สวัสดีเพื่อนๆทุกคนครับ
พึ่งผ่านวันเด็กแห่งชาติมา พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันครู เด็กกับครูก็จะมีความผูกพันกันที่โรงเรียน แต่ก่อนอื่นขอเปิดหัวด้วยคำขวัญวันเด็กจากท่านนายกฯกันก่อนครับผม
" รู้คิด รู้เท่าทัน สร้างสรรค์เทคโนโลยี "
อาหารประเภทหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับเด็กๆในโรงเรียน นั่นก็คือ "นม" แม้แต่ผู้ใหญ่หลายคนก็ยังหลงไหลกับความอร่อยหอมมันของนม แต่วันนี้เป็นวันเด็กแห่งชาติเราจะมาพูดถึงนมที่เด็กๆส่วนใหญ่ของประเทศได้ดื่มกันอยู่บ่อยๆ "นมโรงเรียน"
ความเป็นมา
โครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน เป็นโครงการที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นเมื่อปีงบประมาณ 2535 เพื่อแก้ปัญหาการขาดสารอาหาร และภาวะทุพโภชนาการในเด็ก ด้วยเห็นว่า เด็กควรจะได้ดื่มนมซึ่งเป็นอาหารธรรมชาติที่มีความสมบูรณ์ และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อันจะส่งผลให้พัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็กเป็นไปอย่างเต็มศักยภาพ
ประกอบกับระยะเวลาดังกล่าว รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ให้สามารถขายน้ำนมดิบได้ และเป็นการส่งเสริมการใช้ผลผลิตภายในประเทศ จึงได้มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กนักเรียนได้ดื่มนมอย่างจริงจัง
โดยในระยะแรกได้จัดสรรงบประมาณเป็นค่าอาหารเสริม (นม) สำหรับเด็กก่อนประถมศึกษา (อนุบาล 1 - 3)
จนกระทั่งปี 2538 จึงจัดให้นักเรียนชั้น ป.1 และขยายเป้าหมายให้นักเรียนได้ดื่มนมถึงชั้น ป.4 ในปี 2542 จนถึงปัจจุบัน
ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2544 ได้ถ่ายโอนงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อและจัดส่งให้กับสถานศึกษา ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผน และขั้นตอนการกระจายอำนาจ พ.ศ. 2542
การจัดซื้อนมสำหรับโรงเรียน จึงเปลี่ยนจากการให้สถานศึกษาจัดซื้อเอง เป็นให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการจัดซื้อให้
วัตถุประสงค์
1. เพื่อพัฒนาร่างกายของนักเรียนให้มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรงและมีน้ำหนัก ส่วนสูงเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข
2.. เพื่อเป็นการปลูกฝังการดื่มนมในเด็กและเยาวชน เป็นอาหารเสริมในการพัฒนาร่างกายและสติปัญญา
3. เพื่อสนับสนุนใช้น้ำนมดิบในโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมของรัฐบาลโดยมีเป้าหมายให้นักเรียน ได้ดื่มนมที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง และเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมขายน้ำนมดิบได้
เป้าหมาย
นักเรียนทุกคนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ได้ดื่มนมที่มีคุณภาพ ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข อย่างน้อย 200 มิลลิลิตร (ซีซี.) ต่อคนต่อวัน ระยะเวลา 230 วัน (เปิดทำการสอน 200 วัน และช่วงปิดภาคเรียน 30 วัน) โดยจัดสรรงบประมาณในอัตราคนละ 5 บาทต่อวัน
