"ญี่ปุ่น" เป็นจุดหมายปลายทางของเหล่านักเดินทางและนักท่องเที่ยวที่หมายมั่นที่จะได้ไปเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าเอ่ยถึงเกาะแห่งนี้ความคิดที่ฝุดขึ้นมาในหัวของเราก็จะมีเมืองที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีปรากฏขึ้นมา เช่น แถบคันโต (โตเกียว และละเเวกใกล้เคียง) แถบคันไซ (โอซากา เกียวโต นารา โกเบ) แถบทางตอนใต้ แถบคิวชู (ฟุกุโอกะ คุมาโมโต ) หรือแถบเหนือสุดของญี่ปุ่นก็คือ แถบฮอกไกโด (ซับโปโร ฮาโกดาเตะ) แต่หลายคนอาจเข้าใจว่าตอนใต้สุดของญี่ปุ่นคือ จังหวัดคาโงชิมา ภูมิภาคคิวชู
รีวิวนี้ผมจะเน้นเนื้อหาปนสาระเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกับโอกินาวาให้มากขึ้นเล็กน้อย รวมถึงภาพถ่ายกาก ๆ ของผมที่จะใส่ให้เยอะมาก (เสียดายตัดไม่ลง) มีทั้งภาพสวยและภาพกากปนกันไป และที่สำคัญการเดินทางในรอบนี้ไม่ได้เช่ารถขับนะครับ ไปกับตัวและเงินในกระเป๋า
ที่มาของภาพ :
http://travel.rakuten.co.jp/en/map/japan/
จากแผนที่ประเทศญี่ปุ่นจะเห็นว่า ส่วนที่อยู่ใต้สุดจริง ๆ แล้วก็คือ จังหวัดโอกินาวา โดยจังหวัดนี้เป็นเกาะแยกตัวอยู่ต่างหาก ค่อนข้างไกลจากแผ่นดินใหญ่พอสมควร ค่อนไปทางไต้หวัน ประกอบกับประเทศญี่ปุนมีลักษณะภูมิศาสตร์ค่อนข้างยาว ทำให้แผนที่ส่วนใหญ่จึงต้องตัดปะจังหวัดโอกินาวาไว้ตรงมุมแผนที่เหมือนภาพด้านล่าง
จังหวัดโอกินาวาถูกตัดแบ่งไว้ตรงมุมล่างขวาของแผนที่ แยกตัวจากจังหวัดอื่น ๆ บนแผ่นดินใหญ่
คำถาม : ทำไมต้องไป "โอกินาวา" และทำไมต้องไปช่วงหน้าหนาว
คำถามนี้คาดว่าหลายคนที่ไปโอกินาวา จะต้องโดนถามกันไม่มากไม่น้อยเลยทีเดียว เหมือนกับตอนผมไปไต้หวันเมื่อปีก่อนก่อนที่จะบูมเหมือนวันนี้ก็โดนคำถามนี้เหมือนกัน คำตอบของผมง่าย ๆ เลยคือ อยากไปจังหวัดในญี่ปุ่นที่คนไทยไม่ค่อยจะไปกันเพื่อหลีกหนีจากความวุ่นวย และไม่ได้เที่ยวเพื่อตามกระแสเพราะบางครั้งเรามองภาพจากจอคอมพิวเตอร์เห็นฟูจิ เห็นวัดทอง วัดน้ำใส หรือหิมะตกซับโปโรจนเริ่มเป็นความคุ้นชิน ทำให้เกิดความคิดว่าเราไปโอกินาวาดีกว่าเพื่อหาอะไรที่แตกต่างและไม่จำเจ
คำถามต่อมาทำไมต้องไปช่วงหน้าหนาว คำตอบเลยคือ หน้าหนาวของโอกินาวาจะเป็นช่วงโลว์ซีชั่นทำให้ค่าที่พักราคาถูกลง อย่างโรงแรม 5 ดาวที่ตกคืนละหมื่นกว่าพอมาช่วงนี้ราคาถูกลงเป็นครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว รวมถึงค่าใช้จ่ายก็จะถูกลง
การเดินทางสู่โอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น
