มาต่อกันด้วยวันที่ 2 ของทริปนะคะ(31/12/2560) วันนี้ก็เป็นวันสิ้นปี 2560 แล้วด้วย วันนี้เริ่มต้นกันที่ หาดสอ สัตหีบ ในตอนเช้าเลย จิ๊บกับเพื่อนก็ตื่นกันประมาณ 9โมง มาเล่นน้ำที่หาดค่ะ จะบอกว่าน้ำใส่มากกกกกกกก ใสมากเว่อ ใส่จริงจังเลยค่ะ เราก็ลงเล่นน้ำกัน คนก็เริ่มเข้ามาเที่ยวกันแล้ว ส่วนใหญ่เขาก็จะปูเสื่อนั่งทานอาหารริมหาดกัน
สำหรับกิจกรรมที่หาดสอ ก็จะมีให้เช่าพายเรือคายัค เค้าคิดเป็นชั่วโมงค่ะ ชั่วโมงละ 150/คน หมายเหตุ::ห้ามทำพายหัก หรือหาย ไม่งั้นเสียอีก 1,000 บาท (รักษาไม้พายเท่าชีวิตค่ะ) เราก็ไปเช่าเรือคายัคกัน จะบอกว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของการพายเรือ ยากมาก วนอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับเลย 5555 มันตลกมากเลยนะคะ คนหน้าก็พายไปทาง คนหลังก็พายไปทาง โอ่ยยยยยย กว่าจะจับจุดได้ผ่านไปสักสิบห้านาที หัวเราะกันจนท้องแข็ง
เริ่มบังคับเรือได้เราก็พายไปไกลออกจากหาดนิดนึง (เขาจะมีเขตไม่ให้เราพายเกินนั้น เพราะมันเป็นร่องน้ำ ถ้าพายออกไป อาจจะโดนซัดไปที่อื่น จิ๊บและเพื่อนก็ไม่ไปเด็ดขาดค่ะ กลัวไม่ได้กลับบ้าน 555) พอพายไปได้สักระยะ จิ๊บก็ก้มดูน้ำทะเล โอ้ววววววววววววววววววว เชื่อมั้ยค่ะ มันเห็นยันทราย หิน ปลา ใต้ทะเล เห็นหมดเลย ทะเลใสเว่อออออ เราลองเอาไม้พายวัดความลึกของน้ำทะเลที่เราไปหยุดเรือมองใต้ทะเลกัน สุดไม่พายก็ไม่ถึงก้นทะเลค่ะ ขนาดลึกขนาดนั้นเรายังมองเห็นหมด แสดงว่าน้ำใสจริงจังเลย
เราพายกันไม่ครบชั่วโมงนะคะ เมื่อย 5555 พี่ทหารที่ดูแลเรือคายัคยังแซว พายไปทำไรกัน ไปแป๊บเดียวเอง เราตอบ “ไปถ่ายรูปค่ะ” แล้วเสียงหัวเราะก็ดังขึ้น 555555 นี่ตอบความจริง ขำกันทำไม?
หลังจากหมดแรงกันกับการเล่นน้ำ และพายเรือ เราก็ไปหาอะไรทานเพิ่มพลังกันค่ะ ที่นี่จะมีโซนร้านอาหาร มีขายทุกอย่างอาหารตามสั่ง ข้างต้ม กับข้าว ก๋วยเตี๋ยว ส้มตำ มาทะเลสิ่งที่เราจะพลาดไปไม่ได้คืออออออออออ ส้มตำ!!! 5555 ถือว่าส้มตำเนี่ยเป็นเมนูอาหารที่อยู่ในเกือบทุกมื้อเลยก็ว่าได้ (แทนที่จะเป็นอาหารทะเล)
อาหารที่นี่ใช้ได้ค่ะ น้ำปลาร้านัวมากเว่ออออ กินอิ่มก็แยกย้าย อาบน้ำ เก็บของ ที่นี่เราต้องเช็คเอ้า คืนห้อง ก่อน 11 โมง นะคะ พอ 11 โมงก็จะมีทหารมาเตือนๆว่า หมดเวลาแล้วนะครับ คืนกุญแจห้องด้วยครับ!!!
