WINTER ❤ in OKINAWA มีอะไรกว่าที่คิด ตะลุยเที่ยวแบบไม่ขับรถ! 4 คืน 5 วัน
เน้นกิน เน้นช้อป เน้นเที่ยว ตามมาเลยจ้ะด้วยงบเบาๆ 20,000 นิดๆรวมตั๋วเครื่องบิน
สวัสดีค่าาาาาา หลังจากที่ห่างหายไปนานนนไม่ได้เขียนกระทู้รีวิวเลยยย เพราะเปลี่ยนจากการเป็นนักศึกษากลายเป็นสาวออฟฟิศ
เลยมีเวลาเที่ยวน้อยลง ที่เพิ่มเติมคือความอ้วนเอาอ้วนเอาไม่หยุดไม่หย่อนค่ะ จนทำงานสักพักทุกอย่างลงตัว ทริปเที่ยวจึงเริ่มต้นอีกครั้ง
เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาได้ไปเที่ยวโอกินาว่ามาค่ะ วันนี้เลยมารีวิววิธีการเที่ยว แนะนำร้านอาหาร และแหล่งช็อปปิ้งให้เพื่อนๆได้ทราบกัน
ใครที่คิดว่าโอกินาว่าไม่มีอะไร อยากจะให้เปลี่ยนความคิดมากๆ ตอนแรกก่อนไปก็คิดเหมือนกันว่าไม่น่าจะมีอะไรมาก
ถ้าเทียบกับญี่ปุ่นเมืองอื่นๆอย่างโตเกียว โอซาก้า ฮอกไกโด แต่พอไปจริงๆนะ มีอะไรให้เที่ยวเยอะมาก เยอะจนอยากจะบินไปเที่ยวอีกเลย โอกินาว่าเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์มากและมีวัฒนธรรมที่เก่าแก่เป็นของเขาเอง
ทำให้เราสังเกตได้ถึงความแตกต่างจากญี่ปุ่นทั่วๆไป ไปแล้วไม่รู้สึกเบื่อเลยค่ะ ใครที่เบื่อเมืองอื่นๆ ลองเปลี่ยนมาเที่ยวโอกินาว่าดูได้น้า
เนื่องจากไปโอกินาว่ากันครั้งแรก เลยมีไปเที่ยวแต่ที่ไฮไลท์ ของกินก็จัดเต็ม ช็อปปิ้งก็จะจัดเต็มกว่าค่ะ5555 ไปชมทริปของเรากันเลย
LET'S GOOOOO 💨💨💨💨
✈✈✈✈✈AIR TICKET✈✈✈✈✈
แน่นอน การมาโอกินาว่าไม่ค่อยมีสายการบินให้เราเลือกมากนัก ซึ่งเรานั้นเลือกบินตรงที่มีอยู่สายการบินเดียวคือ PEACH AIR
เหมือนคนอื่นๆค่ะ โดยซื้อตั๋วเครื่องบินจากงานไทยเที่ยวไทยก่อนเดินทางประมาณ 5 เดือนล่วงหน้า
โดยเป็นโปรโมชั่นลดประมาณ 15 % จากราคาเต็ม ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ + น้ำหนักกระเป๋า 20 กิโลทั้ง 2 ขา คนละ 7,770 บาท
จริงๆมีราคาที่ถูกกว่านี้ค่ะ ถ้าเลือกวันดีดี แต่เนื่องจากเราทำงานกันแล้ว วันที่ตั๋วถูกกว่าเราไม่สะดวกลางานกัน
เลยช่างมัน 7พันกว่าบาทก็ถือว่าถูกแล้วสำหรับการไปญี่ปุ่น เลยจองๆไปเลยในงานนั้นเลย
+++++รีวิวสายการบิน PEACH AIR อันเลื่องชื่อเรื่องการดีเลย์+++++
ไฟล์ทขาไป
Check-in ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ประตู 6 เคาเตอร์ M เคาเตอร์เริ่มเปิดให้เช็คอินประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง
แถวจะยาวมาก เพราะเปิดแค่ 2-3 เคาเตอร์เอง
แนะนำให้ไปเข้าแถวรอเช็คอินตั้งแต่ประมาณ 4 ทุ่ม เพราะคนจะเยอะมากค่ะจะได้รีบเข้าเกทด้วย
ส่วนไฟล์ทขาไปไม่ดีเลย์เลย ตรงเวลาเป๊ะๆๆ
ในส่วนของที่นั่ง ขนาดมาตรฐาน LCC เล็กแต่พอรับได้ ไม่ได้แย่อะไรค่ะ
และ PEACH AIR เป็นสายการบิน LCC ทำให้เครื่องไปลงโอกินาว่าที่คลังสินค้าของสนามบินแทนการลงที่ terminal ปกติ
เครื่องลงปุ๊ป >เดินออกจากเครื่องบินเข้าคลังสินค้า > ผ่าน ตม. > รับกระเป๋า > ผ่านการเช็คกระเป๋า > ขึ้น free shuttle bus ไปตัวอาคารหลัก
❄ ตม. ที่นี้ใครว่าไม่โหด! ขนาดไฟล์ทลงเช้า งัวเงียพึ่งตื่น ยังมีคนไทยโดนเรียกเข้าห้องเลย
แนะนำให้เตรียมปริ้นใบจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และแผนการท่องเที่ยวไว้ด้วยนะคะ ใครคิดจะหนีนะ ระวังตัวไว้ค่ะ โดนแน่
❄ ในส่วนของการรับกระเป๋า ที่นี้ไม่มีสายสะพานกระเป๋า จะมีพนักงานมาวางเรียงกันไว้ แล้วเราก็ไปหยิบกระเป๋าของเราค่ะ
❄ เมื่อออกมาถึงหน้าอาคาร บริเวณที่มีร้านขนม ซึ่งมีอยู่ร้านเดียวขวามือ หาเจอแน่นอนจะมีที่เข้าแถวเพื่อขึ้น shuttle bus
ไปยังอาคารterminalหลัก ซึ่งเป็นจุดที่ไปขึ้นรถไฟ Yui Rail กันต่อค่ะ ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย แล้วจะมาลงป้ายรถบัสที่ 4 ของterminal
❄ เวลาขากลับก็มาขึ้นที่ป้ายเดิม เพื่อไปอาคาร LCC เหมือนเดิมค่ะ
ไฟล์ทขากลับ
จากตัวอาคารหลักของสนามบิน เราต้องนั่งกลับมายัง LCC terminal เหมือนเดิม โดยการนั่งจากป้ายรถบัสที่ 4 จุดเดิมที่เราลงตอนขามา
เมื่อถึงตัวอาคารให้เช็คดูเวลาเช็คอิน บริเวณเคาเตอร์ Peach air เนื่องจากเขาจะมีรอบเวลาว่า ไฟล์ทไหนเริ่มเช็คอินตั้งแต่กี่โมงค่ะ
ถ้ายังไม่ถึงไฟล์ทของเราก็มีที่นั่ง และร้านขนม สิริรวม 1 ร้านให้ได้ชอปปิ้งและนั่งรอ 5555555
ตอนวันขากลับของเรา ได้เช็คอินเริ่มตอน 20:30 เมื่อถึงเวลา ให้ไปตรงเครื่องเช็คอินอัตโนมัติ (1ในรูป) ตั้งอยู่ด้านขวามือสุดของจุดเคาเตอร์ โดยต้องมีเอกสารการเช็คอิน (ใบจอง) + รหัสการจอง (ตัวอักษร 6 ตัว) + พาสปอร์ตของทุกคน เพราะต้องแสกนหน้าพาสปอร์ต แล้วเครื่องจะทำการปริ้น Boarding Pass มาให้ค่ะ ลักษณะเหมือนใบเสร็จสลิปที่ไร้เรี่ยวแรง จะไม่เหมือนใบแข็งเหมือนขามาแล้ว
หากใครไม่ได้โหลดกระเป็า กระบวนการเช็คอินก็จบสิ้น
