เรื่องนี้กินเวลาราว 4 ปี ตอนที่ฉันเรียนอยู่ปี 2 ฉันมีเพื่อนมากมายหลายกลุ่ม และฉันเข้ากับเพื่อนทุกกลุ่มได้ค่อนข้างสนิทใจทีเดียว ฉันมักจะเป็นคนคอยแก้ปัญหาให้เพื่อนๆ บ่อยครั้ง แต่กลุ่มที่ฉันสนิทก็มีเขา สมมติชื่อว่า สยาม ละกัน สยามเป็นผู้ชายผิวขาว ดูสุภาพ เอาใจใส่เพื่อนๆ คอยออกความเห็นและให้คำปรึกษาที่ตรงใจฉันหลายต่อหลายครั้ง คอยช่วยเหลือในหลายๆเรื่อง บางครั้งถ้าฉันทำงานที่มหาลัยดึก สยามก็จะคอยอยู่เป็นเพื่อนหรือไปรับไปส่งด้วยรถมอเตอร์ไซต์คู่ใจ หอพักฉันกับสยามอยู่ใกล้ๆ กัน และใกล้ๆกับมหาลัย ตอนปี 1 สยามอยู่กับเพื่อนผู้ชายอีกคนชื่อ แวน ร่างสูง ขาว น่ารัก เพื่อนผญิงหลายคนก็แอบปลื้มแวนไม่น้อย แต่สำหรับฉัน ฉันเฉยๆมาก จริงๆ ฉันไม่ได้สวย ฉันเตี้ย หน้าตาก็ออกธรรมดา แต่นั่นแหละ พอปี 2 ฉันได้ยินว่าสยามกับแวนทะเลาะกันแล้วแยกห้องแยกหอ เป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่ฉันเพิ่งอกหักจากรุ่นน้อง ในเวลานั้นเพื่อนๆต่างปลอบใจฉัน สยามก็เช่นกัน ฉันรู้สึกดีที่ไปไหนมาไหนกับสยาม ซึ่งไม่ทำกับเพื่อนคนอื่นมากเท่าฉัน จะมีก็แต่ แตงโม รูมเมทของฉัน ที่มีประวัติว่าเป็นเพื่อนสนิทโรงเรียนมัธยมเดียวกันกับสยาม อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นใช่มั้ยคะ ตอนนั้นฉันคิดว่าเป็นข้อดี เรา 3 คนสนิทกันมาก
ความประทับใจของฉันที่มีต่อสยามเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่าเวลาได้ใช้เวลาร่วมกันแม้เป็นช่วงกินข้าว ไปเที่ยวสถานบันเทิง หรือแม้แต่เดินถือชีทไปให้ใต้หอที่สยามมารออยู่ แค่ไม่กี่นาทีฉันก็ดีใจมาก ฉันปฏิเสธตัวเองหลายครั้งว่าแค่เพื่อนกันๆ ก็เพื่อนสนิทแหละ ฉันมีเพื่อนสนิทจากโรงเรียนเดิมคนนึง ผู้ชาย ปากก็หมาๆหน่อ แต่จริงใจ มันก็หล่อแหละ มันมักจะโทรมาหาฉันตอนที่ฉันอยู่กับสยามบ่อยครั้ง เรียกว่าขัดจังหวะก็ได้ เวลาฉันคุยกับมันสยามก็ชอบที่จะแสดงตัวตน พูดแทรกเข้ามาหรือเรียกร้องความสนใจจากฉัน ซึ่งก็ได้ผลบ้าง ก็คนมันปลื้มอยู่แล้วอะจะให้ทำไง ไอ้เพื่อนคนนี้มันก็แซวฉันว่าชอบสยาม ฉันก็ปฏิเสธไป จริงๆ ฉันไม่พร้อมที่จะชอบใครในตอนนั้น หมายถึงคบเป็นแฟน อีกอย่างก็ไม่อยากจะคิดว่าชอบเพื่อนสนิท เพราะเห็นมาหลายเคสแล้วว่าจบลงไม่สวยวะส่วนมาก
