ที่นั่ง E12 ขอรีวิว
>>> สนุกแต่แป้กสนิท!
ได้โอกาสไปดูมา โดยที่มีผู้ใหญ่ใจดีจัดตั๋วมาให้ พร้อมๆ กันกับอีกหลายคนเลยทีเดียว พอจะเดาออกว่าเป็นใคร แต่คงไม่ต้องเอ่ยนะที่นี้ ส่วนเราที่ได้สิทธิ์นั้น ก็อัลฮัมดุลิลละฮฺ หน้าที่เรา คือดุอาอฺให้อย่างลับๆ
และตามที่คาดไว้ ได้ที่นั่งตามที่ต้องการ ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นตำแหน่งในการดูที่ดี แถวนี้แหละ พอดีกับช่วงสายตาไม่ต้องเงยมาก ไม่ต้องก้มแบบเล็กๆ เผื่อหนังมีจังหวะง่วงๆ แถว E กำลังดี ที่นั่ง 12 นี่เป๊ะมาก ว่าแต่เข้าเรื่องกันดีกว่า
นี่เป็นครั้งแรกที่ถือโอกาสรีวิวหนัง หากมีจุดไหนบกพร่อง ไม่ครอบคลุม หรือไม่ถูกใจ ก็ขอมาอัฟไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ^^ ว่าแล้วก็เริ่มด้วยชื่อหนังเลย
“อดัม จันทร์แยก โลกแตก ญิน” ซึ่งก็ถือว่าทุ่มทุนสร้างในระดับหลักล้านก็ว่าได้ เป็นหนังเรื่องที่ 2 ของผู้กำกับ
“ฮามีซี อัคคี-รัฐ” โดยทางมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติอำนวยการสร้าง และเป็นหนังที่เคลมว่าฮะลาลเป็นเรื่องที่ 3 แล้ว ของค่ายนี้ ซึ่งเรื่องนี้ก็จัดอยู่ในประเภทหนังเรท 13+ จะว่าไป หนังดูไปเมื่อวานแล้ว แต่ไม่สะดวกที่จะมานั่งพิมพ์แบบยาวๆ เลยยกยอดมาวันนี้ ก่อนที่จะดู ไม่ได้คาดหวังเลยว่าจะมีโอกาสได้ดู ไปๆ มาๆ อัลลอฮฺให้ได้ดู ซะงั้น
ว่าแล้วก็เริ่มเลย และก็ไม่ผิดหวังในรูปแบบและสไตล์การเล่าเรื่องของผู้กำกับท่านนี้จริงๆ เปิดเรื่องมานี่ ใช่เลย ลายเซ็นของเค้าแน่นอน พล็อตหนังเป็นการถอดรหัสจากคัมภีร์อัล-กุรอ่าน แบ่งช่วงแบ่งตอน กันไปมาสอดแทรกคำสอนจากกุรอ่านกันแบบเนียนๆ แต่บางจุดดูเหมือนจะยัดเยียดอิสลามไปหน่อย สำหรับคนดูที่ไม่ใช่มุสลิม แรกๆ อาจมึนงง แต่ดูไปสักพัก จะอ๋อมาเอง แต่อย่าอ๋อดังนะ เกรงใจคนนั่งข้าง คอสตูมเรื่องนี้ ตามตัวอย่างหนังหรือโปสเตอร์ที่มีปล่อยออกมานั่นละฮะ ออกจะดูเว่อร์วัง อลัง เล่นเกินค่าตัวไปหน่อย แต่ก็นะ ทุนสร้างไม่ใช่ย่อยนี่ แต่บางตอนชุดของนักแสดงมันดูออกเหมือนของเด็กเล่นหน่อยๆ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะให้ดูจริงจังกว่านี้ได้อีก การเชื่อมโยงของแต่ละตอนก็ดูเข้ากันและเนียนตาดี ค่อยๆ เฉลยและคลี่คลายไปทีละประเด็น โดยที่คนดูคิดตามแทบไม่ทัน แต่มาร้องอ๋อในช่วงท้ายๆ มีหลายๆ ส่วนที่หยิบยกประเด็นที่หลายคนคาดไม่ถึง และอาจเป็นปัญหาถึงขั้นเป็นวาระระดับชาติเลยก็ว่าได้ แถมยังระบุวิธีแก้ปัญหาได้แบบไม่เสียหาย แต่ได้ผล อยู่ที่ว่าคนในประเทศนี้ จะกล้าทำรึปล่าว ซึ่งก็อยู่ที่คนส่วนใหญ่จะตีความไปในทางไหน โดยรวมถือว่าน่าสนใจ แต่ดูเหมือนบางจุดยังขยี้ได้อีก เพราะหนังอาจต้องรีบจบในเวลา เลยขยี้ได้ไม่ครบถ้วน บางคนออกมาแว้บเดียว เพราะคิดว่าอุตส่าห์มาแล้ว น่าจะได้เล่นเต็มๆ หน่อย ก็พอเข้าใจ อ่ะน่ะ ตัวนักแสดงมาเยอะมากก็เลยเฉลี่ยได้ไม่ทั่วถึง ต้องเว้นให้กับตัวเดินเรื่องได้โดดเด่นแบบเต็มๆ ส่วนตัวนั้นชอบเรื่องก่อน(อมีนมากว่า) ในส่วนของการบอกที่มาที่ไปของตัวละคร แต่อย่างว่า ต้องรีบจบในเวลา
ด้านเทคนิคการถ่ายทำ ถือว่าดีกว่าเรื่อง “อมีน” นะ เพราะมีดูแล้วน่าจะเตรียมการและวางแผนการโปรดักชั่นมาอย่างดี ซึ่งก็ดีกว่าจริงๆ แม้ว่าจะมีบางจุด บางซีน ที่เป็นเรื่องใหญ่ แต่คนประกอบฉากน้อยไป จนเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ คนเข้าฉากน่าจะมีซัก 10-20 คน แต่นี่มากันหยุมหยิม คงจะประหยัดงบ ละสิท่า ว่ากันต่อในเรื่องฉาก ฉากของตัวละครหลักนี่ โอเคเลย แต่พอตัดเข้าตอนจะเล่าเรื่องนี่ (อาจเป็นความตั้งใจของผู้กำกับก็ได้) มีอยู่ตอนนี้ โทนหนังออกมาหม่นๆ ดูแล้วตั้งใจให้หม่นมากกว่า จะได้เข้าถึงตามซีนนั้นจริงๆ แอ็คชั่น ดราม่า มาครบ ถึงจะดูเว่อร์ๆ ก็เถอะ ที่เว่อร์นะเรื่องปืน ยิงกันเป็นว่าเล่น ผมอุตส่าห์ตั้งใจนับว่าลูกปืนมันเยอะเกินไปรึปล่าว ยิงกันไม่หมดแม็กซ์ซะที ว่าแล้ว ข้ามวัน ดันลืนซะงั้น ง่ายิงกันกี่นัด นี่ออกแนวจับผิดหนังไปละ ฮาาาาา บรรยากาศโดยรวมของหนังดูสมจริงดี มีแค่บางซีนเท่านั้นแหละ ที่ดูก๊องแก๊งไปหน่อย ส่วนเอฟเฟคนี่การแต่งหน้า ไม่ธรรมดา บางตัวละครนะ เข้าขั้นคุณภาพเลย แต่บางตัวนี่พังอ่ะ ไม่เนียน
ส่วนของบทภาพยนตร์ พล็อตเรื่องสร้างสรรค์และเหนือการคาดเดาระดับนึงเลย ดูไม่น่าเบื่อและไม่อ่อนเหตุผล ก็แน่หละ ระดับนักวิชาการขั้นหัวกะทิของประเทศเลยนิ เรื่องของความถูกต้องของสคริปท์ที่ต้องอ้างหลักฐาน นี่แน่นอนอยู่แล้ว คำพูดของตัวละครฟังดูน่าเชื่อถือ การสื่ออารมณ์ดูจริงจังดี ซีนจริงจัง ก็ดูจริงจังดี ซีนดราม่าก็ผ่าน ซีนชวนขำ มีมาบ้างประปราย เผื่อไม่ให้หนังดูเครียดจนเกินไป และไม่ชวนหลับ การลำดับภาพ-ตัดต่อนี่ ยอมรับเลย ทีมนี้สุโค่ยยยยยย (อยากใช้ญี่ปุ่นบ้าง เพราะเรื่องนี้มีนักแสดงชาวญี่ปุ่นร่วมเล่นด้วย) เนียนตาครับไม่ค่อยมีจุดบกพร่องเรื่องนี้ หรือผมอาจดูไม่ทัน เพราะไปจดจ่อกับเรื่องอื่นมากกว่า เทคนิคพิเศษในการตัดต่อ มีการนำมาใช้ด้วยเพื่อให้มีความน่าดู กราฟิคที่ใช้ ดูสมจริงกว่าการใช้อะไรมาแปะบนตัวมากกว่าอีก การเลือกโลเกชั่น ถือว่าเลือกใช้ได้สวยนะ แต่พอเดินเรื่องไป บางจุดมันไม่ตรงกันมองจากมุมนึงของฉากนี้ ไปๆ มาๆมาโผล่ตรงนี้ได้ไงว่ะ ซึ่งถ้าดูดีๆ ซีนของฉากดูไม่ต่อเนื่อง อันนี้เพราะพื้นที่ไม่อำนวย ก็เลยพยายามหาให้ได้ใกล้เคียง แต่ก็เนียนนะ ถ้าไม่สังเกต ซาวด์ประกอบชอบนะ ได้อารมณ์ดี เสียงดูมีมิติ แต่ดูแล้วห้องฉายอาจทำได้ไม่เต็มศักยภาพ เพราะเสียงจากลำโพงกลางดังมาก ลำโพงซ้าย-ขวา หน้าซ้าย-หน้าขวา หลังซ้าย-หลังขวา (อันนี้ไม่แน่ใจว่ามีรึปล่าว พยายามมองหา ก็เห็นอยู่นะ แต่ไม่แน่ใจว่าใช่มั้ย) หูผมอาจไม่ได้ยิน เพราะเสียงเหมือนกระจุกและพุ่งมาจากลำโพงหน้าแบบดังเกินไป บางช่วงดังจนกลบเสียงพูดของตัวละคร จนฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็แค่แว้บเดียว เพราะดูแล้วตัวหนัง มีมิติของเสียงแบบเซอร์ราวนด์ 7.1 อลังมากเลย
เป็นไปไม่ได้ที่จะดูหนังครั้งเดียวแล้วเข้าใจหนังอย่างถ่องแท้ โดยเฉพาะถ้าแค่ครั้งเดียวแล้วมารีวิว คงต้องดูหนังอีกอย่างน้อยหนึ่งครั้งก่อนที่คุณจะเริ่มเขียนวิจารณ์ ใส่ใจหารายละเอียดที่อาจมองข้ามไปตอนดูรอบแรก ลองดูหนังโดยโฟกัสมุมมองอื่นๆ บ้าง เพราะการรีวิวรอบนี้ อาจจะยังไม่ครบถ้วนและไม่รอบด้าน
มาเข้าประเด็นเรื่องกระแสของหนังเรื่องนี้กัน บอกตรงๆ ว่า “พังมาก” ไม่ปังอย่างที่หลายคนตั้งใจ อาจเพราะเรื่องแรกทำมาตรฐานไว้สูงมาก สูงจนกดดันหนังเรื่องต่อๆ มา ซึ่งก็จริงตามนั้น ส่วนตัวคิดว่าหนังรีบออกมาเร็วเกินไป ปฏิกิริยาคนดูยังไม่ถึงกับอยากมาก เหมือนเรื่อง “อมีน” ดูแล้วความ “Need” ยังดูไม่พอที่จะสร้างแรงกระเพื่อมเหมือนที่
“อมีน” เคยทำได้ อาจเพราะ “อมีน” เป็นเรื่องแรก หลายคนเลยมีความอยาก อยากที่จะดู ว่าหนังจะออกมาแนวไหน จะทำหนังยังไง หนังจะเป็นแบบไหน ถึงบอกได้ว่าเป็นหนัง
“ฮะลาล” อีกอย่างพล็อตเรื่องมันผูกเข้ากับชาว
“โรฮิงญา” ซึ่งกำลังเป็นข่าวดัง สื่อกระแสหลัก และบรรดาช่องดิจิตอล ต่างก็ให้ความสนใจ นำไปเสนอข่าวจนเป็นกระแส ผิดกับเรื่องนี้ (อดัม) ที่แป้กพอควร ทั้งทุนสร้าง ทั้งโปรดักชั่น ทั้งตัวนักแสดงที่อัดแน่นด้วยมืออาชีพ ที่พอดูหน้า เห็นชื่อแล้ว คนในประเทศนี้รู้จัก ก็อยู่เหนือความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น ที่ว่าทำไมไม่ปัง ยังมีประเด็นที่มีกลุ่มออกมาโต้แย้งว่าห้ามดูหนังเรื่องนี้ โดยแปะป้ายว่าหนัง “ฮะรอม” ก็แล้วแต่จะเลือกยึดทัศนะไหนก็แล้วกันนะ ทุกการกระทำ ทุกการเลือกของท่าน ท่านต้องไปตอบกับอัลลอฮ(ซ.บ.) แต่ละฝ่ายมีหน้าที่นำเสนอ ชี้แจงอะไรถูกผิด อยู่ที่ท่านจะเลือกอย่างไร?