ปัญหาและอุปสรรคการดำเนินงานในโรงเรียน
1. การจัดสรรนมให้โรงเรียนไม่เพียงพอกับจำนวนนักเรียน ส่วนมากมีความคลาดเคลื่อน เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้ข้อมูลจำนวนนักเรียนจากปีการศึกษาที่ผ่านมาเป็นฐานการจัดสรร
2. การจัดซื้อนม 2.1 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมักจะดำเนินการจัดซื้อนมในราคากลาง ขาดการต่อรองราคา โรงเรียนไม่สามารถเลือกนมที่มีคุณภาพเองได้ 2.2 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งจัดซื้อไม่ตรงตามความต้องการของโรงเรียน 2.3 โรงเรียนที่อยู่ห่างไกล บางแห่งได้รับนมยูเอชที บางแห่งได้รับนมพาสเจอร์ไรซ์
3. การจัดส่งนม บางแห่งส่งล่าช้าในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ล่าช้าประมาณ 1-2 สัปดาห์
4. ภาชนะจัดเก็บนม และสถานที่เก็บรักษานมไม่เพียงพอและเหมาะสม
5. ความพึงพอใจการดื่มนมของนักเรียน นักเรียนไม่ชอบดื่มนมรสจืด
6. ไม่มีการประสานงาน การประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างโรงเรียน
MC เคยเอานมตามท้องตลาดมาเปรียบเทียบกันกับนมโรงเรียนที่เด็กๆได้รับแจก ทดลองอบจนน้ำแห้ง เพื่อจะดูว่ามีปริมาณนมผงหรือความเข้มข้นของนมแตกต่างกันยังไง
1. ด้านรสชาติ ลองชิมดูสำหรับ MC แล้วนมตามท้องตลาดจะมีความมันมากกว่า ส่วนนมโรงเรียนจะจืดกว่า น่าจะเน้นไปทางเพื่อสุขภาพเพราะดูออกไปทางนมโลว์แฟท จะมีความใสมากกว่าครับ ใครพอจะหานมสองอย่างนี้ลองพิสูจน์ได้ด้วยตัวของท่านเองครับ (ปกติค่าความถ่วงจำเพาะของน้ำนมอยู่ระหว่าง 1.028 ถึง 1.034 g/ml)
2. รายละเอียดข้างกล่อง
- นมตามท้องตลาดจะระบุส่วนประกอบและคุณค่าทางอาหารไว้
- นมโรงเรียน บอกคำแนะนำในการบริโภค
3. MC จะเอานมทั้ง 2 แบบ เทใส่แก้วแล้วอบให้แห้งเพื่อหาปริมาณนมผงของแต่ละกล่อง โดยเทใส่แก้วในปริมาณที่เท่ากัน
หลังจากนั้นนำเข้าไมโครเวฟใช้ไฟกลาง ค่อยๆอบให้นมงวดลงไปเรื่อยๆ ห้ามใช้ไฟแรงเพราะนมจะเดือดจนกระฉอก
ค่อยๆอบไปเรื่อยๆจนน้ำนมแห้งสนิททั้งสองอย่างเราก็ยกออกจากเตาเพื่อมาเทียบหาปริมาณนมผง
พอมันแห้งแล้วหน้าตามันไม่เป็นผงแบบที่ต้องการครับแต่มันออกมาในรูปแบบนี้แทน ถึงจะน่าเกลียดแต่ก็พอมองเห็นความต่างได้
สรุปแบบคิดบวก
นมทั้งสองแบบนี้มีดีกันคนละแบบครับ นมที่ขายตามท้องตลาดจะมีความเข้มข้นหอมมันอร่อย ส่วนนมโรงเรียนที่มันดูจืดจางกว่านี้เขาอาจเน้นที่ป้องกันโรคอ้วนที่มากับนม หรือออกไปทางนม Low Fat เนื่องจากนมที่มาจากวัวอาจเป็นอาหารที่ย่อยยาก ยังไงก็ดี MC ก็จะขอสนับสนุนรัฐบาลนี้และรัฐบาลต่อๆไปที่จะยังคงโครงการนมโรงเรียนต่อไปเพื่อให้เด็กๆของประเทศเราได้ดื่มนมกันครับ
ขอบพระคุณข้อมูลประกอบกระทู้จาก กองทุนอาหารกลางวันเพื่อเด็กประถมศึกษา
http://schoollunch.obec.go.th/data/info_supplementary.html
สุขสันต์วันเด็กย้อนหลัง และต้อนรับวันครูในวันพรุ่งนี้ด้วยจ้า
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น....
