แตกประเด็น บทสนทนาของ "สองสาวน้อย" เรื่องราวปรัชญาชีวิตจากนวนิยายเรื่อง "เด็กเก็บว่าว" ....... โดย หล่ออมไข้

กระทู้คำถาม
แตกประเด็นจากกระทู้  https://ppantip.com/topic/37309163

คุณป้าหนูด่า   เริ่มเปิดฉากจาก คห.14


คุณครูเคียงเดือน  เข้ามาร่วมฉากใน คห.16



แล้วสองสาวน้อยก็สนทนาพาทีหนุงหนิงกันไป  
แบบขวัญผู้ด้อยอาวุโสแต่สูงด้วยฟามหล่อได้แต่อิจฉา  แถมอมไข้  เลยได้แต่นอนชม  จนหลับไป

ถึงตอนนี้   มีอะไรที่อยากแตกประเด็นบทสนทนาของ "สองสาวน้อย"
เกี่ยวกับปรัชญาชีวิตจากเรื่อง "เด็กเก็บว่าว" แบบหาเรื่องสักนิดครับ

แน่นอน  เป้าก็คงต้องพุ่งไปที่ "เทพบุตรในดวงใจ" ของใครหลาย ๆ คนครับ
อมยิ้ม01



อย่างที่คุณครูเคียงเดือนบอกไว้ใน คห.16  ว่า

"ความขลาด ส่งผลให้อาเมียร์มีประสบการณ์ที่เจ็บปวดจนชีวิตไร้สุข
  ความขลาด ทำให้อาเมียร์แก้ไขปัญหาเพียงให้ตัวเองพ้นความเจ็บปวดด้วยการ โกหก...
  บาปจากความขลาดและการโกหก ทำให้อาเมียร์จมอยู่ในความทุกข์ต่อมาอีกนับสิบปี
  การรู้ "ความจริง" ทำให้ชิวิตอาเมียร์เจ็บปวดมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
  แต่เมื่อยอมรับความจริง ก็ทำให้อาเมียร์หาทางแก้ไข เพื่อ "ล้างบาป" ของตัวเองได้สำเร็จ"


และอย่างที่คุณป้าหนูด่า  บอกไว้ใน คห.17-2  ว่า

"การที่คนเราเริ่มต้นโกหก เมื่อเริ่มไปแล้ว มันหยุดไม่ได้ แม้เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้น ก็ยอมรับไม่ได้ว่าเป็นเพราะเราโกหก"





"เด็กเก็บว่าว"  เป็นเรื่องปรัชญาชีวิตที่ทำให้รู้ว่า  เมื่อเริ่มต้นด้วยการโกหก  คุณก็ต้องโกหกไปตลอด และโกหกมากขึ้น
การโกหกไม่ใช่ทางออก ไม่ใช่การแก้ไขปัญหา  แต่คือการสร้างความเสียหายให้มากขึ้น ๆ

พ่อของฮาเวียร์  โกหกว่าฮะซัน คือลูกของคนรับใช้  ทั้งที่ความจริงคือลูกของพ่อฮาเวียร์เองที่เกิดกับคนรับใช้

ฮาเวียร์  โกหกแบบถึงขั้นทำลายชีวิตของฮะซันเพื่อให้ตัวเองพ้นจากความเจ็บปวดที่เกิดจากความขลาดของตัวเอง

แต่สุดท้าย   เมื่อฮาเวียร์กล้ายอมรับความจริง  แม้ความจริงจะทำให้ฮาเวียร์เจ็บปวดยิ่ง
ฮาเวียร์ก็มีโอกาสแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดจากการโกหกได้

ปรัชญาอีกด้านก็คือ  
ความจริง จะนำพาชีวิตไปสู่ความถูกต้อง  สมานบาดแผลชีวิตให้ดีชึ้นได้  เยียวยาบาดแผลในใจให้เบาบางลงได้