สุดท้ายนี้ ถ้าสรุปในส่วนของตัวหนังเป็นหนังอีกเรื่องที่ระดับความสนุก ถือว่าควรดูอย่างยิ่ง ด้วยภาพรวม บท การเดินเรื่อง นักแสดง โปรดักชั่น แอ๊คชั่น สนุก ตื่นเต้น เร้าใจ ไม่เสียดายตังเลย ไปดูเถอะ 7/10 หนังปังกระแสแป้ก ให้ 7 เพราะหนังสนุก แต่ผิดหวังกับกระแส เอาตรงๆ ถ้าอยากให้คนมาดู ไวท์ฯ เอง ต้องกล้าทุ่มงบ PR แบบหนักๆ หากจะหวังจากกระแสโซเชี่ยลเองคงจะไม่ไหว ก็อยากให้มาดูกันนะ หนังสนุกจริง
คงต้องจบแล้ว มันยาวมาก ครั้งแรกกับการรีวิว ชอบไม่ชอบอย่าว่ากันนะ ประเด็นไหนที่ยังไม่แตะ ผมอาจจะลืมไปในบางมุม ตอนนี้ก็ยังนึกไม่ออก คงไม่ต้องรีวิวรอบ 2 อยากรอให้คนที่รีวิวหนังเก่งๆ มารีวิวให้อ่านมากกว่า ผมแค่มืออ่อนด้อยเพิ่งหัด
[SR] ที่นั่ง E12 ขอรีวิวหนัง
>>> สนุกแต่แป้กสนิท!
ได้โอกาสไปดูมา โดยที่มีผู้ใหญ่ใจดีจัดตั๋วมาให้ พร้อมๆ กันกับอีกหลายคนเลยทีเดียว พอจะเดาออกว่าเป็นใคร แต่คงไม่ต้องเอ่ยนะที่นี้ ส่วนเราที่ได้สิทธิ์นั้น ก็อัลฮัมดุลิลละฮฺ หน้าที่เรา คือดุอาอฺให้อย่างลับๆ
และตามที่คาดไว้ ได้ที่นั่งตามที่ต้องการ ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นตำแหน่งในการดูที่ดี แถวนี้แหละ พอดีกับช่วงสายตาไม่ต้องเงยมาก ไม่ต้องก้มแบบเล็กๆ เผื่อหนังมีจังหวะง่วงๆ แถว E กำลังดี ที่นั่ง 12 นี่เป๊ะมาก ว่าแต่เข้าเรื่องกันดีกว่า
นี่เป็นครั้งแรกที่ถือโอกาสรีวิวหนัง หากมีจุดไหนบกพร่อง ไม่ครอบคลุม หรือไม่ถูกใจ ก็ขอมาอัฟไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ^^ ว่าแล้วก็เริ่มด้วยชื่อหนังเลย “อดัม จันทร์แยก โลกแตก ญิน” ซึ่งก็ถือว่าทุ่มทุนสร้างในระดับหลักล้านก็ว่าได้ เป็นหนังเรื่องที่ 2 ของผู้กำกับ “ฮามีซี อัคคี-รัฐ” โดยทางมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติอำนวยการสร้าง และเป็นหนังที่เคลมว่าฮะลาลเป็นเรื่องที่ 3 แล้ว ของค่ายนี้ ซึ่งเรื่องนี้ก็จัดอยู่ในประเภทหนังเรท 13+ จะว่าไป หนังดูไปเมื่อวานแล้ว แต่ไม่สะดวกที่จะมานั่งพิมพ์แบบยาวๆ เลยยกยอดมาวันนี้ ก่อนที่จะดู ไม่ได้คาดหวังเลยว่าจะมีโอกาสได้ดู ไปๆ มาๆ อัลลอฮฺให้ได้ดู ซะงั้น