หากใครมีโหลดกระเป๋าไว้ใต้เครื่องด้วย ต้องทำส่วนด้านบนก่อน แล้วเดินมาฝั่งซ้ายมือเพื่อมาแสกนกระเป๋าและไปเคาเตอร์ (2ในรูป) เพื่อทำการโหลดกระเป๋าอีกทีนึงก่อนค่ะ (3ในรูป) ถึงจะเสร็จสมบูรณ์
สรุปง่ายๆ : เช็คอินปริ้น Boarding Pass ที่เครื่องอัตโนมัติก่อน > ใครโหลดกระเป๋าใต้เครื่องมาเคาเตอร์ด้านซ้ายมืออีกที > เสร็จสิ้น
❄แต่ขากลับค่อนข้างเข้มงวดเรื่องน้ำหนักกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องค่ะ เพราะมีพนักงานคอยเช็คให้เราชั่งกระเป๋าก่อนเข้าเกททุกคน
ถ้าเกินต้องไปเอาออก ทำให้ไม่ให้น้ำหนักเกินก่อนถึงเดินเข้าผ่าน ตม.ได้ ค่อนข้างโหดทีเดียว
❄โดยกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องต้องห้ามเกิน 10 กิโล รวมกัน 2 ใบเท่านั้น (กระเป๋าถือ + กระเป๋าอีก 1 ใบ)
ฉะนั้นเพื่อนๆตอนขากลับต้องระวังกันด้วย พนักงานเข้มงวดจริงๆค่ะ แต่ก่อนเช็คอินแอบเอากระเป๋าไปชั่งก่อนได้ว่าเกินไหม
เราก็ไปทำมา ไปชั่งทั้งกระเป๋าโหลดว่าเกิน 20 กิโลไหม และชั่งกระเป๋าถือขึ้นเครื่องด้วย โชคที่ที่ไม่เกินทั้ง 2 อย่าง
❄อีกอย่างหนึ่งที่อยากแนะนำ คือให้รีบเช็คอินและรีบเข้าเกท เพราะว่าที่นั่งรอเวลาขึ้นเครื่องมีจำนวนจำกัด และเกทอยู่รวมกันกับไฟล์ทอื่น แถมอยู่รวมกับสายการบินอื่นๆด้วย คนจะเยอะมากมาก และมีคนจำนวนมากที่ไม่มีที่นั่ง แนะนำให้รีบเข้าไปด้านในค่ะ
❄ด้านในมีร้านขนมเล็กๆอีก 1 ร้านและมีห้องน้ำ ไม่ต้องเป็นห่วงในส่วนนี้ค่า และให้คอยฟังเสียงเรียกขึ้นเครื่องด้วยนะคะ
ส่วนขากลับดีเลย์ 30 นาที ค่อยยังชั่ว พอรับได้ค่ะ
🏨🏨🏨🏨🏨HOTEL🏨🏨🏨🏨🏨
โรงแรมที่พัก จากที่ได้ดูรีวีพันทิปกระทู้อื่นก็ติดใจโรงแรม ESTINATE HOTEL 🏨
เห็นว่าโรงแรมสวย อาหารน่าอร่อย (ส่วนสำคัญที่สุดของพวกเรา) และใกล้ Kokusai Dori เลยจองโรงแรมนี้
โรงแรมสวยจริงๆค่ะ ทำออกมาได้ดูดี โดยจองจาก booking.com ห้องแบบ Standard double room
ขนาดห้องก็เล็กสมเป็นมาตรฐานโรงแรมญี่ปุ่น นอน 2 คนนอนได้ กำลังดีค่ะ
ห้องน้ำมีผ้าเช็ดตัว สบู่ ยาสระผม พร้อม มีอ่างอาบน้ำให้ด้วย ในห้องไม่มีกาน้ำร้อน ต้องลงมาชั้น 1 LOBBY มีบริการตลอด 24 ชม
ราคาพัก 4 คืน ไม่รวมอาหารเช้า อยู่ที่ 33,880 เยน ต่อคนต่อคืนอยู่ที่ประมาณ 1,250 บาทค่ะ
Locations: เดินจากสถานี Miebashi ประมาณ 6 นาที มี Family mart และ Lawson อยู่ใกล้ๆ
