ประเทศไทยกำลังเดินหน้าพัฒนา “เมืองอัจฉริยะ” หรือ “Smart City” อย่างเต็มตัว โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี ได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เป็นหน่วยงานที่ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ตั้งเป้าระยะแรกจะพัฒนา 7 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา และกรุงเทพฯ โดยมีแผนจะขยายให้ครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัดภายใน 5 ปี
ในปี 2560 ได้เริ่มพัฒนา Smart City ใน 3 จังหวัดนำร่อง ซึ่งเป็นตัวแทนจาก 3 ภาคไปบ้างแล้ว คือ
1.
ภูเก็ต – ตัวแทนภาคใต้ เป็นจังหวัดแรกของโครงการ ปัจจุบันมีการขับเคลื่อน 4 ด้าน คือ ด้านการท่องเที่ยว ด้านความปลอดภัย ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านเศรษฐกิจ ซึ่งได้มีการนำ IoT (Internet of Things) เข้ามาใช้ในการพัฒนาและส่งเสริมการทำงาน
2.
เชียงใหม่ – ตัวแทนภาคเหนือ ได้เริ่มโครงการสมาร์ทนิมมานเหมินทร์ แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
ระยะที่ 1 Smart Wi-Fi มีการติดตั้ง Access point ครอบคลุมถนนนิมมานเหมินทร์เรียบร้อยแล้ว
ระยะที่ 2 จะนำแอปพลิเคชั่น Chiangmai I Love U มาส่งเสริมการท่องเที่ยว
ระยะที่ 3 จะจัดทำ Data Analytic จากกล้อง CCTV ในพื้นที่ เพื่อดูความเคลื่อนไหวของประชาชนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวในจังหวัด เพื่อจัดทำข้อมูลด้านการตลาด เป็นต้น
3.
ขอนแก่น – ตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ขอนแก่นสมาร์ทซิตี้ ปี 2029 เน้นการขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดผลใน 3 ด้านหลัก คือ
1. การขนส่ง Logistics & Transportation หรือ Smart Mobility
2. ด้านการประชุมและเศรษฐกิจ MICE City หรือ Smart Economy
3. ด้านการแพทย์ Medical & Healthcare หรือ Smart Living
ส่วนการพัฒนา 3 จังหวัดในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา จะต้องหารือในรายละเอียดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยระหว่างรอการศึกษาต่าง ๆ เช่น เมืองต้องการจะเป็น Smart City แบบใด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เช่น
Smart Living เมืองน่าอยู่
Smart Mobility เมืองที่สามารถติดต่อสื่อสารและเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย
Smart People เมืองที่ให้ความเท่าเทียมกันในสังคม
Smart Environment เมืองประหยัดพลังงาน
Smart Economy เมืองที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ
Smart Governance เมืองที่บริหารจัดการโปร่งใส
Smart Safety เมืองปลอดภัย
Smart Tourism เมืองท่องเที่ยว
Smart Farming เมืองเกษตรกรรมทันสมัย จะเดินหน้าไปก่อนด้วยการพัฒนาในรูปแบบ Smart Living หรือเมืองปลอดภัยและลดอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ทุกเมืองต้องการ
4.
ชลบุรี จะนำร่องในพื้นที่นิคมแหลมฉบังและ 7 ชุมชนโดยรอบ โดยการติดตั้ง Smart Pole หรือเสาประชารัฐ ซึ่งเป็นเสาที่มีไฟฟ้าเลี้ยงและเชื่อมต่อกับสายสื่อสาร ติดตั้งกล้องวงจรปิด ใช้ติดตามการจราจรและดูแลเรื่องอาชญากรรมได้ ถือเป็น Digital Infrastructure ของเมือง
5.
ระยอง จะติดตั้ง Smart Pole เช่นกันช่วงถนนสุขุมวิท ที่ผ่านใจกลางเมือง
6.
ฉะเชิงเทรา จะพัฒนาเป็น Smart Farming ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะใช้พื้นที่ใด โดยจะติดตั้งอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น (IoT) เช่น การวัดค่าความเป็นกรดด่างของดิน การใช้โดรนในการทำนายผลผลิต หรือพ่นยาได้ เป็นต้น
7.
