แชร์ประสบการณ์ เที่ยวจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด บนภูทับเบิก

นี่เป็นครั้งแรกที่ผม มาแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวของผม นับว่าเป็นอีกประสบการณ์ในชีวิตที่ตื่นเต้นที่สุดตั้งแต่เกิดมาก็ว่าได้

เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้กลับบ้านที่เพชรบูรณ์ อำเภอหล่มสัก ก็แพลนไว้แล้วว่า จะขึ้นไปถ่ายรูปสถานที่ท่องเที่ยว ภูทับเบิก ภูหินร่องกล้า ซึ่งห่าง จากบ้านผม เพียง 30 กิโลเมตร ทริปนี้เดินทางด้วยมอไซต์คู่ใจ ฮอนด้าเวฟร้อย เติมน้ำมันเต็มถัง พร้อมแล้ว ลุย!!




ออกจากบ้านเวลา 10.00 น. (ตื่นสาย) ก็ขับรถไปตามเส้นทาง อันคดเคี้ยว ลาดชัน ค่อยๆ ไต่ขึ้นไป (มอไซต์ 13 ปี เครื่องเดิมๆ) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีก็ถึงแล้ว เริ่มถ่ายรูปตามแลนด์มาร์ค ของภูทับเบิก อากาศค่อนข้าง เย็น มีหมอกและฝนตกเป็นช่วงๆ ใช้เวลาเก็บภาพตรงนี้ประมาณ 2 ชม. จากนั้นก็เดินทางมุ่งหน้าไปจุดหมายต่อไป คือ ภูหินร่องกล้า ซึ่งห่างจากภูทับเบิกออกไปประมาณ 25 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที (น้ำมันเหลือครึ่งถังแล้ว) คิดว่าคงไหว(มั้ง) ซึ่งเส้นทางนั้นหาปั้มไม่ได้เลย



จุดเริ่มต้นความตื่นเต้นเริ่มจากตรงนี้ เพราะเส้นทางที่ผม กำลังจะมุ่งหน้าไป ผมไม่เคยเดินทางด้วยมอเตอร์ไซต์มาก่อน แต่ยังดีที่ถนนเส้นนี้ไม่ลาดชันมากนัก และถนนพึ่งซ่อมแซมเสร็จใหม่ กำลังตีเส้นถนนเลย ขับรถชิลมาก อากาศเย็นสบาย หมอกค่อนข้างหนา ทัศนะวิสัยไม่ค่อยจะดี แต่ไหนๆ ก็มาจนถึงครึ่งทางแล้วต้องไปให้สุด

จุดแรกที่ผมไป คือ โรงเรียนการเมืองการทหาร เพื่อตามหาใบเมเปิล ซึ่งช่วงที่ผมไปก็ค่อนข้างร่วงโรยจนเกือบจะหมดละ พอเหลือให้ได้ถ่ายรูปมาบ้าง



จุดที่สอง ลานหินปุ่ม ผาชูธง ตรงจุดนี้เล่นเอาขาลากเหมือนกัน เพราะต้องเดินเท้าต่อจากลานจอดรถ แต่ก็เดินไปจนถึง ระยะทางไปกลับก็เกือบๆ 2 กิโลได้ ดูนาฬิกาก็ล่วงเลย จนเกือบ สี่โมงเย็นแล้ว



จุดสุดท้าย โครงการหลวง แวะถ่ายรูปไร่ดอกกระดาษ เก็บภาพก่อนกลับ ซึ่งกว่าจะเดินทางออกจากที่นี่ก็เกือบๆ ห้าโมงเย็น แบตกล้องก็หมดพอดี (น้ำมันตกขีดแดงแล้ว งานเข้า!!) ต้องขับกลับอีก 25 กิโล ขึ้นเขาด้วย เริ่มกลัวว่าถ้าน้ำมันหมดจะทำไง ตอนนั้นอากาศ เริ่มเย็นลง เมฆครึ้ม ฟ้าร้อง ฝนทำท่าจะตก


ขับออกมาสักพัก ประมาณ 2-3 กิโลเมตรโทรศัพท์สั่น มีสายเข้า เป็นสายจากคนที่บ้าน ถามว่าถึงไหนแล้ว? กลับรึยัง?  เราก็บอกว่ากำลังกลับแล้ว ไม่ต้องห่วง แปลกมากที่โทรติด ซึ่งปกติบริเวณนี้ ไม่มีสัญญาณเลย และนี่ก็เป็นสายสุดท้ายก่อนที่มือถือจะดับไป ฝนเริ่มลงเม็ด ก็เลยต้องรีบขับ ฝนเจ้ากรรมตกแรงขึ้นเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นทาง จนต้องรีบจอดไหล่ทาง เก็บกล้องใส่ใต้เบาะ ตอนนั้นในใจเริ่มกลัวแล้ว ฝนก็ตกหนัก ที่หลบฝนก็ไม่มี สองข้างทางเป็นป่าทึบ น้ำมันก็จะหมด รถผ่านมาก็ไม่มีสักคัน ถนนช่วงนั้น เปลี่ยวมาก ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ถ้าเกิด รถเสีย น้ำมันหมด หรือโดนปล้น จะทำยังไง ในใจเริ่มคิด คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วย นาทีนั้นเริ่มนึกถึงหน้าคนที่เรารักแล้ว ความเย็นจากหมอกและน้ำฝน ทั้งหนาวทั้งสั่น ทันใดนั้น...สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น รถมอไซต์ของผมก็ถไลล้มไปกลางถนนระหว่างทางโค้งขึ้นเขา เพราะถนนตอนนั้นถนนเต็มไปด้วยน้ำฝนที่ไหลบ่าจากเขา ทำให้ถนนลื่น ในใจก็คิด (กูจะตายตอนนี้ไม่ได้) แต่โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก ฟกช้ำนิดหน่อย จึงตั้งสติ พยุงรถขึ้นแล้วขับต่อ  พอเห็นป้าย ภูทับเบิก อีก 4 กิโล ก็เริ่มใจชื้นขึ้นมา เลยขอเซลฟี่ ไว้เป็นที่ระทึก (มือถือเปิดติดพอดี) แต่ตอนนั้นตัวผมแฉะไปหมด เปียกไปจนถึงกางเกงใน ฝนก็ยังคงตกเรื่อยๆ ทางลงจากทับเบิก ลื่นมากๆ มีดินสไลด์บางช่วง ต้องค่อยๆ ขับ จนลงมาถึงข้างล่าง รู้สึกโล่งใจมากๆ ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ


เรื่องทั้งหมดก็ประมาณนี้ อาจจะเล่าได้ไม่ละเอียดมาก แต่เหตุการณ์ ณ เวลานั้นมันคือที่สุดในความทรงจำของคนที่พึ่งเที่ยวคนเดียวเป็นครั้งแรก

ทริปนี้จะลงรีวิวที่เพจ แบกกล้ามเที่ยว ของผมพึ่งเปิดเมื่อต้นปี ฝากติดตามด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/travelXmuscle
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่