ชีวิตคู่ของเรากับสามี ไม่ค่อบราบรื่นค่ะ จนเราคิดว่าจะปล่อย เราคิดเรื่องหย่ามาซักพักแล้ว
ไม่โทรตาม นอนห้องเดียวกัน เรานอนบนเตียง แฟนนอนฟูกข้างเตียง เป็นแบบนี้มา 2 ปี
สิ่งที่ผูกเราไว้ คือลูก 2 คนค่ะ ลูกๆรักพ่อมาก หน้าที่ของพ่อ ว่าไปเค้าก็ไม่บกพร่อง
รับส่งลูก พาลูกไปวิ่งเล่น ออกกำลังกาย เล่นเกมส์กัน ลูกๆบอกเราเสมอว่า หนูรักป๊ามากๆ
ซึ่งก็ไม่แปลกหรอก ลูกเราต้องเข้าไปพบหมอที่รพ.จุฬา เทียวกันมา 4-5 ปี ป๊าเค้าเป็นหลัก
พาลูกไปหาหมอ พาลูกเที่ยวตลอด
ส่วนตัวเราเอง ก็มองเห็นแหละว่าเค้าพยายามปรับปรุงตัวเองขึ้นมามาก
แต่ด้วยทิฐิค่ะ เรากลัวว่า เค้าจะทำตัวเหมือนเดิมอีก ก็เลยไม่คุยกัน
จนผ่านมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เรานอนตามปกตินี่แหละ แล้วเราฝันถึงยายเราที่เสียไปแล้ว
ยายเรานั่งอยู่บ้านยายที่เป็นบ้านทรงไทย ยายเตือนเรา แล้วเรามองไปบนเสากลางบ้าน เจอผู้หญิงคนนึง ชี้นิ้วมาที่เรา
ความรู้สึกเราคือ ขนหัวลุก รู้สึกหนาวสั่น ความรู้สึกเราเหมือนตับและหัวใจสั่นมากๆ
ตอนนั้นเริ่มรู้สึกตัวแล้ว สามีบอกเราละเมอบอกหนาวๆ เค้าเอาผ้าห่มมาคลุมๆตัวเรา แล้วตัวเราสั่นมากๆ เค้าเลยกอดเราไว้
ความรู้สึกเราตอนนั้นคือ อ้อมกอดนี้มันอบอุ่นเน๊าะ มันปลอดภัย แต่มันทำไมหายไปนานเหลือเกิน น้ำตาเราไหล
แฟนก็เอามือมาเช็คที่หน้าผากกับแถวๆคอ เค้าเอามือมาเช็ดน้ำตาเรา แล้วเราได้ยินเค้าบ่น ทำไมหัวใจเต้นแรงจัง ตัวร้อนด้วยเนี่ย
แล้วเค้าก็ลุกจากเตียงไป สักพักเอายามาให้ ปลุกเราให้ลุกขึ้นมากินยา แล้วก็ไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้ เราน้ำตาไหลพรากๆเลย
เราเกือบจะเสียครอบครัวเราไปเพราะทิฐิของเราเพียงคนเดียว ที่จริงถ้าเราเปิดใจ ลดทิฐิลง เรื่องราวของเรามันคงไม่ยุ่งยากขนาดนี้
อยากจะแชร์เรื่องของตัวเราเอง สำหรับสามีภรรยาที่กำลังมีปัญหากันอยู่ ลดทิฐิมานะลง คิดถึงวันที่เรารักกันแรกๆ
มันไม่ง่ายเลยที่จะหาใครสักคนที่รักและรับในตัวตนของเราได้ ไม่ง่ายเลยที่จะหาคนที่พร้อมจะดูแลและอยู่เคียงข้างกันในวันที่ลำบาก
อย่าทำลายความรู้สึกของกันและกันเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบ มีปัญหาอะไรก็พูดคุยกันค่ะ ก่อนที่มันจะสายเกินไป
ครอบครัวเกือบพังเพราะทิฐิของเราเอง
ไม่โทรตาม นอนห้องเดียวกัน เรานอนบนเตียง แฟนนอนฟูกข้างเตียง เป็นแบบนี้มา 2 ปี
สิ่งที่ผูกเราไว้ คือลูก 2 คนค่ะ ลูกๆรักพ่อมาก หน้าที่ของพ่อ ว่าไปเค้าก็ไม่บกพร่อง
รับส่งลูก พาลูกไปวิ่งเล่น ออกกำลังกาย เล่นเกมส์กัน ลูกๆบอกเราเสมอว่า หนูรักป๊ามากๆ
ซึ่งก็ไม่แปลกหรอก ลูกเราต้องเข้าไปพบหมอที่รพ.จุฬา เทียวกันมา 4-5 ปี ป๊าเค้าเป็นหลัก
พาลูกไปหาหมอ พาลูกเที่ยวตลอด
ส่วนตัวเราเอง ก็มองเห็นแหละว่าเค้าพยายามปรับปรุงตัวเองขึ้นมามาก
แต่ด้วยทิฐิค่ะ เรากลัวว่า เค้าจะทำตัวเหมือนเดิมอีก ก็เลยไม่คุยกัน
จนผ่านมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เรานอนตามปกตินี่แหละ แล้วเราฝันถึงยายเราที่เสียไปแล้ว
ยายเรานั่งอยู่บ้านยายที่เป็นบ้านทรงไทย ยายเตือนเรา แล้วเรามองไปบนเสากลางบ้าน เจอผู้หญิงคนนึง ชี้นิ้วมาที่เรา
ความรู้สึกเราคือ ขนหัวลุก รู้สึกหนาวสั่น ความรู้สึกเราเหมือนตับและหัวใจสั่นมากๆ
ตอนนั้นเริ่มรู้สึกตัวแล้ว สามีบอกเราละเมอบอกหนาวๆ เค้าเอาผ้าห่มมาคลุมๆตัวเรา แล้วตัวเราสั่นมากๆ เค้าเลยกอดเราไว้
ความรู้สึกเราตอนนั้นคือ อ้อมกอดนี้มันอบอุ่นเน๊าะ มันปลอดภัย แต่มันทำไมหายไปนานเหลือเกิน น้ำตาเราไหล
แฟนก็เอามือมาเช็คที่หน้าผากกับแถวๆคอ เค้าเอามือมาเช็ดน้ำตาเรา แล้วเราได้ยินเค้าบ่น ทำไมหัวใจเต้นแรงจัง ตัวร้อนด้วยเนี่ย
แล้วเค้าก็ลุกจากเตียงไป สักพักเอายามาให้ ปลุกเราให้ลุกขึ้นมากินยา แล้วก็ไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้ เราน้ำตาไหลพรากๆเลย
เราเกือบจะเสียครอบครัวเราไปเพราะทิฐิของเราเพียงคนเดียว ที่จริงถ้าเราเปิดใจ ลดทิฐิลง เรื่องราวของเรามันคงไม่ยุ่งยากขนาดนี้
อยากจะแชร์เรื่องของตัวเราเอง สำหรับสามีภรรยาที่กำลังมีปัญหากันอยู่ ลดทิฐิมานะลง คิดถึงวันที่เรารักกันแรกๆ
มันไม่ง่ายเลยที่จะหาใครสักคนที่รักและรับในตัวตนของเราได้ ไม่ง่ายเลยที่จะหาคนที่พร้อมจะดูแลและอยู่เคียงข้างกันในวันที่ลำบาก
อย่าทำลายความรู้สึกของกันและกันเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบ มีปัญหาอะไรก็พูดคุยกันค่ะ ก่อนที่มันจะสายเกินไป