กรุงเทพมหานคร อยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานกทม. โดยจะเริ่มต้นด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (จีไอเอส) ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลด้านต่าง ๆ ของเมือง เช่น กล้องวงจรปิด ข้อมูลจราจร ข้อมูลการระบายน้ำ เป็นต้น มารวมกันไว้ในแผนที่เดียวและสามารถระบุพิกัดได้ เหมือนเป็นวอร์รูม ที่สามารถใช้ในการบริหารจัดการเมืองได้
สำหรับความเป็นอัจฉริยะของแต่ละเมืองนั้น จะเริ่มจากการพัฒนาระบบนิเวศน์ที่เน้นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล หรือความสำคัญของข้อมูล การแปลงข้อมูลเป็นดิจิทัล (Digitize) ทั้งเมือง โดยในปี 2561 จะมีโครงการ City Data Platform ดำเนินการใน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต เชียงใหม่ และขอนแก่น เพื่อสร้างรูปแบบการเชื่อมโยง จัดเก็บ และเผยแพร่ข้อมูลจากหน่วยงานต่าง ๆ ในเมือง เช่น
เชื่อมโยงข้อมูลกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ของเทศบาล เพื่อให้ตำรวจติดตามอาชญากร
เชื่อมโยงข้อมูลจาก IoT Sensors สิ่งแวดล้อม เพื่อเฝ้าระวังภัยพิบัติ
เชื่อมโยงข้อมูลการใช้ Free Wi-Fi ของทั้งเมือง มาวิเคราะห์พฤติกรรมนักท่องเที่ยวสำหรับใช้ในการวางแผนระบบโลจิสติกส์ (Logistics)
โดยข้อมูลจะถูกรวบรวมมายังระบบคลาวด์ (Cloud) ของเมือง เพื่อให้ง่ายต่อการแลกเปลี่ยนบูรณาการ นำไปต่อยอดวิเคราะห์ (Big Data Analytics) โดยการสร้างเป็น API ในการดึงข้อมูล และมีมาตรฐานของข้อมูล สามารถเปิดให้ภาครัฐหรือเอกชนนำไปต่อยอดเป็นบริการของเมือง และขณะเดียวกันผู้บริหารเมืองจะได้ศูนย์ปฏิบัติการแบบอัจฉริยะที่มองเห็นภาพแบบเวลาจริงของเมืองใช้ในการตัดสินใจสั่งการ
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเมืองอัจฉริยะนั้น ยังมีอีกหลายส่วนประกอบกัน แต่เป้าหมายรวม ๆ ก็คือ
การสร้างสังคมคุณภาพที่จะรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง โดยเชื่อมโยงระบบโครงสร้างพื้นฐานของเมืองเข้าด้วยกันแบบบูรณาการ ผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า ทำให้ได้รับคุณภาพชีวิตที่ดี มีความเป็นเมืองที่น่าอยู่ในลักษณะของการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และจะเกี่ยวพันไปถึงการเพิ่มโอกาสในการต่อยอดทางธุรกิจ การเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจของเมือง ฯลฯ กระทั่งเป็นเมืองที่สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
ข้อมูลพื้นฐาน Smart City ระบบเมืองอัจฉริยะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แนวคิด Smart City เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ซึ่งเป็นรากฐานในการเชื่อมโยงอุปกรณ์หรือสิ่งของรอบ ๆ ตัวเข้ากับโครงข่ายการสื่อสารแบบอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงการวางผังเมืองที่ชาญฉลาด รองรับการใช้ชีวิตที่สะดวกสบาย
การนำเทคโนโลยีสารสนเทศ และข้อมูลมาช่วยในการบริหารจัดการทรัพยากรของเมือง ก็เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น ระบบบริหารจัดการเครือข่ายพลังงานอัจฉริยะ (Smart Grid) ระบบมิเตอร์อัตโนมัติ (Automatic Meter Infrastructure - AMI) ระบบการควบคุมการจราจรอัจฉริยะ ระบบควบคุมอาคารอัจฉริยะ และระบบตรวจวัดมลภาวะ เป็นต้น
รูปแบบการบริหารจัดการเมืองแบบ Smart City เป็นการสร้างเมืองที่จะมีการเติบโตอย่างยั่งยืน เน้นการจัดสมดุลของสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน และเลือกใช้พลังงานสะอาด จึงช่วยลดปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อม ปัญหามลภาวะทางอากาศ น้ำเสีย ขยะ การระบายน้ำ ช่วยส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ดี คุณภาพ อากาศที่ดี เพิ่มพื้นที่สีเขียว และลดปรากฏการณ์เกาะความร้อน (Heat Island Effect)