ผมเดินทางไปโอกินาวาในช่วงระหว่างวันที่ 13 - 18 ธันวาคม 2559 โดยผมจองตั๋วไปโอกินาวาตั้งแต่เดือนเมษายนซึ่งตอนนั้นฮ่องกงแอร์ไลน์ออกโปรมาในราคา 6700 กว่าบาทรวมภาษีนั่นนี่ก็ราคาประมาณ 8000 กว่าบาทซึ่งก็ยอมรับได้เพราะรวมค่าโหลดกระเป๋าเรียบร้อย ดังนั้นมาดูการเดินทางไปโอกินาวากันเลยครับ เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีเส้นทางบินตรงจากไทยไปโอกินาวา ทำให้มีแต่วิธีต่อเครื่องซึ่งมี 2 วิธี
(อัพเดทล่าสุด 15 ธันวาคม สายการบินพีชเเอร์ได้เปิดเส้นทางบินตรงจากไทยไปโอกินาวาแล้วนะครับ) คือ
1. ต่อเครื่องโดยเริ่มต้นจากไทยไปโอกินาวา ซึ่งปัจจุบันมีสายการบินต่อไปนี้
1.1 ฮ่องกง แอร์ไลน์ (กรุงเทพฯ - โอกินาวา) เปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง
1.2 คาร์เธย์ แปซิฟิค (กรุงเทพฯ - โอกินาวา) เปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง
1.3 ไชน่า แอร์ไลน์ (กรุงเทพฯ - โอกินาวา) เปลี่ยนเครื่องที่ไทเป ไต้หวัน
1.4 EVA airlines (กรุงเทพฯ โอกินาวา) เปลี่ยนเครื่องไทเป ไต้หวัน
โปรดอย่าถามว่าจะเลือกสายการบินไหน ผมก็เลือกฮ่องกง แอร์ไลน์สิครับเพราะราคาถูกสุดแล้วในช่วงปลายปีแบบนี้ รวมถึงเวลาก็ยังโอเคอีกด้วย ตีตั๋วไปประมาณ 8000 กว่าบาทเองงงงงง
2. ต่อเครื่องภายในประเทศญี่ปุ่น เช่น PEACH AIRLINES เป็นต้น
3. บินตรงจากไทย - โอกินาวา (กรณีนี้ต้องรอให้มีการเช่าเหมาลำการบินไทย ซึ่งจะมีการเปิดให้จองอีกทีหนึ่ง)
*** เมื่อ 15 ธันวาคมที่ผ่านมาสายการบินพีชแอร์ก็ได้เปิดเส้นทางบินตรงไปโอกินาวาแล้วนะครับ ข่าวด่วนนนนนนนน
เนื่องจากครั้งนี้การไปโอกินาวาผมใช้บริการฮ่องกงแอร์ไลน์ ตอนแรกผมจะไปวันที่ 14 - 17 ธันวาคม แต่ประมาณกันยายน ตุลาคมทางฮ่องกงแอร์ไลน์ได้ส่งอีเมล์เปลี่ยนแปลงเวลาจากที่ออกตอนตี 1:40 น. เป็นออกตอน 03.30 น. การเปลี่ยนเวลารอบนี้จะทำให้แพลนที่ผมวางไว้เสียไปเกือบครึ่งวันทำให้ผมต้องติดต่อกับฮ่องกงแอร์ไลน์เพื่อเปลี่ยนวันจากเดิมเป็น 14 ก็เปลี่ยนมาเป็น 13 ธันวาคม 2559 แทนครับ
เข้าเรื่องต่อดีกว่า ฮ่องกงแอร์ไลน์จะตั้งอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ แถว K ถ้าเป็นไปได้ก็แนะนำให้ทำการเชคอินออนไลน์ไปก่อนจะดีที่สุดและเพื่อความรวดเร็ว
พอทำการเชคอินออนไลน์จากบ้านมาเรียบร้อย ก็ไปแถว K ตรงช่อง Internet check in เพื่อทำการ Bag drop กระเป๋า โดยการเดินทางไปโอกินาวา พนักงานที่เคาเตอร์จะให้ตั๋วมาสองใบ คือ ใบที่ 1 ( กรุงเทพฯ - ฮ่องกง) และใบที่ 2 (ฮ่องกง - โอกินาวา) ดังนั้นเมื่อถึงสนามบินฮ่องกงแล้วก็สามารถ tansfer ต่อเครื่องได้เลยครับไม่ต้องออกมาหาตม. เพียงแต่ดูรหัสไฟล์ทบินกับเกทแค่นั้นพอ ส่วนกระเป๋าที่โหลดก็จะถูกส่งไปสนามบินปลายทางก็คือ โอกินาวาเลยทีเดียว
