ลูกชายเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด อยากแลกเปลี่ยน และขอคำแนะนำ กับคุณแม่ที่มีเคสเดียวกันค่ะ

Update*
น้องเสียแล้วนะคะ เมื่อวันที่ 23 พค. ช่วงเช้ามืด น้องหายใจเป็นเฮือกๆ เฮือกสุดท้ายน้องไปในอ้อมกอดแม่ ไม่ทรมานใดๆทั้งสิ้นค่ะ หมอวินิจฉัยว่าเป็นเส้นเลือดตีบ ทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยงปอดค่ะ


กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก พิมพ์ในมือถือ ตกหล่นยังไงขอโทษด้วยนะคะ

จริงๆ คือช่วงนี้ปัญหารุมเร้ามาก ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องของน้องเอง แต่กระทู้นี้จะขอเน้นไปที่เรื่องของน้องแล้วกันนะคะ

ลูกชายคลอดมาได้2เดือนแล้วค่ะ เลือกเป็นแบบผ่าคลอด ระหว่างตั้งครรภ์ไม่เคยแพ้ท้องค่ะ สุขภาพดีทั้งแม่ทั้งลูก แต่กว่าจะทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์ก็อายุครรภ์ 8 สัปดาห์แล้ว ก่อนหน้านั้นก็ดื่มเที่ยวจัดพอสมควรเลยค่ะ แต่พอทราบก็เลิกทันที
เราไปฝากครรภ์ทีไร ตรวจหัวใจ ฟังเสียงหัวใจของน้อง น้องแข็งแรงดีมากๆค่ะ พอถึงวันคลอด เราก็ไม่ได้เจอน้อง เพราะออกซิเจนน้องต่ำต้องใช้เครื่องช่วยอยู่2วัน จนออกมาหายใจเองได้ ในวันที่3 ค่ะ

คุณหมอแจ้งเลยว่าหัวใจน้องมีปัญหา ทำการเอคโค่ดูแล้ว มีหัวใจ3ห้อง ไม่มีผนังกั้นห้อง หัวใจอยู่ทางด้านขวา และเลือดดำ/แดงก็ไหลรวมกันไปสู่ปอด เราตกใจมากค่ะไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย ร้องไห้ไปตามระเบียบ

จากนั้นคุณหมอส่งตัวไปต่อที่ รพ.รามา เพื่อวินิจฉัยโดยละเอียด และจำเป็นต้องมีการผ่าตัดในอนาคตแน่นอนเพื่อให้น้องมีชีวิตปกติ เมื่อไปที่รพ. รามา ยิ่งเลวร้ายกว่าเดิมค่ะ ปรากฏว่าน้องมีหัวใจแค่2ห้อง แต่อีกห้องนึงเล็กมากจนใช้งานไม่ได้ สรุปว่าหลักๆมีห้องเดียว ไม่มีผนังกั้น เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงปอดตีบ อวัยวะภายในสลับด้านกันทั้งหมด และไม่มีม้าม โดยเด็กที่เป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดนี้ จะมีภาวะตัวเขียว และหัวใจวายเฉียบพลันร่วมด้วย นี่คืออาการล่าสุด สดๆร้อนๆเลยนะคะ

เราเองทำใจมาระดับนึงตั้งแต่รู้เรื่องวันแรกๆแล้ว ก็คอยบอกเขาว่า ถ้าไม่ไหว ถ้าทรมาน เจ็บปวด ให้ไปได้เลยนะลูก พูดไปร้องไห้ไป เราช่วยอะไรลูกไม่ได้เลย

แต่มันก็ยังไม่แย่ไปทั้งหมดค่ะ เมื่อเรารู้ทันโรค และทำใจได้บ้างแล้ว พูดง่ายๆคือ ไม่หวังในอนาคตที่จะเฝ้าดูลูกเติบโตแล้ว เพราะไม่รู้ว่าเขาจะรอดไปถึงตอนนั้นมั้ย
ลูกชายของเราก็แข็งแรงดี กินนมแม่เยอะแยะ และน้ำหนักขึ้นเป็นที่น่าพอใจ จากแรกคลอด 3,050 โล ตอนนี้หนัก 4,640 โลแล้วค่ะ พัฒนาการตามวัยเลย และไม่มีภาวะตัวเขียวด้วยค่ะ

เราเลี้ยงกับคุณแม่เรา2คน ก็คือคุณยายของน้อง จะดูแลเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษค่ะ เพราะโรคนี้ติดเชื้อนิดเดียวจบเห่เอวัง จองวัดกันได้เลย เนื่องจากเขาไม่มีม้ามด้วย จึงไม่มีตัวกรองเชื้อโรคไปสู่ปอดค่ะ
เรายอมรับว่าเครียดอยู่ช่วงนึงเลย โรคซึมเศร้าถามหาอยู่บ้าง แต่ต้องมีสติค่ะ เลี้ยงเขาเหมือนเด็กทั่วๆไป ทำความเข้าใจกับโรคมากขึ้น เราจะเรียนรู้และอยู่กับมันได้ค่ะ

ตอนนี้รอฉีดสวนหัวใจตอน6เดือนค่ะ และต้องผ่าตัดอีก 2-3ครั้งจึงจะปกติ แต่ออกกำลังกายหนักๆไม่ได้นะคะ แต่เท่านี้คนเป็นแม่ก็ชื่นใจแล้วค่ะ มีความหวังขึ้นมาบ้าง เพราะน้องเองก็สู้มาตั้งแต่อยู่ในท้องแล้ว
อยากให้แม่ๆที่มีปัญหาเดียวกัน / หรือมีอะไรแนะนำในการเลี้ยงดูก็เข้ามาคุยกันได้นะคะ แม่เลี้ยงเดี่ยวบางทีก็เหงาค่ะ ไม่รู้จะคุยกับคนหัวอกเดียวกันยังไง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและให้คำแนะนำกันนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่