มาแล้ว มาแล้ว รีวิวท่องเที่ยว แบบลุยเดี่ยวอีกครั้ง
ครั้งนี้เราไปลุยกันที่จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดที่อยู่ทางตะวันตกของประเทศไทย
แถมยังมีธรรมชาติ และประวัติศาสต์มากมายก่ายกอง
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า เริ่มด้วยการที่ผมอยากไปปีนเขาช้างงเผือกมาก ซึ่งเป็นที่ที่จองอยากที่สุดในไทยอีกที่หนึ่งกว่าว่าได้ จองมา 3 ปีแล้ว อ่ะยังไม่ได้สักที ผมเริ่มโทรจองช่วงหลังปีใหม่ครับ เพราะคิดว่าคนน่าจะไปเที่ยวน้อยลง เลยโทรทุกวัน ทุกวัน โทรเท่าไหร่ไม่ติด จนถึงวันที่โทรติด กับสายที่โทรไปในวันนั้น 200 สาย พอเจ้าหน้าที่รับ ในใจก็คิดว่า คงเต็มแล้ว แต่ก็ถามเจ้าหน้าที่ไปว่า
ผม : วันที่ผมจะขึ้นเต็มยังครับ
เจ้าหน้าที่ : ยังว่างอยู่ค่ะ
ผม : งั้นผมขอจองวันนั้น จำนวน 5 ที่ เต็มจำนวนเลยครับ
เจ้าหน้าที่ : งั้นขอชื่อ และเลข ปชช. ของทุกคนเลยหรอครับ
ผม : ผมเปิด line เพื่อจะหารายชื่อเพื่อนที่เตรียมไว้ แต่ด้วยความตื่นเต้น และ line มีปัญหาก่อนหน้านี้ จึงหาไม่เจอ ผมเลยบอกเจ้าหน้าที่ไปว่า อืมมม งั้นผมขอเปลี่ยนเป็นไปคนเดียวแล้วกันครับ พอดีผมหารายชื่อเพื่อนไม่เจอ (ในใจคิด ตูโดนบ่นแน่ๆ) แต่เอาวะ จองยากนี่ไปคนเดียวก็ได้
เจ้าหน้าที่ : อ่อค่ะ
หลังจากนั้นผมก็แจ้งรายละเอียดของผม และส่งเอกสารไปตาม e-mail ที่ทางอุทยานได้แจ้งไว้ แล้วผมก็บอกเพื่อนๆว่า จองได้แล้วนะ แต่คนเดียวว่ะ Sory sory แล้วหลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ผมก็เตรียมตัวเดินทาง ซึ่งทริปนี้ไปคนเดียวจึงไม่ได้เอาของอะไรไปมาก จะได้ไม่เป็นภาระของตัวเอง
เรามาเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่า ก่อนวันไปหนึ่งวัน ผมได้จองเดินทางกับรถโดยสารของ บขส.999 ซึ่งจองขึ้นจาก หมอชิตขด่านเจดีย์สามองค์ แต่ผมจะไปลงแค่ ตลาดทองผาภูมิเท่านั้น ซึ่งจองผ่าน online และจ่ายเงินเรียบร้อย พอตอนเย็น ก็มีสายจากทาง บขส.999 โทรมาแจ้งว่าพรุ่งนี้ไม่มีรถแล้วนะคะ เนื่องจากรถมีเที่ยวเดียว และเสีย ให้ผมไปรับเงินคืนที่ หมอชิต
DAY 1
มาถึงวันที่เริ่มเดินทาง ผมรีบตื่นแต่เช้า เพื่อให้ทันไปขึ้นรถตู้เที่ยวทัน 06.30 น. และไปรับเงินคืน ผมออกเดินทางจากหมอชิต ถึงจังหวัดกาญจนบุรี เกือบๆ 09.00 น. ผมรีบหาข้าวกินแล้วไปซื้อตั๋วรถตู้ เพื่อต่อรถขึ้นไปที่ตลาดทองผาภูมิ เพื่อจะให้ทันรถสองแถวอีต่อง ซึ่งมีรอบสุดท้าย บ่ายโมงครื่ง จากนั้นผมนั่งนั่งรถตู้จากในตัวเมือง มาถึงตลาดทองผาภูมิ ตอน 12.30 พอดี ซึ่งผมเห็นรถสองแถวอีต่องผ่านไปต่อหน้าต่อตา จึงค่อยเดินไปที่จอดรถสองแถว เพราะยังคิดว่ามีอีกรอบน่า