คุณสมบัติของการเป็นเมืองอัจฉริยะ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง มีหลักการสำคัญ 4 ข้อ ดังนี้
1. มีการใช้ระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ ถนน อาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่เมืองอย่างเต็มประสิทธิภาพ มีการบริหารจัดการพลังงานทั้งภาคการผลิต การส่งจ่ายและการใช้พลังงาน รวมทั้งส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนเพื่อสนับสนุนสภาพทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมในเมืองนั้นให้เข้มแข็ง
2. มีความยืดหยุ่นสูง ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ง่ายต่อการเรียนรู้ ง่ายต่อการใช้งาน ง่ายต่อการประยุกต์และปรับเปลี่ยน และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของเมืองได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
3. เทคโนโลยี ข่าวสารข้อมูล เปิดกว้างและสามารถเข้าถึงแก่ผู้ใช้ในทุกระดับ ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานภาพ ทั้งยังสามารถแก้ไขให้เหมาะสมกับความต้องการในการใช้งานที่แตกต่างกันได้ด้วย
4. เป็นเมืองแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข ปลอดภัย เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ บ่มเพาะนักธุรกิจ นักพัฒนาเพื่อสร้างให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมด้านต่างๆ อยู่ตลอดเวลา
10 สุดยอด Smart City ของโลก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขอบคุณข้อมูลจาก
บ้านเมือง
ฐานเศรษฐกิจ
มติชน
ประชาชาติ
Thailand Smart Cities
และรูปจากเน็ตผ่านกูเกิ้ล
ยุค Smart City กำลังมา ไทยเร่งเดินหน้า 7 เมืองอัจฉริยะ ยกระดับคุณภาพชีวิต
ในปี 2560 ได้เริ่มพัฒนา Smart City ใน 3 จังหวัดนำร่อง ซึ่งเป็นตัวแทนจาก 3 ภาคไปบ้างแล้ว คือ
1. ภูเก็ต – ตัวแทนภาคใต้ เป็นจังหวัดแรกของโครงการ ปัจจุบันมีการขับเคลื่อน 4 ด้าน คือ ด้านการท่องเที่ยว ด้านความปลอดภัย ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านเศรษฐกิจ ซึ่งได้มีการนำ IoT (Internet of Things) เข้ามาใช้ในการพัฒนาและส่งเสริมการทำงาน
2. เชียงใหม่ – ตัวแทนภาคเหนือ ได้เริ่มโครงการสมาร์ทนิมมานเหมินทร์ แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
ระยะที่ 1 Smart Wi-Fi มีการติดตั้ง Access point ครอบคลุมถนนนิมมานเหมินทร์เรียบร้อยแล้ว
ระยะที่ 2 จะนำแอปพลิเคชั่น Chiangmai I Love U มาส่งเสริมการท่องเที่ยว
ระยะที่ 3 จะจัดทำ Data Analytic จากกล้อง CCTV ในพื้นที่ เพื่อดูความเคลื่อนไหวของประชาชนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวในจังหวัด เพื่อจัดทำข้อมูลด้านการตลาด เป็นต้น
3. ขอนแก่น – ตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ขอนแก่นสมาร์ทซิตี้ ปี 2029 เน้นการขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดผลใน 3 ด้านหลัก คือ
1. การขนส่ง Logistics & Transportation หรือ Smart Mobility
2. ด้านการประชุมและเศรษฐกิจ MICE City หรือ Smart Economy
3. ด้านการแพทย์ Medical & Healthcare หรือ Smart Living
ส่วนการพัฒนา 3 จังหวัดในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา จะต้องหารือในรายละเอียดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยระหว่างรอการศึกษาต่าง ๆ เช่น เมืองต้องการจะเป็น Smart City แบบใด [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ จะเดินหน้าไปก่อนด้วยการพัฒนาในรูปแบบ Smart Living หรือเมืองปลอดภัยและลดอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ทุกเมืองต้องการ
