การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอาหารการกิน แคบหมูของไทยกับพริกหมาล่าของจีน
บทความ "การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอาหารการกิน แคบหมูของไทยกับพริกหมาล่าของจีน" อ่านเจอใน
http://www.thaibizchina.com/thaibizchina/th/china-facts/detail.php?IBLOCK_ID=70&SECTION_ID=522&ELEMENT_ID=17715 เห็นว่าน่าสนใจ เลยมาแบ่งปันกันอ่านค่ะ
มณฑลยูนนานเป็นมณฑลของจีนที่ใกล้ไทยที่สุด มีชายแดนห่างกันเพียง 250 กิโลเมตร โดยมีทางหลวงคุนหมิง-กรุงเทพฯ (R3A) เป็นตัวเชื่อมโยงที่สำคัญ ใช้เวลาเดินทางจากชายแดนจีน ผ่านลาว เข้าชายแดนไทย 4-5 ชั่วโมง และด้วยระยะทางที่ใกล้กัน ประกอบกับการเดินทางจากตัวเมืองคุนหมิง (เมืองเอกของมณฑลยูนนาน) ถึงประเทศไทยก็มีความสะดวก เนื่องจากมีเที่ยวบินจากคุนหมิงไปลงกรุงเทพฯ และจังหวัดเชียงใหม่ทุกวัน ทำให้มีประชาชนทั้งสองฝ่ายเดินทางไปมาหาสู่กันเพิ่มขึ้นทุกปี
การเดินทางไปมาหาสู่กันของประชาชน ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยน ทั้งด้านการค้า การศึกษา สื่อสารมวลชน วัฒนธรรม และแทรกซึมไปถึงพฤติกรรมการกินของสองประเทศ
ความนิยม “พริกหมาล่า” ของจีนในภาคเหนือของไทย
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การผุดขึ้นของร้านปิ้งย่าง “หมาล่า” ข้างถนนในจังหวัดเชียงใหม่เรียกได้ว่ามาแรงแซงโค้ง และระบาดไปทั่วทุกถนนหลักของเชียงใหม่ โดยเฉพาะโซนมหาวิทยาลัยและแหล่งบันเทิง ซึ่งขาเที่ยวและวัยรุ่นต่างชื่นชอบรสชาติเผ็ดลิ้นชาที่แตกต่างจากรสเผ็ดแบบไทย โดยเฉพาะการได้กินเป็นกับแกล้มคู่กับเครื่องดื่มเย็น ๆ
ร้านปิ้งย่างหมาล่าในเชียงใหม่ มีลักษณะคล้ายกับ “ร้านซาวเข่า” (烧烤) ในนครคุนหมิง ที่มีอยู่ตามมุมถนนต่าง ๆ และหาทานได้ไม่ยากโดยเฉพาะในยามค่ำคืน ซึ่ง “ซาว” (烧) แปลว่า เผา และ “เข่า” (烤) แปลว่า ปิ้งหรือย่าง หรือก็คือ ร้านบาร์บีคิวสไตล์จีน
ลูกค้าของร้านปิ้งย่างหมาล่าสามารถเลือกเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมู หมูสามชั้น เนื้อไก่ ปลา ปลาหมึก ไส้กรอก ลูกชิ้น ไส้ เครื่องใน และผักต่าง ๆ อาทิ เห็ดเข็มทอง เห็ดออรินจิ ผักกุยช่าย มะเขือ กระเจี๊ยบสดฟักทอง ข้าวโพด ที่เสียบไม้ไว้แล้ว จากนั้นเป็นหน้าที่ของพ่อค้าแม่ค้าในการปิ้งย่าง ระหว่างปิ้งก็ต้องพรมด้วยน้ำมันพืชหรือน้ำมันงา และไฮไลต์คือ โรยด้วยผงพริกหมาล่า ส่วนสูตรการหมักเนื้อของแต่ละร้านก็มีความแตกต่างกันไป สนนราคาไม้ละ 5-15 บาทขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ
“หมาล่า” คืออะไร? ในภาษาจีน “หมา” (麻) แปลว่า ชา และ “ล่า” (辣) แปลว่า พริกหรือเผ็ด ผงพริกหมาล่าของจีนมีส่วนผสมคือ พริกป่น ฮัวเจียว ซึ่งเป็นที่มาของรสชาลิ้น เกลือ และผงชูรส เป็นหลัก บางยี่ห้อจะเพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยพริกไทยเข้าไปอีก รวมถึงสมุนไพรจีนเพิ่มความหอม อาทิ โป๊ยกัก ยี่หรา และขิงผง ทั้งนี้ คนจีนนิยมใช้ฮัวเจียวในการประกอบอาหาร เพราะฮัวเจียวมีสรรพคุณไล่ความเย็น ทำให้อุ่น และช่วยขับเหงื่อ ซึ่งดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในฤดูหนาว
อันที่จริง หมาล่า เป็นรสชาติอาหารที่มีชื่อเสียงของชาวเสฉวนมาอย่างยาวนาน ส่วนผงพริกหมาล่าสำเร็จรูปบรรจุซองถือเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงของมณฑลยูนนาน ชาวยูนนานนำผงพริกหมาล่ามาใช้ปรุงรสในอาหารอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นปิ้งย่าง ทอด ยำ ผัด และน้ำจิ้มปรุงรสสำหรับสุกี้หรือก๋วยเตี๋ยว คือใช้ผงพริกหมาล่าแทนที่พริกป่นธรรมดากันเลยทีเดียว
ปัจจุบัน ในจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากจะมีร้านปิ้งย่างหมาล่าให้บริการ ผงพริกหมาล่าบรรจุซองสำเร็จรูปนำเข้าจากมณฑลยูนนานก็มีวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไป เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยนำกลับไปปรุงรสตามชอบได้เองที่บ้านอีกด้วย นอกจากนี้ ยังเริ่มพบเห็นเมนูหม้อไฟพริกหมาล่าในเมืองไทยบ้างแล้ว ซึ่งเป็นเมนูสุดฮิตตามร้านอาหารจีนเสฉวน เป็นการตอกย้ำกระแสความนิยมพริกหมาล่าในหมู่วัยรุ่นไทยได้เป็นอย่างดี
การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอาหารการกิน แคบหมูของไทยกับพริกหมาล่าของจีน
บทความ "การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอาหารการกิน แคบหมูของไทยกับพริกหมาล่าของจีน" อ่านเจอใน http://www.thaibizchina.com/thaibizchina/th/china-facts/detail.php?IBLOCK_ID=70&SECTION_ID=522&ELEMENT_ID=17715 เห็นว่าน่าสนใจ เลยมาแบ่งปันกันอ่านค่ะ
มณฑลยูนนานเป็นมณฑลของจีนที่ใกล้ไทยที่สุด มีชายแดนห่างกันเพียง 250 กิโลเมตร โดยมีทางหลวงคุนหมิง-กรุงเทพฯ (R3A) เป็นตัวเชื่อมโยงที่สำคัญ ใช้เวลาเดินทางจากชายแดนจีน ผ่านลาว เข้าชายแดนไทย 4-5 ชั่วโมง และด้วยระยะทางที่ใกล้กัน ประกอบกับการเดินทางจากตัวเมืองคุนหมิง (เมืองเอกของมณฑลยูนนาน) ถึงประเทศไทยก็มีความสะดวก เนื่องจากมีเที่ยวบินจากคุนหมิงไปลงกรุงเทพฯ และจังหวัดเชียงใหม่ทุกวัน ทำให้มีประชาชนทั้งสองฝ่ายเดินทางไปมาหาสู่กันเพิ่มขึ้นทุกปี
การเดินทางไปมาหาสู่กันของประชาชน ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยน ทั้งด้านการค้า การศึกษา สื่อสารมวลชน วัฒนธรรม และแทรกซึมไปถึงพฤติกรรมการกินของสองประเทศ
ความนิยม “พริกหมาล่า” ของจีนในภาคเหนือของไทย
