https://ppantip.com/topic/37306230
ประเด็นมันนิดเดียวครับ
คือ คนที่โดนด่าว่าโง่ ว่าโดนครอบ ว่าเพราะได้ประโยชน์ ว่าหวังประโยชน์น่ะ
เพราะไม่ยอมรับฟัง ไม่ยอมเชื่อ ไม่ยอมกล่าวโทษที่นาย ก. ปล้นร้านทองครับ
ไม่ใช่เพราะเห็นนาย ก. เป็นเพื่อนที่ดีที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องปล้น
การสร้างตรรกะหลวม ๆ ด้วยการอ้างคำว่าเพื่อนที่ดี ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องปล้นมารองรับ
โดยไม่ยอมใช้ข้อเท็จจริงในการสร้างตรรกะ ถือว่าไร้เหตุผลครับ
ตรรกะที่ดี ต้องมีเหตุผลรองรับที่ดี มีความสมเหตุสมผล
ไม่ใช่สักแต่ว่าสร้างตรรกะขึ้นมาอ้างเท่านั้น
เรื่องราว คือการปล้นร้านทอง ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่น
เมื่อมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ มีหลักฐานปรากฎให้เห็น สามารถประเมิน ประมวลได้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จ
แต่ยังไม่ยอมรับรู้ ไม่ยอมมองเห็น ไม่ยอมเชื่อ แถมปกป้อง
ไม่เรียกว่าโง่ ไม่เรียกว่าโดนครอบ ไม่ให้มองว่าน่าจะมีผลประโยชน์
จะให้เรียกว่าอะไรล่ะครับ
เหมือนอยู่ดี ๆ บอกว่า ร้องไห้อยากได้เงินคืน ทั้งที่อีกแค่สองสามวันก็ได้ผลตอบแทนหลักแสน
ขอแค่เงินต้นคืน ดอกเบี้ยหลักแสนไม่เอาแล้ว
น่าเชื่อเหรอครับ ?
แล้วพอมีภาพเชคเด้ง เด้งอย่างไม่ปกติด้วย
เพราะไม่ได้เด้งด้วยเหตุเงินในบัญชีไม่พอจ่าย แต่เด้งเพราะลายมือชื่อในเชคไม่ตรงกับลายมือชื่อที่ให้ไว้กับธนาคาร
แทนที่จะยอมรับ และเห็นว่า มีความไม่ปกติเกิดขึ้นจริง
กลับทำมองไม่เห็น
ไม่เรียกว่าโง่ ไม่เรียกว่าโดนครอบ ไม่เรียกว่าเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน
จะให้เรียกว่าอะไรครับ ?
คนเรา แยกแยะดีชั่วเป็นเรื่องสำคัญครับ
เหตุที่เป็นปัญหา ก็ต้องยอมรับ เพื่อจะได้แก้ไขถูก
ไม่ใช่ไม่ยอมรับ เบี่ยงไปคนละเรื่อง อ้างว่าคนเรามีดีมีชั่ว แล้วทำมองไม่เห็นเหตุ
มีแต่จะพังครับ ไม่ใช่ความรัก ความหวังดี ไม่ใช่การปกป้อง
แต่คือการจะพากันลงเหว ไม่ช้าก็เร็ว
ไม่เชื่อรอดูได้เลยครับ
ส่วนเรื่องเคยกินเคยใช้ อย่าไปแขวะใครเขาเลยครับ
เรื่องแบบนี้ สังคมเพื่อน สังคมปกติ เขาตำหนิคนทวงครับ ไม่ตำหนิคนโดนเลี้ยง
และที่สำคัญ แต่ละคน จะเรียกว่าโดนลากออกไปกินไปใช้ก็ได้ครับ
เพราะคนเลี้ยงอยากมีบารมี อยากมีคนแวดล้อม
แต่อาจมีบ้าง สำหรับคนที่ไปขอเขากินขอเขาใช้ แต่ไม่ใช่ประเด็นเลยครับ
