“หนาวแล้วจัดสักทริปเดินป่ามาให้เหนื่อยหน่อยเถอะ” เพื่อนรีเควสต์มาแบบนี้เมื่อลมหนาวพัดพา ด้วยความเป็นคนตามใจเพื่อนเลยจัดไปอย่าให้เสีย เพราะความจริงก็มีทริปคิดไว้ในใจอยู่แล้วว่าเหนื่อยต่อไปจะต้องเป็นที่นี่ ดอยภูแว เจ้าของความสูง 1,837 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่าน
ทริปนี้เกิดขึ้นสุดสัปดาห์แรกต้นเดือนธันวาคม ผมรับหน้าที่โทรติดต่อกับอุทยานฯ แป๊บเดียวก็เรียบร้อยทั้งเรื่องยานพาหนะ เจ้าหน้าที่นำทาง และลูกหาบ จากนั้นก็ใช้เฟซบุ๊กนี่แหละเป็นสื่อกลางในการหาเพื่อนร่วมทริปเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ครบสิบคนตามที่ตั้งใจไว้
เดี๋ยวนี้เที่ยวเดินป่าก็ง่ายๆ อย่างนี้ พอทุกอย่างพร้อมแล้วก็ไปกันเลยครับ
(1)
จุดนัดพบของพวกเราอยู่ที่ตลาดอำเภอปัว เพื่อนกลุ่มใหญ่ไปถึงตามเวลานัด แต่เป็นผมเองถึงช้าที่สุด ซึ่งความจริงไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรถ้าไม่เพิ่งรู้จากเจ้าหน้าที่ว่าที่นี่ในหนึ่งวันจะมีกี่กรุ๊ปก็ต้องรอขึ้นพร้อมกัน และวันที่เราขึ้นมีนักท่องเที่ยวอีกกลุ่ม เขาต้องรอเราไปถึงจึงขึ้นได้ ขออภัยอย่างสูงมา ณ ที่นี้ (เพิ่งเคยเจอที่แรกที่มีระบบจัดการแบบนี้)
ทำความรู้จักสักนิด ภูแวเป็นชื่อของยอดเขาลูกหนึ่งบนเทือกเขาดอยภูคา และดอยภูคาก็เป็นอุทยานแห่งชาติขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแปดอำเภอของน่าน มีที่ทำการฯ อยู่อำเภอปัว แต่จุดเดินขึ้นพิชิตภูแวอยู่ตรงหน่วยพิทักษ์ฯ ที่ 9 (บ้านด่าน) อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ห่างจากปัวประมาณ 80 กิโลเมตร
เส้นทางจากตลาดปัวก็วิ่งไปตาม ทล.1256 ผ่านที่ทำการอุทยานฯ เข้าอำเภอบ่อเกลือ ถึงสามแยกบ่อเกลือก็เลี้ยวซ้ายเชื่อมต่อสู่ ทล.1081 จนถึงหน่วยพิทักษ์ฯ เห็นระยะแค่ 80 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง เพราะขึ้นเขาลงเขาคดเคี้ยวตลอด หากขับรถมาเองจอดไว้ที่หน่วยพิทักษ์ได้เลย
ก่อนถึงหน่วยพิทักษ์ฯ สักสองกิโลเมตร จะมีร้านของชำ ขาดเหลืออะไรจุดนี้เป็นจุดสุดท้ายครับ
12.20 น. เราก็มาถึงหน่วยพิทักษ์ฯ บ้านด่าน แน่นอนว่าอีกกรุ๊ปกำลังรอเราอย่างเหนื่อยใจ (ขออภัยอีกครั้ง) เมื่อช้าขนาดนี้เลยต้องรีบหน่อย จัดแจงเปลี่ยนชุดเปลี่ยนรองเท้าพร้อมลุยอย่างรวดเร็ว
นี่แหละทางที่จะพาเราขึ้นยอดภูแว เดินช่วงแรกปุ๊บก็ชันปั๊บ ไม่มีทางราบให้วอร์มร่างกายเลย
ไต่ระดับขึ้นมาครึ่งชั่วโมง ระยะทางสัก 500 เมตร ก็มาโผล่ออกตรง เอ่อ... ถนนลูกรัง มีมอเตอร์ไซค์ชาวบ้านวิ่งด้วยแฮะ เราต้องเดินตามถนนลูกรังแดงๆ นี้เกือบสองกิโลเมตร แดดร้อนแรงเผาเกรียมทั้งตัวเลยเชียว
บ่ายสองโมงตรงขึ้นมาถึงบ้านปู่ดู่ ชุมชนชาวลัวะ บอกเลยว่าเป็นครั้งแรกที่มาเดินขึ้นเขาแล้วมีเป๊ปซี่ สปอนเซอร์ ขายระหว่างทาง ต้องจัดสิครับจะรออะไร (ฮา...)