เดินไปชอปปิ้งที่ Kokusai dori ได้อย่างสบาย สบายมาก เงินก็จะไปอย่างง่ายๆสบายๆเช่นกัน
อาหารเช้า : แนะนำกิน 1 วันพอ กินทุกวันเราว่าจะเลี่ยน ไปกินข้างนอกดีกว่า
🚂🚌🚂🚌การเดินทาง🚌🚂🚌🚂
เนื่องจากเรา 2 คนที่ไป ขับรถไม่ค่อยแข็ง การขับรถเที่ยวจึงไม่สามารถทำได้สำหรับทริปโอกินาว่า
หลายกระทู้ที่รีวิวส่วนใหญ่จะขับรถเที่ยว ซึ่งจริงๆถ้าจะให้เที่ยวครบทั้งเกาะ ก็ควรขับรถเที่ยวจริงๆนั้นแหละ
แต่อย่าให้มันเป็นอุปสรรคการเที่ยวของเราค่ะ เราเลยหาวิธีการเดินทาง และหาที่เที่ยวที่นั่งรถสาธารณะได้
+ ซื้อ Optional Tour 1 day สำหรับที่ที่คิดว่ายังไงก็ไปเองไม่ได้แทน
การเที่ยวของเราจึงใช้รถไฟ Yui Rail รถบัส และการเดินเป็นหลัก และมีนั่งแท็กซี่ 1 ครั้งค่ะ
ใครที่ไม่อยากขับรถเหมือนกัน ก็เดินทางตามเราได้เลยค่ะ เราจะเขียนวิธีการเดินทางอย่างละเอียดให้นะคะ
🚂🚂YUI RAIL TRIAN🚂🚂
การเดินทางด้วยรถไฟ ราคาเท่าไหร่สามารถเช็คจากตารางนี้ได้ ซึ่งมีเส้นวิ่งในตัวเมืองเท่านั้น
🚌🚌LOCAL BUS🚌🚌
ส่วนรถบัส เราจะเช็คก่อนว่าที่ที่ไปต้องนั่งสายอะไร ขึ้นรถที่ไหน ชื่อป้ายอะไร และเช็ครอบเวลาก่อนเดินทางทุกครั้งค่ะ
เนื่องจากรถบัสโอกินาว่าไม่ได้มีถี่มาก จึงควรเช็คเวลาก่อนเดินทางนะคะ ซึ่งเราเช็คจากเว็ปนี้เลยค่ะ
1.
http://www.kotsu-okinawa.org/en/map_south.html
มีทั้งรอบเวลาทั้งขาไป-กลับ ราคา ของรถบัสทุกสายทั่วทั้งโอกินาว่าเลยค่ะ ดีมากมาก
2.
http://routefinder-okinawa.com/route_search?Lang=en
เวปไว้เช็คว่าที่ที่เราไปควรนั่งสายอะไรคล้ายๆเว็ป hyperdia ซึ่งจะใช้ยากตรงที่ต้องรู้ชื่อป้ายรถบัสนั้นๆก่อนถึงจะค้นหารูทได้ค่ะ
แผนการเที่ยวของเรา เป็นแบบนั่งทั้งรถบัสนั่งทั้งรถไฟ แต่คำนวณแล้วว่าซื้อพาสที่รวมรถไฟกับรถบัสไม่คุ้ม
เลยซื้อเป็นบัตรเติมเงิน OKICA แทนวิธีการซื้อสามารถซื้อได้ที่ตู้อัตโนมัติทุกสถานี วิธีการตามภาพเลยค่ะ
โดยมีค่ามัดจำบัตร 500 เยนนะคะ เราเติม 5,000 เยน ใช้ได้จริง 4,500 เยนใช้สำหรับ 3 วันแรกในการนั่งรถไฟและรถบัส
บัตรน่ารักมาก คู่ควรแก่การเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ส่วน 2 วันสุดท้ายซื้อ Yui Rail PASS แบบเหมา 2 day ราคา 1,400 เยน
เพราะสถานที่ที่ไปเที่ยวนั่งรถ Yui Rail Pass เป็นหลักค่ะและใช้เป็นส่วนลดเข้าปราสาทชูริได้ด้วย