จากนั้นเราก็เดินทางมุ่งตรงไป จ.ระยอง โดยการนำทางของคุณ GPS เช่นเดิม การเดินทางใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. ระหว่างทางเราก็แวะทานก๋วยเตี๋ยวเรือค่ะ ไม่ได้เก็บรูปมาฝาก อร่อยค่ะ แต่คุยกับเด็กเสริฟไม่ค่อยรู้เรื่อง สั่งอย่าง ได้อีกอย่าง พอทวงว่าสั่งตับนะ เค้าก็บอกว่าตับหมด อ่อ...เข้าใจ แต่พอสั่งลวกจิ้มรวม ดันมีตับ เอิ่มมมมมมม....คืออะไรคะ แต่ก็ปล่อยผ่านค่ะ ถือว่าเราคุยกันไม่รู้เรื่องละกัน
มาถึงระยองสักที เราขึ้นเรือไปเกาะเสม็ดที่ ท่าเรือนวลทิพย์ ที่จิ๊บเลือกท่าเรือนวลทิพย์เพราะรีวิวในพันทิปนี่แหละค่ะ (ขอบคุณนะคะ) เขามีบริการฝากรถด้วยค่ะ แต่ไม่ได้ฝากตรงแถวนั้น คือออกไปจากท่าเรือไม่ไกลมาก เราขำอย่างคือ เขาจะบอกให้ผู้โดยสารทุกคน!!!! ลงตรงนี้เลยครับ!!! เหลือเฉพาะคนขับนะครับ!!!! ให้ขับตามมอไซต์คันนั้นไปนะครับ!!!!
เราในส่วนของการเป็นผู้โดยสารก็รอค่ะ ระหว่างรอก็พาเพื่อนผู้ลืมกระเป๋าเสื้อผ้าไปเลือกซื้อชุดค่ะ บริเวณก่อนถึงท่าเรือจะมีร้านขายของฝาก เสื้อผ้าเยอะ พอสมควรค่ะ นางก็จัดมา 2 ชุด
ระหว่างที่เรากำลังเพลินๆเลือกชุดกันอยู่ หางตาเราก็เหลือบมองไปเห็น ....................................................................
ภาพที่ คนขับรถของเรา นั้งรถมอไซต์พ่วงสามล้อ ซึ่งนางนั่งตรงพ่วงมาค่ะ ลมตีหน้ามาเชียว 55555 ตรงนี้เรียกเสียงหัวเราะได้เยอะมาก....
หลังจากที่มาครบกันแล้วเราก้ไปซื้อตั๋วค่ะ ค่าเรือ ไปกลับ คนละ 100 บาท (ตกรอบละ 50) ไม่แพงค่ะ ถูกมากกกก
แต่เราขึ้นเรือใหญ่นะ ถ้าสปีชโบ้ทก็จะแพงขึ้น แต่ไม่ได้ดูราคามาให้ เรือใหญ่ใช้เวลา 45 นาที ถ้าสปีชโบ้ทเหมือนจะ 20 นาที นะคะ แต่!!!!! ถึงมันจะเร็วกว่าจิ๊บก็ไม่ไปค่ะ เห็นที่เค้านั่งกัน กระแทกคลื่นกัน คิดแล้วไม่ไหว เมาแน่ๆ ขอไปแบบช้าๆดีกว่า
