ขออนุญาตสวัสดีปีใหม่ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาวพันทิพทุกท่านอีกทีแล้วกันนะครับ ช่วงสิ้นปีที่ผ่านมาจริงๆตั้งใจจะแชร์ความคิดเห็นของตัวเองที่เกี่ยวกับเรื่อง เทคโนโลยีบล็อคเชนตลอดจน Crypto Currency อีกหลายๆเรื่อง แต่ดันมีงานสำคัญมางอกช่วงส่งท้ายปีทำให้ไม่มีเวลาเขียนเท่าไหร่ วันนี้เลยขอมาเขียนเตือนสตินักเก็งกำไรทุกท่านที่เห็นราคาหวือหวาของ Crypto Currency ว่าอย่าปล่อยให้ความโลภครอบงำจนรีบกระโจนเข้ามาในสังเวียน ก่อนที่จะเข้าใจถึงความเสี่ยงกับปัญหาในหลายๆด้านของการเทรด Crypto Currency

*** ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะดิสเครดิต หรือ ทำลายชื่อเสียงของเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการซื้อขาย Crypto Currency ใดๆ และผมไม่ได้มีส่วนได้เสียใดๆกับ จากการเขียนบทความนี้ทั้งสิ้น เจตนาเดียวของผมในการเขียนบทความนี้เพื่อต้องการให้นักเก็งกำไรทุกท่านได้ตระหนักถึงความเสี่ยงโดยรวม ที่ท่านๆต้องเผขิญนอกจากความเสี่ยงในด้านการเปลี่ยนแปลงของราคา Crypto Currency ***

ขอฝากข้อเตือนใจให้กับนักเก็งกำไรหน้าใหม่หลายๆคนที่อาจจะมองข้ามไปไว้สัก5ข้อแล้วกันนะครับ

1.    ความไม่ชัดเจนของกฏหมาย
เนื่องจากเรื่อง Crypto Currency นั้นยังไม่มีกฎหมายรองรับอย่างกว้างขวาง เมื่อเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นทำให้ไม่มีหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจทางกฏหมายเป็นเจ้าภาพที่ชัดเจนในการตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตลอดจนไม่ได้มีข้อกำหนดในเรื่องของความรับผิดชอบของ Exchange ที่มีต่อทรัพย์สินประเภทนี้ จะเห็นได้ว่าหลังเหตุการณ์ถูกโจมตีขโมยข้อมูลเกิดขึ้น ความซวยเกือบทั้งหมดตกมาอยู่กับผู้ใช้บริการรายย่อยทั้งนั้น

2.    Crypto Currency Exchange และ Mining Pool ไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของ Security มากเท่าสถาบันการเงินที่ถูกกำกับดูแล
เนื่องจากบริษัทส่วนมากที่จัดตั้ง Exchange และ Mining Pool ขึ้นมานั้น ให้ความสำคัญกับเรื่องระบบการ Exchange หรือ Website หน้าบ้านมากกว่าเรื่องความปลอดภัยหลังบ้าน อาจจะด้วยว่าไม่มีกฏหมายมาควบคุม ไม่อยากลงทุนในส่วนที่ไม่จำเป็น หรืออาจเป็นเพราะว่าไม่มีประสบการณ์ในด้านของการบริหารความปลอดภัยในเรื่องพวกนี้ อันนี้ก็คงขึ้นกับบริษัทเป็นรายๆไป แต่ที่แน่ๆก็คือ ผู้ใช้บริการแทบไม่สามารถทราบได้เลยว่าผู้ที่ให้บริการอยู่นั้นใส่ใจกับเรื่องความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน หรือวันไหนหวยจะมาออกที่ Exchange หรือ Pool ของเราก็ไม่รู้

3.    รู้ว่าเงินที่ถูกขโมยย้ายไปอยู่ Address ไหนแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจาก Fork ลูกเดียว
ด้วยธรรมชาติของ Crypto Currency เองนั้นยากที่จะตามหาเจ้าของ Address ที่เงินถูกขโมยไป (เรารู้ว่าเงินย้ายไปอยู่ Address ไหนแต่เราไม่รู้เจ้าของเป็นใคร) ทำให้มันยากมากๆที่เราจะตามหาตัวคนทำความผิดเหล่านี้ มาลงโทษ หากมองในอีกมุมว่า การที่เราสืบหาร่องรอยได้ยากนี้ อาจเป็นแรงจูงใจอีกด้านหนึ่งที่ทำให้คนในของ Exchange หรือ Pool นั้นๆทำการโจรกรรม Crypto Currency ของตัวเองได้อย่างหน้าตาเฉย ถึงแม้ทุกวันนี้ (เท่าที่ผมทราบ) จะยังไม่มีรายงานการตรวจพิสูจน์ว่า การโจรกรรมเหล่านี้มีเอี่ยวกับคนในด้วยหรือไม่ แต่ความเย้ายวนของเงินมหาศาลประกอบกับความยากในการสืบพิสูจน์หลักฐานทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่คนในนั้นจะเป็นคนเปิดช่องให้คนภายนอกเข้ามาขโมยข้อมูลไปง่ายๆ
อีกทั้งในแง่ของ Design ของตัว Crypto Currency เองที่ให้ความสำคัญในเรื่องของ Finality (ไม่สามารถย้อนกลับกระบวนการได้) ทำให้เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว สามารถแก้ไขได้ยากนอกจากจะขอความร่วมมือจาก nodes ทั้งหลายในการ แตกสายของ Block ออกมาเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นดังเช่นในกรณีของ DAO บน Ethereum https://www.cryptocompare.com/coins/guides/the-dao-the-hack-the-soft-fork-and-the-hard-fork/

