ความไม่โปร่งใสของ Tether ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายกับ Crypto Currency Ecosystem

เรื่องที่อยากมาแชร์วันนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับ บริษัทที่ชื่อ Tether ผมเชื่อว่าคนส่วนมากในตอนนี้น่าจะเคยได้ยินชื่อ Bitcoin กันพอสมควรแต่ผมเชื่อว่ายังมีอีกหลายๆคนที่ยังไม่ค่อยคุ้นชินกับเจ้า Tether นี้กันสักเท่าไหร่
ก่อนจะลงไปยังประเด็นที่ ผมจั่วเอาไว้ที่หัวกระทู้ เรามาทำความรู้จักกับ Tether กันสักนิดนะครับ

Tether คือชื่อเรียกของ Token ที่ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงปี 2014 โดยเจ้าของบริษัท Tether นั้นเชื่อว่ามีส่วนได้เสียกับ Crypto Currency Exchange ที่ชื่อว่า Bitfinex ใน US (ตามรายงานของ Coindesk และ Paradise Leak ชี้ให้เห็นว่า Phil Potter, Chief Strategy Officer และ Giancarlo Devasini, Chief Financial Offier นั้นถือหุ้นอยู่ใน Tether ซึ่งจดทะเบียนอยู่ใน หมู่เกาะบริติช เวอร์จิ้น  https://offshoreleaks.icij.org/nodes/82024464 )

โดย Tether นั้น เป็น Token ที่ Run อยู่บน Omni Layer Protocol ที่ซ้อนอยู่บน Bitcoin Blockchain อีกทีหนึ่ง (อธิบายให้เข้าใจง่ายๆคือ ข้อมูลไม่ได้ถูกเก็บอยู่ใน Block ของ Bitcoin แต่สามารถติดต่ออ้างอิงข้อมูลจาก Block ของ Bitcoin ได้) ซึ่งเป็นความพยายามที่จะทำให้ Bitcoin สามารถใช้ Smart Contract ได้เหมือนกับ Platform อย่าง Ethereum

เริ่มเข้าเรื่องกันดีกว่า

นโยบายของเจ้า Tether นี้ ถูกสร้างขึ้นมาโดยหวังให้เป็น Token ที่ใช้แทน USD โดยใช้ เงิน Fiat USD (เงิน USD จริงๆ) back ตัว Token แบบ 1:1 เสมอ โดยมีชื่อเรียกว่า USDT (เปรียบง่ายๆว่าเสมือนกับเงินใน E-Wallet อย่างเช่น True Money Wallet ที่เราโอนเงินบาทจริงจากธนาคารที่เราเก็บเงินไว้ให้ True Money Wallet แล้วเราเห็นเงินใน True Money Wallet แต่แตกต่างกันตรงที่ ระบบของ True Money Wallet ทำงานอยู่บนระบบที่ไม่ใช่ Blockchain แต่ Tether ใช้ Blockchain)

เนื่องด้วยความสะดวกในการเคลื่อนย้าย USDT และ กฏหมายทางการเงินของ US เองไม่ได้มีนิยามว่า USDT คือเงิน ทำให้ Crypto Currency Exchange หลายๆเจ้าเลือกที่จะใช้ USDT เป็นหน่วยในการซื้อขายเทียบกับ Crypto Currency อื่นๆ (Bitcoin, Ethereum, Ripple etc.) โดย Exchange ใน US ที่ใช้ USDT ในการซื้อขายมีดังต่อไปนี้ Bitfinex, Bittrex, Binance และ Poloniex ส่วน GDAX, Gemini, Kraken นั้นยอมทำตามเงื่อนไขของกฏหมายที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรมกับสกุลเงิน USD และเลือกที่จะมี ช่องทางให้ลูกค้าเลือกเทรด against USD (แต่ Kraken ก็มี USD/USDT ให้เทรด ซึ่งราคาใน Coinmarketcap ของ Tether นั้นก็ใช้ราคาของ Kraken ในการแสดงผล)

ในช่วงแรกของการดำเนินงาน ทาง Tether ก็ได้มีการปล่อย Audit Report ออกมาบ้าง โดยในช่วงแรกนั้น US Correspondent Bank ของ Tether คือ ธนาคาร Wells Fargo แต่บัญชีเงินของบริษัทเองนั้นถูกเก็บไว้ที่ธนาคารในประเทศไต้หวัน ตามภาพด้านล่าง