สำหรับยุคสมัยที่เน้นโซเชียล ติดต่อญาติ พ่อแม่พี่น้องว่าเดินทางปลอดภัย การเดินทางครั้งนี้ผมตัดสินใจซื้อซิม 2FLY ของ AIS ราคา 399 บาทสามารถใช้ได้ทั้งฮ่องกงและญี่ปุ่น ดังนั้นการซื้อซิมนี้จึงช่วยประหยัดเวลาและปัญหาเวลาไปเที่ยวทั้ง 2 ที่เลยครับ สำหรับใครที่ซื้อซิมนี้แนะนำให้ใส่ก่อนขึ้นเครื่องประมาณ 1-2 ชั่วโมงแล้วก็ทำการโทร *120 แล้วกดโทรออก แล้วค่อยเปิดสัญญาณตอนไปถึงประเทศปลายทาง (ที่ผมไม่เปิดที่ต่างประเทศ กลัวเกิดปัญหาครับ)
หลังจากไปหาอะไรลองท้องที่เลาจน์ของคิงพาวเวอร์แล้ว ผมก็เดินต่อไปยังเกท F5 อยากจะบอกว่าเลาจน์คิงพาวเวอร์นี้ก็อยู่สุดทางเกท A ส่วนเกทเครื่องบินก็อยู่เกท F5 สุดสนามบินอีกฝั่ง เดินลากยาวกันเลยทีเดียว
การเดินทางไปฮ่องกงโดยสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์นั้น นอกจากจะมีผู้โดยสารจากฮ่องกงแอร์ไลน์แล้ว ยังมีผู้โดยสารจากเคนย่าแอร์ไลน์ เอธิฮัดแอร์ไลน์มานั่งด้วย เพราะเป็นสายการบินที่โคกัน
ระหว่างที่นั่งบนเครื่องก็ได้กินขนมปังหนึ่งชิ้นในตำนานที่หลายคนได้กล่าวไว้ (แต่ไม่ได้ถ่ายภาพมา) จากนั้นก็นอนจนถึงสนามบินฮ่องกงตอน 7.30 น.
เมื่อมาถึงมีเวลาประมาณเกือบ 4 ชั่วโมงเลยไปเทอร์มินอล 1 นั่งรถไฟฟ้าไปหาอะไรกินที่เทอร์มินอลนั้นดีกว่า พูดง่าย ๆ คือเดินเล่นในสนามบิน
มาถึงฮ่องกงยามเช้าและอยู่ในสนามบินในช่วงหน้าหนาว ดังนั้นก็ต้องกินโจ๊กฮ่องกงร้อน ๆ ให้ลื่นคอเติมพลังก่อนจะไปโอกินาวา อร่อย โออิชิ สุโค่ยยยยย
หลังจากดื่มด่ำกับโจ๊กฮ่องกงในราคาเฉียดสองร้อยกว่าบาทแล้ว (เหงื่อตกเลยทีเดียว) ก็ได้เวลาดูเกทขึ้นเครื่องว่าได้เกทไหน ปรากฏได้เกท 216 โอ้พระเจ้า นั่นเกทเกือบสุดทางเดินของเทอร์มินอลที่เรามาเลยนะ
เมื่อรู้เกทเรียบร้อยก็ไปนั่งรถไฟกลับไปยังเทอร์มินอลที่มาตอนแรก และเดินไปยังเกท 216 ที่อยู่เกือบสุดเทอร์มินอล ก็เห็นเครื่องบินลำที่คุ้นเคยแล้วแต่ลำนี้ไปซับโบโรจ้า มิใช่ โอกินาวา 5555 ก็นั่งรอต่อไป
ระหว่างรอก็ถ่ายภาพบรรยากาศสนามบินฮ่องกงอันเงียบเหงาของเทอร์มินอล 1 ส่วนฝากไส้ติ่งมาฝากกัน 555
ป้ายเปลี่ยนจากซับโปโร แดนเหนือสุดญี่ปุ่นมาเป็นโอกินาวา แดนใต้สุดของญี่ปุ่นแล้ว
บรรยากาศวังเวง เอวัง คลังนา จากนั้นก็ได้เวลาเดินทางไปยังโอกินาวาที่เฝ้ารอมานานหลายเดือนแล้ว
