สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 33
ในนี้เอะอะก็อ้างว่าขู่
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการข่มขู่คือมาตรานี้ครับ
มาตรา ๓๐๙ (วรรคแรก) ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การที่จะได้ความว่าข่มขู่ ต้องชัดเจนว่ามีการกล่าว หรือมีการกระทำต่อผู้เสียหายว่า ต้องทำ หรือห้ามไม่ให้ทำอะไร มิฉะนั้นแล้วจะได้รับอันตรายต่อชีวิต หรือร่างกาย หรือเสรีภาพ ชื่อเสียง ฯลฯ ของผู้เสียหาย หากเป็นการกล่าวต่อผู้เสียหาย ต้องชัดเจนระบุได้ว่า เป็นกล่าวต่อผู้เสียหายคนนั้นคนนี้
ตัวอย่างเช่น การที่บุคคลๆหนึ่ง กล่าวว่า "แถวนี้ร้อนเหลือเกิน กูอยากเตะอาแป๊ะอ้วนๆ หรือยัยซิ้มปากมากแถวนี้ดับร้อนเหลือเกิน" เช่นนี้ หากในบริเวณนั้น มีชายอ้วนๆ หรือหญิงแก่หลายคนยืนอยู่" ชายแก่อ้วนๆ หรือหญิงแก่ คนใดคนหนึ่ง ก็ไม่อาจอ้างว่าตนเป็นผู้ถูกข่มขู่ เหตุเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าผู้กล่าวหมายถึงชายอ้วนคนใด และมาตราฐานของคำว่าอ้วน ส่วนสูง และน้ำหนัก ของแต่ละบุคคลก็แตกต่างกันไป และคำว่าอาแป๊ะ จะหมายถึงคนจีน หรือคนไทยหน้าจีน หรือจะหมายถึงคนหนุ่มหน้าแก่ หรือคนแก่หน้าหนุ่ม ก็มิได้เช่นกัน
การจะมีการข่มขู่ ต้องสามารถระบุตัวผู้ถูกข่มขู่ และการกระทำที่เห็นเป็นการข่มขู่ ได้อย่างชัดเจน มิใช่เข้าใจ หรือมโนไปเอง ขอรับ
ไม่มีการข่มขู่ แต่ไปแจ้งความ หรือร้องทุกข์ เพื่อให้มีการลงโทษผู้อื่น อาจโดนฟ้องกลับเป็นคดีอาญาได้ ดังนั้นทนายความ เวลาจะดำเนินคดีอาญากับใคร จึงต้องสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนดำเนินการทางคดี
เข้ามาแก้ไข เพื่อลดขนาดรูป
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการข่มขู่คือมาตรานี้ครับ
มาตรา ๓๐๙ (วรรคแรก) ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การที่จะได้ความว่าข่มขู่ ต้องชัดเจนว่ามีการกล่าว หรือมีการกระทำต่อผู้เสียหายว่า ต้องทำ หรือห้ามไม่ให้ทำอะไร มิฉะนั้นแล้วจะได้รับอันตรายต่อชีวิต หรือร่างกาย หรือเสรีภาพ ชื่อเสียง ฯลฯ ของผู้เสียหาย หากเป็นการกล่าวต่อผู้เสียหาย ต้องชัดเจนระบุได้ว่า เป็นกล่าวต่อผู้เสียหายคนนั้นคนนี้
ตัวอย่างเช่น การที่บุคคลๆหนึ่ง กล่าวว่า "แถวนี้ร้อนเหลือเกิน กูอยากเตะอาแป๊ะอ้วนๆ หรือยัยซิ้มปากมากแถวนี้ดับร้อนเหลือเกิน" เช่นนี้ หากในบริเวณนั้น มีชายอ้วนๆ หรือหญิงแก่หลายคนยืนอยู่" ชายแก่อ้วนๆ หรือหญิงแก่ คนใดคนหนึ่ง ก็ไม่อาจอ้างว่าตนเป็นผู้ถูกข่มขู่ เหตุเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าผู้กล่าวหมายถึงชายอ้วนคนใด และมาตราฐานของคำว่าอ้วน ส่วนสูง และน้ำหนัก ของแต่ละบุคคลก็แตกต่างกันไป และคำว่าอาแป๊ะ จะหมายถึงคนจีน หรือคนไทยหน้าจีน หรือจะหมายถึงคนหนุ่มหน้าแก่ หรือคนแก่หน้าหนุ่ม ก็มิได้เช่นกัน
การจะมีการข่มขู่ ต้องสามารถระบุตัวผู้ถูกข่มขู่ และการกระทำที่เห็นเป็นการข่มขู่ ได้อย่างชัดเจน มิใช่เข้าใจ หรือมโนไปเอง ขอรับ
ไม่มีการข่มขู่ แต่ไปแจ้งความ หรือร้องทุกข์ เพื่อให้มีการลงโทษผู้อื่น อาจโดนฟ้องกลับเป็นคดีอาญาได้ ดังนั้นทนายความ เวลาจะดำเนินคดีอาญากับใคร จึงต้องสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนดำเนินการทางคดี
เข้ามาแก้ไข เพื่อลดขนาดรูป
ความคิดเห็นที่ 21
อยู่ที่ว่า อาการร้อนตัว กับคำว่าเสียหาย คือเรื่องเดียวกันไหม?