***ถ้าถามว่าทำไมถึงใช้ไต้หวัน ผมคิดว่าส่วนนึงน่าจะเกี่ยวข้องกับ Home Country ของผู้ถือหุ้นใหญ่

ซึ่งหลังจากดำเนินงานได้สักพักทาง (ช่วง Apr'17) Wells Fargo ก็ได้ออกมากประกาศขอยุติการทำธุรกรรมโอนเงินต่างประเทศให้กับทาง Tether ซึ่งทาง Tether ได้ทำการฟ้อง Well Fargo ในช่วงแรกและได้ทำการยื่นถอนฟ้องในเวลาต่อมา https://cointelegraph.com/explained/tether-case-explained ซึ่งผมเองคิดว่าการที่ทาง Tether ถอนฟ้องนั้นเพราะคงรู้ตัวดีว่า นอกจากฟ้องไปก็ไม่ชนะแล้ว ตัวเองจะพาลซวยมากกว่าเดิมอีก โดยหลังจากเหตุการณ์ Wells Fargo นี้ ผมเข้าใจว่าทางธนาคารไต้หวันเองก็ได้ยกเลิกการ Support ธุรกรรมทางการเงินให้กับ Tether เช่นเดียวกันทาง Tether ก็ไม่เคยแจ้งกับสาธารณะให้ทราบว่าตัว Tether เองตอนนี้ใช้ธนาคารใดอยู่ เลยพาลทำให้ Audit Report ที่โชว์ว่า Tether มี USD Back token USDT เพียงพอหรือไม่นั้นก็หายไปด้วยเอาดื้อๆ โดย Report Audit ล่าสุดที่มีก็คือตามรูปภาพโดยในขณะนั้น USDT หมุนเวียนอยู่ในตลาดราวๆ USD 44 million ซึ่งก็ใกล้เคียงกับจำนวนเงินที่ทาง Tether ถืออยู่ในบัญชี

เรื่องนี้เกิดมาตั้งแต่ช่วงต้น-กลางปี 2017 แล้วทำไมเพิ่งมาสนใจเอาตอนนี้?

เป็นคำถามที่ควรถามมากครับ คือ ตอนนั้นเนี่ย... USDT หมุนเวียนอยู่แค่ราวๆ 44 ล้านเหรียญ ในขณะที่ตอนนั้น Bitcoin ราคาอยู่แถวๆ $2,000 เท่านั้นเอง
แต่ในวันนี้ 23/1/2017 มี USDT หมุนเวียนอยู่ในระบบกว่า 2พันล้านเหรียญ ในขณะที่ Bitcoin วิ่งอยู่ที่ $11,xxx

แล้วยังไงอีก?
เนื่องจาก USDT นั้นวิ่งอยู่บน Blockchain ทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลการโอนย้ายเจ้า USDT นี้ได้อย่างอิสระ โดยเราสามารถเข้าไปเช็คได้ที่ Omni Explorer http://omnichest.info/lookupadd.aspx?address=3MbYQMMmSkC3AgWkj9FMo5LsPTW1zBTwXL

ซึ่งปัญหาก็คือ หลังจากที่เราไม่เคยเห็น Audit Report อีกเลยนั้น Tether ได้มีการ Grant USDT ออกมาเพิ่มกว่า 2พันล้านเหรียญ โดยเงินทั้งหมดถูกย้ายจาก Address 3MbYQMMmSkC3AgWkj9FMo5LsPTW1zBTwXL ซึ่งก็คือ Address ของ Tether เข้าไปที่ Address ของ Exchange ต่างๆโดยส่วนมาก จะถูกส่งผ่านไปยัง Bitfinex ก่อนจะย้ายไปสู่ Exchange อื่นๆ Linkด้านล่างคือรายชื่อผู้ที่ถือ USDT อยู่ในปัจจุบัน https://wallet.tether.to/richlist

แล้วสิ่งที่น่ากลัวคืออะไร??