ระหว่างที่บินใกล้โอกินาวา ก็จะเห็นเกาะต่าง ๆ อยู่เบื้องล่าง อันนี้คล้ายม้าน้ำเลยเนอะ แสดงว่าใกล้ถึงความฝันที่รอคอยแล้ว
ในที่สุดเครื่องบินของเราก็ได้บินมาสู่น่านน้ำ น่านฟ้าของจังหวัดตอนใต้สุด โอกินาวาแล้ว โอ้ ทะเลสีคราม ฟ้าสดใส
พอบินมาเรื่อย ๆ ใกล้สนามบินสีจากน้ำทะเลสีครามก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกตเบื้องล่าง โอ๊ย พระเจ้า นี่หรือฮาวายแห่งญี่ปุ่น เทอช่างดูสวยงามแม้ในหน้าหนาว แต่สายการบินครับช่วยทำความสะอาดกระจกนิดนึงนะครับ ขุ่นเชียว ภาพเลยไม่ค่อยสวยเลย 555
พอเครื่องบินลงจอดตรง Naha international airport แล้วก็จะต้องผ่านตม.ที่เคร่งพอสมควร แต่สู้ศูลกากรญี่ปุ่นไม่ได้ตรวจเข้มยิ่งกว่า ตรวจกระเป๋า เปิดกระเป๋า ลูบคลำตัวเกือบถึงเป้าเลยทีเดียว เหงื่อแตกพลั่กๆๆๆ
พอผ่านด่านตม.และศุลกากรเรียบร้อยแล้ว จากนั้นให้ทุกคนเดินไปยังอาคารบินภายในประเทศ โดยดูป้าย Monorail แล้วเดินตามทางไปเรื่อย ๆ
เมื่อเดินมาถึงอาคารภายในประเทศแล้วก็เข้าไปข้างในอาคารเพื่อขึ้นไปยังชั้น 2 และเดินตามป้ายที่เขียนว่า Monorail ซึ่งอาคารโมโนเรลจะอยู่อีกอาคารหนึ่งครับ
[CR] << หนาวนี้ >>เมื่อฉันไปเยือนโอกินาวา แดนใต้สุดของญี่ปุ่น I
"ญี่ปุ่น" เป็นจุดหมายปลายทางของเหล่านักเดินทางและนักท่องเที่ยวที่หมายมั่นที่จะได้ไปเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าเอ่ยถึงเกาะแห่งนี้ความคิดที่ฝุดขึ้นมาในหัวของเราก็จะมีเมืองที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีปรากฏขึ้นมา เช่น แถบคันโต (โตเกียว และละเเวกใกล้เคียง) แถบคันไซ (โอซากา เกียวโต นารา โกเบ) แถบทางตอนใต้ แถบคิวชู (ฟุกุโอกะ คุมาโมโต ) หรือแถบเหนือสุดของญี่ปุ่นก็คือ แถบฮอกไกโด (ซับโปโร ฮาโกดาเตะ) แต่หลายคนอาจเข้าใจว่าตอนใต้สุดของญี่ปุ่นคือ จังหวัดคาโงชิมา ภูมิภาคคิวชู
รีวิวนี้ผมจะเน้นเนื้อหาปนสาระเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกับโอกินาวาให้มากขึ้นเล็กน้อย รวมถึงภาพถ่ายกาก ๆ ของผมที่จะใส่ให้เยอะมาก (เสียดายตัดไม่ลง) มีทั้งภาพสวยและภาพกากปนกันไป และที่สำคัญการเดินทางในรอบนี้ไม่ได้เช่ารถขับนะครับ ไปกับตัวและเงินในกระเป๋า
ที่มาของภาพ : http://travel.rakuten.co.jp/en/map/japan/
จากแผนที่ประเทศญี่ปุ่นจะเห็นว่า ส่วนที่อยู่ใต้สุดจริง ๆ แล้วก็คือ จังหวัดโอกินาวา โดยจังหวัดนี้เป็นเกาะแยกตัวอยู่ต่างหาก ค่อนข้างไกลจากแผ่นดินใหญ่พอสมควร ค่อนไปทางไต้หวัน ประกอบกับประเทศญี่ปุนมีลักษณะภูมิศาสตร์ค่อนข้างยาว ทำให้แผนที่ส่วนใหญ่จึงต้องตัดปะจังหวัดโอกินาวาไว้ตรงมุมแผนที่เหมือนภาพด้านล่าง