กว่าจะรัก | สบายดีหรือเปล่า | วง XYZ | Wekid thailand เด็กร้องก้องโลก
ห้องเพลง **คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม.มีแต่เสียง 15/01/2018 "นมโรงเรียน"
พึ่งผ่านวันเด็กแห่งชาติมา พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันครู เด็กกับครูก็จะมีความผูกพันกันที่โรงเรียน แต่ก่อนอื่นขอเปิดหัวด้วยคำขวัญวันเด็กจากท่านนายกฯกันก่อนครับผม
" รู้คิด รู้เท่าทัน สร้างสรรค์เทคโนโลยี "
อาหารประเภทหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับเด็กๆในโรงเรียน นั่นก็คือ "นม" แม้แต่ผู้ใหญ่หลายคนก็ยังหลงไหลกับความอร่อยหอมมันของนม แต่วันนี้เป็นวันเด็กแห่งชาติเราจะมาพูดถึงนมที่เด็กๆส่วนใหญ่ของประเทศได้ดื่มกันอยู่บ่อยๆ "นมโรงเรียน"
ความเป็นมา
โครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน เป็นโครงการที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นเมื่อปีงบประมาณ 2535 เพื่อแก้ปัญหาการขาดสารอาหาร และภาวะทุพโภชนาการในเด็ก ด้วยเห็นว่า เด็กควรจะได้ดื่มนมซึ่งเป็นอาหารธรรมชาติที่มีความสมบูรณ์ และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อันจะส่งผลให้พัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็กเป็นไปอย่างเต็มศักยภาพ
ประกอบกับระยะเวลาดังกล่าว รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ให้สามารถขายน้ำนมดิบได้ และเป็นการส่งเสริมการใช้ผลผลิตภายในประเทศ จึงได้มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กนักเรียนได้ดื่มนมอย่างจริงจัง
โดยในระยะแรกได้จัดสรรงบประมาณเป็นค่าอาหารเสริม (นม) สำหรับเด็กก่อนประถมศึกษา (อนุบาล 1 - 3)
จนกระทั่งปี 2538 จึงจัดให้นักเรียนชั้น ป.1 และขยายเป้าหมายให้นักเรียนได้ดื่มนมถึงชั้น ป.4 ในปี 2542 จนถึงปัจจุบัน
ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2544 ได้ถ่ายโอนงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อและจัดส่งให้กับสถานศึกษา ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผน และขั้นตอนการกระจายอำนาจ พ.ศ. 2542
การจัดซื้อนมสำหรับโรงเรียน จึงเปลี่ยนจากการให้สถานศึกษาจัดซื้อเอง เป็นให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการจัดซื้อให้
วัตถุประสงค์
1. เพื่อพัฒนาร่างกายของนักเรียนให้มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรงและมีน้ำหนัก ส่วนสูงเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข
2.. เพื่อเป็นการปลูกฝังการดื่มนมในเด็กและเยาวชน เป็นอาหารเสริมในการพัฒนาร่างกายและสติปัญญา
3. เพื่อสนับสนุนใช้น้ำนมดิบในโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมของรัฐบาลโดยมีเป้าหมายให้นักเรียน ได้ดื่มนมที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง และเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมขายน้ำนมดิบได้
เป้าหมาย
นักเรียนทุกคนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ได้ดื่มนมที่มีคุณภาพ ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข อย่างน้อย 200 มิลลิลิตร (ซีซี.) ต่อคนต่อวัน ระยะเวลา 230 วัน (เปิดทำการสอน 200 วัน และช่วงปิดภาคเรียน 30 วัน) โดยจัดสรรงบประมาณในอัตราคนละ 5 บาทต่อวัน
