ลุง Liam Neeson กลับมาอีกครั้ง กับหนังแนว Action Crime Thriller ในแบบที่เคยเห็นกันมาตลอดในช่วงหลังของลุง ลุงแกจะต้องตกกระไดพลอยโจนไปอยู่ในสถานการณ์ก่อการร้ายแล้วโดนจับลูกเมียเป็นตัวประกันอยู่เรื่อย ซึ่งกลายเป็นหนังลายเซ็นของลุงแกไปซะแล้ว เรื่องนี้ก็เช่นกัน แค่เปลี่ยนสถานที่เป็นรถไฟเท่านั้น
ไมเคิลหนุ่มใหญ่นักขายประกัน ที่ไป-กลับบ้านและที่ทำงานทุกวันด้วยรถไฟจนเป็นกิจวัตร จนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากที่ได้พบหญิงสาวแปลกหน้าผู้ลึกลับ ไมเคิลถูกบีบให้เปิดโปงตัวตนของผู้โดยสารคนหนึ่งก่อนที่จะถึงสถานีสุดท้าย เขาต้องแข่งกับเวลาเพื่อแก้ปริศนา ไม่นานเขาตระหนักได้ว่าเขาได้กลายเป็นส่วนของแผนร้ายวินาศกรรมที่ต้องเอาชีวิตของเขาและผู้โดยสารอีกเป็นร้อยมาเดิมพัน
หนังเปิดมาด้วยเรื่องราวแบ็คกราวน์ของ ไมเคิล ไม่ยาวมาก บอกแค่ว่าไมเคิลมีปัญหาอะไร ทำไมถึงต้องยอมรับข้อเสนอ แล้วพอขึ้นไปบนขบวนรถและเจอกับตัวละครปริศนาอย่าง โจแอนนา แล้ว หนังก็เริ่มสืบสวนกันอย่างสนุก ซึ่งในตอนสอบสวนเนี่ยหนังหลอกคนดูไปมาได้อย่างน่าติดตาม มีตัวลละครหลอกออกมาให้สงสัยหลายคน อารมณ์หนังจะค่อยๆ พีคขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่หนังเฉลยตัวคนร้าย ซึ่งตรงจุดนี้หนังทำได้ค่อนข้างดีและน่าตื่นเต้นมากๆ
ฉากแอ็คชั่นในเรื่องมีเรียกว่านับฉากได้ แต่ฉากลองเทคช่วงเกือบๆ จะท้ายเรื่องทำได้สุดยอดเอามากๆ ลุ้นกันเหนื่อย ซึ่งถึงแม้จะมีฉากแอ็คชั่นน้อยมมากในเรื่อง แต่ฉากนี้ก็เป็นฉากต่อสู้ที่ยาวมาก และทำได้มันส์จริงๆ ดูแค่ฉากนี้ก็คุ้มละ ถือว่าลุงเลียมแกยังมีน้ำยาอยู่
มีจุดนึงที่เป็นสิ่งที่หนังทำได้ดีและไม่ดีในจุดเดียวกันคือเรื่องของการผูกปมปริศนาให้กับหนังตั้งแต่ต้นเรื่อง สาวปริศนาอย่าง โจแอนนา ที่ทำได้ลึกลับน่าติดตาม แต่พอถึงตอนที่ต้องขมวดปมและเฉลยทุกสิ่ง หนังกลับทำเหมือนรีบให้มันจบแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย โดยเฉพาะตอนจบ มันจบแบบนั้นเลยเหรอ ง่ายไปป่าว
พอดูตั้งแต่ต้นจนจบ เราจะพบว่าสุดท้ายแล้ว ลุงเลียม ก็กลายเป็น “เดอะแบก” ของหนังอีกแล้ว เรื่องนี้คนอื่นแทบไม่ได้มีบทบาทสลักสำคัญอะไรเลย ทั้งเรื่องมีลุงแกลุยอยู่คนเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งถามว่าดีมั๊ย ก็ดี แต่มันไม่มีความแปลกใหม่เพราะสุดท้ายแล้วคอนเซ็ปต์หนังมันก็เหมือนหนังที่ผ่านมาของลุงแก เพียงแต่เปลี่ยนสถานที่จาก บ้าน, เครื่องบิน มาเป็นบนรถไฟแทน ซึ่งถ้าไม่คิดมาก ดูเอามันส์ หนังเรื่องนี้ก็มันส์ในแบบฉบับของลุงเหมือนเรื่องที่ผ่านๆ มานั่นแหละ แต่อยากเห็นลุงเล่นบทอื่บ้างน่ะสิ