จังหวัดโอกินาวาถูกตัดแบ่งไว้ตรงมุมล่างขวาของแผนที่ แยกตัวจากจังหวัดอื่น ๆ บนแผ่นดินใหญ่
คำถามนี้คาดว่าหลายคนที่ไปโอกินาวา จะต้องโดนถามกันไม่มากไม่น้อยเลยทีเดียว เหมือนกับตอนผมไปไต้หวันเมื่อปีก่อนก่อนที่จะบูมเหมือนวันนี้ก็โดนคำถามนี้เหมือนกัน คำตอบของผมง่าย ๆ เลยคือ อยากไปจังหวัดในญี่ปุ่นที่คนไทยไม่ค่อยจะไปกันเพื่อหลีกหนีจากความวุ่นวย และไม่ได้เที่ยวเพื่อตามกระแสเพราะบางครั้งเรามองภาพจากจอคอมพิวเตอร์เห็นฟูจิ เห็นวัดทอง วัดน้ำใส หรือหิมะตกซับโปโรจนเริ่มเป็นความคุ้นชิน ทำให้เกิดความคิดว่าเราไปโอกินาวาดีกว่าเพื่อหาอะไรที่แตกต่างและไม่จำเจ
คำถามต่อมาทำไมต้องไปช่วงหน้าหนาว คำตอบเลยคือ หน้าหนาวของโอกินาวาจะเป็นช่วงโลว์ซีชั่นทำให้ค่าที่พักราคาถูกลง อย่างโรงแรม 5 ดาวที่ตกคืนละหมื่นกว่าพอมาช่วงนี้ราคาถูกลงเป็นครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว รวมถึงค่าใช้จ่ายก็จะถูกลง
ผมเดินทางไปโอกินาวาในช่วงระหว่างวันที่ 13 - 18 ธันวาคม 2559 โดยผมจองตั๋วไปโอกินาวาตั้งแต่เดือนเมษายนซึ่งตอนนั้นฮ่องกงแอร์ไลน์ออกโปรมาในราคา 6700 กว่าบาทรวมภาษีนั่นนี่ก็ราคาประมาณ 8000 กว่าบาทซึ่งก็ยอมรับได้เพราะรวมค่าโหลดกระเป๋าเรียบร้อย ดังนั้นมาดูการเดินทางไปโอกินาวากันเลยครับ เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีเส้นทางบินตรงจากไทยไปโอกินาวา ทำให้มีแต่วิธีต่อเครื่องซึ่งมี 2 วิธี (อัพเดทล่าสุด 15 ธันวาคม สายการบินพีชเเอร์ได้เปิดเส้นทางบินตรงจากไทยไปโอกินาวาแล้วนะครับ) คือ
1. ต่อเครื่องโดยเริ่มต้นจากไทยไปโอกินาวา ซึ่งปัจจุบันมีสายการบินต่อไปนี้
1.1 ฮ่องกง แอร์ไลน์ (กรุงเทพฯ - โอกินาวา) เปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง
1.2 คาร์เธย์ แปซิฟิค (กรุงเทพฯ - โอกินาวา) เปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง
1.3 ไชน่า แอร์ไลน์ (กรุงเทพฯ - โอกินาวา) เปลี่ยนเครื่องที่ไทเป ไต้หวัน
1.4 EVA airlines (กรุงเทพฯ โอกินาวา) เปลี่ยนเครื่องไทเป ไต้หวัน
โปรดอย่าถามว่าจะเลือกสายการบินไหน ผมก็เลือกฮ่องกง แอร์ไลน์สิครับเพราะราคาถูกสุดแล้วในช่วงปลายปีแบบนี้ รวมถึงเวลาก็ยังโอเคอีกด้วย ตีตั๋วไปประมาณ 8000 กว่าบาทเองงงงงง
2. ต่อเครื่องภายในประเทศญี่ปุ่น เช่น PEACH AIRLINES เป็นต้น
3. บินตรงจากไทย - โอกินาวา (กรณีนี้ต้องรอให้มีการเช่าเหมาลำการบินไทย ซึ่งจะมีการเปิดให้จองอีกทีหนึ่ง) *** เมื่อ 15 ธันวาคมที่ผ่านมาสายการบินพีชแอร์ก็ได้เปิดเส้นทางบินตรงไปโอกินาวาแล้วนะครับ ข่าวด่วนนนนนนนน
เนื่องจากครั้งนี้การไปโอกินาวาผมใช้บริการฮ่องกงแอร์ไลน์ ตอนแรกผมจะไปวันที่ 14 - 17 ธันวาคม แต่ประมาณกันยายน ตุลาคมทางฮ่องกงแอร์ไลน์ได้ส่งอีเมล์เปลี่ยนแปลงเวลาจากที่ออกตอนตี 1:40 น. เป็นออกตอน 03.30 น. การเปลี่ยนเวลารอบนี้จะทำให้แพลนที่ผมวางไว้เสียไปเกือบครึ่งวันทำให้ผมต้องติดต่อกับฮ่องกงแอร์ไลน์เพื่อเปลี่ยนวันจากเดิมเป็น 14 ก็เปลี่ยนมาเป็น 13 ธันวาคม 2559 แทนครับ
เข้าเรื่องต่อดีกว่า ฮ่องกงแอร์ไลน์จะตั้งอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ แถว K ถ้าเป็นไปได้ก็แนะนำให้ทำการเชคอินออนไลน์ไปก่อนจะดีที่สุดและเพื่อความรวดเร็ว
พอทำการเชคอินออนไลน์จากบ้านมาเรียบร้อย ก็ไปแถว K ตรงช่อง Internet check in เพื่อทำการ Bag drop กระเป๋า โดยการเดินทางไปโอกินาวา พนักงานที่เคาเตอร์จะให้ตั๋วมาสองใบ คือ ใบที่ 1 ( กรุงเทพฯ - ฮ่องกง) และใบที่ 2 (ฮ่องกง - โอกินาวา) ดังนั้นเมื่อถึงสนามบินฮ่องกงแล้วก็สามารถ tansfer ต่อเครื่องได้เลยครับไม่ต้องออกมาหาตม. เพียงแต่ดูรหัสไฟล์ทบินกับเกทแค่นั้นพอ ส่วนกระเป๋าที่โหลดก็จะถูกส่งไปสนามบินปลายทางก็คือ โอกินาวาเลยทีเดียว
สำหรับยุคสมัยที่เน้นโซเชียล ติดต่อญาติ พ่อแม่พี่น้องว่าเดินทางปลอดภัย การเดินทางครั้งนี้ผมตัดสินใจซื้อซิม 2FLY ของ AIS ราคา 399 บาทสามารถใช้ได้ทั้งฮ่องกงและญี่ปุ่น ดังนั้นการซื้อซิมนี้จึงช่วยประหยัดเวลาและปัญหาเวลาไปเที่ยวทั้ง 2 ที่เลยครับ สำหรับใครที่ซื้อซิมนี้แนะนำให้ใส่ก่อนขึ้นเครื่องประมาณ 1-2 ชั่วโมงแล้วก็ทำการโทร *120 แล้วกดโทรออก แล้วค่อยเปิดสัญญาณตอนไปถึงประเทศปลายทาง (ที่ผมไม่เปิดที่ต่างประเทศ กลัวเกิดปัญหาครับ)
หลังจากไปหาอะไรลองท้องที่เลาจน์ของคิงพาวเวอร์แล้ว ผมก็เดินต่อไปยังเกท F5 อยากจะบอกว่าเลาจน์คิงพาวเวอร์นี้ก็อยู่สุดทางเกท A ส่วนเกทเครื่องบินก็อยู่เกท F5 สุดสนามบินอีกฝั่ง เดินลากยาวกันเลยทีเดียว
การเดินทางไปฮ่องกงโดยสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์นั้น นอกจากจะมีผู้โดยสารจากฮ่องกงแอร์ไลน์แล้ว ยังมีผู้โดยสารจากเคนย่าแอร์ไลน์ เอธิฮัดแอร์ไลน์มานั่งด้วย เพราะเป็นสายการบินที่โคกัน
ระหว่างที่นั่งบนเครื่องก็ได้กินขนมปังหนึ่งชิ้นในตำนานที่หลายคนได้กล่าวไว้ (แต่ไม่ได้ถ่ายภาพมา) จากนั้นก็นอนจนถึงสนามบินฮ่องกงตอน 7.30 น.
เมื่อมาถึงมีเวลาประมาณเกือบ 4 ชั่วโมงเลยไปเทอร์มินอล 1 นั่งรถไฟฟ้าไปหาอะไรกินที่เทอร์มินอลนั้นดีกว่า พูดง่าย ๆ คือเดินเล่นในสนามบิน
มาถึงฮ่องกงยามเช้าและอยู่ในสนามบินในช่วงหน้าหนาว ดังนั้นก็ต้องกินโจ๊กฮ่องกงร้อน ๆ ให้ลื่นคอเติมพลังก่อนจะไปโอกินาวา อร่อย โออิชิ สุโค่ยยยยย
หลังจากดื่มด่ำกับโจ๊กฮ่องกงในราคาเฉียดสองร้อยกว่าบาทแล้ว (เหงื่อตกเลยทีเดียว) ก็ได้เวลาดูเกทขึ้นเครื่องว่าได้เกทไหน ปรากฏได้เกท 216 โอ้พระเจ้า นั่นเกทเกือบสุดทางเดินของเทอร์มินอลที่เรามาเลยนะ
เมื่อรู้เกทเรียบร้อยก็ไปนั่งรถไฟกลับไปยังเทอร์มินอลที่มาตอนแรก และเดินไปยังเกท 216 ที่อยู่เกือบสุดเทอร์มินอล ก็เห็นเครื่องบินลำที่คุ้นเคยแล้วแต่ลำนี้ไปซับโบโรจ้า มิใช่ โอกินาวา 5555 ก็นั่งรอต่อไป
ระหว่างรอก็ถ่ายภาพบรรยากาศสนามบินฮ่องกงอันเงียบเหงาของเทอร์มินอล 1 ส่วนฝากไส้ติ่งมาฝากกัน 555
ป้ายเปลี่ยนจากซับโปโร แดนเหนือสุดญี่ปุ่นมาเป็นโอกินาวา แดนใต้สุดของญี่ปุ่นแล้ว
บรรยากาศวังเวง เอวัง คลังนา จากนั้นก็ได้เวลาเดินทางไปยังโอกินาวาที่เฝ้ารอมานานหลายเดือนแล้ว
ระหว่างที่บินใกล้โอกินาวา ก็จะเห็นเกาะต่าง ๆ อยู่เบื้องล่าง อันนี้คล้ายม้าน้ำเลยเนอะ แสดงว่าใกล้ถึงความฝันที่รอคอยแล้ว
ในที่สุดเครื่องบินของเราก็ได้บินมาสู่น่านน้ำ น่านฟ้าของจังหวัดตอนใต้สุด โอกินาวาแล้ว โอ้ ทะเลสีคราม ฟ้าสดใส
พอบินมาเรื่อย ๆ ใกล้สนามบินสีจากน้ำทะเลสีครามก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกตเบื้องล่าง โอ๊ย พระเจ้า นี่หรือฮาวายแห่งญี่ปุ่น เทอช่างดูสวยงามแม้ในหน้าหนาว แต่สายการบินครับช่วยทำความสะอาดกระจกนิดนึงนะครับ ขุ่นเชียว ภาพเลยไม่ค่อยสวยเลย 555
พอเครื่องบินลงจอดตรง Naha international airport แล้วก็จะต้องผ่านตม.ที่เคร่งพอสมควร แต่สู้ศูลกากรญี่ปุ่นไม่ได้ตรวจเข้มยิ่งกว่า ตรวจกระเป๋า เปิดกระเป๋า ลูบคลำตัวเกือบถึงเป้าเลยทีเดียว เหงื่อแตกพลั่กๆๆๆ
พอผ่านด่านตม.และศุลกากรเรียบร้อยแล้ว จากนั้นให้ทุกคนเดินไปยังอาคารบินภายในประเทศ โดยดูป้าย Monorail แล้วเดินตามทางไปเรื่อย ๆ
เมื่อเดินมาถึงอาคารภายในประเทศแล้วก็เข้าไปข้างในอาคารเพื่อขึ้นไปยังชั้น 2 และเดินตามป้ายที่เขียนว่า Monorail ซึ่งอาคารโมโนเรลจะอยู่อีกอาคารหนึ่งครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น