เพราะคนเหล่านั้น ทุกวันนี้ไม่มีปัญหากับคนเลี้ยงครับ ยังรับใช้ทดแทนบุญคุณกันอยู่
ส่วนบางคน ผมว่าเขาได้น้อยกว่าที่ได้ครับ
เช่น บางคนโดนยืมเงินทีละห้าหกหมื่นแทบจะเรียกว่า ประจำ ๆ
ยืมแล้วคืน คืนแล้วยืม เหมือนเอาเงินเขาไปหมุนหาประโยชน์สบาย ๆ ไม่ต้องจ่ายดอก
รวม ๆ แล้วยอดเงินที่ยืม ๆ คืน ๆ นี่ ห้าหกแสนครับ หมุนไปหมุนมาสะดวกสบาย
ไม่คิดค่าเสี่ยเวลา ค่าแรง ค่าความรู้สึกที่ต้องตอบสนองคำขอ
แล้วพอถึงจุดหนึ่ง ก็เริ่มออกอาการคืนยาก คืนช้า นี่หลักแสนครับ
พอเจ้าของเงินเขาได้คืน เขาก็เลยตัดสินใจเลิกคบ ตัดปัญหาจุกจิกในชีวิต
เพราะมันหน้าที่อะไรล่ะ ที่เขาต้องคอยวิ่งโอนเงินให้ใครก็ไม่รู้ทีละห้าหกหมื่นจนถึงแสนเป็นประจำ ๆ
นี่แหละครับ ข้อมูลด้านเดียว มักทำให้เห็นเรื่องราวไม่หมด เห็นเพียงด้านที่เขาต้องการให้เห็นเท่านั้น
ใครจะคบใคร จะชอบใคร จะยังไง ทำไปเถอะครับ
แต่ต้องรู้จักแยกแยะว่า ปัญหา ความขัดแย้ง มันคืออะไร อยู่ตรงไหน ไม่ใช่อ้างดีอ้างเลวแบบรวบไปหมดโดยไม่แยกแยะ
คุณภูเขาทะเล ครับ ตรรกะที่ดีต้องมีเหตุผลครับ ไม่ใช่แค่คำเปรียบเปรยแบบไร้เหตุผล ไม่งั้นก็เป็นตรรกะพิการครับ
ประเด็นมันนิดเดียวครับ
คือ คนที่โดนด่าว่าโง่ ว่าโดนครอบ ว่าเพราะได้ประโยชน์ ว่าหวังประโยชน์น่ะ
เพราะไม่ยอมรับฟัง ไม่ยอมเชื่อ ไม่ยอมกล่าวโทษที่นาย ก. ปล้นร้านทองครับ
ไม่ใช่เพราะเห็นนาย ก. เป็นเพื่อนที่ดีที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องปล้น
การสร้างตรรกะหลวม ๆ ด้วยการอ้างคำว่าเพื่อนที่ดี ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องปล้นมารองรับ
โดยไม่ยอมใช้ข้อเท็จจริงในการสร้างตรรกะ ถือว่าไร้เหตุผลครับ
ตรรกะที่ดี ต้องมีเหตุผลรองรับที่ดี มีความสมเหตุสมผล
ไม่ใช่สักแต่ว่าสร้างตรรกะขึ้นมาอ้างเท่านั้น
เรื่องราว คือการปล้นร้านทอง ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่น
เมื่อมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ มีหลักฐานปรากฎให้เห็น สามารถประเมิน ประมวลได้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จ
แต่ยังไม่ยอมรับรู้ ไม่ยอมมองเห็น ไม่ยอมเชื่อ แถมปกป้อง
ไม่เรียกว่าโง่ ไม่เรียกว่าโดนครอบ ไม่ให้มองว่าน่าจะมีผลประโยชน์
จะให้เรียกว่าอะไรล่ะครับ
เหมือนอยู่ดี ๆ บอกว่า ร้องไห้อยากได้เงินคืน ทั้งที่อีกแค่สองสามวันก็ได้ผลตอบแทนหลักแสน
ขอแค่เงินต้นคืน ดอกเบี้ยหลักแสนไม่เอาแล้ว
น่าเชื่อเหรอครับ ?
