุสมผลคือ
250,000 VND - 300,000 VND พอคุณแหกขี้ตาตื่นมางัวเงียก็ให้ไปพบคนขับเรือที่นัดไว้ และจุดนัดหมายที่นัดส่วนใหญ่จะเป็น
บริเวณรอบอนุเสาวรีย์ลุงโฮ ถึงตรงนี้ผมมีคำแนะนำสองอย่าง คือ หนึ่งเรือเล็กที่สามารถโดยสารได้แค่สองคนต่อลำ ให้ความรู้สึก
ดีกว่าเรือใหญ่ที่ติดเครื่องยนตร์ซึ่งนั่งได้หลายสิบคน และสองการนัดหมายตกลงกับคนเรือไม่ต้องจ่ายมัดจำหรือจ่ายก่อนล่วงหน้า
เพราะคนขับอาชีพจะเก็บเงินเมื่อส่งเราขึ้นฝั่งแล้วเท่านั้น และการนัดหมายก็อย่าไปใช้นิสัยไทยเท นัดต้องเป็นนัด เพราะคนขับเรือ
จะมีช่วงไฟม์ไทม์ที่หากินได้ดีคือตอนเช้าเวลาที่เหลือก็ตามแต่จะหาได้
ตั้งแต่หัวรุ่งคนเรือจะพาเราตะลอนไปหลายไมล์ทะเล จนสงสัยว่านี่เขาจะพาเราไปดูผีเสื้อสมุทรรึเปล่าวะ นั่งผึ่งลมไปซักพัก
เราจะมาเจอกับตลาดน้ำ แต่ตลาดน้ำของที่นี่คือตลาดที่ซื้อขายกันบนผิวน้ำจริง ๆ (ไม่เหมือนตลาดน้ำจัดตั้งแบบเรา)
แล้วคนเรือก็อาศัยบนเรือจริง ๆ ขายทุกสิ่งที่ขายได้โดยมีวิธีสังเกตุง่าย ๆ ว่าเรือลำนั้นขายอะไรคือ ให้ดูที่ยอดเสาของเรือ
เขาจะปักสินค้าเอาไว้ ให้อารมณ์เหมือนสินค้าตัวอย่าง (ไม่เข้าใจให้ดูภาพประกอบ)
จากตลาดน้ำเรือจะพาเราไปเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งก็เหมือนทัวร์ทั่วไป พาเราเเวะร้านนั้นร้านนี้ที่พวกเขามีเอี่ยวคอมมิสชั่นด้วย
ทั้ง บ้านทำเส้นก๋วยเตี๋ยว ร้านทำเครืองมือดักปลา สวผลไม้ และอีกมากมายตามแต่ที่ลำน้ำจะพาไป หากเราสบายใจจะจ่าย
ก็จ่าย หากไม่ใคร่จะซื้ออะไรแค่ลงไปเยี่ยมชมเหมือนผมก็ทำได้ครับ
เรือจะใช้เวลาครึ่งวัน จากหัวรุ่งเเสนโรแมนติก ไปจบทริปราวสิบเอ็ดโมงตรง แน่นอนว่าสิ่งที่คุณต้องเตรียม คืออะไรก็ได้ที่กันแดดเปรี้ยง
กลางแม่น้ำได้ ไม่เช่นนั้นสภาพหลังจากล่องเรือจบแล้วล่ะก็ท่านจะกลายเป็นกุ้งเเม้น้ำอยุธยาเหมือนกระผม
สุดท้ายแล้ว หากใครมีเวลาน้อยอยากอยู่นิ่ง ๆ โง่ ๆ (จริง ๆ อยู่ไหนก็โง่ได้) มาที่นี่ก็ไม่น่าผิดหวังอะไร
มันคือสถานที่ที่มีอะไรในความไม่มีอะไรอย่างแท้จริง ไม่มีเสียงแตรวุ่นวาย ร้านค้าขายก็ไม่ต่างจากบ้านเรา
เหมือนเราหยุดทุกสิ่งหลังจากเหนื่อยกับการทำงานแล้วทิ้งตัวลงบนที่นอนด้วยสภาวะไม่อยากหลับ
แล้วคุณจะพบว่า เกิ่งเทอ
คืออีกหนึ่งความงดงามตามเส้นทางที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน
ตอนหน้าจะมารีวิว ไซ่ง่อน หรือ มหานครโฮจิมินห์แบบสั้น ๆ ให้ได้ติดตามกันนะครับ
สวัสดีครับ
[CR] เวียดนามใต้ที่ไม่มีเสียงแตร และวิถีตลาดน้ำกับเมืองชื่ออ่านยาก "เกิ่งเทอ" (Can tho)