ตัดภาพมาที่หน้าด่านเลยดีกว่า พอมาถึงเราก็จะเห็นรูปปั้นนางยักษ์ผีเสื้อสมุทร อยู่ที่หน้าด่านเลย วันนี้คนเยอะมากค่ะ เพราะเป็นวันสิ้นปีด้วยแหละ สำหรับค่าผ่านด่านตรงนี้คนละ 20 บาท เดินทะลุด่านไปก็จะมีวงเวียนเล็กๆ เป็นรูปปั้นนางเงือก พระอภัยมณี ไรงี้ มองไปซ้ายมือก็จะเป็นเซเว่น ซึ่งคนเข้าเยอะมาก เรามาถึงที่นี่ ก็ 16.00 ละ ตามแพลนเราจะเช่ามอไซต์ กัน แต่ๆๆๆๆๆๆ เดินไปถามร้านเช่ามอไซต์ ร้านไหนก็บอกหมดๆๆๆๆๆๆ เดินจนแบบ..... ไม่ไหวละ เลยตัดใจถามคนแถวนั้น เค้าบอกว่าช่วงนี้ไม่มีให้เช่าแล้วแหละ คนมากันเยอะ แล้วตอนนี้ก็เริ่มเย็นละ ไม่มีเหลือแล้วละ ต้องนั่งรถสองแถวกันเอาละค่ะ โอเค!!! สองแถวก็สองแถวค่ะ
ที่นี่รถสองแถวเยอะมากค่ะ นางจะขับวนๆเรื่อยๆมั้ง เพราะจากที่สังเกต 5นาที ผ่านไปคัน อีก 5 นาที ก็จะมาอีกคัน เราก็รอโบกค่ะ เพื่อที่จะเข้าที่พักก่อน เราจองที่พักไว้ที่บ้านเคียงทะเล หาดแสงเทียน ซึ่งไกลจากหน้าด่าน 4 กม. แต่!!!!เราจะต้องเหมารถไป เพราะว่ามันไกล เค้าว่างั้น ไม่ใช่ทางผ่าน ไปอีกกก ค่ะเหมาก็เหมา ราคาเหมา รอบละ 300 บาท ก็แพงอยู่ค่ะ แต่ไม่มีทางเลือก ถือซะว่ากระจายรายได้ละกัน
สำหรับถนนที่นี่จะค่อนข้างแคบ แคบมากๆ แต่ก็พอสวนกันได้ ส่วนใหญ่จะเป็นเนิน (เพราะเราอยู่บนเกาะ ภูมิประเทศก็จะคล้ายๆภูเขา) รถที่นี่ขับกันไวมาก ทั้งรถยนต์ รถรับจ้าง รถชาวบ้าน มอไซต์ รถนักท่องเที่ยว รถสองแถวอีก ขับสวนกันได้ปราดเปรียวมาก (ไม่รู้จะใช้คำไหนดี) ก็มองหน้ากันละบอกว่า ดีละที่ไม่เช่ามอไซต์ อันตรายเว่อ
ที่หาดแสงเทียนจะเป็นหาดที่เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย เน้นทะเล คลื่น อะไร แนวๆนี้ พอถึงทางเข้ารีสอร์ท ก็จะอึ้งนิดๆ คือที่เราจะเข้าไปเนี่ยมันจะเป็นด้านหลังของรีสอร์ท รีสอร์ทจะหันหน้าเข้าทะเล ทางเข้าก็จะเป็นดินแดง ที่เหมือนผ่านหน้าฝนมา เป็นหลุม ไม่ค่อยเรียบ ตรงนี้รถไม่เข้าไปส่งนะคะ เดินค่ะเดินนนน ไม่ไกล แต่!!! เหมือนเดินป่านิดๆ ข้างหลังก็ไม่ค่อยสะอาดนะคะ มีขยะอะไรงี้ เยอะอยู่ แอบหวั่นๆว่า จะดีไหมเนี่ย แต่พอเดินเข้าเขตที่มันเป็นบ้านพัก เออ...ก็เริ่มดูดีหน่อย เราเดินไปจนสุดทางลงหาด ก็จะมีร้านอาหารของรีสอร์ท และเค้าเตอร์ติดต่อห้องพัก คือที่นี่ปกติเค้าคงนั่งเรือมาลงหน้ารีสอร์ทกันเลย ติดต่อห้องเรียบร้อย ห้องที่จิ๊บจอง ราคา 1,300 บาท มีอาหารเช้า แอร์ wifi ทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น และที่สำคัญ มีผ้าเช็ดตัว 5555 (ก็หาดสอ ไม่มีง่ะ) ห้องพักสะอาด สวยค่ะ ตอนแรกเค้าเคลมกับจิ๊บไว้ว่า เห็นวิวทะเลทุกห้อง แต่....ก็เห็นนะคะทะเล แต่จะมี สายไฟ ต้นไม้ บังๆหน่อย แต่ไม่เป็นไร ห้องสวย ให้อภัยค่ะ