แล้วพอมีภาพเชคเด้ง เด้งอย่างไม่ปกติด้วย
เพราะไม่ได้เด้งด้วยเหตุเงินในบัญชีไม่พอจ่าย แต่เด้งเพราะลายมือชื่อในเชคไม่ตรงกับลายมือชื่อที่ให้ไว้กับธนาคาร
แทนที่จะยอมรับ และเห็นว่า มีความไม่ปกติเกิดขึ้นจริง
กลับทำมองไม่เห็น
ไม่เรียกว่าโง่ ไม่เรียกว่าโดนครอบ ไม่เรียกว่าเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน
จะให้เรียกว่าอะไรครับ ?
คนเรา แยกแยะดีชั่วเป็นเรื่องสำคัญครับ
เหตุที่เป็นปัญหา ก็ต้องยอมรับ เพื่อจะได้แก้ไขถูก
ไม่ใช่ไม่ยอมรับ เบี่ยงไปคนละเรื่อง อ้างว่าคนเรามีดีมีชั่ว แล้วทำมองไม่เห็นเหตุ
มีแต่จะพังครับ ไม่ใช่ความรัก ความหวังดี ไม่ใช่การปกป้อง
แต่คือการจะพากันลงเหว ไม่ช้าก็เร็ว
ไม่เชื่อรอดูได้เลยครับ
ส่วนเรื่องเคยกินเคยใช้ อย่าไปแขวะใครเขาเลยครับ
เรื่องแบบนี้ สังคมเพื่อน สังคมปกติ เขาตำหนิคนทวงครับ ไม่ตำหนิคนโดนเลี้ยง
และที่สำคัญ แต่ละคน จะเรียกว่าโดนลากออกไปกินไปใช้ก็ได้ครับ
เพราะคนเลี้ยงอยากมีบารมี อยากมีคนแวดล้อม
แต่อาจมีบ้าง สำหรับคนที่ไปขอเขากินขอเขาใช้ แต่ไม่ใช่ประเด็นเลยครับ
เพราะคนเหล่านั้น ทุกวันนี้ไม่มีปัญหากับคนเลี้ยงครับ ยังรับใช้ทดแทนบุญคุณกันอยู่
ส่วนบางคน ผมว่าเขาได้น้อยกว่าที่ได้ครับ
เช่น บางคนโดนยืมเงินทีละห้าหกหมื่นแทบจะเรียกว่า ประจำ ๆ
ยืมแล้วคืน คืนแล้วยืม เหมือนเอาเงินเขาไปหมุนหาประโยชน์สบาย ๆ ไม่ต้องจ่ายดอก
รวม ๆ แล้วยอดเงินที่ยืม ๆ คืน ๆ นี่ ห้าหกแสนครับ หมุนไปหมุนมาสะดวกสบาย
ไม่คิดค่าเสี่ยเวลา ค่าแรง ค่าความรู้สึกที่ต้องตอบสนองคำขอ
แล้วพอถึงจุดหนึ่ง ก็เริ่มออกอาการคืนยาก คืนช้า นี่หลักแสนครับ
พอเจ้าของเงินเขาได้คืน เขาก็เลยตัดสินใจเลิกคบ ตัดปัญหาจุกจิกในชีวิต
เพราะมันหน้าที่อะไรล่ะ ที่เขาต้องคอยวิ่งโอนเงินให้ใครก็ไม่รู้ทีละห้าหกหมื่นจนถึงแสนเป็นประจำ ๆ
นี่แหละครับ ข้อมูลด้านเดียว มักทำให้เห็นเรื่องราวไม่หมด เห็นเพียงด้านที่เขาต้องการให้เห็นเท่านั้น
ใครจะคบใคร จะชอบใคร จะยังไง ทำไปเถอะครับ
แต่ต้องรู้จักแยกแยะว่า ปัญหา ความขัดแย้ง มันคืออะไร อยู่ตรงไหน ไม่ใช่อ้างดีอ้างเลวแบบรวบไปหมดโดยไม่แยกแยะ