สยามมักจะทำให้ฉันรู้สึกชอบเขาขึ้นเรื่อยๆ ครั้งหนึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งค์เพื่อนๆ นัดมาเซอร์ไพรส์วันเกิดฉันตอนเที่ยงคืน คือขึ้นมาเคาะประตูห้องพร้อมกับเค้กชินเล็กๆ และเพื่อนๆที่ร่วมขบวน ก็เพื่อนกันนั่นแหละ ฉันรู้ คนอื่นๆก็เพื่อนไง แต่คนนี้มีใจให้นิดนึง ต่างกันแค่นี้ ฉันเป็นคนเก็บอาการไม่ค่อยเก่ง เพื่อนเก่าที่ฉันเล่าให้ฟัง มันก็ดูออกว่าฉันมีใจให้สยาม
แต่ช่วงปี 3 ฉันถึงกับจะตัดใจ เพราะแตงโม รูมเมทฉันนี่แหละ แสดงอาการออกหน้า ทั้งพูดเสียดสี ท่าทีกีดกันไม่ให้ฉันได้อยู่กับสยาม จนฉันและเพื่อนๆ คิดว่ามันชอบสยามเองหรือเปล่า หรือสยามก็ยอมมัน เพราะเราสามคนสนิทกัน แตงโมมันออกลายชัดเจนทั้งจิกกัด คือถ้าเป็นคนอื่นก็จะไม่รู้สึกอะไรมาก นี่ต้องกลับมาเจอกันที่ห้อง แต่ฉันกับแตงโมช่วงเทอมปลายก็แยกห้องแยกหอกันในที่สุด คือมันมีเรื่องมากกว่านี้ เป็นปัญหาอื่นนอกเหนือเรื่องผู้ชาย เอาเป็นว่าผิดใจกัน อยู่ด้วยแล้วไม่สบายใจเอามาก
เรื่องลามมาถึงฉันกับสยาม เพราะเดิมสนิทกัน 3 คน ซึ่งสยามเหมือนจะเลือกข้างแตงโม แต่สยามก็ไม่มีทีท่ารังเกียจฉันมากหรอกนะ ฉันก็น้อยใจบ้าง จนมาเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกเหมือนโดนหลอกใช้ คือ สยามเคยเล่าว่าทีบ้านไม่ค่อยมีตังค์เท่าไร มีอยู่วันนึงแม่ของสยามโทรเข้าเครื่องฉันบอกว่าติดต่อลูกชายไม่ได้ เลยจะขอยืมเงิน 3 พันบาทฉันก่อนแล้วจะให้ลูกชายเอามาใช้คืน บอกว่าต้องการใช้ด่วน ฉันไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ใจก็ไม่อยากให้ เพราะนี่ก็ไม่มีเหมือนกัน ก็ยังต้องขอพ่อขอแม่ใช้อยู่ รายได้เล็กๆน้อยๆของฉันมาจาก 2 ครั้งต่อเดือน ท้ายสุดก็โอนให้ แต่กว่าสยามจะมาคืนก็นาน เบี้ยวแล้วเบี้ยวอีก เรื่องนี้ถูกเหมารวมไปกับเรื่องอื่นๆที่ไม่พอใจ ก็เริ่มไม่ชอบขี้หน้าแล้ว จนมารู้ข่าวว่า แวน เพื่อนรูมเมทเดิมของสยาม เป็นเกย์ และสาเหตุที่ทะเลาะจนย้ายออกไปเพราะเรื่องที่ว่าแวนเป็นเกย์ เอาจริงๆ ฉันแปลกใจมาก ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างงั้น แต่นี่เพื่อนๆไปสืบมา
ฉันเลยรู้สึกสงสารสยาม เพราะเขามีเพื่อนไม่กี่คน เรื่องบาดหมางก่อนหน้า ฉันก็ถือว่าโมฆะไป ความสัมพันเริ่มดีขึ้น เหตุการณ์แย่ๆ ถูกกลบปิดไว้ คงเพราะฉันคิดว่าใกล้จะจบอีกแค่เทอมเดียว ฉันกับสยามก็คุยกันปกติ แต่ฉันเป็นบ้าอะไรไม่รู้ ความปลื้มมาก ชอบมาก มานาน มันไม่ลดลง จึงตัดสินใจสารภาพรักไป หลังจากที่สยามมาส่งที่หอ แต่เขาไม่พูดอะไรหลังจากนั้น ก่อนที่จะหายไปจากหน้าฉัน ความรู้สึกตอนนั้นฉันถาโถมเข้ามา ดีใจที่ได้บอก แต่พอฟีตแบคแบบนี้ก็เศร้า เสียใจ โทษตัวเอง เอาแต่ร้องไห้ สยามไม่คุยกับฉันอีกเลยจบเรียนจบ ซึ่งสยามจบช้ากว่าฉันปีนึง วันรับปริญญาก็ไม่มา ไม่มีของขวัญ หรือข้อความอะไร แต่กลับกัน แตงโม ได้รับของขวัญจากสยาม แตงโม รู้เรื่องของฉันแล้วเธอดูพาลโกรธฉันไปด้วย