เก็บของเสร็จเราก็ไปเล่นน้ำที่หน้ารีสอร์ท น้ำที่นี่ความใสไม่เท่าหาดสอค่ะ ให้กลางๆเนาะ วันนี้คลื่นสูงมากค่ะ เราแพลนจะดำดูปะการังกันในวันพรุ่งนี้ แต่เค้าบอกว่าถ้าคลื่นสูงแบบนี้ ไม่แนะนำให้ไป เพราะจะมองไม่เห็นปะการัง น้ำก็จะขุ่นๆด้วย โอเค!!!ไว้คราวหน้าละกันนะ ที่นี่เขามีเตียงผ้าใบให้เราเอามาปูเล่นที่ริมหาดได้เลย เราเริ่มหิวกัน เลยสั่งยำ กับอาหารกินเล่น มาทาน (อาหารที่นี่อร่อยมากค่ะ อร่อยจริงๆ)
ตกค่ำๆ เราอาบน้ำ แล้วเตรียมตัวไปที่หาดทรายแก้ว เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ นั่นก็คือการดูรำกระบองไฟ เตรียมตัวเรียบร้อย ก็ไปกันโลดดดด
ที่หาดทรายแก้วคนจะเยอะมากๆๆ ร้าน บาร์ ผับ มีให้เลือกหลายแนว แล้วแต่ชอบเลยค่ะ เรามาถึงประมาณ สองทุ่มกว่า มองหาไฟก่อน 55555 เหมาะเจาะมาก เราไปถึงเค้าก็กำลังจะเล่นไฟพอดี เลยเลือกที่จะดูไฟก่อนแล้วค่อยกินข้าว ไฟสวยสมกับที่ตามมาดู
หลังจาทำภารกิจสำเร็จเราก็หาร้านกินข้าว ที่นี่ร้านจะเรียงโต๊ะไว้ริมหาดเลย ได้บรรยากาศมากๆ แต่ราคาก็แพงตามบรรยากาศ การเลือกร้านครั้งนี้ไม่มีหลักการใดๆ เราเลือกนั่งร้านที่โต๊ะว่าง5555 เพราะคนเยอะมากเว่อ ว่างร้านไหนต้องรีบเดินเข้าไปอ่ะ
อาหารที่เราสั่งกันก็จะเป็น ต้มยำทะเล กุ้งแช่น้ำปลา ปลากระพงสามรส ผัดผักบุ้ง อาหารอร่อยทุกอย่าง ทานกันหมดเกลี้ยง (หรือเพราะหิว)
อิ่มท้องกันแล้วเราก็มองหาร้านนั่งชิว เพื่อที่จะเค้าดาวน์ ร้านคนเต็มเว่อ การหาร้านก็เลยต้องคงตรรกะเดิม ร้านไหนโต๊ะว่าง นั่งเลย เราได้นั่งที่ร้าน Friendly Bar ฝรั่งเยอะค่ะ เจ้าของร้านเทคแคร์ดีมาก พูดคุยทักทายยังกะรู้จักกันมานาน เราก็นั่งกันตรงนี้จนเค้าดาวน์
ที่เสม็ด....หลังจากนับถอยหลังเสร็จก็จะมีการจุดพุ เค้าจุดไล่กันมาทีละร้าน จนมาถึงร้านเรา.....
สักตี1เราก็นั่งสองแถวกลับที่พัก นอนค่ะ เตียงนุ่มมาก หลับสบายเว่อ.....