การโกหก  สร้างปัญหา  นำชีวิตเข้าสู่ปัญหา  เกิดความเสียหาย
เพื่อปิดบังความจริง  เพื่อกลบเกลื่อนความเสียหาย  ก็ยิ่งต้องโกหกมากขึ้น  
(แบบสี่ร้อยล้าน แบบไอ้หมวยอินดี้ก็โดนสาดโครมด้วยข้อหาหลายข้อหา ทั้งที่เป็นเรื่องที่มีพยานรู้เห็นว่าความจริงคืออะไรนั่นแหละครับ)


มีใครไหม  ที่จะกล้าเป็น "ฮาเวียร์ราชดำเนิน"
ที่ยอมรับว่าตัวเองโกหก  ที่กล้ายอมรับความจริง  เพื่อแก้ไขให้ทุกอย่างถูกต้อง และจบปัญหา

ยังไม่เห็นครับ

เห็นแต่โกหกมากขึ้น   เห็นแต่การ  Ignore  ความจริง  
สร้างตรรกะเห่ย ๆ  มารองรับการโกหกเพื่อสร้างความรู้สึกถูกต้องเทียม ๆ ให้พวกตัวเอง



แล้วสุดท้าย  จะไปถึงจุดไหน ?

คงไม่ต้องสาธยาย   เพราะเมื่อเริ่มด้วยการโกหก  ทุกอย่างย่อมดำรงอยู่และดำเนินไปด้วยการโกหก
แม้จะเกิดความขัดแย้ง  แม้ไม่เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง

แต่ใครล่ะ  จะฝืนความรู้สึกว่าเรากำลังโกหกตัวเองและคนอื่นอยู่ได้ตลอดไป
ยกเว้น   สำนึกผิดชอบชั่วดีไม่มีในตัวตน



บางคนนั้น   ดำรงอยู่ได้ด้วยสัญชาตญาณการโกหก   จนหลงนึกว่าการโกหกนั้นคือความจริง
โกหกมาก  จนพูดความจริงไม่เป็น   จนเห็นว่าการโกหกคือความฉลาดที่ทำให้ตัวเองเหนือกว่าคนอื่น

เป็นอาชญากรรม และอาชญากรโดยธรรมชาติ

แต่อย่างที่ลินคอล์น บอกไว้นั่นแหละครับ ว่า


สักวันจุดจบของการโกหกก็จะมาถึง

หนทางชีวิตจะแคบลง ๆ   เพราะไม่มีใครโกหกได้ทุกที่ ทุกเรื่อง ทุกสถานการณ์ ทุกเรื่องราว
เมื่อโดนจับโกหกได้จากที่หนึ่ง  ก็จะจรไปโกหกอีกที่หนึ่ง  เส้นทางการโกหกจะแคบลง ๆ


ในทางการแพทย์นั้น  อาการอย่างนี้  ถือว่าเป็นโรคชนิดหนึ่ง
เป็นอาการ "ป่วย" ทางจิตที่คนไข้ไม่รู้สึกตัว

ในทางสังคม  ถือว่าเป็นภัย   แต่คนโกหกจะไม่รู้ว่าตัวเองคือภัยอันตรายที่สร้างความเสียหายให้แก่สังคม




พบแพทย์   ขัดเกลาจิตใจซะใหม่
กล้าหาญที่จะยอมรับความจริง   ทิ้งความขลาดที่สะสมในใจให้หมด

ชีวิตจะพ้นเงามืดแห่งการโกหก

เหมือนชีวิตฮาเวียร์  ที่ทนทุกทรมานนานหลายสิบปีเพราะการโกหกและความขลาด
แต่เมื่อเขากล้ายอมรับความจริง  เขาก็แก้ไขความผิดพลาดในชีวิตได้   




จะผิดพลาดตลอดไป   จะขี้ขลาดตลอดไป   หรือจะกล้าหาญทำในสิ่งที่ถูกต้อง
เรื่องของเมิง  และพวกคุณ
OK




มือของคนโกหก



มือของคนหล่อ

อมยิ้ม16
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่