ในแถบอาเซียน ไล่ลงมาตั้งแต่กัมพูชา เวียตนาม ลาว ไทย ทริปนี้เหมาะสำหรับทั้งผู้มีเวลาน้อย และมีเวลาเหลือจนไม่รู้จะทำอะไร
เพราะเป้าหมายปลายทางของผู้คนส่วนใหญ่ที่มาเวียตนามใต้มักจะมุ่งไปที่ ดาลัท มุย เน่ และมหานครโฮจิมินห์
สำหรับ เมืองที่ผมจะมารีวิวนี้ชื่อว่า "เกิ่งเทอ" (Caon tho) ที่ซึ่งเปรียบเสมือนเชียงคานของบ้านเขา
เพราะสิ่งที่น่าสนใจของที่นี่ คือวิถีชีวิตคน แม่น้ำ และความไม่พุกผล่านของผู้คน
ไม่เเปลกถ้ากระทู้นี้จะบอกทุกท่านว่า มาเมืองนี้ไม่มีเสียงแตร
นับจากก้าวลงจากเครื่องบิน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต ใครที่ต้องการเเลกเงิน หรือซื้อซิมโทรศัพท์ ก็สามารถทำได้ที่นี่เลย
ส่วนเรื่องเรตราคา คงเป็นเหมือนที่กระทู้ส่วนใหญ่พูดถึงคือ ไปแลกกับร้านทองที่ตลาด เบน ถัน จะได้เรตดีกว่า
หรือจะให้ดีควรมีเเบงค์เล็กติดตัวไปจากเมืองไทย เพื่อใช้ในการขึ้นรถประจำทาง
หากใครมีเป้าหมายอยู่ที่ ถนนฟาม งูหลาว ก็ให้โดดขึ้นรถเมล์ สาย 152 หรือ 109 ซึ่งเป็นที่นิยมของบรรดานักท่องเที่ยวได้เลย
แต่สำหรับผม เลือกบินไฟล์ทเช้า เพื่อต้องการดิ่งไปที่สถานีขนส่งสายใต้ เพื่อต่อรถไปยัง "เกิ่ง เทอ" ทันที
โดยที่สามารถขึ้นรถเมล์สีเหลือง สาย 119 จากหน้าสนามบินเพื่อ โดยให้เดินออกมาที่บริเวณด้านหน้าที่มีผู้คนมายืนรอมากมาย
ใช่ครับ ถ้าเดินออกมาเเล้วคุณพบมวลชนมหาศาลตั้งแถวให้การต้อนรับคุณอยู่แปลว่าคุณมาถูกทางแล้ว
ตอนที่เดินออกมาจากประตูหลักของสนามบิน ผมรู้สึกราวกับกลายร่างศิลปินดังที่มีคนมารอรับมากมาย
แม้สุดท้ายจะแค่หลอกตัวเอง
รถประจำทางของที่นี่จะเก็บเงินคุณบนรถ ย้ำว่าให้ไปจ่ายบนรถเท่านั้น เขาจะเเบ่งเป็นระยะสั้นกว่า 5 กม.
กับระยะไกลกว่านั้น เราก็จ่ายกันไป เพราะปลายทาง สถานีขนส่งสายใต้ (Mien Tay Bus Station) นั้นอยู่สุดสาย
รถเมล์สาย 119 ราว 30 - 40 นาทีขึ้นอยู่ที่ว่าการจราจรบนถนนช่วงนั้นของโฮจิมินห์จะอยู่ในภาวะ วิกฤต หรือ
โคตะระวิกฤต ไม่มีอย่างอื่นให้เลือก มีเพียงสองทาง แต่ระหว่างทางคุณจะเจอะเจอกับ ความสมดุลของต้นไม้
ผู้คน กลุ่มควัน และเเตรรถ เสียดหูราวกับอยู่ในปาร์ตี้อีดีเอ็มที่ดีเจมิกซ์แต่เสียงเเหลม
หลังจากมาถึงสถานีขนส่งเเล้ว หากว่าไม่รีบร้อนลองเดินดูให้ทั่ว จะเจอว่า รถที่จะสามารถต่อไปยัง "เกิ่ง เทอ" ได้นั้น
มีหลายต่อหลายบริษัท รวมถึงรถที่ต่อไปยัง ดาลัท มุยเน่ด้วย เรทราคาก็ต่างกันออกไป แต่จากที่ผมสำรวจมานั้น
ราคาแตกต่างกันสูงสุดไม่เกิน 30,000 VND ดังนั้นหากแนะนำได้ก็คงเหมือนทุกท่านที่แนะนำให้ใช้บริการของ futa bus
