อยากเล่าเรื่องของเราว่าเข้าข่ายเป็นโรคซึมเศร้ารึป่าว??

ขอเล่าแบบยาวๆเลยนะคะ ...

ตั้งแต่เด็กๆเรามักเป็นคนที่คิดมากกับทุกเรื่องเสมอ อ่อนไหวง่ายกับคำพูดคนรอบข้างแม้กระทั้งพ่อแม่ เวลาโดนบ่นเราจะรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจเราก็มักจะเถียงแล้วแอบไปร้องไห้คนเดียวไม่ให้ใครเห็น แค่เรื่องโดนบ่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเราก็เคยมีความคิดอยากตาย เราอยากตายให้พ้นๆ อาจจะดูคิดเป็นเด็กๆไร้สาระแต่เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เวลาเราเครียดเรื่องเรียน ทะเลาะกับเพื่อน หรืออะไรก็ตามเรามักจะเก็บไว้คนเดียว เราไม่เคยปรึกษาใครแม้กระทั่งพ่อแม่ เรารุ้สึกอะไรเราจะเก็บไว้คนเดียวในใจ คนอื่นจะเห็นเราภายนอกว่าเป็นคนร่าเริง ติ๊งต๊อง บ้าๆบอๆ เส้นตื้น นั่นคือเราสมัยเด็กจนถึง ม.ปลายที่เรายังรู้สึกมีความสุขกับเรื่องไร้สาระหรือหัวเราะกับเพื่อนได้ทุกเรื่อง แต่ช่วง ม.ปลายนี้เราเริ่มสังเกตุตัวเองว่าทำไมอยู่ๆก็เบื่อโดยไม่มีสาเหตุ หรือบางทีก็รู้สึกอยากร้องไห้ทั้งๆที่ไม่มีเรื่องให้ต้องเศร้า เราเป็นบ่อยมากจนงงว่าทำไมเบื่อ จะไปเปิดเพลงฟังให้หายเบื่อก็เบื่อเพลงอยากปิด ช่วงเวลาที่เบื่อมันไม่อยากทำอะไรเลย
แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรและในบางครั้งเราก็มีความคิดอยากตายขึ้นมาอีกครั้งและบ่อย เวลาขัดใจหรือมีอะไรคับข้องใจเรามักทุบต้นขาตัวเองให้เจ็บ ทุบๆๆๆระบายความเครียด จนมาถึงวันที่เราเข้ามหาวิทยาลัย แรกๆแฮปปี้มีความสุขในรั้วมหาลัย ตื่นแต่เช้าโหนรถเมย์ไปเรียนแต่ตี 5-6 โมง ทันบ้างไม่ทันบ้างก็แล้วแต่รถจะติด เราเป็นคนตั้งใจเรียนในระดับนึง สนใจในการเรียนเหมือนๆคนทั่วไป พอเริ่มเรียนขึ้นปีที่ 2 เราได้มารู้รู้จัก "โรคซึมเศร้า" และเราก็แปลกใจว่าเราตรงกับหลายๆข้อที่เป็นแต่เราก็คิดว่าเราก็ปกติดี ไม่ได้เป็นอะไร แต่หลังจากนั้นร่างกายเราก็ไม่เหมือนเดิม ทั้งๆที่ก็นอนเหมือนเดิม เราเริ่มตื่นไปเรียนไม่ทัน หรืออาจทันแต่ก็ต้องเจอปัญหารถติดทุกวันในกรุงเทพ ขากลับบ้านก็ต้องนั่งรถสามสี่ ชม.กว่าจะถึงบ้าน มันทำให้เราเริ่มรู้สึกเหนื่อยและเบื่อรถติดสะสมทุกวันๆ เราเริ่มเข้าเรียนไม่ทัน การเรียนก็มีปัญหาบ้างแต่เล็กน้อยมากๆ พอเข้าปีที่ 3 เราเริ่มไม่อยากเจอเพื่อน ไม่ค่อยอยากไปเรียนเพราะตื่นไม่ทัน และเริ่มนอนไม่ค่อยหลับ เริ่มตื่นเช้าไม่ได้ หรือได้ก็ได้ไม่กี่วันก็สายอีก เรารู้สึกไม่อยากไปเจอผู้คน หรือถ้าไปเจอกลุ่มเพื่อนเรามักจะเงียบ พูดน้อยกว่าเดิม รู้สึกไม่อยากพูดไม่อยากคุย เรารู้ตัวว่าไม่ใช่ว่าเราไม่ชอบเพื่อนหรืออะไรแต่เราแค่ไม่อยากคุย เรามเริ่มหายหน้าหายตา เราอยู่บ้านเราก็มักจะอยู่เงียบๆในห้อง อยู่กับตัวเอง จากที่เราเป็นคนยิ้มง่าย หัวเราะง่ายเส้นตื้น ช่างพูดช่างคุย เราเป็นตรงกันข้ามหมดเลย เราเริ่มเครียดทุกอย่างเรื่องเรียน