เห็นหลายคนชอบใช้คำว่า "ดิ้น"
"ไม่ทำอย่ามาดิ้นสิจ้ะ" ก็น่าจะหมายถึงอะไรคล้ายๆกัน
พอดีเป็น พอดีใช่ ???
จริงๆแล้ว ใครอยากจะใช่ก็ใช่ได้หมดแหละ
พูดถึงเสื้อแดงไร้น้ำใจ ก็จะมีคนมาตีโพยตีพาย เดือดร้อน บอกให้ระบุชื่อไปเลยดีกว่า
บอกสมาชิกห้องราชห่วยๆ ก็เดือดร้อน ให้ระบุชื่ออีก
นี่ต่อให้ไม่เอ่ยสถานภาพใคร ก็ต้องมีคนออกมาดิ้น
เพื่อให้ระบุชื่อ
ขนาดคนกลางจะไกล่เกลี่ย ยังเข้ามาโวยวาย ว่าทำไมไม่ระบุชื่อ
คือ ชื่อเป็นสิ่งที่ต้องระบุ
หรือ เป็นเพียงความใคร่รู้ของสมาชิกบางท่านกันแน่?
ผมยังไม่ค่อยแน่ใจ
เห็นหลายคนชอบใช้คำว่า "ดิ้น"
"ไม่ทำอย่ามาดิ้นสิจ้ะ" ก็น่าจะหมายถึงอะไรคล้ายๆกัน
พอดีเป็น พอดีใช่ ???
จริงๆแล้ว ใครอยากจะใช่ก็ใช่ได้หมดแหละ
พูดถึงเสื้อแดงไร้น้ำใจ ก็จะมีคนมาตีโพยตีพาย เดือดร้อน บอกให้ระบุชื่อไปเลยดีกว่า
บอกสมาชิกห้องราชห่วยๆ ก็เดือดร้อน ให้ระบุชื่ออีก
นี่ต่อให้ไม่เอ่ยสถานภาพใคร ก็ต้องมีคนออกมาดิ้น
เพื่อให้ระบุชื่อ
ขนาดคนกลางจะไกล่เกลี่ย ยังเข้ามาโวยวาย ว่าทำไมไม่ระบุชื่อ
คือ ชื่อเป็นสิ่งที่ต้องระบุ
หรือ เป็นเพียงความใคร่รู้ของสมาชิกบางท่านกันแน่?
ผมยังไม่ค่อยแน่ใจ
แสดงความคิดเห็น
ทู้นี้ มอบแด่ "เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา" เผื่อจะได้หูตาสว่าง มองเห็นอะไร ๆ ที่คนอื่นพยายามปกป้องตัวเขาเองและสังคมแห่งนี้
เรื่องราว ไม่ใช่แค่ที่ตาเห็น
แต่เป็นเรื่องที่ตาไม่เห็น ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าเรื่องราวมีเงื่อนไข มีปัญหา มีตัวละคร มีสาเหตุ มีอะไรต่อะไรมากมาย
จงเก็บความคิด ความรู้สึก มองเรื่องราวอย่างเงียบ ๆ เพื่อรอความจริง
ไม่ใช่คิดว่าเห็น เข้าใจเรื่องราว ไม่ใช่คิดว่ารู้ความจริงแล้ว ด้วยการอิงอคติส่วนตน ด้วยความเชื่อข้อมูลแหล ๆ
(บ่อยากเว้าหลาย เรื่องเบอร์ เรื่องชื่อ ก็ฟันธงและกล่าวหาว่าไอ้หล่อคนนี้แหละคือต้นเหตุ แบบไร้เหตุผล
โดยหารู้ไม่ว่า ไอ้พวกที่โชว์แมนในเรื่องนี้นั่นแหละ รุมกระหน่ำผู้หญิงคนหนึ่งทั้งเรื่องชื่อจริง นามสกุล เบอร์โทร
ข่มขู่จะดำเนินต่อเธอทางกฎหมายซ้ำซาก แม้ทุกวันนี้ก็ยังข่มขู่ แต่ผู้หญิงคนนั้นเธอเข้มแข็ง นิ่ง เงียบ อดทนมานานนับปีแล้ว)
คนไม่รู้ ย่อมไม่ผิด แต่ คนไม่รู้ ต้องไม่คิดว่ารู้ เพราะจากย่อมไม่ผิด ก็จะกลายเป็นผิด
ให้รู้ตัวไว้ ว่าขณะที่คิดและรู้สึก เชื่อว่าตัวเองยืนอยู่ฝ่ายธรรมะ
แต่ความจริงนั้น ไม่ใช่เลย ยืนอยู่กลางดงอธรรม และโดนอธรรมชูชมเพื่อหลอกใช้เท่านั้นเอง
อยากจะบอกนานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้บอก เพราะแค่เรื่องที่บอกไปแล้วยังไม่รับฟัง
เป็นความหวังดีสุดท้ายที่มีให้