หรือนครชัยแอร์ บ้านเขานั่นเเหละครับ (ภาษาเวียดนามเรียก Phương Trang ) เหตุผลเพราะสะดวก มีที่จอดรถส่วนตัว
มีรถตู้ส่งท่านจากสถานีไปยังที่พักโดยไม่มีการชาร์จค่าบริการเพิ่ม
หลังจากขึ้นรถจะพบบริกรหนุ่มบ้างสาวบ้าง มาแนะนำเรื่องความปลอดภัย ในจุดนี้ผมชื่นชมผู้ให้บริการมาก
แต่จะดีกว่านี้ ถ้าพนักงานจะเข้าใจเป็นภาษาอังกฤษด้วย เพราะจากที่เราได้ยินก็ไม่อาจถึงตรงนี้จะบอกว่า ถ้าเลือกได้
(และคุณเลือก) ควรเลือกที่นอนเเถวริม A หรือ C ของเตียงบน เหตุผลเพราะตีนของคุณจะเป็นเจ้าเเรกที่ถูกแอร์เป่าไปด้านหลัง
นั่นหมายความว่า จมูกของคุณจะเบิกบานกว่าชาวบ้านแน่ แต่หากเลือกไม่ได้ กรณีนี้ขออย่าไปตกที่นั่งหลังสุด
โดยเฉพาะระหว่างเบาะของทั้งสามแถว เพราะนอกจากนอนลำบากแล้วชีวิตของคุณจะอยู่ยากขึ้นเป็นกอง
นครชัยแอร์ แห่งโฉจิมินห์ ใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง จะพาเรามาจอดที่ท่ารถส่วนตัวของ futa บัส จากนั้นเราก็สามารถโดยสารรถตู้
ของบริษัทกระจายไปตามที่พักได้ ใครที่ไม่ได้จองที่พักไว้ ให้ไปลงย่านตลาดกลางคืน หรือบริเวณริมเเม่น้ำ เอาเป็นว่าจะริมซ้ายริมขวา
ริมไหนก็ได้ขอซักริม แล้วเดินเลาะดูที่พักที่น่าสนใจ ใช้เวลาเลือกได้ตามสบายเพราะมีมากเหลือเกิน ที่สำคัญในยามค่ำคืน
ย่านนี้จะเป็นที่นิยมของหนุ่มสาวชาว เกิ่ง เทอ ที่จะพากันออกมาเฉิดฉายเอาเป็นว่าถ้าจะจองที่พัก อย่าเลือกที่มันไกลจากแม่น้ำนัก
เหตุผลหลักก็คือ เพราะตอนเดินคุณจะเหนื่อย
สำหรับวันแรกผมมาทันตลาดเย็นพอดี เลยใช้เวลาไปกับการเดินเล่น เดิน เดิน เดินเหมือนคนบ้า แต่ว่ายามเย็นริมแม่น้ำที่ไหนก็ได้
ในโลกนี้นี่มันดีจริง ๆ นะครับ เหมาะกับการบริหารสายตา และปล่อยใจให้คิดเรื่องที่เป็ฯไปได้ เป็นไปไม่ได้ในชีวิต
(รูปมารัว ๆ)
และสถานที่ท่องเที่ยวหลักของเมือง เกิ่งเทอ ถ้าจะเอาที่นิยม คงเป็นการนั่งเรือ (ทั้งเช้า / เย็น) ชมสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง
สัมผัสวิถีตลาดน้ำ กับเยี่ยมชมหมู่บ้านต่าง ๆ จะบอกว่าหากไปเที่ยวคนเดียว คุณไม่จำเป็นต้องเหมาลำเรือจากโรงเเรม ให้ใช้วิธีไปเดินเตร่
เฉี่ยวไปโฉบมาริมแม่น้ำ เพราะคนขับเรือจะมาสอบถาม เสนอราคาให้คุณในแบบที่ถูกกว่าโรงแรมแน่นอน แต่ถ้าอยากได้ความรู้สึกหวาดเสียว
และเปรี้ยวหัวใจเพิ่ม แนะนำให้ มองหาสาวเวียตนามที่เดินเล่นอยู่คนเดียวแล้ว ทำหน้าด้าน ๆ เข้าไว้ ไปคุยกับเธอ
หลังจากนั้นบรรยากาศเย็น ๆ กับสายน้ำจะพัดคุณไปตกที่เรือลำใดสักลำเเล้วคุณจะมีเพื่อนหารค่าทริปในตอนรุ่งเช้าวันถัดไปเอง