สรุป 3 วันแรกใช้ OKICA // 2 วันหลัง Yuirail 2 day pass ค่ะ
[CR] WINTER ❤ in OKINAWA มีอะไรกว่าที่คิด ตะลุยเที่ยวแบบไม่ขับรถ! 4คืน5วัน เน้นกิน เน้นช้อป เน้นเที่ยว ด้วยงบเบาๆ 2หมื่นนิดๆ
สวัสดีค่าาาาาา หลังจากที่ห่างหายไปนานนนไม่ได้เขียนกระทู้รีวิวเลยยย เพราะเปลี่ยนจากการเป็นนักศึกษากลายเป็นสาวออฟฟิศ
เลยมีเวลาเที่ยวน้อยลง ที่เพิ่มเติมคือความอ้วนเอาอ้วนเอาไม่หยุดไม่หย่อนค่ะ จนทำงานสักพักทุกอย่างลงตัว ทริปเที่ยวจึงเริ่มต้นอีกครั้ง
เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาได้ไปเที่ยวโอกินาว่ามาค่ะ วันนี้เลยมารีวิววิธีการเที่ยว แนะนำร้านอาหาร และแหล่งช็อปปิ้งให้เพื่อนๆได้ทราบกัน
ใครที่คิดว่าโอกินาว่าไม่มีอะไร อยากจะให้เปลี่ยนความคิดมากๆ ตอนแรกก่อนไปก็คิดเหมือนกันว่าไม่น่าจะมีอะไรมาก
ถ้าเทียบกับญี่ปุ่นเมืองอื่นๆอย่างโตเกียว โอซาก้า ฮอกไกโด แต่พอไปจริงๆนะ มีอะไรให้เที่ยวเยอะมาก เยอะจนอยากจะบินไปเที่ยวอีกเลย โอกินาว่าเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์มากและมีวัฒนธรรมที่เก่าแก่เป็นของเขาเอง
ทำให้เราสังเกตได้ถึงความแตกต่างจากญี่ปุ่นทั่วๆไป ไปแล้วไม่รู้สึกเบื่อเลยค่ะ ใครที่เบื่อเมืองอื่นๆ ลองเปลี่ยนมาเที่ยวโอกินาว่าดูได้น้า
เนื่องจากไปโอกินาว่ากันครั้งแรก เลยมีไปเที่ยวแต่ที่ไฮไลท์ ของกินก็จัดเต็ม ช็อปปิ้งก็จะจัดเต็มกว่าค่ะ5555 ไปชมทริปของเรากันเลย
LET'S GOOOOO 💨💨💨💨
✈✈✈✈✈AIR TICKET✈✈✈✈✈
แน่นอน การมาโอกินาว่าไม่ค่อยมีสายการบินให้เราเลือกมากนัก ซึ่งเรานั้นเลือกบินตรงที่มีอยู่สายการบินเดียวคือ PEACH AIR
เหมือนคนอื่นๆค่ะ โดยซื้อตั๋วเครื่องบินจากงานไทยเที่ยวไทยก่อนเดินทางประมาณ 5 เดือนล่วงหน้า
โดยเป็นโปรโมชั่นลดประมาณ 15 % จากราคาเต็ม ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ + น้ำหนักกระเป๋า 20 กิโลทั้ง 2 ขา คนละ 7,770 บาท
จริงๆมีราคาที่ถูกกว่านี้ค่ะ ถ้าเลือกวันดีดี แต่เนื่องจากเราทำงานกันแล้ว วันที่ตั๋วถูกกว่าเราไม่สะดวกลางานกัน
เลยช่างมัน 7พันกว่าบาทก็ถือว่าถูกแล้วสำหรับการไปญี่ปุ่น เลยจองๆไปเลยในงานนั้นเลย
+++++รีวิวสายการบิน PEACH AIR อันเลื่องชื่อเรื่องการดีเลย์+++++
ไฟล์ทขาไป
Check-in ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ประตู 6 เคาเตอร์ M เคาเตอร์เริ่มเปิดให้เช็คอินประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง
แถวจะยาวมาก เพราะเปิดแค่ 2-3 เคาเตอร์เอง
ส่วนไฟล์ทขาไปไม่ดีเลย์เลย ตรงเวลาเป๊ะๆๆ
ในส่วนของที่นั่ง ขนาดมาตรฐาน LCC เล็กแต่พอรับได้ ไม่ได้แย่อะไรค่ะ
และ PEACH AIR เป็นสายการบิน LCC ทำให้เครื่องไปลงโอกินาว่าที่คลังสินค้าของสนามบินแทนการลงที่ terminal ปกติ
เครื่องลงปุ๊ป >เดินออกจากเครื่องบินเข้าคลังสินค้า > ผ่าน ตม. > รับกระเป๋า > ผ่านการเช็คกระเป๋า > ขึ้น free shuttle bus ไปตัวอาคารหลัก
❄ ตม. ที่นี้ใครว่าไม่โหด! ขนาดไฟล์ทลงเช้า งัวเงียพึ่งตื่น ยังมีคนไทยโดนเรียกเข้าห้องเลย
แนะนำให้เตรียมปริ้นใบจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และแผนการท่องเที่ยวไว้ด้วยนะคะ ใครคิดจะหนีนะ ระวังตัวไว้ค่ะ โดนแน่
❄ ในส่วนของการรับกระเป๋า ที่นี้ไม่มีสายสะพานกระเป๋า จะมีพนักงานมาวางเรียงกันไว้ แล้วเราก็ไปหยิบกระเป๋าของเราค่ะ
❄ เมื่อออกมาถึงหน้าอาคาร บริเวณที่มีร้านขนม ซึ่งมีอยู่ร้านเดียวขวามือ หาเจอแน่นอนจะมีที่เข้าแถวเพื่อขึ้น shuttle bus
ไปยังอาคารterminalหลัก ซึ่งเป็นจุดที่ไปขึ้นรถไฟ Yui Rail กันต่อค่ะ ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย แล้วจะมาลงป้ายรถบัสที่ 4 ของterminal
❄ เวลาขากลับก็มาขึ้นที่ป้ายเดิม เพื่อไปอาคาร LCC เหมือนเดิมค่ะ
ไฟล์ทขากลับ
จากตัวอาคารหลักของสนามบิน เราต้องนั่งกลับมายัง LCC terminal เหมือนเดิม โดยการนั่งจากป้ายรถบัสที่ 4 จุดเดิมที่เราลงตอนขามา
เมื่อถึงตัวอาคารให้เช็คดูเวลาเช็คอิน บริเวณเคาเตอร์ Peach air เนื่องจากเขาจะมีรอบเวลาว่า ไฟล์ทไหนเริ่มเช็คอินตั้งแต่กี่โมงค่ะ
ถ้ายังไม่ถึงไฟล์ทของเราก็มีที่นั่ง และร้านขนม สิริรวม 1 ร้านให้ได้ชอปปิ้งและนั่งรอ 5555555
ตอนวันขากลับของเรา ได้เช็คอินเริ่มตอน 20:30 เมื่อถึงเวลา ให้ไปตรงเครื่องเช็คอินอัตโนมัติ (1ในรูป) ตั้งอยู่ด้านขวามือสุดของจุดเคาเตอร์ โดยต้องมีเอกสารการเช็คอิน (ใบจอง) + รหัสการจอง (ตัวอักษร 6 ตัว) + พาสปอร์ตของทุกคน เพราะต้องแสกนหน้าพาสปอร์ต แล้วเครื่องจะทำการปริ้น Boarding Pass มาให้ค่ะ ลักษณะเหมือนใบเสร็จสลิปที่ไร้เรี่ยวแรง จะไม่เหมือนใบแข็งเหมือนขามาแล้ว
หากใครไม่ได้โหลดกระเป็า กระบวนการเช็คอินก็จบสิ้น