ตอนนี้ฉันทำงานแล้ว เพื่อนๆในกลุ่มก็ยังติดต่อกัน แล้วเรื่องที่ฉันสงสัยมาตลอดก็ถูกเล่าโดยแวน ความว่า สยาม กับแวน คบกันเลยอยู่หอด้วยกัน แต่มีเรื่องให้เลิกกัน สยามเป็นพี่ชายคนโตของบ้าน มีความกดดันที่ต้องทำให้แม่ภูมิใจ เพราะน้องชายของสยามพลาดเป็นพ่อก่อนวัยอันควร ภาระจึงตกมาที่เขา เขาจึงต้องปกปิดที่ว่าเขาเป็นเกย์ .... แต่ฉันก็ไม่อยากจะปักใจเชื่อหรอกนะ จนเรื่องนี้รู้ในหมู่เพื่อนอีกประมาณ 3 วัน หลังจากแวนเล่าให้ฉันฟัง เพื่อนคนนึงได้ติดต่อกับสยาม ถามว่าโกรธอะไรฉัน ทำไมไม่คุยกับฉัน อยากให้กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม และคำตอบสยามคือ เขาไม่รู้จะพูดกับฉันยังไง เขาเป็นเกย์ เขาไม่อยากให้ฉันเสียใจ เขาว่าเขารักฉันไม่ได้ และไม่อยากบอกว่าเขาเป็นเกย์ เขาก็อึดอัดใจ แต่ทำอะไรไม่ถูก เลยเลือกที่จะเงียบและหายไป
พอฉันได้รู้คำตอบอย่างนั้น ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ กลับไปเป็นเพื่อน หรือโกรธ หรืออะไร ฉันก็ยังรู้สึกเป็นมิตรกับเขาอยู่ กลับรู้สึกเห็นใจเขาด้วยซ้ำ แต่ก็อดจะสงสารโชคชะตาตัวเอง น้ำตาที่เสียใจร่วมปี ตอนนี้ฉันไม่กล้าที่จะเปิดใจคบใคร รักใคร ถามว่ามาคนปลื้มใหม่ๆก็มี ตามประสาสาวโสด ฉันยังโหยหาความรัก แต่ก็นั่นแหละ ฉันยังไม่ได้ยินจากปากสยามโดยตรง แต่เพื่อนฉันก็น่าเชื่อถืออยู่ ส่วนแตงโม ก็ได้ข่าวว่า มันกับฉันไม่คุยกันนาน มันก็ไม่ได้โกรธอะไรฉัน มันว่าฉันไม่อยากคุย มันก็เลยไม่คุย ถ้าตอนนี้ให้คุยกันมันก็พร้อม แต่ฉันเลือกที่จะไม่เริ่มก่อนหรอก
เพื่อนๆว่าฉันควรทำไงต่อดีคะ
ทะเลาะกับเพื่อนสนิทเพราะสารภาพรัก โดยที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นเกย์ ทำไงต่อดี
ความประทับใจของฉันที่มีต่อสยามเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่าเวลาได้ใช้เวลาร่วมกันแม้เป็นช่วงกินข้าว ไปเที่ยวสถานบันเทิง หรือแม้แต่เดินถือชีทไปให้ใต้หอที่สยามมารออยู่ แค่ไม่กี่นาทีฉันก็ดีใจมาก ฉันปฏิเสธตัวเองหลายครั้งว่าแค่เพื่อนกันๆ ก็เพื่อนสนิทแหละ ฉันมีเพื่อนสนิทจากโรงเรียนเดิมคนนึง ผู้ชาย ปากก็หมาๆหน่อ แต่จริงใจ มันก็หล่อแหละ มันมักจะโทรมาหาฉันตอนที่ฉันอยู่กับสยามบ่อยครั้ง