เรื่องแฟน เรื่องครอบครัว เรื่องเงินทอง เรื่องชีวิต เวลาเราเครียดเราจะคิดวนอยู่ในหัวและรู้สึกอยากอ้วก เวียนหัว หายใจไม่ออก แต่เราไม่เคยบอกใคร ไม่ค่อยระบายกับใคร เก็บไว้คนเดียว จนการเรียนมีปัญหา เพื่อนเรียกกันมาคุยปรึกษา บอกเป็นห่วง เพื่อนคิดว่าเรามีปัญหาเพราะเรามีแฟน แต่เราบอกว่ามันไม่ใช่ เพราะจริงๆแล้วเวลาเราตื่นไม่ทันแฟนก็จะบ่นเราตลอดว่าเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบเราก็เครียดที่โดนว่าแต่เราก็ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย ทุกอย่างมันอึดอัดไปหมด เครียดคิดอยู่คนเดียว พอเราไปฝึกงานก่อนขึ้นปี 4 เราก็เหมือนจะดีขึ้นเพราะเราอยู่กับเพื่อนตลอดและได้ทำงานมันเลยไม่ต้องคิดอะไรมาก ในช่วงปี 4 เทอมแรกเราก็พยายามไปให้ทันซึ่งก็ทำได้เราคิดว่าเราคงปกติแล้ว แต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้น ในช่วงเทอมสองที่ใกล้จะเรียนจบแต่เรายังไม่จบ เราเริ่มเครียดเพราะรู้ว่าเราจะไม่จบตามกำหนด เราเครียดว่าจะบอกพ่อแม่ยังไง เราเครียดหนักมากช่วงนั้น ไม่ค่อยยิ้ม เราเริ่มมาสังเกตตัวเองและคิดย้อนไปว่าเราหัวเราะครั้งสุดท้ายตอนไหน เราจำไม่ได้ เราถึงตระหนักกับตัวเองว่าเราเป็นอะไรกันแน่ ทำไมเราเป็นแบบนี้ ทำไมเราไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน ทำไมเราไม่เส้นตื้น ทำไมเราเบื่อบ่อย เซ็งบ่อย แบบไม่มีเหตุผล แฟนเราก็เคยพูดว่าทำไมเราเปลี่ยนไปไม่ช่างพูดช่างคุยเหมือนแต่ก่อน เราก็ไม่รู้ตัวเลย เราเริ่มไม่อยากไปเรียน ขาดบ่อยจนไม่ไป มันไม่มีแรงจูงใจ เราเริ่มเบื่อการเรียน ไม่อยากไป ม. ไปเราก็รีบกลับ เราเริ่มชอบการกินข้าวคนเดียว ไม่อยากให้ใครมายุ่งแล้วก็ไม่อยากสุงสิงใคร เรารู้สึกว่าเราเป็นหนักแล้วแหละเราก็ไปเสิร์ทหาข้มมูลโรคอย่างจริงจังและทำการทดสอบ จนรู้ว่าเรามีอาการเครียดระดับน่าเป็นห่วง เราเลยไปปรึกษาเพื่อนที่เรียนพยาบาลเพื่อนก็แนะนำสถานที่ให้ เราคิดอยากไปหาหมอแต่เราก็ยังไม่ได้ไปสักทีเพราะคิดว่าเราอาจจะคิดมากไปเองหรือป่าว เราไม่กล้าไป เราก็ไม่กล้าบอกที่บ้านด้วย กลัวเขาจะว่าเราไร้สาระ เราคิดไปเอง เรารู้ว่าเขาต้องพุดแบบนี้แน่ๆ เราถึงเก็บไว้คนเดียวรู้สึกคนเดียวตลอด ณ ตอนนี้ที่เล่าเราคิดว่าเราดีขึ้นแต่เราก็มีความคิดอยากตายไม่ก็หนีไปให้พ้นๆ พ้นๆจากตรงนี้ที่เป็นอยู่ อยากหนีไปใช้ชีวิตอยู่คนเดียว บางครั้งเหมือนเราจะดึงเรากลับมาได้ แต่สักพักเราก็กลายเป็นคนใช้ชีวิตไปวันๆไม่มีอะไร ไม่ทำอะไรในชีวิต เราขาดแรงกระตุ้นและแรงจูงใจจากที่เราเคยมุ่งมั่นอยากจะทำมันให้สำเร็จ ตอนนี้เราเลือกที่จะปล่อยมันไปไม่สนใจ ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เราควรจะเข้ารับการรักษามั้ยคะหรือควรต้องไปตรวจอย่างจริงจังสักที อย่างน้อยไปไปหาหมอก็คงได้คำแนะนำที่ดีในการใช้ชีวิต ..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่