ยังไม่จบนะคะ มีต่อวันสุดท้าย5555 เขียนได้ยาวมาก ขอบคุณที่อ่านกันจนจบนะคะ ผิดพลาดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
[CR] เที่ยวทะเลสิ้นปี สัตหีบ เสม็ด พัทยา (วันที่2)
มาต่อกันด้วยวันที่ 2 ของทริปนะคะ(31/12/2560) วันนี้ก็เป็นวันสิ้นปี 2560 แล้วด้วย วันนี้เริ่มต้นกันที่ หาดสอ สัตหีบ ในตอนเช้าเลย จิ๊บกับเพื่อนก็ตื่นกันประมาณ 9โมง มาเล่นน้ำที่หาดค่ะ จะบอกว่าน้ำใส่มากกกกกกกก ใสมากเว่อ ใส่จริงจังเลยค่ะ เราก็ลงเล่นน้ำกัน คนก็เริ่มเข้ามาเที่ยวกันแล้ว ส่วนใหญ่เขาก็จะปูเสื่อนั่งทานอาหารริมหาดกัน
สำหรับกิจกรรมที่หาดสอ ก็จะมีให้เช่าพายเรือคายัค เค้าคิดเป็นชั่วโมงค่ะ ชั่วโมงละ 150/คน หมายเหตุ::ห้ามทำพายหัก หรือหาย ไม่งั้นเสียอีก 1,000 บาท (รักษาไม้พายเท่าชีวิตค่ะ) เราก็ไปเช่าเรือคายัคกัน จะบอกว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของการพายเรือ ยากมาก วนอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับเลย 5555 มันตลกมากเลยนะคะ คนหน้าก็พายไปทาง คนหลังก็พายไปทาง โอ่ยยยยยย กว่าจะจับจุดได้ผ่านไปสักสิบห้านาที หัวเราะกันจนท้องแข็ง
เริ่มบังคับเรือได้เราก็พายไปไกลออกจากหาดนิดนึง (เขาจะมีเขตไม่ให้เราพายเกินนั้น เพราะมันเป็นร่องน้ำ ถ้าพายออกไป อาจจะโดนซัดไปที่อื่น จิ๊บและเพื่อนก็ไม่ไปเด็ดขาดค่ะ กลัวไม่ได้กลับบ้าน 555) พอพายไปได้สักระยะ จิ๊บก็ก้มดูน้ำทะเล โอ้ววววววววววววววววววว เชื่อมั้ยค่ะ มันเห็นยันทราย หิน ปลา ใต้ทะเล เห็นหมดเลย ทะเลใสเว่อออออ เราลองเอาไม้พายวัดความลึกของน้ำทะเลที่เราไปหยุดเรือมองใต้ทะเลกัน สุดไม่พายก็ไม่ถึงก้นทะเลค่ะ ขนาดลึกขนาดนั้นเรายังมองเห็นหมด แสดงว่าน้ำใสจริงจังเลย
เราพายกันไม่ครบชั่วโมงนะคะ เมื่อย 5555 พี่ทหารที่ดูแลเรือคายัคยังแซว พายไปทำไรกัน ไปแป๊บเดียวเอง เราตอบ “ไปถ่ายรูปค่ะ” แล้วเสียงหัวเราะก็ดังขึ้น 555555 นี่ตอบความจริง ขำกันทำไม?
หลังจากหมดแรงกันกับการเล่นน้ำ และพายเรือ เราก็ไปหาอะไรทานเพิ่มพลังกันค่ะ ที่นี่จะมีโซนร้านอาหาร มีขายทุกอย่างอาหารตามสั่ง ข้างต้ม กับข้าว ก๋วยเตี๋ยว ส้มตำ มาทะเลสิ่งที่เราจะพลาดไปไม่ได้คืออออออออออ ส้มตำ!!! 5555 ถือว่าส้มตำเนี่ยเป็นเมนูอาหารที่อยู่ในเกือบทุกมื้อเลยก็ว่าได้ (แทนที่จะเป็นอาหารทะเล)
อาหารที่นี่ใช้ได้ค่ะ น้ำปลาร้านัวมากเว่ออออ กินอิ่มก็แยกย้าย อาบน้ำ เก็บของ ที่นี่เราต้องเช็คเอ้า คืนห้อง ก่อน 11 โมง นะคะ พอ 11 โมงก็จะมีทหารมาเตือนๆว่า หมดเวลาแล้วนะครับ คืนกุญแจห้องด้วยครับ!!!