เรียกว่าขัดจังหวะก็ได้ เวลาฉันคุยกับมันสยามก็ชอบที่จะแสดงตัวตน พูดแทรกเข้ามาหรือเรียกร้องความสนใจจากฉัน ซึ่งก็ได้ผลบ้าง ก็คนมันปลื้มอยู่แล้วอะจะให้ทำไง ไอ้เพื่อนคนนี้มันก็แซวฉันว่าชอบสยาม ฉันก็ปฏิเสธไป จริงๆ ฉันไม่พร้อมที่จะชอบใครในตอนนั้น หมายถึงคบเป็นแฟน อีกอย่างก็ไม่อยากจะคิดว่าชอบเพื่อนสนิท เพราะเห็นมาหลายเคสแล้วว่าจบลงไม่สวยวะส่วนมาก
สยามมักจะทำให้ฉันรู้สึกชอบเขาขึ้นเรื่อยๆ ครั้งหนึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งค์เพื่อนๆ นัดมาเซอร์ไพรส์วันเกิดฉันตอนเที่ยงคืน คือขึ้นมาเคาะประตูห้องพร้อมกับเค้กชินเล็กๆ และเพื่อนๆที่ร่วมขบวน ก็เพื่อนกันนั่นแหละ ฉันรู้ คนอื่นๆก็เพื่อนไง แต่คนนี้มีใจให้นิดนึง ต่างกันแค่นี้ ฉันเป็นคนเก็บอาการไม่ค่อยเก่ง เพื่อนเก่าที่ฉันเล่าให้ฟัง มันก็ดูออกว่าฉันมีใจให้สยาม
แต่ช่วงปี 3 ฉันถึงกับจะตัดใจ เพราะแตงโม รูมเมทฉันนี่แหละ แสดงอาการออกหน้า ทั้งพูดเสียดสี ท่าทีกีดกันไม่ให้ฉันได้อยู่กับสยาม จนฉันและเพื่อนๆ คิดว่ามันชอบสยามเองหรือเปล่า หรือสยามก็ยอมมัน เพราะเราสามคนสนิทกัน แตงโมมันออกลายชัดเจนทั้งจิกกัด คือถ้าเป็นคนอื่นก็จะไม่รู้สึกอะไรมาก นี่ต้องกลับมาเจอกันที่ห้อง แต่ฉันกับแตงโมช่วงเทอมปลายก็แยกห้องแยกหอกันในที่สุด คือมันมีเรื่องมากกว่านี้ เป็นปัญหาอื่นนอกเหนือเรื่องผู้ชาย เอาเป็นว่าผิดใจกัน อยู่ด้วยแล้วไม่สบายใจเอามาก
เรื่องลามมาถึงฉันกับสยาม เพราะเดิมสนิทกัน 3 คน ซึ่งสยามเหมือนจะเลือกข้างแตงโม แต่สยามก็ไม่มีทีท่ารังเกียจฉันมากหรอกนะ ฉันก็น้อยใจบ้าง จนมาเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกเหมือนโดนหลอกใช้ คือ สยามเคยเล่าว่าทีบ้านไม่ค่อยมีตังค์เท่าไร มีอยู่วันนึงแม่ของสยามโทรเข้าเครื่องฉันบอกว่าติดต่อลูกชายไม่ได้ เลยจะขอยืมเงิน 3 พันบาทฉันก่อนแล้วจะให้ลูกชายเอามาใช้คืน บอกว่าต้องการใช้ด่วน ฉันไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ใจก็ไม่อยากให้ เพราะนี่ก็ไม่มีเหมือนกัน ก็ยังต้องขอพ่อขอแม่ใช้อยู่ รายได้เล็กๆน้อยๆของฉันมาจาก 2 ครั้งต่อเดือน ท้ายสุดก็โอนให้ แต่กว่าสยามจะมาคืนก็นาน เบี้ยวแล้วเบี้ยวอีก เรื่องนี้ถูกเหมารวมไปกับเรื่องอื่นๆที่ไม่พอใจ ก็เริ่มไม่ชอบขี้หน้าแล้ว จนมารู้ข่าวว่า แวน เพื่อนรูมเมทเดิมของสยาม เป็นเกย์ และสาเหตุที่ทะเลาะจนย้ายออกไปเพราะเรื่องที่ว่าแวนเป็นเกย์ เอาจริงๆ ฉันแปลกใจมาก ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างงั้น แต่นี่เพื่อนๆไปสืบมา