ว่าแล้วก็เริ่มเลย และก็ไม่ผิดหวังในรูปแบบและสไตล์การเล่าเรื่องของผู้กำกับท่านนี้จริงๆ เปิดเรื่องมานี่ ใช่เลย ลายเซ็นของเค้าแน่นอน พล็อตหนังเป็นการถอดรหัสจากคัมภีร์อัล-กุรอ่าน แบ่งช่วงแบ่งตอน กันไปมาสอดแทรกคำสอนจากกุรอ่านกันแบบเนียนๆ แต่บางจุดดูเหมือนจะยัดเยียดอิสลามไปหน่อย สำหรับคนดูที่ไม่ใช่มุสลิม แรกๆ อาจมึนงง แต่ดูไปสักพัก จะอ๋อมาเอง แต่อย่าอ๋อดังนะ เกรงใจคนนั่งข้าง คอสตูมเรื่องนี้ ตามตัวอย่างหนังหรือโปสเตอร์ที่มีปล่อยออกมานั่นละฮะ ออกจะดูเว่อร์วัง อลัง เล่นเกินค่าตัวไปหน่อย แต่ก็นะ ทุนสร้างไม่ใช่ย่อยนี่ แต่บางตอนชุดของนักแสดงมันดูออกเหมือนของเด็กเล่นหน่อยๆ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะให้ดูจริงจังกว่านี้ได้อีก การเชื่อมโยงของแต่ละตอนก็ดูเข้ากันและเนียนตาดี ค่อยๆ เฉลยและคลี่คลายไปทีละประเด็น โดยที่คนดูคิดตามแทบไม่ทัน แต่มาร้องอ๋อในช่วงท้ายๆ มีหลายๆ ส่วนที่หยิบยกประเด็นที่หลายคนคาดไม่ถึง และอาจเป็นปัญหาถึงขั้นเป็นวาระระดับชาติเลยก็ว่าได้ แถมยังระบุวิธีแก้ปัญหาได้แบบไม่เสียหาย แต่ได้ผล อยู่ที่ว่าคนในประเทศนี้ จะกล้าทำรึปล่าว ซึ่งก็อยู่ที่คนส่วนใหญ่จะตีความไปในทางไหน โดยรวมถือว่าน่าสนใจ แต่ดูเหมือนบางจุดยังขยี้ได้อีก เพราะหนังอาจต้องรีบจบในเวลา เลยขยี้ได้ไม่ครบถ้วน บางคนออกมาแว้บเดียว เพราะคิดว่าอุตส่าห์มาแล้ว น่าจะได้เล่นเต็มๆ หน่อย ก็พอเข้าใจ อ่ะน่ะ ตัวนักแสดงมาเยอะมากก็เลยเฉลี่ยได้ไม่ทั่วถึง ต้องเว้นให้กับตัวเดินเรื่องได้โดดเด่นแบบเต็มๆ ส่วนตัวนั้นชอบเรื่องก่อน(อมีนมากว่า) ในส่วนของการบอกที่มาที่ไปของตัวละคร แต่อย่างว่า ต้องรีบจบในเวลา
ด้านเทคนิคการถ่ายทำ ถือว่าดีกว่าเรื่อง “อมีน” นะ เพราะมีดูแล้วน่าจะเตรียมการและวางแผนการโปรดักชั่นมาอย่างดี ซึ่งก็ดีกว่าจริงๆ แม้ว่าจะมีบางจุด บางซีน ที่เป็นเรื่องใหญ่ แต่คนประกอบฉากน้อยไป จนเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ คนเข้าฉากน่าจะมีซัก 10-20 คน แต่นี่มากันหยุมหยิม คงจะประหยัดงบ ละสิท่า ว่ากันต่อในเรื่องฉาก ฉากของตัวละครหลักนี่ โอเคเลย แต่พอตัดเข้าตอนจะเล่าเรื่องนี่ (อาจเป็นความตั้งใจของผู้กำกับก็ได้) มีอยู่ตอนนี้ โทนหนังออกมาหม่นๆ ดูแล้วตั้งใจให้หม่นมากกว่า จะได้เข้าถึงตามซีนนั้นจริงๆ แอ็คชั่น ดราม่า มาครบ ถึงจะดูเว่อร์ๆ ก็เถอะ ที่เว่อร์นะเรื่องปืน ยิงกันเป็นว่าเล่น