จากนี้แบ่งทางได้อีกสองช่วง ช่วงแรกราวสองกิโลเมตรเป็นทางเดินผ่านไร่ข้าวโพดของชาวบ้านบนภูเขา จากนั้นค่อยเข้าเขตป่าซึ่งเป็นทางชันสู่ยอดภูแวอีกราวสองกิโลเมตร
ทางเข้าไร่ข้าวโพดชาวบ้านน่ะมอเตอร์ไซค์วิ่งได้ สมาชิกในทีมคนหนึ่งเดินไม่ไหว เลยจ้างชาวบ้านขี่ไปส่งจนสุดทางที่ไปได้ซะเลย
วลี “เขาน่านหัวโล้น” เห็นเด่นชัดตั้งแต่ตรงนี้เป็นต้นไป ตลอดแนวเทือกเขาเป็นไร่ข้าวโพดและพื้นที่เกษตร ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ขอพูดถึงให้เสียบรรยากาศการท่องเที่ยวแล้วกัน
สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นคือมีต้นปรงกระจายกันอยู่ค่อนข้างเยอะมาก แทบนึกได้เลยว่าอดีตแถวนี้จะสมบูรณ์เพียงใด (เฮ้ย... ไหนว่าจะไม่พูดถึงยังไง)
เดินมาจนผ่านเขาลูกนี้ก็จะเจอรั้วกั้นเป็นแนวบอกเขตว่าตั้งแต่นี้ไปห้ามพื้นที่เกษตรรุกล้ำแล้วนะ
เมื่อข้ามรั้วก็จะเข้าสู่เขตป่า บรรยากาศเปลี่ยนไปเป็นคนละโลก กลิ่นดินกลิ่นต้นไม้กลิ่นป่าค่อยทำให้ชื่นใจหน่อย แต่ต้องแลกมาด้วยเส้นทางชันขึ้น
แบกเป้เดินขึ้นเขามาเรื่อยๆ แบบแทบไม่ได้หยุดพัก เพราะต้องแข่งกับเวลาเนื่องจากออกตัวกันสาย สัมภาระชักจะถ่วงไหล่ให้ทรุดลงทีละน้อย
สี่โมงสี่สิบมาถึงต้นปรงประหลาด ถือเป็นประตูสู่ยอดดอยภูแวแล้วล่ะ เหลือระยะทางหนึ่งเฮือกสุดท้ายไม่ถึงหนึ่งกิโล แต่ก็เป็นช่วงชันที่สุดของการพิชิตภูแวด้วยเช่นกัน
และในที่สุดห้าโมงสิบห้า รวมเวลาห้าชั่วโมงนิดๆ เราก็มาเหยียบจุดตั้งแคมป์กางเต็นท์ พระอาทิตย์กำลังเปล่งแสงใกล้ลับฟ้าพอดี ยอดภูแว 1,837 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล อยู่เหนือจากนี้ไปอีกนิดเดียว พวกเราบางส่วนจัดแจงตั้งกางเต็นท์ บางส่วนเดินขึ้นไปชมวิวยอดดอย คงไม่ต้องบอกนะครับว่าผมเป็นพวกไหน
แม้ท้องฟ้าจะเปิดไม่มาก แต่วิวบนภูแวงามจับใจ มองลงมาตรงจุดกางเต็นท์เห็นแนวสันเขาด้านหลังสวยมาก จนเริ่มมืดจึงค่อยกลับลงไปกางเต็นท์และตั้งแคมป์กลางข้างล่าง
สิบชีวิตล้อมวงทำกับข้าว กินอาหารแบบง่ายๆ เป็นความสุขประจำทริปเดินป่าที่เฉพาะตัวเหลือเกิน
สำหรับเรื่องดวงดาว วันนี้เป็นข้างขึ้นก่อนซูเปอร์มูนหนึ่งวัน แถมเมฆยังค่อนข้างเยอะ ดีเหมือนกันครับเพราะบางครั้งก็รู้สึกขี้เกียจถ่ายภาพ อยากนอนกลิ้งเกลือกในเต็นท์แบบสบายๆ บ้าง (ฮา...)