4. ชลบุรี จะนำร่องในพื้นที่นิคมแหลมฉบังและ 7 ชุมชนโดยรอบ โดยการติดตั้ง Smart Pole หรือเสาประชารัฐ ซึ่งเป็นเสาที่มีไฟฟ้าเลี้ยงและเชื่อมต่อกับสายสื่อสาร ติดตั้งกล้องวงจรปิด ใช้ติดตามการจราจรและดูแลเรื่องอาชญากรรมได้ ถือเป็น Digital Infrastructure ของเมือง
5. ระยอง จะติดตั้ง Smart Pole เช่นกันช่วงถนนสุขุมวิท ที่ผ่านใจกลางเมือง
6. ฉะเชิงเทรา จะพัฒนาเป็น Smart Farming ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะใช้พื้นที่ใด โดยจะติดตั้งอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น (IoT) เช่น การวัดค่าความเป็นกรดด่างของดิน การใช้โดรนในการทำนายผลผลิต หรือพ่นยาได้ เป็นต้น
7. กรุงเทพมหานคร อยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานกทม. โดยจะเริ่มต้นด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (จีไอเอส) ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลด้านต่าง ๆ ของเมือง เช่น กล้องวงจรปิด ข้อมูลจราจร ข้อมูลการระบายน้ำ เป็นต้น มารวมกันไว้ในแผนที่เดียวและสามารถระบุพิกัดได้ เหมือนเป็นวอร์รูม ที่สามารถใช้ในการบริหารจัดการเมืองได้
สำหรับความเป็นอัจฉริยะของแต่ละเมืองนั้น จะเริ่มจากการพัฒนาระบบนิเวศน์ที่เน้นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล หรือความสำคัญของข้อมูล การแปลงข้อมูลเป็นดิจิทัล (Digitize) ทั้งเมือง โดยในปี 2561 จะมีโครงการ City Data Platform ดำเนินการใน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต เชียงใหม่ และขอนแก่น เพื่อสร้างรูปแบบการเชื่อมโยง จัดเก็บ และเผยแพร่ข้อมูลจากหน่วยงานต่าง ๆ ในเมือง เช่น
เชื่อมโยงข้อมูลกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ของเทศบาล เพื่อให้ตำรวจติดตามอาชญากร
เชื่อมโยงข้อมูลจาก IoT Sensors สิ่งแวดล้อม เพื่อเฝ้าระวังภัยพิบัติ
เชื่อมโยงข้อมูลการใช้ Free Wi-Fi ของทั้งเมือง มาวิเคราะห์พฤติกรรมนักท่องเที่ยวสำหรับใช้ในการวางแผนระบบโลจิสติกส์ (Logistics)
โดยข้อมูลจะถูกรวบรวมมายังระบบคลาวด์ (Cloud) ของเมือง เพื่อให้ง่ายต่อการแลกเปลี่ยนบูรณาการ นำไปต่อยอดวิเคราะห์ (Big Data Analytics) โดยการสร้างเป็น API ในการดึงข้อมูล และมีมาตรฐานของข้อมูล สามารถเปิดให้ภาครัฐหรือเอกชนนำไปต่อยอดเป็นบริการของเมือง และขณะเดียวกันผู้บริหารเมืองจะได้ศูนย์ปฏิบัติการแบบอัจฉริยะที่มองเห็นภาพแบบเวลาจริงของเมืองใช้ในการตัดสินใจสั่งการ
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเมืองอัจฉริยะนั้น ยังมีอีกหลายส่วนประกอบกัน แต่เป้าหมายรวม ๆ ก็คือ การสร้างสังคมคุณภาพที่จะรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง โดยเชื่อมโยงระบบโครงสร้างพื้นฐานของเมืองเข้าด้วยกันแบบบูรณาการ ผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า ทำให้ได้รับคุณภาพชีวิตที่ดี มีความเป็นเมืองที่น่าอยู่ในลักษณะของการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และจะเกี่ยวพันไปถึงการเพิ่มโอกาสในการต่อยอดทางธุรกิจ การเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจของเมือง ฯลฯ กระทั่งเป็นเมืองที่สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
ข้อมูลพื้นฐาน Smart City ระบบเมืองอัจฉริยะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
10 สุดยอด Smart City ของโลก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้