พอเดินไปถึง ผมก็สอบถามกับคนแถวนั้นว่า รถสองแถวอีต่องหมดยังครับ เขาก็บอกว่ายังมีอีกรอบ ผมก็เลยเดินไปซื้อของมากินรอ แล้วอยู่ๆ คนที่ขับรถสองแถวแต่ไปที่บ้านไร่เขาบอกว่า วันนี้สองแถวอีต่องหมดแล้วนะ พี่แกก็จะให้เหมาไปอย่างเดียว แกเรียก 1200 (โหหหหห แพงไปไหมพี่ ในใจ) สักพักก็มีกลุ่มน้องๆที่มาเที่ยวเหมือนกัน ไม่ทันรถเหมือนกัน พี่แกก็ยังตื้อ บอกว่าหารๆกันไหม ไม่งั้นก็ไม่มีรถไปแล้วนะ สักพักป้าร้านข้าวแถวนั้นก็เดินมาบอกผม และกลุ่มน้อง ให้มารอร้านป้านี่ ไปม่ต้องไปเหมา คิดแพงไป ป้าแกบอกว่าวันนี้มีคนเหมารถขึ้นไปรอบหนึ่ง ทำให้รอบ 13.30 น. ไม่มี หลังจากนั้นป้าแกก็หารถไปส่งพวกเราให้ คนละ 100 พวกเราก็โอเค
ผมนั่งรถมาลงอุทยานก่อน เพราะว่าจะนอนที่อุทยาน 1 คืน แล้วผมก็เข้าไปสอบถามรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ แล้วก็ไปกางเต๊นท์นอนในอุทยานนั่นแหละ
DAY 2
ผมตื่นเช้ามาพร้อมกับอากาศเย็นสบาย นั่งจิบกาแฟซองละ 7 บาท หลังจากนั้นก็เก็บเต็นท์ แล้วไปกินข้าวที่ร้านค้าของอุทยาน เพื่อเตรียมตัวไปปิ๊อก(อีต่อง) สักประมาณ 10.00 น. ผมเดินไปรอรถสองแถวหน้าอุทยาน แต่พี่เจ้าหน้าที่บอกว่า กว่ารถจะมาก็บ่ายๆ โน่นแหละ ให้ผมโบกรถไปเลย ผมยืนรอรถ รอแล้ว รออีก ก็ไม่มีรถขาขึ้นมาสักที มีแต่ขาลง จนเกือบ 11 โมง ก็มีรถกระบะ มาเที่ยวกำลังจะไปอีต่องพอดี ผมก็เลยขอโบกขึ้นไปเลย
ผมขออาศัยรถโดยนั่งท้ายกระบะพี่ครอบครัวนี้มาถึงหมู่บ้านอีต่อง ใช้เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมงก็มาถึง ผมนี่ก็มึนๆนิดหน่อย เพราะโค้งเยอะเหลือเกิน เห็นเค้าว่ามีโค้งตั้ง 399 โค้งแหนะ พอมาถึงผมก็ขอบคุณพี่ๆครอบครัวนี้มากที่ให้ผมติดรถมาด้วย จากนั้นด้วยความเมื่อยล้า และคืนนี้อยากนอนในหมู่บ้านชิลๆหน่อย เลยเดินไปหาโฮมสเตย์ แต่เดินถามหลายๆที่ก็เต็มไปหมด จนมาเจอที่ เลิ๊ฟปิล๊อกโฮมสเตย์ ตอนแรกพี่เขาบอกว่าห้องเต็มแล้ว แต่มีคนยกเลิกพอดี ผมเลยได้เป็นห้องสุดท้าย โชคดีจริงๆ ส่วนราคาก็ค่อนข้างเอาเรื่องอยู่นะ ประมาณ 800 รวมอาหารเช้าด้วยนะ(จริงๆก็พอๆกันกับทุกโฮมสตย์เลย) ผมก็เลยตกลงเข้าพัก หลังจากนั้นผมก็เข้าไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วก็ไปเดินเล่นชิลๆ แล้วก็หากาแฟอร่อยๆกินสักแก้วสักหน่อย หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กน่ารัก อากาศก็ดี วันที่ผมไปมีหมอกลงทั้งวันเลย ฟินสุดๆ
เดินเล่นกันจนเพลินเลย อ่อลืมไป ผมเดินไปเนินช้างศึกด้วยนะ ข้างบนอากาศดีมาก แต่เดินไปก็จะเหน่อยๆหน่อย ได้อีกฟิวหนึ่ง กลับมาก็สลบเลย จบไปอีกหนึ่งวัน
[CR] โบกรถลุยเดี่ยว เที่ยว "ปิล๊อก 399 โค้ง" กว่าจะถึง "เขาช้างเผือก"