ฉันเลยรู้สึกสงสารสยาม เพราะเขามีเพื่อนไม่กี่คน เรื่องบาดหมางก่อนหน้า ฉันก็ถือว่าโมฆะไป ความสัมพันเริ่มดีขึ้น เหตุการณ์แย่ๆ ถูกกลบปิดไว้ คงเพราะฉันคิดว่าใกล้จะจบอีกแค่เทอมเดียว ฉันกับสยามก็คุยกันปกติ แต่ฉันเป็นบ้าอะไรไม่รู้ ความปลื้มมาก ชอบมาก มานาน มันไม่ลดลง จึงตัดสินใจสารภาพรักไป หลังจากที่สยามมาส่งที่หอ แต่เขาไม่พูดอะไรหลังจากนั้น ก่อนที่จะหายไปจากหน้าฉัน ความรู้สึกตอนนั้นฉันถาโถมเข้ามา ดีใจที่ได้บอก แต่พอฟีตแบคแบบนี้ก็เศร้า เสียใจ โทษตัวเอง เอาแต่ร้องไห้ สยามไม่คุยกับฉันอีกเลยจบเรียนจบ ซึ่งสยามจบช้ากว่าฉันปีนึง วันรับปริญญาก็ไม่มา ไม่มีของขวัญ หรือข้อความอะไร แต่กลับกัน แตงโม ได้รับของขวัญจากสยาม แตงโม รู้เรื่องของฉันแล้วเธอดูพาลโกรธฉันไปด้วย
ตอนนี้ฉันทำงานแล้ว เพื่อนๆในกลุ่มก็ยังติดต่อกัน แล้วเรื่องที่ฉันสงสัยมาตลอดก็ถูกเล่าโดยแวน ความว่า สยาม กับแวน คบกันเลยอยู่หอด้วยกัน แต่มีเรื่องให้เลิกกัน สยามเป็นพี่ชายคนโตของบ้าน มีความกดดันที่ต้องทำให้แม่ภูมิใจ เพราะน้องชายของสยามพลาดเป็นพ่อก่อนวัยอันควร ภาระจึงตกมาที่เขา เขาจึงต้องปกปิดที่ว่าเขาเป็นเกย์ .... แต่ฉันก็ไม่อยากจะปักใจเชื่อหรอกนะ จนเรื่องนี้รู้ในหมู่เพื่อนอีกประมาณ 3 วัน หลังจากแวนเล่าให้ฉันฟัง เพื่อนคนนึงได้ติดต่อกับสยาม ถามว่าโกรธอะไรฉัน ทำไมไม่คุยกับฉัน อยากให้กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม และคำตอบสยามคือ เขาไม่รู้จะพูดกับฉันยังไง เขาเป็นเกย์ เขาไม่อยากให้ฉันเสียใจ เขาว่าเขารักฉันไม่ได้ และไม่อยากบอกว่าเขาเป็นเกย์ เขาก็อึดอัดใจ แต่ทำอะไรไม่ถูก เลยเลือกที่จะเงียบและหายไป
พอฉันได้รู้คำตอบอย่างนั้น ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ กลับไปเป็นเพื่อน หรือโกรธ หรืออะไร ฉันก็ยังรู้สึกเป็นมิตรกับเขาอยู่ กลับรู้สึกเห็นใจเขาด้วยซ้ำ แต่ก็อดจะสงสารโชคชะตาตัวเอง น้ำตาที่เสียใจร่วมปี ตอนนี้ฉันไม่กล้าที่จะเปิดใจคบใคร รักใคร ถามว่ามาคนปลื้มใหม่ๆก็มี ตามประสาสาวโสด ฉันยังโหยหาความรัก แต่ก็นั่นแหละ ฉันยังไม่ได้ยินจากปากสยามโดยตรง แต่เพื่อนฉันก็น่าเชื่อถืออยู่ ส่วนแตงโม ก็ได้ข่าวว่า มันกับฉันไม่คุยกันนาน มันก็ไม่ได้โกรธอะไรฉัน มันว่าฉันไม่อยากคุย มันก็เลยไม่คุย ถ้าตอนนี้ให้คุยกันมันก็พร้อม แต่ฉันเลือกที่จะไม่เริ่มก่อนหรอก
เพื่อนๆว่าฉันควรทำไงต่อดีคะ