[CR] ภูแว 1,837 เมตร เราไม่ได้พิชิตเขา แต่เราพิชิตตัวเราเอง
“หนาวแล้วจัดสักทริปเดินป่ามาให้เหนื่อยหน่อยเถอะ” เพื่อนรีเควสต์มาแบบนี้เมื่อลมหนาวพัดพา ด้วยความเป็นคนตามใจเพื่อนเลยจัดไปอย่าให้เสีย เพราะความจริงก็มีทริปคิดไว้ในใจอยู่แล้วว่าเหนื่อยต่อไปจะต้องเป็นที่นี่ ดอยภูแว เจ้าของความสูง 1,837 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่าน
ทริปนี้เกิดขึ้นสุดสัปดาห์แรกต้นเดือนธันวาคม ผมรับหน้าที่โทรติดต่อกับอุทยานฯ แป๊บเดียวก็เรียบร้อยทั้งเรื่องยานพาหนะ เจ้าหน้าที่นำทาง และลูกหาบ จากนั้นก็ใช้เฟซบุ๊กนี่แหละเป็นสื่อกลางในการหาเพื่อนร่วมทริปเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ครบสิบคนตามที่ตั้งใจไว้
เดี๋ยวนี้เที่ยวเดินป่าก็ง่ายๆ อย่างนี้ พอทุกอย่างพร้อมแล้วก็ไปกันเลยครับ
จุดนัดพบของพวกเราอยู่ที่ตลาดอำเภอปัว เพื่อนกลุ่มใหญ่ไปถึงตามเวลานัด แต่เป็นผมเองถึงช้าที่สุด ซึ่งความจริงไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรถ้าไม่เพิ่งรู้จากเจ้าหน้าที่ว่าที่นี่ในหนึ่งวันจะมีกี่กรุ๊ปก็ต้องรอขึ้นพร้อมกัน และวันที่เราขึ้นมีนักท่องเที่ยวอีกกลุ่ม เขาต้องรอเราไปถึงจึงขึ้นได้ ขออภัยอย่างสูงมา ณ ที่นี้ (เพิ่งเคยเจอที่แรกที่มีระบบจัดการแบบนี้)
ทำความรู้จักสักนิด ภูแวเป็นชื่อของยอดเขาลูกหนึ่งบนเทือกเขาดอยภูคา และดอยภูคาก็เป็นอุทยานแห่งชาติขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแปดอำเภอของน่าน มีที่ทำการฯ อยู่อำเภอปัว แต่จุดเดินขึ้นพิชิตภูแวอยู่ตรงหน่วยพิทักษ์ฯ ที่ 9 (บ้านด่าน) อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ห่างจากปัวประมาณ 80 กิโลเมตร
เส้นทางจากตลาดปัวก็วิ่งไปตาม ทล.1256 ผ่านที่ทำการอุทยานฯ เข้าอำเภอบ่อเกลือ ถึงสามแยกบ่อเกลือก็เลี้ยวซ้ายเชื่อมต่อสู่ ทล.1081 จนถึงหน่วยพิทักษ์ฯ เห็นระยะแค่ 80 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง เพราะขึ้นเขาลงเขาคดเคี้ยวตลอด หากขับรถมาเองจอดไว้ที่หน่วยพิทักษ์ได้เลย
ก่อนถึงหน่วยพิทักษ์ฯ สักสองกิโลเมตร จะมีร้านของชำ ขาดเหลืออะไรจุดนี้เป็นจุดสุดท้ายครับ
12.20 น. เราก็มาถึงหน่วยพิทักษ์ฯ บ้านด่าน แน่นอนว่าอีกกรุ๊ปกำลังรอเราอย่างเหนื่อยใจ (ขออภัยอีกครั้ง) เมื่อช้าขนาดนี้เลยต้องรีบหน่อย จัดแจงเปลี่ยนชุดเปลี่ยนรองเท้าพร้อมลุยอย่างรวดเร็ว
นี่แหละทางที่จะพาเราขึ้นยอดภูแว เดินช่วงแรกปุ๊บก็ชันปั๊บ ไม่มีทางราบให้วอร์มร่างกายเลย
ไต่ระดับขึ้นมาครึ่งชั่วโมง ระยะทางสัก 500 เมตร ก็มาโผล่ออกตรง เอ่อ... ถนนลูกรัง มีมอเตอร์ไซค์ชาวบ้านวิ่งด้วยแฮะ เราต้องเดินตามถนนลูกรังแดงๆ นี้เกือบสองกิโลเมตร แดดร้อนแรงเผาเกรียมทั้งตัวเลยเชียว
บ่ายสองโมงตรงขึ้นมาถึงบ้านปู่ดู่ ชุมชนชาวลัวะ บอกเลยว่าเป็นครั้งแรกที่มาเดินขึ้นเขาแล้วมีเป๊ปซี่ สปอนเซอร์ ขายระหว่างทาง ต้องจัดสิครับจะรออะไร (ฮา...)