ครั้งนี้เราไปลุยกันที่จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดที่อยู่ทางตะวันตกของประเทศไทย
แถมยังมีธรรมชาติ และประวัติศาสต์มากมายก่ายกอง
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า เริ่มด้วยการที่ผมอยากไปปีนเขาช้างงเผือกมาก ซึ่งเป็นที่ที่จองอยากที่สุดในไทยอีกที่หนึ่งกว่าว่าได้ จองมา 3 ปีแล้ว อ่ะยังไม่ได้สักที ผมเริ่มโทรจองช่วงหลังปีใหม่ครับ เพราะคิดว่าคนน่าจะไปเที่ยวน้อยลง เลยโทรทุกวัน ทุกวัน โทรเท่าไหร่ไม่ติด จนถึงวันที่โทรติด กับสายที่โทรไปในวันนั้น 200 สาย พอเจ้าหน้าที่รับ ในใจก็คิดว่า คงเต็มแล้ว แต่ก็ถามเจ้าหน้าที่ไปว่า
ผม : วันที่ผมจะขึ้นเต็มยังครับ
เจ้าหน้าที่ : ยังว่างอยู่ค่ะ
ผม : งั้นผมขอจองวันนั้น จำนวน 5 ที่ เต็มจำนวนเลยครับ
เจ้าหน้าที่ : งั้นขอชื่อ และเลข ปชช. ของทุกคนเลยหรอครับ
ผม : ผมเปิด line เพื่อจะหารายชื่อเพื่อนที่เตรียมไว้ แต่ด้วยความตื่นเต้น และ line มีปัญหาก่อนหน้านี้ จึงหาไม่เจอ ผมเลยบอกเจ้าหน้าที่ไปว่า อืมมม งั้นผมขอเปลี่ยนเป็นไปคนเดียวแล้วกันครับ พอดีผมหารายชื่อเพื่อนไม่เจอ (ในใจคิด ตูโดนบ่นแน่ๆ) แต่เอาวะ จองยากนี่ไปคนเดียวก็ได้
เจ้าหน้าที่ : อ่อค่ะ
หลังจากนั้นผมก็แจ้งรายละเอียดของผม และส่งเอกสารไปตาม e-mail ที่ทางอุทยานได้แจ้งไว้ แล้วผมก็บอกเพื่อนๆว่า จองได้แล้วนะ แต่คนเดียวว่ะ Sory sory แล้วหลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ผมก็เตรียมตัวเดินทาง ซึ่งทริปนี้ไปคนเดียวจึงไม่ได้เอาของอะไรไปมาก จะได้ไม่เป็นภาระของตัวเอง
เรามาเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่า ก่อนวันไปหนึ่งวัน ผมได้จองเดินทางกับรถโดยสารของ บขส.999 ซึ่งจองขึ้นจาก หมอชิตขด่านเจดีย์สามองค์ แต่ผมจะไปลงแค่ ตลาดทองผาภูมิเท่านั้น ซึ่งจองผ่าน online และจ่ายเงินเรียบร้อย พอตอนเย็น ก็มีสายจากทาง บขส.999 โทรมาแจ้งว่าพรุ่งนี้ไม่มีรถแล้วนะคะ เนื่องจากรถมีเที่ยวเดียว และเสีย ให้ผมไปรับเงินคืนที่ หมอชิต
DAY 1
มาถึงวันที่เริ่มเดินทาง ผมรีบตื่นแต่เช้า เพื่อให้ทันไปขึ้นรถตู้เที่ยวทัน 06.30 น. และไปรับเงินคืน ผมออกเดินทางจากหมอชิต ถึงจังหวัดกาญจนบุรี เกือบๆ 09.00 น. ผมรีบหาข้าวกินแล้วไปซื้อตั๋วรถตู้ เพื่อต่อรถขึ้นไปที่ตลาดทองผาภูมิ เพื่อจะให้ทันรถสองแถวอีต่อง ซึ่งมีรอบสุดท้าย บ่ายโมงครื่ง จากนั้นผมนั่งนั่งรถตู้จากในตัวเมือง มาถึงตลาดทองผาภูมิ ตอน 12.30 พอดี ซึ่งผมเห็นรถสองแถวอีต่องผ่านไปต่อหน้าต่อตา จึงค่อยเดินไปที่จอดรถสองแถว เพราะยังคิดว่ามีอีกรอบน่า พอเดินไปถึง