ปัญหาและอุปสรรคการดำเนินงานในโรงเรียน
1. การจัดสรรนมให้โรงเรียนไม่เพียงพอกับจำนวนนักเรียน ส่วนมากมีความคลาดเคลื่อน เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้ข้อมูลจำนวนนักเรียนจากปีการศึกษาที่ผ่านมาเป็นฐานการจัดสรร
2. การจัดซื้อนม 2.1 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมักจะดำเนินการจัดซื้อนมในราคากลาง ขาดการต่อรองราคา โรงเรียนไม่สามารถเลือกนมที่มีคุณภาพเองได้ 2.2 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งจัดซื้อไม่ตรงตามความต้องการของโรงเรียน 2.3 โรงเรียนที่อยู่ห่างไกล บางแห่งได้รับนมยูเอชที บางแห่งได้รับนมพาสเจอร์ไรซ์
3. การจัดส่งนม บางแห่งส่งล่าช้าในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ล่าช้าประมาณ 1-2 สัปดาห์
4. ภาชนะจัดเก็บนม และสถานที่เก็บรักษานมไม่เพียงพอและเหมาะสม
5. ความพึงพอใจการดื่มนมของนักเรียน นักเรียนไม่ชอบดื่มนมรสจืด
6. ไม่มีการประสานงาน การประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างโรงเรียน
MC เคยเอานมตามท้องตลาดมาเปรียบเทียบกันกับนมโรงเรียนที่เด็กๆได้รับแจก ทดลองอบจนน้ำแห้ง เพื่อจะดูว่ามีปริมาณนมผงหรือความเข้มข้นของนมแตกต่างกันยังไง
1. ด้านรสชาติ ลองชิมดูสำหรับ MC แล้วนมตามท้องตลาดจะมีความมันมากกว่า ส่วนนมโรงเรียนจะจืดกว่า น่าจะเน้นไปทางเพื่อสุขภาพเพราะดูออกไปทางนมโลว์แฟท จะมีความใสมากกว่าครับ ใครพอจะหานมสองอย่างนี้ลองพิสูจน์ได้ด้วยตัวของท่านเองครับ (ปกติค่าความถ่วงจำเพาะของน้ำนมอยู่ระหว่าง 1.028 ถึง 1.034 g/ml)
2. รายละเอียดข้างกล่อง
- นมตามท้องตลาดจะระบุส่วนประกอบและคุณค่าทางอาหารไว้
- นมโรงเรียน บอกคำแนะนำในการบริโภค
3. MC จะเอานมทั้ง 2 แบบ เทใส่แก้วแล้วอบให้แห้งเพื่อหาปริมาณนมผงของแต่ละกล่อง โดยเทใส่แก้วในปริมาณที่เท่ากัน
หลังจากนั้นนำเข้าไมโครเวฟใช้ไฟกลาง ค่อยๆอบให้นมงวดลงไปเรื่อยๆ ห้ามใช้ไฟแรงเพราะนมจะเดือดจนกระฉอก
ค่อยๆอบไปเรื่อยๆจนน้ำนมแห้งสนิททั้งสองอย่างเราก็ยกออกจากเตาเพื่อมาเทียบหาปริมาณนมผง
พอมันแห้งแล้วหน้าตามันไม่เป็นผงแบบที่ต้องการครับแต่มันออกมาในรูปแบบนี้แทน ถึงจะน่าเกลียดแต่ก็พอมองเห็นความต่างได้
สรุปแบบคิดบวก
นมทั้งสองแบบนี้มีดีกันคนละแบบครับ นมที่ขายตามท้องตลาดจะมีความเข้มข้นหอมมันอร่อย ส่วนนมโรงเรียนที่มันดูจืดจางกว่านี้เขาอาจเน้นที่ป้องกันโรคอ้วนที่มากับนม หรือออกไปทางนม Low Fat เนื่องจากนมที่มาจากวัวอาจเป็นอาหารที่ย่อยยาก ยังไงก็ดี MC ก็จะขอสนับสนุนรัฐบาลนี้และรัฐบาลต่อๆไปที่จะยังคงโครงการนมโรงเรียนต่อไปเพื่อให้เด็กๆของประเทศเราได้ดื่มนมกันครับ
ขอบพระคุณข้อมูลประกอบกระทู้จาก กองทุนอาหารกลางวันเพื่อเด็กประถมศึกษา
http://schoollunch.obec.go.th/data/info_supplementary.html
สุขสันต์วันเด็กย้อนหลัง และต้อนรับวันครูในวันพรุ่งนี้ด้วยจ้า
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น....
กว่าจะรัก | สบายดีหรือเปล่า | วง XYZ | Wekid thailand เด็กร้องก้องโลก