จากนี้แบ่งทางได้อีกสองช่วง ช่วงแรกราวสองกิโลเมตรเป็นทางเดินผ่านไร่ข้าวโพดของชาวบ้านบนภูเขา จากนั้นค่อยเข้าเขตป่าซึ่งเป็นทางชันสู่ยอดภูแวอีกราวสองกิโลเมตร
ทางเข้าไร่ข้าวโพดชาวบ้านน่ะมอเตอร์ไซค์วิ่งได้ สมาชิกในทีมคนหนึ่งเดินไม่ไหว เลยจ้างชาวบ้านขี่ไปส่งจนสุดทางที่ไปได้ซะเลย
วลี “เขาน่านหัวโล้น” เห็นเด่นชัดตั้งแต่ตรงนี้เป็นต้นไป ตลอดแนวเทือกเขาเป็นไร่ข้าวโพดและพื้นที่เกษตร ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ขอพูดถึงให้เสียบรรยากาศการท่องเที่ยวแล้วกัน
สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นคือมีต้นปรงกระจายกันอยู่ค่อนข้างเยอะมาก แทบนึกได้เลยว่าอดีตแถวนี้จะสมบูรณ์เพียงใด (เฮ้ย... ไหนว่าจะไม่พูดถึงยังไง)
เดินมาจนผ่านเขาลูกนี้ก็จะเจอรั้วกั้นเป็นแนวบอกเขตว่าตั้งแต่นี้ไปห้ามพื้นที่เกษตรรุกล้ำแล้วนะ
เมื่อข้ามรั้วก็จะเข้าสู่เขตป่า บรรยากาศเปลี่ยนไปเป็นคนละโลก กลิ่นดินกลิ่นต้นไม้กลิ่นป่าค่อยทำให้ชื่นใจหน่อย แต่ต้องแลกมาด้วยเส้นทางชันขึ้น
แบกเป้เดินขึ้นเขามาเรื่อยๆ แบบแทบไม่ได้หยุดพัก เพราะต้องแข่งกับเวลาเนื่องจากออกตัวกันสาย สัมภาระชักจะถ่วงไหล่ให้ทรุดลงทีละน้อย
สี่โมงสี่สิบมาถึงต้นปรงประหลาด ถือเป็นประตูสู่ยอดดอยภูแวแล้วล่ะ เหลือระยะทางหนึ่งเฮือกสุดท้ายไม่ถึงหนึ่งกิโล แต่ก็เป็นช่วงชันที่สุดของการพิชิตภูแวด้วยเช่นกัน
และในที่สุดห้าโมงสิบห้า รวมเวลาห้าชั่วโมงนิดๆ เราก็มาเหยียบจุดตั้งแคมป์กางเต็นท์ พระอาทิตย์กำลังเปล่งแสงใกล้ลับฟ้าพอดี ยอดภูแว 1,837 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล อยู่เหนือจากนี้ไปอีกนิดเดียว พวกเราบางส่วนจัดแจงตั้งกางเต็นท์ บางส่วนเดินขึ้นไปชมวิวยอดดอย คงไม่ต้องบอกนะครับว่าผมเป็นพวกไหน
แม้ท้องฟ้าจะเปิดไม่มาก แต่วิวบนภูแวงามจับใจ มองลงมาตรงจุดกางเต็นท์เห็นแนวสันเขาด้านหลังสวยมาก จนเริ่มมืดจึงค่อยกลับลงไปกางเต็นท์และตั้งแคมป์กลางข้างล่าง
สิบชีวิตล้อมวงทำกับข้าว กินอาหารแบบง่ายๆ เป็นความสุขประจำทริปเดินป่าที่เฉพาะตัวเหลือเกิน
สำหรับเรื่องดวงดาว วันนี้เป็นข้างขึ้นก่อนซูเปอร์มูนหนึ่งวัน แถมเมฆยังค่อนข้างเยอะ ดีเหมือนกันครับเพราะบางครั้งก็รู้สึกขี้เกียจถ่ายภาพ อยากนอนกลิ้งเกลือกในเต็นท์แบบสบายๆ บ้าง (ฮา...)