จากนั้นเราก็เดินทางมุ่งตรงไป จ.ระยอง โดยการนำทางของคุณ GPS เช่นเดิม การเดินทางใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. ระหว่างทางเราก็แวะทานก๋วยเตี๋ยวเรือค่ะ ไม่ได้เก็บรูปมาฝาก อร่อยค่ะ แต่คุยกับเด็กเสริฟไม่ค่อยรู้เรื่อง สั่งอย่าง ได้อีกอย่าง พอทวงว่าสั่งตับนะ เค้าก็บอกว่าตับหมด อ่อ...เข้าใจ แต่พอสั่งลวกจิ้มรวม ดันมีตับ เอิ่มมมมมมม....คืออะไรคะ แต่ก็ปล่อยผ่านค่ะ ถือว่าเราคุยกันไม่รู้เรื่องละกัน
มาถึงระยองสักที เราขึ้นเรือไปเกาะเสม็ดที่ ท่าเรือนวลทิพย์ ที่จิ๊บเลือกท่าเรือนวลทิพย์เพราะรีวิวในพันทิปนี่แหละค่ะ (ขอบคุณนะคะ) เขามีบริการฝากรถด้วยค่ะ แต่ไม่ได้ฝากตรงแถวนั้น คือออกไปจากท่าเรือไม่ไกลมาก เราขำอย่างคือ เขาจะบอกให้ผู้โดยสารทุกคน!!!! ลงตรงนี้เลยครับ!!! เหลือเฉพาะคนขับนะครับ!!!! ให้ขับตามมอไซต์คันนั้นไปนะครับ!!!!
เราในส่วนของการเป็นผู้โดยสารก็รอค่ะ ระหว่างรอก็พาเพื่อนผู้ลืมกระเป๋าเสื้อผ้าไปเลือกซื้อชุดค่ะ บริเวณก่อนถึงท่าเรือจะมีร้านขายของฝาก เสื้อผ้าเยอะ พอสมควรค่ะ นางก็จัดมา 2 ชุด
ระหว่างที่เรากำลังเพลินๆเลือกชุดกันอยู่ หางตาเราก็เหลือบมองไปเห็น ....................................................................
ภาพที่ คนขับรถของเรา นั้งรถมอไซต์พ่วงสามล้อ ซึ่งนางนั่งตรงพ่วงมาค่ะ ลมตีหน้ามาเชียว 55555 ตรงนี้เรียกเสียงหัวเราะได้เยอะมาก....
หลังจากที่มาครบกันแล้วเราก้ไปซื้อตั๋วค่ะ ค่าเรือ ไปกลับ คนละ 100 บาท (ตกรอบละ 50) ไม่แพงค่ะ ถูกมากกกก
แต่เราขึ้นเรือใหญ่นะ ถ้าสปีชโบ้ทก็จะแพงขึ้น แต่ไม่ได้ดูราคามาให้ เรือใหญ่ใช้เวลา 45 นาที ถ้าสปีชโบ้ทเหมือนจะ 20 นาที นะคะ แต่!!!!! ถึงมันจะเร็วกว่าจิ๊บก็ไม่ไปค่ะ เห็นที่เค้านั่งกัน กระแทกคลื่นกัน คิดแล้วไม่ไหว เมาแน่ๆ ขอไปแบบช้าๆดีกว่า
ตัดภาพมาที่หน้าด่านเลยดีกว่า พอมาถึงเราก็จะเห็นรูปปั้นนางยักษ์ผีเสื้อสมุทร อยู่ที่หน้าด่านเลย วันนี้คนเยอะมากค่ะ เพราะเป็นวันสิ้นปีด้วยแหละ สำหรับค่าผ่านด่านตรงนี้คนละ 20 บาท เดินทะลุด่านไปก็จะมีวงเวียนเล็กๆ เป็นรูปปั้นนางเงือก พระอภัยมณี ไรงี้ มองไปซ้ายมือก็จะเป็นเซเว่น ซึ่งคนเข้าเยอะมาก