เวลาดีและมีเวลาเดียวที่คุณจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งคนขับเรือจะนัดหมายคุณคือ ประมาณตีห้า และราคาที่สมเหตุสมผลคือ
250,000 VND - 300,000 VND พอคุณแหกขี้ตาตื่นมางัวเงียก็ให้ไปพบคนขับเรือที่นัดไว้ และจุดนัดหมายที่นัดส่วนใหญ่จะเป็น
บริเวณรอบอนุเสาวรีย์ลุงโฮ ถึงตรงนี้ผมมีคำแนะนำสองอย่าง คือ หนึ่งเรือเล็กที่สามารถโดยสารได้แค่สองคนต่อลำ ให้ความรู้สึก
ดีกว่าเรือใหญ่ที่ติดเครื่องยนตร์ซึ่งนั่งได้หลายสิบคน และสองการนัดหมายตกลงกับคนเรือไม่ต้องจ่ายมัดจำหรือจ่ายก่อนล่วงหน้า
เพราะคนขับอาชีพจะเก็บเงินเมื่อส่งเราขึ้นฝั่งแล้วเท่านั้น และการนัดหมายก็อย่าไปใช้นิสัยไทยเท นัดต้องเป็นนัด เพราะคนขับเรือ
จะมีช่วงไฟม์ไทม์ที่หากินได้ดีคือตอนเช้าเวลาที่เหลือก็ตามแต่จะหาได้
ตั้งแต่หัวรุ่งคนเรือจะพาเราตะลอนไปหลายไมล์ทะเล จนสงสัยว่านี่เขาจะพาเราไปดูผีเสื้อสมุทรรึเปล่าวะ นั่งผึ่งลมไปซักพัก
เราจะมาเจอกับตลาดน้ำ แต่ตลาดน้ำของที่นี่คือตลาดที่ซื้อขายกันบนผิวน้ำจริง ๆ (ไม่เหมือนตลาดน้ำจัดตั้งแบบเรา)
แล้วคนเรือก็อาศัยบนเรือจริง ๆ ขายทุกสิ่งที่ขายได้โดยมีวิธีสังเกตุง่าย ๆ ว่าเรือลำนั้นขายอะไรคือ ให้ดูที่ยอดเสาของเรือ
เขาจะปักสินค้าเอาไว้ ให้อารมณ์เหมือนสินค้าตัวอย่าง (ไม่เข้าใจให้ดูภาพประกอบ)
จากตลาดน้ำเรือจะพาเราไปเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งก็เหมือนทัวร์ทั่วไป พาเราเเวะร้านนั้นร้านนี้ที่พวกเขามีเอี่ยวคอมมิสชั่นด้วย
ทั้ง บ้านทำเส้นก๋วยเตี๋ยว ร้านทำเครืองมือดักปลา สวผลไม้ และอีกมากมายตามแต่ที่ลำน้ำจะพาไป หากเราสบายใจจะจ่าย
ก็จ่าย หากไม่ใคร่จะซื้ออะไรแค่ลงไปเยี่ยมชมเหมือนผมก็ทำได้ครับ
เรือจะใช้เวลาครึ่งวัน จากหัวรุ่งเเสนโรแมนติก ไปจบทริปราวสิบเอ็ดโมงตรง แน่นอนว่าสิ่งที่คุณต้องเตรียม คืออะไรก็ได้ที่กันแดดเปรี้ยง
กลางแม่น้ำได้ ไม่เช่นนั้นสภาพหลังจากล่องเรือจบแล้วล่ะก็ท่านจะกลายเป็นกุ้งเเม้น้ำอยุธยาเหมือนกระผม
สุดท้ายแล้ว หากใครมีเวลาน้อยอยากอยู่นิ่ง ๆ โง่ ๆ (จริง ๆ อยู่ไหนก็โง่ได้) มาที่นี่ก็ไม่น่าผิดหวังอะไร
มันคือสถานที่ที่มีอะไรในความไม่มีอะไรอย่างแท้จริง ไม่มีเสียงแตรวุ่นวาย ร้านค้าขายก็ไม่ต่างจากบ้านเรา
เหมือนเราหยุดทุกสิ่งหลังจากเหนื่อยกับการทำงานแล้วทิ้งตัวลงบนที่นอนด้วยสภาวะไม่อยากหลับ
แล้วคุณจะพบว่า เกิ่งเทอ
คืออีกหนึ่งความงดงามตามเส้นทางที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน
ตอนหน้าจะมารีวิว ไซ่ง่อน หรือ มหานครโฮจิมินห์แบบสั้น ๆ ให้ได้ติดตามกันนะครับ
สวัสดีครับ