ฝากเพจด้วยนะครับ >>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai
[CR] [#Review] The Commuter #นรกใช้มาเกิด ลุงเลียมซวยอีกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือรถไฟ
ไมเคิลหนุ่มใหญ่นักขายประกัน ที่ไป-กลับบ้านและที่ทำงานทุกวันด้วยรถไฟจนเป็นกิจวัตร จนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากที่ได้พบหญิงสาวแปลกหน้าผู้ลึกลับ ไมเคิลถูกบีบให้เปิดโปงตัวตนของผู้โดยสารคนหนึ่งก่อนที่จะถึงสถานีสุดท้าย เขาต้องแข่งกับเวลาเพื่อแก้ปริศนา ไม่นานเขาตระหนักได้ว่าเขาได้กลายเป็นส่วนของแผนร้ายวินาศกรรมที่ต้องเอาชีวิตของเขาและผู้โดยสารอีกเป็นร้อยมาเดิมพัน
หนังเปิดมาด้วยเรื่องราวแบ็คกราวน์ของ ไมเคิล ไม่ยาวมาก บอกแค่ว่าไมเคิลมีปัญหาอะไร ทำไมถึงต้องยอมรับข้อเสนอ แล้วพอขึ้นไปบนขบวนรถและเจอกับตัวละครปริศนาอย่าง โจแอนนา แล้ว หนังก็เริ่มสืบสวนกันอย่างสนุก ซึ่งในตอนสอบสวนเนี่ยหนังหลอกคนดูไปมาได้อย่างน่าติดตาม มีตัวลละครหลอกออกมาให้สงสัยหลายคน อารมณ์หนังจะค่อยๆ พีคขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่หนังเฉลยตัวคนร้าย ซึ่งตรงจุดนี้หนังทำได้ค่อนข้างดีและน่าตื่นเต้นมากๆ
ฉากแอ็คชั่นในเรื่องมีเรียกว่านับฉากได้ แต่ฉากลองเทคช่วงเกือบๆ จะท้ายเรื่องทำได้สุดยอดเอามากๆ ลุ้นกันเหนื่อย ซึ่งถึงแม้จะมีฉากแอ็คชั่นน้อยมมากในเรื่อง แต่ฉากนี้ก็เป็นฉากต่อสู้ที่ยาวมาก และทำได้มันส์จริงๆ ดูแค่ฉากนี้ก็คุ้มละ ถือว่าลุงเลียมแกยังมีน้ำยาอยู่
มีจุดนึงที่เป็นสิ่งที่หนังทำได้ดีและไม่ดีในจุดเดียวกันคือเรื่องของการผูกปมปริศนาให้กับหนังตั้งแต่ต้นเรื่อง สาวปริศนาอย่าง โจแอนนา ที่ทำได้ลึกลับน่าติดตาม แต่พอถึงตอนที่ต้องขมวดปมและเฉลยทุกสิ่ง หนังกลับทำเหมือนรีบให้มันจบแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย โดยเฉพาะตอนจบ มันจบแบบนั้นเลยเหรอ ง่ายไปป่าว
พอดูตั้งแต่ต้นจนจบ เราจะพบว่าสุดท้ายแล้ว ลุงเลียม ก็กลายเป็น “เดอะแบก” ของหนังอีกแล้ว เรื่องนี้คนอื่นแทบไม่ได้มีบทบาทสลักสำคัญอะไรเลย ทั้งเรื่องมีลุงแกลุยอยู่คนเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งถามว่าดีมั๊ย ก็ดี แต่มันไม่มีความแปลกใหม่เพราะสุดท้ายแล้วคอนเซ็ปต์หนังมันก็เหมือนหนังที่ผ่านมาของลุงแก เพียงแต่เปลี่ยนสถานที่จาก บ้าน, เครื่องบิน มาเป็นบนรถไฟแทน ซึ่งถ้าไม่คิดมาก ดูเอามันส์ หนังเรื่องนี้ก็มันส์ในแบบฉบับของลุงเหมือนเรื่องที่ผ่านๆ มานั่นแหละ แต่อยากเห็นลุงเล่นบทอื่บ้างน่ะสิ
ฝากเพจด้วยนะครับ >> https://www.facebook.com/DooNangGunMai