ผมอุตส่าห์ตั้งใจนับว่าลูกปืนมันเยอะเกินไปรึปล่าว ยิงกันไม่หมดแม็กซ์ซะที ว่าแล้ว ข้ามวัน ดันลืนซะงั้น ง่ายิงกันกี่นัด นี่ออกแนวจับผิดหนังไปละ ฮาาาาา บรรยากาศโดยรวมของหนังดูสมจริงดี มีแค่บางซีนเท่านั้นแหละ ที่ดูก๊องแก๊งไปหน่อย ส่วนเอฟเฟคนี่การแต่งหน้า ไม่ธรรมดา บางตัวละครนะ เข้าขั้นคุณภาพเลย แต่บางตัวนี่พังอ่ะ ไม่เนียน
ส่วนของบทภาพยนตร์ พล็อตเรื่องสร้างสรรค์และเหนือการคาดเดาระดับนึงเลย ดูไม่น่าเบื่อและไม่อ่อนเหตุผล ก็แน่หละ ระดับนักวิชาการขั้นหัวกะทิของประเทศเลยนิ เรื่องของความถูกต้องของสคริปท์ที่ต้องอ้างหลักฐาน นี่แน่นอนอยู่แล้ว คำพูดของตัวละครฟังดูน่าเชื่อถือ การสื่ออารมณ์ดูจริงจังดี ซีนจริงจัง ก็ดูจริงจังดี ซีนดราม่าก็ผ่าน ซีนชวนขำ มีมาบ้างประปราย เผื่อไม่ให้หนังดูเครียดจนเกินไป และไม่ชวนหลับ การลำดับภาพ-ตัดต่อนี่ ยอมรับเลย ทีมนี้สุโค่ยยยยยย (อยากใช้ญี่ปุ่นบ้าง เพราะเรื่องนี้มีนักแสดงชาวญี่ปุ่นร่วมเล่นด้วย) เนียนตาครับไม่ค่อยมีจุดบกพร่องเรื่องนี้ หรือผมอาจดูไม่ทัน เพราะไปจดจ่อกับเรื่องอื่นมากกว่า เทคนิคพิเศษในการตัดต่อ มีการนำมาใช้ด้วยเพื่อให้มีความน่าดู กราฟิคที่ใช้ ดูสมจริงกว่าการใช้อะไรมาแปะบนตัวมากกว่าอีก การเลือกโลเกชั่น ถือว่าเลือกใช้ได้สวยนะ แต่พอเดินเรื่องไป บางจุดมันไม่ตรงกันมองจากมุมนึงของฉากนี้ ไปๆ มาๆมาโผล่ตรงนี้ได้ไงว่ะ ซึ่งถ้าดูดีๆ ซีนของฉากดูไม่ต่อเนื่อง อันนี้เพราะพื้นที่ไม่อำนวย ก็เลยพยายามหาให้ได้ใกล้เคียง แต่ก็เนียนนะ ถ้าไม่สังเกต ซาวด์ประกอบชอบนะ ได้อารมณ์ดี เสียงดูมีมิติ แต่ดูแล้วห้องฉายอาจทำได้ไม่เต็มศักยภาพ เพราะเสียงจากลำโพงกลางดังมาก ลำโพงซ้าย-ขวา หน้าซ้าย-หน้าขวา หลังซ้าย-หลังขวา (อันนี้ไม่แน่ใจว่ามีรึปล่าว พยายามมองหา ก็เห็นอยู่นะ แต่ไม่แน่ใจว่าใช่มั้ย) หูผมอาจไม่ได้ยิน เพราะเสียงเหมือนกระจุกและพุ่งมาจากลำโพงหน้าแบบดังเกินไป บางช่วงดังจนกลบเสียงพูดของตัวละคร จนฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็แค่แว้บเดียว เพราะดูแล้วตัวหนัง มีมิติของเสียงแบบเซอร์ราวนด์ 7.1 อลังมากเลย