หากใครมีโหลดกระเป๋าไว้ใต้เครื่องด้วย ต้องทำส่วนด้านบนก่อน แล้วเดินมาฝั่งซ้ายมือเพื่อมาแสกนกระเป๋าและไปเคาเตอร์ (2ในรูป) เพื่อทำการโหลดกระเป๋าอีกทีนึงก่อนค่ะ (3ในรูป) ถึงจะเสร็จสมบูรณ์
สรุปง่ายๆ : เช็คอินปริ้น Boarding Pass ที่เครื่องอัตโนมัติก่อน > ใครโหลดกระเป๋าใต้เครื่องมาเคาเตอร์ด้านซ้ายมืออีกที > เสร็จสิ้น
❄แต่ขากลับค่อนข้างเข้มงวดเรื่องน้ำหนักกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องค่ะ เพราะมีพนักงานคอยเช็คให้เราชั่งกระเป๋าก่อนเข้าเกททุกคน
ถ้าเกินต้องไปเอาออก ทำให้ไม่ให้น้ำหนักเกินก่อนถึงเดินเข้าผ่าน ตม.ได้ ค่อนข้างโหดทีเดียว
❄โดยกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องต้องห้ามเกิน 10 กิโล รวมกัน 2 ใบเท่านั้น (กระเป๋าถือ + กระเป๋าอีก 1 ใบ)
ฉะนั้นเพื่อนๆตอนขากลับต้องระวังกันด้วย พนักงานเข้มงวดจริงๆค่ะ แต่ก่อนเช็คอินแอบเอากระเป๋าไปชั่งก่อนได้ว่าเกินไหม
เราก็ไปทำมา ไปชั่งทั้งกระเป๋าโหลดว่าเกิน 20 กิโลไหม และชั่งกระเป๋าถือขึ้นเครื่องด้วย โชคที่ที่ไม่เกินทั้ง 2 อย่าง
❄อีกอย่างหนึ่งที่อยากแนะนำ คือให้รีบเช็คอินและรีบเข้าเกท เพราะว่าที่นั่งรอเวลาขึ้นเครื่องมีจำนวนจำกัด และเกทอยู่รวมกันกับไฟล์ทอื่น แถมอยู่รวมกับสายการบินอื่นๆด้วย คนจะเยอะมากมาก และมีคนจำนวนมากที่ไม่มีที่นั่ง แนะนำให้รีบเข้าไปด้านในค่ะ
❄ด้านในมีร้านขนมเล็กๆอีก 1 ร้านและมีห้องน้ำ ไม่ต้องเป็นห่วงในส่วนนี้ค่า และให้คอยฟังเสียงเรียกขึ้นเครื่องด้วยนะคะ
ส่วนขากลับดีเลย์ 30 นาที ค่อยยังชั่ว พอรับได้ค่ะ
🏨🏨🏨🏨🏨HOTEL🏨🏨🏨🏨🏨
โรงแรมที่พัก จากที่ได้ดูรีวีพันทิปกระทู้อื่นก็ติดใจโรงแรม ESTINATE HOTEL 🏨
เห็นว่าโรงแรมสวย อาหารน่าอร่อย (ส่วนสำคัญที่สุดของพวกเรา) และใกล้ Kokusai Dori เลยจองโรงแรมนี้
โรงแรมสวยจริงๆค่ะ ทำออกมาได้ดูดี โดยจองจาก booking.com ห้องแบบ Standard double room
ขนาดห้องก็เล็กสมเป็นมาตรฐานโรงแรมญี่ปุ่น นอน 2 คนนอนได้ กำลังดีค่ะ
ห้องน้ำมีผ้าเช็ดตัว สบู่ ยาสระผม พร้อม มีอ่างอาบน้ำให้ด้วย ในห้องไม่มีกาน้ำร้อน ต้องลงมาชั้น 1 LOBBY มีบริการตลอด 24 ชม
ราคาพัก 4 คืน ไม่รวมอาหารเช้า อยู่ที่ 33,880 เยน ต่อคนต่อคืนอยู่ที่ประมาณ 1,250 บาทค่ะ
Locations: เดินจากสถานี Miebashi ประมาณ 6 นาที มี Family mart และ Lawson อยู่ใกล้ๆ
เดินไปชอปปิ้งที่ Kokusai dori ได้อย่างสบาย สบายมาก เงินก็จะไปอย่างง่ายๆสบายๆเช่นกัน
