9 ม.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ได้ประทาน คติธรรม ลงในหนังสือวันเด็ก จัดทำโดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ พ.ศ.2561 ใจความว่า
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนวิธีที่ทำให้บุคคลได้ชื่อว่าเป็นคนดี เป็นที่รักของผู้คนทั่วไปไว้วิธีหนึ่งเรียกว่า “อัตถจริยา” หมายถึง การบำเพ็ญประโยชน์ การประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ช่วยเหลือ ทำงาน สร้างสรรค์ด้วยความตั้งใจอย่างดีเลิศ ส่งเสริมให้เพื่อนสมาชิกในสังคมประพฤติดีงาม และมีสติปัญญา อัตถจริยาดังกล่าวนี้ ปัจจุบันนิยมเรียกว่า “จิตอาสา” ซึ่งถ้าพิจารณาอย่างผิวเผิน อาจเข้าใจคลาดเคลื่อนไปว่า จิตอาสากำลังจำต้องเหน็ดเหนื่อย หรือเผชิญทุกข์กว่าคนที่ไม่เป็นจิตอาสา แต่ถ้าพิเคราะห์ในแง่มุมกลับกัน แท้จริงแล้วคนทำงานจิตอาสาที่แท้จริงแล้ว คนทำงานจิตอาสาด้วยใจจริง ย่อมมีความรู้สึกเบิกบานยิ่งกว่าคนที่ไม่ทำงานจิตอาสา เพราะจิตอาสาที่แท้จริงจะไม่คิดว่าตนกำลังสูญเสียพละกำลังหรือประโยชน์ใดๆ โดยไร้ค่า หากกลับเป็นฝ่ายได้รับประโยชน์ คือ ได้ความสุขใจ ชื่นใจที่เห็นความสุขของผู้อื่น และได้ภาคภูมิใจว่าเป็นผู้สร้างสรรค์สังคมที่ดีงาม
เด็กและเยาวชนเป็นกำลังสำคัญที่จะพาบ้านเมืองไทยให้รุ่งเรืองสืบไป จึงขอให้ผู้ใหญ่เร่งปลูกฝังและสร้างสรรค์ให้เด็กและเยาวชน เป็นผู้หนักแน่นในคุณธรรม ข้ออัตถจริยา และขอให้เด็กๆ รู้สึกสนุกสนาน เบิกบานทุกครั้งที่ได้ทำประโยชน์ จงอย่ายอมแพ้แก่ความรู้สึกเหน็ดเหนื่อย หรือยากลำบาก ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า กำลังเล็กๆ ของเด็กๆ อย่างเรานี้แล มีอานุภาพสูงยิ่งที่จะช่วยสร้างสรรค์ประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าอย่ามัวรั้งรอผัดผ่อนให้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่เสียก่อน ค่อยเริ่มทำความดี เพราะเมื่อนั้นเด็กๆ จะเผลอชินกับการทำความชั่ว จนกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว และไม่รู้วิธีทำตนเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ในที่สุด
ขอให้เด็กและเยาวชนทุกคนมีกำลังใจที่จะบำเพ็ญประโยชน์ด้วยความสุขใจนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอจงรักษาคุณลักษณะจิตอาสาอย่างสมบูรณ์ไว้ตลอดกาล เพื่ออนาคตของตนเองและสังคมไทยของเราทุกคน
http://www.naewna.com/local/313275
สมเด็จพระสังฆราชฯ ประทานคติธรรมเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ๒๕๖๑
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนวิธีที่ทำให้บุคคลได้ชื่อว่าเป็นคนดี เป็นที่รักของผู้คนทั่วไปไว้วิธีหนึ่งเรียกว่า “อัตถจริยา” หมายถึง การบำเพ็ญประโยชน์ การประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ช่วยเหลือ ทำงาน สร้างสรรค์ด้วยความตั้งใจอย่างดีเลิศ ส่งเสริมให้เพื่อนสมาชิกในสังคมประพฤติดีงาม และมีสติปัญญา อัตถจริยาดังกล่าวนี้ ปัจจุบันนิยมเรียกว่า “จิตอาสา” ซึ่งถ้าพิจารณาอย่างผิวเผิน อาจเข้าใจคลาดเคลื่อนไปว่า จิตอาสากำลังจำต้องเหน็ดเหนื่อย หรือเผชิญทุกข์กว่าคนที่ไม่เป็นจิตอาสา แต่ถ้าพิเคราะห์ในแง่มุมกลับกัน แท้จริงแล้วคนทำงานจิตอาสาที่แท้จริงแล้ว คนทำงานจิตอาสาด้วยใจจริง ย่อมมีความรู้สึกเบิกบานยิ่งกว่าคนที่ไม่ทำงานจิตอาสา เพราะจิตอาสาที่แท้จริงจะไม่คิดว่าตนกำลังสูญเสียพละกำลังหรือประโยชน์ใดๆ โดยไร้ค่า หากกลับเป็นฝ่ายได้รับประโยชน์ คือ ได้ความสุขใจ ชื่นใจที่เห็นความสุขของผู้อื่น และได้ภาคภูมิใจว่าเป็นผู้สร้างสรรค์สังคมที่ดีงาม
เด็กและเยาวชนเป็นกำลังสำคัญที่จะพาบ้านเมืองไทยให้รุ่งเรืองสืบไป จึงขอให้ผู้ใหญ่เร่งปลูกฝังและสร้างสรรค์ให้เด็กและเยาวชน เป็นผู้หนักแน่นในคุณธรรม ข้ออัตถจริยา และขอให้เด็กๆ รู้สึกสนุกสนาน เบิกบานทุกครั้งที่ได้ทำประโยชน์ จงอย่ายอมแพ้แก่ความรู้สึกเหน็ดเหนื่อย หรือยากลำบาก ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า กำลังเล็กๆ ของเด็กๆ อย่างเรานี้แล มีอานุภาพสูงยิ่งที่จะช่วยสร้างสรรค์ประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าอย่ามัวรั้งรอผัดผ่อนให้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่เสียก่อน ค่อยเริ่มทำความดี เพราะเมื่อนั้นเด็กๆ จะเผลอชินกับการทำความชั่ว จนกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว และไม่รู้วิธีทำตนเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ในที่สุด
ขอให้เด็กและเยาวชนทุกคนมีกำลังใจที่จะบำเพ็ญประโยชน์ด้วยความสุขใจนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอจงรักษาคุณลักษณะจิตอาสาอย่างสมบูรณ์ไว้ตลอดกาล เพื่ออนาคตของตนเองและสังคมไทยของเราทุกคน
http://www.naewna.com/local/313275