เป็นไปไม่ได้ที่จะดูหนังครั้งเดียวแล้วเข้าใจหนังอย่างถ่องแท้ โดยเฉพาะถ้าแค่ครั้งเดียวแล้วมารีวิว คงต้องดูหนังอีกอย่างน้อยหนึ่งครั้งก่อนที่คุณจะเริ่มเขียนวิจารณ์ ใส่ใจหารายละเอียดที่อาจมองข้ามไปตอนดูรอบแรก ลองดูหนังโดยโฟกัสมุมมองอื่นๆ บ้าง เพราะการรีวิวรอบนี้ อาจจะยังไม่ครบถ้วนและไม่รอบด้าน
มาเข้าประเด็นเรื่องกระแสของหนังเรื่องนี้กัน บอกตรงๆ ว่า “พังมาก” ไม่ปังอย่างที่หลายคนตั้งใจ อาจเพราะเรื่องแรกทำมาตรฐานไว้สูงมาก สูงจนกดดันหนังเรื่องต่อๆ มา ซึ่งก็จริงตามนั้น ส่วนตัวคิดว่าหนังรีบออกมาเร็วเกินไป ปฏิกิริยาคนดูยังไม่ถึงกับอยากมาก เหมือนเรื่อง “อมีน” ดูแล้วความ “Need” ยังดูไม่พอที่จะสร้างแรงกระเพื่อมเหมือนที่ “อมีน” เคยทำได้ อาจเพราะ “อมีน” เป็นเรื่องแรก หลายคนเลยมีความอยาก อยากที่จะดู ว่าหนังจะออกมาแนวไหน จะทำหนังยังไง หนังจะเป็นแบบไหน ถึงบอกได้ว่าเป็นหนัง “ฮะลาล” อีกอย่างพล็อตเรื่องมันผูกเข้ากับชาว “โรฮิงญา” ซึ่งกำลังเป็นข่าวดัง สื่อกระแสหลัก และบรรดาช่องดิจิตอล ต่างก็ให้ความสนใจ นำไปเสนอข่าวจนเป็นกระแส ผิดกับเรื่องนี้ (อดัม) ที่แป้กพอควร ทั้งทุนสร้าง ทั้งโปรดักชั่น ทั้งตัวนักแสดงที่อัดแน่นด้วยมืออาชีพ ที่พอดูหน้า เห็นชื่อแล้ว คนในประเทศนี้รู้จัก ก็อยู่เหนือความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น ที่ว่าทำไมไม่ปัง ยังมีประเด็นที่มีกลุ่มออกมาโต้แย้งว่าห้ามดูหนังเรื่องนี้ โดยแปะป้ายว่าหนัง “ฮะรอม” ก็แล้วแต่จะเลือกยึดทัศนะไหนก็แล้วกันนะ ทุกการกระทำ ทุกการเลือกของท่าน ท่านต้องไปตอบกับอัลลอฮ(ซ.บ.) แต่ละฝ่ายมีหน้าที่นำเสนอ ชี้แจงอะไรถูกผิด อยู่ที่ท่านจะเลือกอย่างไร?
สุดท้ายนี้ ถ้าสรุปในส่วนของตัวหนังเป็นหนังอีกเรื่องที่ระดับความสนุก ถือว่าควรดูอย่างยิ่ง ด้วยภาพรวม บท การเดินเรื่อง นักแสดง โปรดักชั่น แอ๊คชั่น สนุก ตื่นเต้น เร้าใจ ไม่เสียดายตังเลย ไปดูเถอะ 7/10 หนังปังกระแสแป้ก ให้ 7 เพราะหนังสนุก แต่ผิดหวังกับกระแส เอาตรงๆ ถ้าอยากให้คนมาดู ไวท์ฯ เอง ต้องกล้าทุ่มงบ PR แบบหนักๆ หากจะหวังจากกระแสโซเชี่ยลเองคงจะไม่ไหว ก็อยากให้มาดูกันนะ หนังสนุกจริง
คงต้องจบแล้ว มันยาวมาก ครั้งแรกกับการรีวิว ชอบไม่ชอบอย่าว่ากันนะ ประเด็นไหนที่ยังไม่แตะ ผมอาจจะลืมไปในบางมุม ตอนนี้ก็ยังนึกไม่ออก คงไม่ต้องรีวิวรอบ 2 อยากรอให้คนที่รีวิวหนังเก่งๆ มารีวิวให้อ่านมากกว่า ผมแค่มืออ่อนด้อยเพิ่งหัด