เรามาถึงที่นี่ ก็ 16.00 ละ ตามแพลนเราจะเช่ามอไซต์ กัน แต่ๆๆๆๆๆๆ เดินไปถามร้านเช่ามอไซต์ ร้านไหนก็บอกหมดๆๆๆๆๆๆ เดินจนแบบ..... ไม่ไหวละ เลยตัดใจถามคนแถวนั้น เค้าบอกว่าช่วงนี้ไม่มีให้เช่าแล้วแหละ คนมากันเยอะ แล้วตอนนี้ก็เริ่มเย็นละ ไม่มีเหลือแล้วละ ต้องนั่งรถสองแถวกันเอาละค่ะ โอเค!!! สองแถวก็สองแถวค่ะ
ที่นี่รถสองแถวเยอะมากค่ะ นางจะขับวนๆเรื่อยๆมั้ง เพราะจากที่สังเกต 5นาที ผ่านไปคัน อีก 5 นาที ก็จะมาอีกคัน เราก็รอโบกค่ะ เพื่อที่จะเข้าที่พักก่อน เราจองที่พักไว้ที่บ้านเคียงทะเล หาดแสงเทียน ซึ่งไกลจากหน้าด่าน 4 กม. แต่!!!!เราจะต้องเหมารถไป เพราะว่ามันไกล เค้าว่างั้น ไม่ใช่ทางผ่าน ไปอีกกก ค่ะเหมาก็เหมา ราคาเหมา รอบละ 300 บาท ก็แพงอยู่ค่ะ แต่ไม่มีทางเลือก ถือซะว่ากระจายรายได้ละกัน
สำหรับถนนที่นี่จะค่อนข้างแคบ แคบมากๆ แต่ก็พอสวนกันได้ ส่วนใหญ่จะเป็นเนิน (เพราะเราอยู่บนเกาะ ภูมิประเทศก็จะคล้ายๆภูเขา) รถที่นี่ขับกันไวมาก ทั้งรถยนต์ รถรับจ้าง รถชาวบ้าน มอไซต์ รถนักท่องเที่ยว รถสองแถวอีก ขับสวนกันได้ปราดเปรียวมาก (ไม่รู้จะใช้คำไหนดี) ก็มองหน้ากันละบอกว่า ดีละที่ไม่เช่ามอไซต์ อันตรายเว่อ
ที่หาดแสงเทียนจะเป็นหาดที่เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย เน้นทะเล คลื่น อะไร แนวๆนี้ พอถึงทางเข้ารีสอร์ท ก็จะอึ้งนิดๆ คือที่เราจะเข้าไปเนี่ยมันจะเป็นด้านหลังของรีสอร์ท รีสอร์ทจะหันหน้าเข้าทะเล ทางเข้าก็จะเป็นดินแดง ที่เหมือนผ่านหน้าฝนมา เป็นหลุม ไม่ค่อยเรียบ ตรงนี้รถไม่เข้าไปส่งนะคะ เดินค่ะเดินนนน ไม่ไกล แต่!!! เหมือนเดินป่านิดๆ ข้างหลังก็ไม่ค่อยสะอาดนะคะ มีขยะอะไรงี้ เยอะอยู่ แอบหวั่นๆว่า จะดีไหมเนี่ย แต่พอเดินเข้าเขตที่มันเป็นบ้านพัก เออ...ก็เริ่มดูดีหน่อย เราเดินไปจนสุดทางลงหาด ก็จะมีร้านอาหารของรีสอร์ท และเค้าเตอร์ติดต่อห้องพัก คือที่นี่ปกติเค้าคงนั่งเรือมาลงหน้ารีสอร์ทกันเลย ติดต่อห้องเรียบร้อย ห้องที่จิ๊บจอง ราคา 1,300 บาท มีอาหารเช้า แอร์ wifi ทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น และที่สำคัญ มีผ้าเช็ดตัว 5555 (ก็หาดสอ ไม่มีง่ะ) ห้องพักสะอาด สวยค่ะ ตอนแรกเค้าเคลมกับจิ๊บไว้ว่า เห็นวิวทะเลทุกห้อง แต่....ก็เห็นนะคะทะเล แต่จะมี สายไฟ ต้นไม้ บังๆหน่อย แต่ไม่เป็นไร ห้องสวย ให้อภัยค่ะ
