Zac&Mia
ใครไม่น้ำตาหยดก็สตรองเกินไปแล้ว!
-เกี่ยวกับโรคมะเร็งและชายหญิงคู่นึง ดูผ่านๆ อาจจะคิดว่าออกแนวประมาณ the fault in our stars แต่ไม่ใช่ สำหรับ Zac&Mia เราให้มากกว่า TFIOS หลายขุม มันเป็นความเรียล ความดีพของบทและความรู้สึกของตัวละครที่มากขึ้น ขายความโรแมนติกที่น้อยกว่า แต่มากกว่าเเง่ของความเข้าใจในชีวิต จุกและเจ็บในอกได้โดยไม่ต้องใช้คำพูดที่สวยหวาน ไม่ต้องใช้ซีนดราม่าเรียกน้ำตา แต่มันเป็นความรู้สึกจริงๆ ของตัวละครที่ส่งต่อมาถึงเรา
-เป็นทีวีซีรี่ย์ที่สร้างมาจากนิยายชื่อดัง เล่าถึงเรื่องของเด็กวัยรุ่นสองคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับโรคมะเร็ง การก้าวผ่านโรคร้ายนี้ทำให้คนทั้งคู่ได้เรียนรู้ถึงอะไรบางอย่างที่สำคัญกว่าที่พวกเค้าเคยคิด แซ็ก เด็กหนุ่มที่วางแผนชีวิตไว้อย่างเพอร์เฟคดันมาเจอมะเร็งต่อน้ำเหลืองระยะสุดท้าย หลังจากรักษาเสร็จ ตอนนี้เค้าจะต้องถูกกักตัวไว้เพราะภูมิต้านทานอ่อนเป็นเวลา 100 วัน แซ็กได้พบเจอกับมีอา เด็กสาวที่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่เพราะพบมะเร็งในกระดูกบริเวณน่อง ทั้งคู่รู้จักกันผ่านการเคาะเรียกที่ผนัง
-เอาจริงๆ ตอนแรกเราก็คิดว่าจะมาแนวดาวบันดาลนะ แต่อย่างที่บอกว่าดูไปเรื่อยๆ จะรู้เลยว่าไม่ใช่ อารมณ์ ความรู้สึกนี่มาเต็มกว่าหลายเท่าเลยทีเดียว หนังไม่เน้นความโรแมนติก แต่จะเน้นเกี่ยวกับความรู้สึกของคนเป็นโรค ที่ต้องการกำลังใจจากคนรอบข้าง ต้องการเพื่อน ครอบครัว และความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะโรคของตัวเอง
-ตัวซีรี่ย์มีแค่ 6 ตอน ตอนละประมาณ 20 นาทีนิดๆ แต่เราไม่สามารถละสายตาไปจากตัวหนังได้เลย มันมีเสน่ห์ ดึงดูดเรามาก โทนสีในภาพจะมาแนวมึดมนตามความรู้สึกของคนในโรงพยาบาล หมองๆ เศร้าๆ แต่ในห้องพักของพระนางจะมีความสีออกนีออนๆ แทรกเข้ามา ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่มันเป็นแสงที่ชวนเหงาแต่มีเสน่ห์มาก! รวมถึงมุมกล้องเท่ๆ เวลาทั้งคู่คุยกันผ่านแชท หรือผ่านห้องที่ทั้งคู่นอนเป็นผักอยู่ มันเท่มากกก
-ชอบที่หนังพยายามพาเราไปสำรวจกับโรคมะเร็ง ทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของคนที่เป็นว่ามันท้อแท้ สิ้นหวังแค่ไหน อย่างตัวแซ็กเองขนาดยังมีพี่น้องที่แวะเวียนกันมาเยี่ยม ต่อหน้าเค้าก็ดูมีความสุข ดูเข้มแข็ง แต่หนังก็พาเราสำรวจในใจว่าจริงๆ แล้วข้างในแซ็กก็ไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่เค้าแสดงออกมา มีช่วยเวลาที่เค้าท้อ ไม่อยากสู่ต่อ รวมถึงพาเราไปพบเจอกับแรงบันดาลใจในการมีชีวิต ความหวัง ความฝันที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ออกไปสลับกับความท้อแท้ที่ดึงเค้าให้แย่ลง เหมือนกับว่าเราต้องคอยให้กำลังใจตัวละครให้เค้าสามารถพาความหวังออกมาเอาชนะความสิ้นหวังนั่นให้ได้
-ร้องไห้หนักมากอ่ะพูดเลย มันซึ้ง มันเศร้า มันเข้าใจถึงหัวอกของทุกๆ ฝ่าย เหมือนตอนนี้เป็นมะเร็งเอง เราได้เรียนรู้ว่าความสิ้นหวังเป็นสิ่งที่อันตรายมากที่สุดในเรื่องนี้
-เราได้เดินทางไปพร้อมๆ กับตัวละครทุกตัว มันทำให้เรารู้สึกว่าการเดินทางเข้าสู่ห้วงชีวิตของโรคมะเร็งก็เหมือนกับการเดินเข้าไปในยานอวกาศ ต้องใช้เวลานานหน่อยกว่าจะเดินทางไปถึงจุดหมาย ระหว่างทางก็ต้องปล่อยกระสวยที่ไม่สำคัญออกไปบ้าง เก็บแต่สิ่งที่สำคัญเอาไว้เพื่อลดน้ำหนักของยาน ระหว่างทางอาจจะเจอปัญหา อุปสรรคที่คาดไม่ถึง แต่สุดท้าย เราก็จะผ่านมันไป แล้วไปถึงจุดหมายที่น้อยคนนักจะทำสำเร็จ เราจะได้เรียนรู้สิ่งที่คนทั่วไปไม่มีทางได้รู้สึก ไม่มีทางได้สัมผัส หากไม่ได้มาเจอด้วยตัวเอง
-การจากไปไม่เคยเป็นเรื่องที่ธรรมดา แม้ว่าจะรู้อยู่แล้ว เข้าใจว่าวันนึงทุกๆ คนก็ต้องหายไป แต่เมื่อสถานการณ์นั้นเดินทางมาถึงก็ต่างไม่มีใครทำใจยอมรับได้ เหมือนกับเพื่อนของแซ็กอย่างแคมที่รู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง จึงมาถามความเห็นว่าควรผ่าตัดตามหมอบอก หรือไปโต้คลื่นกับเพื่อนเป็นครั้งสุดท้ายดี แซ็กบอกให้แคมไปผ่าตัด แม้จะรู้ว่าเปอร์เซ็นต์รอดมันน้อยมาก แต่อย่างน้อยทั้งคู่ก็ได้ร่วมกันสู้ มีพลังใจที่มากเกินพอ มันทำให้เรารู้สึกว่าสุดท้ายคนเราก็หนีไม่พ้นอะไรแบบนี้ ขอแค่ทำให้เต็มที่ก็พอ
-ทางด้านมีอา จากผู้หญิงฮอตประจำโรงเรียนที่มีแฟนหนุ่มหล่อ เพื่อนมากมาย ทุกคนรุมล้อม มีชีวิตที่เพอร์เฟคต้องพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งเลยหนีมารักษาโดยโกหกว่าไปถ่ายแบบที่นิวยอร์ค เราเห็นใจตัวละครนี้มาก ความเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันที่เจ้าตัวไม่เคยได้พบเจอทำให้มีอาต้องหลอกตัวเอง หลอกทุกคน การที่โรคมะเร็งอยู่ในตัวเธอ มีอาเรียนรู้อะไรมากขึ้น สิ่งสำคัญที่เธอได้รู้คือการปล่อยวาง แฟนหนุ่ม เพื่อนสาว งานพรอม ภาพลักษณ์ เธอปล่อยทุกอย่างลงและตระหนักได้ว่าสุดท้ายแล้ว สิ่งพวกนี้มันไม่ได้มีค่าอะไรเท่ากับคนไม่กี่คนที่พร้อมจะอยู่ข้างเธอในเวลาที่ตัวเธอเองต้องเผชิญกับความสิ้นหวังนี้ ในเวลาที่เธอไม่ได้แต่งหน้า ไม่ได้ใส่ชุดสวยๆ นอนทรุดโทรมอบู่ในโรงพยาบาล อย่างที่วินนี่ พยาบาลที่คอยดูแลมีอาได้บอกไว้ ‘ห้องที่มีอานอนอยู่สามารถคัดคนออกจากชีวิตเธอได้มากมาย’
-เพลงเพราะมากกกกก แทบทุกเพลงคือมันทำให้เราลอยละลิ่วอยู่บนอากาศ มันเหงา มันเศร้า มันเจ็บปวดทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจเนื้อหา โดยเฉพาะเพลงโปรดของนางเอกอย่าง ilysb ของ lany บอกก่อนเลยว่าความจริงนี่ไม่ค่อยอินกับ lany เท่าไหร่ แต่พอได้ฟังในนี้แล้วรีบไปหาเพลงฟังอีกรอบ แล้วหยุดที่หยุดฟังไม่ได้จ้า เป็นอีกเพลงที่ทำนองเพราะและเนื้อหาดีมากจริงๆ
สรุปว่ามันไม่มีอะไรให้ติแล้วกับ Zac&Mia เป็นหนังที่ดำเนินเรื่องเรียบๆ ช้าๆ แต่มีพลังที่แกร่งกล้าเหนือความคาดหมาย และมอบความรู้สึกนับล้านให้กับคนดู ฉากเลิฟซีนที่มีน้อยถึงน้อยที่สุดกลับทำให้เรารู้สึกโคตรโรแมนติกเลยในตอนจบ❤️
PS. เราจะหาเวอร์ชั่นหนังสือมาอ่านให้ได้เลยสัญญา มีคนบอกว่าในหนังสือมันเลอค่ากว่านี้อีก❤️
10/10
แค่นักวิจารณ์หนังกากๆ คนหนึ่ง
------------------------------
ถ้าชอบการรีวิวครั้งนี้ สามารถเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องหนังๆ พร้อมกับดูรีวิวอื่นๆ ได้ที่นี่เลย
เพจ แค่นักวิจารณ์หนังกากๆ คนหนึ่ง
https://m.facebook.com/justasuckreviewer/?locale2=th_TH
[CR] Zac and Mia : TVซีรี่ย์สั้นๆ ที่มอบช่วงเวลาอันงดงามที่สุดให้เรา
ใครไม่น้ำตาหยดก็สตรองเกินไปแล้ว!
-เกี่ยวกับโรคมะเร็งและชายหญิงคู่นึง ดูผ่านๆ อาจจะคิดว่าออกแนวประมาณ the fault in our stars แต่ไม่ใช่ สำหรับ Zac&Mia เราให้มากกว่า TFIOS หลายขุม มันเป็นความเรียล ความดีพของบทและความรู้สึกของตัวละครที่มากขึ้น ขายความโรแมนติกที่น้อยกว่า แต่มากกว่าเเง่ของความเข้าใจในชีวิต จุกและเจ็บในอกได้โดยไม่ต้องใช้คำพูดที่สวยหวาน ไม่ต้องใช้ซีนดราม่าเรียกน้ำตา แต่มันเป็นความรู้สึกจริงๆ ของตัวละครที่ส่งต่อมาถึงเรา
-เป็นทีวีซีรี่ย์ที่สร้างมาจากนิยายชื่อดัง เล่าถึงเรื่องของเด็กวัยรุ่นสองคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับโรคมะเร็ง การก้าวผ่านโรคร้ายนี้ทำให้คนทั้งคู่ได้เรียนรู้ถึงอะไรบางอย่างที่สำคัญกว่าที่พวกเค้าเคยคิด แซ็ก เด็กหนุ่มที่วางแผนชีวิตไว้อย่างเพอร์เฟคดันมาเจอมะเร็งต่อน้ำเหลืองระยะสุดท้าย หลังจากรักษาเสร็จ ตอนนี้เค้าจะต้องถูกกักตัวไว้เพราะภูมิต้านทานอ่อนเป็นเวลา 100 วัน แซ็กได้พบเจอกับมีอา เด็กสาวที่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่เพราะพบมะเร็งในกระดูกบริเวณน่อง ทั้งคู่รู้จักกันผ่านการเคาะเรียกที่ผนัง
-เอาจริงๆ ตอนแรกเราก็คิดว่าจะมาแนวดาวบันดาลนะ แต่อย่างที่บอกว่าดูไปเรื่อยๆ จะรู้เลยว่าไม่ใช่ อารมณ์ ความรู้สึกนี่มาเต็มกว่าหลายเท่าเลยทีเดียว หนังไม่เน้นความโรแมนติก แต่จะเน้นเกี่ยวกับความรู้สึกของคนเป็นโรค ที่ต้องการกำลังใจจากคนรอบข้าง ต้องการเพื่อน ครอบครัว และความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะโรคของตัวเอง
-ตัวซีรี่ย์มีแค่ 6 ตอน ตอนละประมาณ 20 นาทีนิดๆ แต่เราไม่สามารถละสายตาไปจากตัวหนังได้เลย มันมีเสน่ห์ ดึงดูดเรามาก โทนสีในภาพจะมาแนวมึดมนตามความรู้สึกของคนในโรงพยาบาล หมองๆ เศร้าๆ แต่ในห้องพักของพระนางจะมีความสีออกนีออนๆ แทรกเข้ามา ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่มันเป็นแสงที่ชวนเหงาแต่มีเสน่ห์มาก! รวมถึงมุมกล้องเท่ๆ เวลาทั้งคู่คุยกันผ่านแชท หรือผ่านห้องที่ทั้งคู่นอนเป็นผักอยู่ มันเท่มากกก
-ชอบที่หนังพยายามพาเราไปสำรวจกับโรคมะเร็ง ทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของคนที่เป็นว่ามันท้อแท้ สิ้นหวังแค่ไหน อย่างตัวแซ็กเองขนาดยังมีพี่น้องที่แวะเวียนกันมาเยี่ยม ต่อหน้าเค้าก็ดูมีความสุข ดูเข้มแข็ง แต่หนังก็พาเราสำรวจในใจว่าจริงๆ แล้วข้างในแซ็กก็ไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่เค้าแสดงออกมา มีช่วยเวลาที่เค้าท้อ ไม่อยากสู่ต่อ รวมถึงพาเราไปพบเจอกับแรงบันดาลใจในการมีชีวิต ความหวัง ความฝันที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ออกไปสลับกับความท้อแท้ที่ดึงเค้าให้แย่ลง เหมือนกับว่าเราต้องคอยให้กำลังใจตัวละครให้เค้าสามารถพาความหวังออกมาเอาชนะความสิ้นหวังนั่นให้ได้
-ร้องไห้หนักมากอ่ะพูดเลย มันซึ้ง มันเศร้า มันเข้าใจถึงหัวอกของทุกๆ ฝ่าย เหมือนตอนนี้เป็นมะเร็งเอง เราได้เรียนรู้ว่าความสิ้นหวังเป็นสิ่งที่อันตรายมากที่สุดในเรื่องนี้
-เราได้เดินทางไปพร้อมๆ กับตัวละครทุกตัว มันทำให้เรารู้สึกว่าการเดินทางเข้าสู่ห้วงชีวิตของโรคมะเร็งก็เหมือนกับการเดินเข้าไปในยานอวกาศ ต้องใช้เวลานานหน่อยกว่าจะเดินทางไปถึงจุดหมาย ระหว่างทางก็ต้องปล่อยกระสวยที่ไม่สำคัญออกไปบ้าง เก็บแต่สิ่งที่สำคัญเอาไว้เพื่อลดน้ำหนักของยาน ระหว่างทางอาจจะเจอปัญหา อุปสรรคที่คาดไม่ถึง แต่สุดท้าย เราก็จะผ่านมันไป แล้วไปถึงจุดหมายที่น้อยคนนักจะทำสำเร็จ เราจะได้เรียนรู้สิ่งที่คนทั่วไปไม่มีทางได้รู้สึก ไม่มีทางได้สัมผัส หากไม่ได้มาเจอด้วยตัวเอง
-การจากไปไม่เคยเป็นเรื่องที่ธรรมดา แม้ว่าจะรู้อยู่แล้ว เข้าใจว่าวันนึงทุกๆ คนก็ต้องหายไป แต่เมื่อสถานการณ์นั้นเดินทางมาถึงก็ต่างไม่มีใครทำใจยอมรับได้ เหมือนกับเพื่อนของแซ็กอย่างแคมที่รู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง จึงมาถามความเห็นว่าควรผ่าตัดตามหมอบอก หรือไปโต้คลื่นกับเพื่อนเป็นครั้งสุดท้ายดี แซ็กบอกให้แคมไปผ่าตัด แม้จะรู้ว่าเปอร์เซ็นต์รอดมันน้อยมาก แต่อย่างน้อยทั้งคู่ก็ได้ร่วมกันสู้ มีพลังใจที่มากเกินพอ มันทำให้เรารู้สึกว่าสุดท้ายคนเราก็หนีไม่พ้นอะไรแบบนี้ ขอแค่ทำให้เต็มที่ก็พอ
-ทางด้านมีอา จากผู้หญิงฮอตประจำโรงเรียนที่มีแฟนหนุ่มหล่อ เพื่อนมากมาย ทุกคนรุมล้อม มีชีวิตที่เพอร์เฟคต้องพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งเลยหนีมารักษาโดยโกหกว่าไปถ่ายแบบที่นิวยอร์ค เราเห็นใจตัวละครนี้มาก ความเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันที่เจ้าตัวไม่เคยได้พบเจอทำให้มีอาต้องหลอกตัวเอง หลอกทุกคน การที่โรคมะเร็งอยู่ในตัวเธอ มีอาเรียนรู้อะไรมากขึ้น สิ่งสำคัญที่เธอได้รู้คือการปล่อยวาง แฟนหนุ่ม เพื่อนสาว งานพรอม ภาพลักษณ์ เธอปล่อยทุกอย่างลงและตระหนักได้ว่าสุดท้ายแล้ว สิ่งพวกนี้มันไม่ได้มีค่าอะไรเท่ากับคนไม่กี่คนที่พร้อมจะอยู่ข้างเธอในเวลาที่ตัวเธอเองต้องเผชิญกับความสิ้นหวังนี้ ในเวลาที่เธอไม่ได้แต่งหน้า ไม่ได้ใส่ชุดสวยๆ นอนทรุดโทรมอบู่ในโรงพยาบาล อย่างที่วินนี่ พยาบาลที่คอยดูแลมีอาได้บอกไว้ ‘ห้องที่มีอานอนอยู่สามารถคัดคนออกจากชีวิตเธอได้มากมาย’
-เพลงเพราะมากกกกก แทบทุกเพลงคือมันทำให้เราลอยละลิ่วอยู่บนอากาศ มันเหงา มันเศร้า มันเจ็บปวดทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจเนื้อหา โดยเฉพาะเพลงโปรดของนางเอกอย่าง ilysb ของ lany บอกก่อนเลยว่าความจริงนี่ไม่ค่อยอินกับ lany เท่าไหร่ แต่พอได้ฟังในนี้แล้วรีบไปหาเพลงฟังอีกรอบ แล้วหยุดที่หยุดฟังไม่ได้จ้า เป็นอีกเพลงที่ทำนองเพราะและเนื้อหาดีมากจริงๆ
สรุปว่ามันไม่มีอะไรให้ติแล้วกับ Zac&Mia เป็นหนังที่ดำเนินเรื่องเรียบๆ ช้าๆ แต่มีพลังที่แกร่งกล้าเหนือความคาดหมาย และมอบความรู้สึกนับล้านให้กับคนดู ฉากเลิฟซีนที่มีน้อยถึงน้อยที่สุดกลับทำให้เรารู้สึกโคตรโรแมนติกเลยในตอนจบ❤️
PS. เราจะหาเวอร์ชั่นหนังสือมาอ่านให้ได้เลยสัญญา มีคนบอกว่าในหนังสือมันเลอค่ากว่านี้อีก❤️
10/10
แค่นักวิจารณ์หนังกากๆ คนหนึ่ง
------------------------------
ถ้าชอบการรีวิวครั้งนี้ สามารถเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องหนังๆ พร้อมกับดูรีวิวอื่นๆ ได้ที่นี่เลย
เพจ แค่นักวิจารณ์หนังกากๆ คนหนึ่ง
https://m.facebook.com/justasuckreviewer/?locale2=th_TH