ผมก็สอบถามกับคนแถวนั้นว่า รถสองแถวอีต่องหมดยังครับ เขาก็บอกว่ายังมีอีกรอบ ผมก็เลยเดินไปซื้อของมากินรอ แล้วอยู่ๆ คนที่ขับรถสองแถวแต่ไปที่บ้านไร่เขาบอกว่า วันนี้สองแถวอีต่องหมดแล้วนะ พี่แกก็จะให้เหมาไปอย่างเดียว แกเรียก 1200 (โหหหหห แพงไปไหมพี่ ในใจ) สักพักก็มีกลุ่มน้องๆที่มาเที่ยวเหมือนกัน ไม่ทันรถเหมือนกัน พี่แกก็ยังตื้อ บอกว่าหารๆกันไหม ไม่งั้นก็ไม่มีรถไปแล้วนะ สักพักป้าร้านข้าวแถวนั้นก็เดินมาบอกผม และกลุ่มน้อง ให้มารอร้านป้านี่ ไปม่ต้องไปเหมา คิดแพงไป ป้าแกบอกว่าวันนี้มีคนเหมารถขึ้นไปรอบหนึ่ง ทำให้รอบ 13.30 น. ไม่มี หลังจากนั้นป้าแกก็หารถไปส่งพวกเราให้ คนละ 100 พวกเราก็โอเค
ผมนั่งรถมาลงอุทยานก่อน เพราะว่าจะนอนที่อุทยาน 1 คืน แล้วผมก็เข้าไปสอบถามรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ แล้วก็ไปกางเต๊นท์นอนในอุทยานนั่นแหละ
DAY 2
ผมตื่นเช้ามาพร้อมกับอากาศเย็นสบาย นั่งจิบกาแฟซองละ 7 บาท หลังจากนั้นก็เก็บเต็นท์ แล้วไปกินข้าวที่ร้านค้าของอุทยาน เพื่อเตรียมตัวไปปิ๊อก(อีต่อง) สักประมาณ 10.00 น. ผมเดินไปรอรถสองแถวหน้าอุทยาน แต่พี่เจ้าหน้าที่บอกว่า กว่ารถจะมาก็บ่ายๆ โน่นแหละ ให้ผมโบกรถไปเลย ผมยืนรอรถ รอแล้ว รออีก ก็ไม่มีรถขาขึ้นมาสักที มีแต่ขาลง จนเกือบ 11 โมง ก็มีรถกระบะ มาเที่ยวกำลังจะไปอีต่องพอดี ผมก็เลยขอโบกขึ้นไปเลย
ผมขออาศัยรถโดยนั่งท้ายกระบะพี่ครอบครัวนี้มาถึงหมู่บ้านอีต่อง ใช้เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมงก็มาถึง ผมนี่ก็มึนๆนิดหน่อย เพราะโค้งเยอะเหลือเกิน เห็นเค้าว่ามีโค้งตั้ง 399 โค้งแหนะ พอมาถึงผมก็ขอบคุณพี่ๆครอบครัวนี้มากที่ให้ผมติดรถมาด้วย จากนั้นด้วยความเมื่อยล้า และคืนนี้อยากนอนในหมู่บ้านชิลๆหน่อย เลยเดินไปหาโฮมสเตย์ แต่เดินถามหลายๆที่ก็เต็มไปหมด จนมาเจอที่ เลิ๊ฟปิล๊อกโฮมสเตย์ ตอนแรกพี่เขาบอกว่าห้องเต็มแล้ว แต่มีคนยกเลิกพอดี ผมเลยได้เป็นห้องสุดท้าย โชคดีจริงๆ ส่วนราคาก็ค่อนข้างเอาเรื่องอยู่นะ ประมาณ 800 รวมอาหารเช้าด้วยนะ(จริงๆก็พอๆกันกับทุกโฮมสตย์เลย) ผมก็เลยตกลงเข้าพัก หลังจากนั้นผมก็เข้าไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วก็ไปเดินเล่นชิลๆ แล้วก็หากาแฟอร่อยๆกินสักแก้วสักหน่อย หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กน่ารัก อากาศก็ดี วันที่ผมไปมีหมอกลงทั้งวันเลย ฟินสุดๆ
เดินเล่นกันจนเพลินเลย อ่อลืมไป ผมเดินไปเนินช้างศึกด้วยนะ ข้างบนอากาศดีมาก แต่เดินไปก็จะเหน่อยๆหน่อย ได้อีกฟิวหนึ่ง กลับมาก็สลบเลย จบไปอีกหนึ่งวัน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น