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การผุดขึ้นของร้านปิ้งย่าง “หมาล่า” ข้างถนนในจังหวัดเชียงใหม่เรียกได้ว่ามาแรงแซงโค้ง และระบาดไปทั่วทุกถนนหลักของเชียงใหม่ โดยเฉพาะโซนมหาวิทยาลัยและแหล่งบันเทิง ซึ่งขาเที่ยวและวัยรุ่นต่างชื่นชอบรสชาติเผ็ดลิ้นชาที่แตกต่างจากรสเผ็ดแบบไทย โดยเฉพาะการได้กินเป็นกับแกล้มคู่กับเครื่องดื่มเย็น ๆ
ร้านปิ้งย่างหมาล่าในเชียงใหม่ มีลักษณะคล้ายกับ “ร้านซาวเข่า” (烧烤) ในนครคุนหมิง ที่มีอยู่ตามมุมถนนต่าง ๆ และหาทานได้ไม่ยากโดยเฉพาะในยามค่ำคืน ซึ่ง “ซาว” (烧) แปลว่า เผา และ “เข่า” (烤) แปลว่า ปิ้งหรือย่าง หรือก็คือ ร้านบาร์บีคิวสไตล์จีน
ลูกค้าของร้านปิ้งย่างหมาล่าสามารถเลือกเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมู หมูสามชั้น เนื้อไก่ ปลา ปลาหมึก ไส้กรอก ลูกชิ้น ไส้ เครื่องใน และผักต่าง ๆ อาทิ เห็ดเข็มทอง เห็ดออรินจิ ผักกุยช่าย มะเขือ กระเจี๊ยบสดฟักทอง ข้าวโพด ที่เสียบไม้ไว้แล้ว จากนั้นเป็นหน้าที่ของพ่อค้าแม่ค้าในการปิ้งย่าง ระหว่างปิ้งก็ต้องพรมด้วยน้ำมันพืชหรือน้ำมันงา และไฮไลต์คือ โรยด้วยผงพริกหมาล่า ส่วนสูตรการหมักเนื้อของแต่ละร้านก็มีความแตกต่างกันไป สนนราคาไม้ละ 5-15 บาทขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ
“หมาล่า” คืออะไร? ในภาษาจีน “หมา” (麻) แปลว่า ชา และ “ล่า” (辣) แปลว่า พริกหรือเผ็ด ผงพริกหมาล่าของจีนมีส่วนผสมคือ พริกป่น ฮัวเจียว ซึ่งเป็นที่มาของรสชาลิ้น เกลือ และผงชูรส เป็นหลัก บางยี่ห้อจะเพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยพริกไทยเข้าไปอีก รวมถึงสมุนไพรจีนเพิ่มความหอม อาทิ โป๊ยกัก ยี่หรา และขิงผง ทั้งนี้ คนจีนนิยมใช้ฮัวเจียวในการประกอบอาหาร เพราะฮัวเจียวมีสรรพคุณไล่ความเย็น ทำให้อุ่น และช่วยขับเหงื่อ ซึ่งดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในฤดูหนาว
อันที่จริง หมาล่า เป็นรสชาติอาหารที่มีชื่อเสียงของชาวเสฉวนมาอย่างยาวนาน ส่วนผงพริกหมาล่าสำเร็จรูปบรรจุซองถือเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงของมณฑลยูนนาน ชาวยูนนานนำผงพริกหมาล่ามาใช้ปรุงรสในอาหารอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นปิ้งย่าง ทอด ยำ ผัด และน้ำจิ้มปรุงรสสำหรับสุกี้หรือก๋วยเตี๋ยว คือใช้ผงพริกหมาล่าแทนที่พริกป่นธรรมดากันเลยทีเดียว
ปัจจุบัน ในจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากจะมีร้านปิ้งย่างหมาล่าให้บริการ ผงพริกหมาล่าบรรจุซองสำเร็จรูปนำเข้าจากมณฑลยูนนานก็มีวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไป เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยนำกลับไปปรุงรสตามชอบได้เองที่บ้านอีกด้วย นอกจากนี้ ยังเริ่มพบเห็นเมนูหม้อไฟพริกหมาล่าในเมืองไทยบ้างแล้ว ซึ่งเป็นเมนูสุดฮิตตามร้านอาหารจีนเสฉวน เป็นการตอกย้ำกระแสความนิยมพริกหมาล่าในหมู่วัยรุ่นไทยได้เป็นอย่างดี