เก็บของเสร็จเราก็ไปเล่นน้ำที่หน้ารีสอร์ท น้ำที่นี่ความใสไม่เท่าหาดสอค่ะ ให้กลางๆเนาะ วันนี้คลื่นสูงมากค่ะ เราแพลนจะดำดูปะการังกันในวันพรุ่งนี้ แต่เค้าบอกว่าถ้าคลื่นสูงแบบนี้ ไม่แนะนำให้ไป เพราะจะมองไม่เห็นปะการัง น้ำก็จะขุ่นๆด้วย โอเค!!!ไว้คราวหน้าละกันนะ ที่นี่เขามีเตียงผ้าใบให้เราเอามาปูเล่นที่ริมหาดได้เลย เราเริ่มหิวกัน เลยสั่งยำ กับอาหารกินเล่น มาทาน (อาหารที่นี่อร่อยมากค่ะ อร่อยจริงๆ)
ตกค่ำๆ เราอาบน้ำ แล้วเตรียมตัวไปที่หาดทรายแก้ว เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ นั่นก็คือการดูรำกระบองไฟ เตรียมตัวเรียบร้อย ก็ไปกันโลดดดด
ที่หาดทรายแก้วคนจะเยอะมากๆๆ ร้าน บาร์ ผับ มีให้เลือกหลายแนว แล้วแต่ชอบเลยค่ะ เรามาถึงประมาณ สองทุ่มกว่า มองหาไฟก่อน 55555 เหมาะเจาะมาก เราไปถึงเค้าก็กำลังจะเล่นไฟพอดี เลยเลือกที่จะดูไฟก่อนแล้วค่อยกินข้าว ไฟสวยสมกับที่ตามมาดู
หลังจาทำภารกิจสำเร็จเราก็หาร้านกินข้าว ที่นี่ร้านจะเรียงโต๊ะไว้ริมหาดเลย ได้บรรยากาศมากๆ แต่ราคาก็แพงตามบรรยากาศ การเลือกร้านครั้งนี้ไม่มีหลักการใดๆ เราเลือกนั่งร้านที่โต๊ะว่าง5555 เพราะคนเยอะมากเว่อ ว่างร้านไหนต้องรีบเดินเข้าไปอ่ะ
อาหารที่เราสั่งกันก็จะเป็น ต้มยำทะเล กุ้งแช่น้ำปลา ปลากระพงสามรส ผัดผักบุ้ง อาหารอร่อยทุกอย่าง ทานกันหมดเกลี้ยง (หรือเพราะหิว)
อิ่มท้องกันแล้วเราก็มองหาร้านนั่งชิว เพื่อที่จะเค้าดาวน์ ร้านคนเต็มเว่อ การหาร้านก็เลยต้องคงตรรกะเดิม ร้านไหนโต๊ะว่าง นั่งเลย เราได้นั่งที่ร้าน Friendly Bar ฝรั่งเยอะค่ะ เจ้าของร้านเทคแคร์ดีมาก พูดคุยทักทายยังกะรู้จักกันมานาน เราก็นั่งกันตรงนี้จนเค้าดาวน์
ที่เสม็ด....หลังจากนับถอยหลังเสร็จก็จะมีการจุดพุ เค้าจุดไล่กันมาทีละร้าน จนมาถึงร้านเรา.....
สักตี1เราก็นั่งสองแถวกลับที่พัก นอนค่ะ เตียงนุ่มมาก หลับสบายเว่อ.....
ยังไม่จบนะคะ มีต่อวันสุดท้าย5555 เขียนได้ยาวมาก ขอบคุณที่อ่านกันจนจบนะคะ ผิดพลาดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย