ผมมองอุดมคตินะ คือทุกคนมี 1 เสียงเท่ากัน แต่ละคนมีความสมเหตุสมผลที่จะเลือกผู้แทนที่มีศีลธรรม
เมื่อได้ผู้แทนมาแล้ว ก็สามารถบริหารประเทศได้อย่างเป็นกลาง ไม่มีพวกพ้อง เส้นสาย หรือวิ่งเต้น เพราะเงินที่จ่ายเป็นเงินส่วนกลาง ทุกอย่างต้องสมเหตุสมผล
ผู้ใต้บังคับบัญชาฝ่ายการเมือง คือเจ้าหน้าที่รัฐ (ขรก รัฐวิสาหกิจ จนท.องค์กรกึ่งรัฐ องค์การมหาชน) ก็ปฏิบัติตามนโยบายที่เป็นกลางและสมเหตุสมผลเหล่านั้น มีการคัดเลือกคนเข้าทำงาน และขึ้นตำแหน่ง ที่ไม่อิงพวกพ้อง แต่อิงฝีมือ แบบข้อสอบ Entrance ได้คือได้ ตกคือตก ลูกนายกรัฐมนตรี หรือลูกชาวนา เท่ากัน
ส่วนประชาชนผู้รับบริการภาครัฐ ก็ยังคงมีความสมเหตุสมผล ถ่วงดุลความเห็นและเข้าชื่อกันเสนอกฎหมายอย่างสม่ำเสมอ
มันคืออุดมคติไหมครับ
การเมืองจะไม่ใช่เรื่องของตัณหาบ้างไม่ได้เหรอครับ
เมื่อได้ผู้แทนมาแล้ว ก็สามารถบริหารประเทศได้อย่างเป็นกลาง ไม่มีพวกพ้อง เส้นสาย หรือวิ่งเต้น เพราะเงินที่จ่ายเป็นเงินส่วนกลาง ทุกอย่างต้องสมเหตุสมผล
ผู้ใต้บังคับบัญชาฝ่ายการเมือง คือเจ้าหน้าที่รัฐ (ขรก รัฐวิสาหกิจ จนท.องค์กรกึ่งรัฐ องค์การมหาชน) ก็ปฏิบัติตามนโยบายที่เป็นกลางและสมเหตุสมผลเหล่านั้น มีการคัดเลือกคนเข้าทำงาน และขึ้นตำแหน่ง ที่ไม่อิงพวกพ้อง แต่อิงฝีมือ แบบข้อสอบ Entrance ได้คือได้ ตกคือตก ลูกนายกรัฐมนตรี หรือลูกชาวนา เท่ากัน
ส่วนประชาชนผู้รับบริการภาครัฐ ก็ยังคงมีความสมเหตุสมผล ถ่วงดุลความเห็นและเข้าชื่อกันเสนอกฎหมายอย่างสม่ำเสมอ
มันคืออุดมคติไหมครับ