4.    ความเสี่ยงจากความไม่ชัดเจนของหน่วยงานรัฐ ในปัจจุบัน
อย่างที่เราๆท่านๆทราบกันดีว่าทุกวันนี้นั้น ยังไม่มีหน่วยงานใดในประเทศไทยออกมารับรองถึงสถานะของ Crypto Currency หรือเข้ามาควบคุมและกำกับดูแลตัว Exchange ที่มีอยู่ในประเทศไทย จากมุมมองส่วนตัวของผม ผมไม่คิดว่าการซื้อขาย Crypto Currency จะถูกประกาศให้เป็นธุรกรรมที่ผิดกฏหมาย แต่ถ้าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ผมเองก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับตัว Exchange ในปัจจุบัน แต่ที่แน่ๆ เหตุการณ์ในการเข้าตรวจสอบ Exchange จากธนาคารกลางของประเทศจีนได้ทำให้ราคาของ Crypto Currency ในประเทศจีนลดต่ำลงอย่างมาก เมื่อช่วง 2-3 เดือนก่อน Bitcoin ดรอปจาก Peak 6พันกว่าๆลงมาเหลือ 3พันกว่าๆ USD เลยทีเดียว ซึ่งผมคิดว่าแค่นี้ก็มากพอที่จะทำให้เกิดความเสียหายกับนักเก็งกำไรได้ในระยะสั้น
https://www.bloomberg.com/news/articles/2017-09-11/china-is-said-to-ban-bitcoin-exchanges-while-allowing-otc-trades-j7fofh20

5.    ความเสี่ยงที่เกิดจากการขาดการตรวจสอบความโปร่งใสในการบริหารงาน
เนื่องจากไม่ได้ถูกหน่วยงานใดควบคุมจึงไม่มีใครทราบว่า Exchange มีการบริหาร Fiat Currency และ Crypto Currency อย่างไร มีการกันสำรองสภาพคล่องอย่างเหมาะสมหรือไม่ หรือมีการแอบนำเอาเงินสภาพคล่องส่วนเกินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือเปล่า ซึ่งเรื่องเหล่านี้ ในสภาวะปรกติหรือในสภาวะที่มี Fiat Currency ไหลเข้ามาเก็งกำไรใน Crypto Assets เนี่ยเราจะไม่เห็นอะไรผิดปรกติเลย (ดังเช่นสภาวะในปัจจุบัน) แต่ถ้าหากตลาดเกิด Panic ขึ้นมาเนี่ย หากการบริหารจัดการไม่ดี ปัญหาที่เกิดขึ้นจะมีผลกระทบรุนแรงมาก ในแง่ของความโปร่งใสก็ตรงตัวเลยครับ ว่าถ้า Exchange วันดีคืนดีเกิดเชิดเงินปิดตัวไปดื้อๆ จะรับมือยังไงกัน
นอกจาก 5 ข้อด้านบนแล้ว สำหรับท่านที่เพิ่งเข้ามาติดตามเกี่ยวกับเรื่อง Crypto Currency ไม่ว่าจะเป็นสายขุดหรือสายเทรด ผมขอแนะนำให้ลองอ่านเรื่องราวด้านล่างที่เคยเกิดขึ้นกับ Exchange และ Mining Pool เอาไว้เป็นเครื่องเตือนใจเพิ่มเติมอีกนะครับ

•    Mt. Gox ของญี่ปุ่น https://www.wired.com/2014/03/bitcoin-exchange/
•    Bitfinex ใน US https://en.wikipedia.org/wiki/Bitfinex_hack
•    Bithumb และ Youbit ของเกาหลีใต้ https://cointelegraph.com/news/south-korean-cryptocurrency-exchange-bithumb-to-compensate-users-following-the-hacking
•    Nicehash ที่ถือได้ว่าเป็น Mining Pool ที่ได้รับความนิยมมาก Pool หนึ่งก็เพิ่งโดนแฮ็คไปไม่นานมานี้ http://fortune.com/2017/12/07/nicehash-bitcoin-hack-cryptocurrency/

สุดท้ายนี้ก็ขอให้ได้กำไรกันถ้วนหน้าเอาเงินเข้าประเทศไทยให้ได้เยอะๆ สมความปราภนาของแต่ละท่านละกันนะครับ 555
จะทำอะไรก็เตือนสติตัวเองไว้สักนิดครับ "บ่อนเปิดให้แทงทุกวัน ไม่ต้องรีบ"