อาหารเช้า : แนะนำกิน 1 วันพอ กินทุกวันเราว่าจะเลี่ยน ไปกินข้างนอกดีกว่า
🚂🚌🚂🚌การเดินทาง🚌🚂🚌🚂
เนื่องจากเรา 2 คนที่ไป ขับรถไม่ค่อยแข็ง การขับรถเที่ยวจึงไม่สามารถทำได้สำหรับทริปโอกินาว่า
หลายกระทู้ที่รีวิวส่วนใหญ่จะขับรถเที่ยว ซึ่งจริงๆถ้าจะให้เที่ยวครบทั้งเกาะ ก็ควรขับรถเที่ยวจริงๆนั้นแหละ
แต่อย่าให้มันเป็นอุปสรรคการเที่ยวของเราค่ะ เราเลยหาวิธีการเดินทาง และหาที่เที่ยวที่นั่งรถสาธารณะได้
+ ซื้อ Optional Tour 1 day สำหรับที่ที่คิดว่ายังไงก็ไปเองไม่ได้แทน
การเที่ยวของเราจึงใช้รถไฟ Yui Rail รถบัส และการเดินเป็นหลัก และมีนั่งแท็กซี่ 1 ครั้งค่ะ
ใครที่ไม่อยากขับรถเหมือนกัน ก็เดินทางตามเราได้เลยค่ะ เราจะเขียนวิธีการเดินทางอย่างละเอียดให้นะคะ
🚂🚂YUI RAIL TRIAN🚂🚂
การเดินทางด้วยรถไฟ ราคาเท่าไหร่สามารถเช็คจากตารางนี้ได้ ซึ่งมีเส้นวิ่งในตัวเมืองเท่านั้น
🚌🚌LOCAL BUS🚌🚌
ส่วนรถบัส เราจะเช็คก่อนว่าที่ที่ไปต้องนั่งสายอะไร ขึ้นรถที่ไหน ชื่อป้ายอะไร และเช็ครอบเวลาก่อนเดินทางทุกครั้งค่ะ
เนื่องจากรถบัสโอกินาว่าไม่ได้มีถี่มาก จึงควรเช็คเวลาก่อนเดินทางนะคะ ซึ่งเราเช็คจากเว็ปนี้เลยค่ะ
1. http://www.kotsu-okinawa.org/en/map_south.html
มีทั้งรอบเวลาทั้งขาไป-กลับ ราคา ของรถบัสทุกสายทั่วทั้งโอกินาว่าเลยค่ะ ดีมากมาก
2.http://routefinder-okinawa.com/route_search?Lang=en
เวปไว้เช็คว่าที่ที่เราไปควรนั่งสายอะไรคล้ายๆเว็ป hyperdia ซึ่งจะใช้ยากตรงที่ต้องรู้ชื่อป้ายรถบัสนั้นๆก่อนถึงจะค้นหารูทได้ค่ะ
แผนการเที่ยวของเรา เป็นแบบนั่งทั้งรถบัสนั่งทั้งรถไฟ แต่คำนวณแล้วว่าซื้อพาสที่รวมรถไฟกับรถบัสไม่คุ้ม
เลยซื้อเป็นบัตรเติมเงิน OKICA แทนวิธีการซื้อสามารถซื้อได้ที่ตู้อัตโนมัติทุกสถานี วิธีการตามภาพเลยค่ะ
โดยมีค่ามัดจำบัตร 500 เยนนะคะ เราเติม 5,000 เยน ใช้ได้จริง 4,500 เยนใช้สำหรับ 3 วันแรกในการนั่งรถไฟและรถบัส
บัตรน่ารักมาก คู่ควรแก่การเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ส่วน 2 วันสุดท้ายซื้อ Yui Rail PASS แบบเหมา 2 day ราคา 1,400 เยน
เพราะสถานที่ที่ไปเที่ยวนั่งรถ Yui Rail Pass เป็นหลักค่ะและใช้เป็นส่วนลดเข้าปราสาทชูริได้ด้วย
สรุป 3 วันแรกใช้ OKICA // 2 วันหลัง Yuirail 2 day pass ค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น