อย่างแรกเลยก็คือ เรามั่นใจได้อย่างไรว่า Tether กว่า2พันล้านนั้นยังคงถูก Back ด้วย USD Fiat ในจำนวนที่เท่าๆกัน
อย่างที่สองก็คือ ต่อให้ Tether นั้นมีเงินเก็บอยู่กว่า2พันล้านUSD จริงๆ แต่เงินนั้นอยู่ที่ไหน ประเทศอะไร เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเราสามารถ Cash Out USDT กลับมาเป็น USD ได้จริงๆ แล้วถ้าหากทางการประเทศนั้นๆ เกิดเฮี้ยน Blockเงินขึ้นมา USDT จะกลายเป็นอะไร?
สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือการ Cash Out USDT ซึ่งเท่าที่ผมได้ลองหาอ่านดูคร่าวๆ พบว่าการ Cashout USDT กลับมาเป็น Fiat นั้นทำได้ไม่ง่ายตามที่ตัว Tether กล่าวอ้างบนเว็บของ Tether โดย Article หนึ่งใน Bloomberg ได้ อ้างถึง Terms and Conditions ของ Tether เอาไว้ตอนหนึ่งว่า
https://www.bloomberg.com/news/articles/2017-11-21/tether-theft-isn-t-the-first-controversy-for-cryptocurrency-firm

"Tethers are not money and are not monetary instruments," the company says. "There is no contractual right or other right or legal claim against us to redeem or exchange your tethers for money. We do not guarantee any right of redemption or exchange of tethers by us for money."

แปลสั้นๆง่ายๆว่า "Tetherไม่การันตีในการรับซื้อ Tether คืนนะจ๊ะ"
ซึ่งหลังจากนั้น ทาง Tether ได้เปลี่ยน Clause ตรงนี้ออกไปแล้วนำ Clause ใหม่มาแทนที่โดย เพิ่มการระบุการันตีแบบมีเงื่อนไข

Absent a reasonable legal justification not to redeem Tether Tokens, and provided that you are a fully verified customer of Tether, your Tether Tokens are freely redeemable.

ซึ่งจาก complained ที่เห็นได้ตามเว็บไซตืในต่างประเทศจะพบว่า การ verify ของ Tether นั้นอาจยาวนานเป็น เดือนหรือไม่มีแม้กระทั่ง Response ตอบกลับ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเงื่อนไขในการ Verify ตรงนี้อาจถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการไม่ให้เรา Cash Out USDT เอาง่ายๆ
ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่า คนส่วนมากไม่มีใครเปิดบัญชีกับ Tether ตั้งแต่แรก แต่หลายคนได้รับ USDT กลับมาแบบไม่ได้ตั้งใจจากการขายทำกำไร Crypto Currency ต่างๆ แต่จริงๆแล้วปัญหานี้ไม่น่าจะมีผลกระทบกับคนไทยส่วนมากที่เทรด Crypto Currency เนื่องจากผมคิดว่าคนส่วนมากคง Cash Out ผ่าน Exchange ในไทย

สิ่งที่น่ากลัวมากกว่านั้น???

คำถามกลับมาที่ ถ้า Tether ไม่มีเงิน USD 2,000,000,000 มา Back Token USDT ของตัวเองแปลว่าอะไร
มีคนในต่างประเทศ (ผมขอยกเครดิตให้ https://steemit.com/cryptocurrency/@cryptoscopia/making-sense-of-the-tether-situation ทั้งหมด) ได้ตั้งข้อสังเกตุของช่วงเวลาที่ Tether ได้ "ออกเหรียญ" (ไม่อยากใช้คำว่าเสก มันดู Bias มากเกินไป) ว่าทาง Bitfinex ได้แอบใช้เงินตรงนี้ในการพยุงหรือลากราคา Bitcoin หรือเปล่า? เพราะถ้าหาก Bitfinex กับ Tether ร่วมมือกันทำเช่นนั้นจริง (เจ้าของเดียวกัน) แปลว่า ราคาBitcoin ในปัจจุบันนั้น ถูกปั่นขึ้นมาด้วยเงิน USD ปลอมๆที่จะเสกเท่าไหร่ก็ได้!!! หลายฝ่ายมองว่า Bitfinex มีแรงจูงใจให้ทำเช่นนั้นเพราะต้องการรักษา volume ในการเทรด Bitcoin เอาไว้และต้องการให้คนทั่วไปเข้ามาเทรดเพิ่มขึ้น (ถ้าลงอย่างเดียวคนคงไม่เล่น) อีกทั้งทาง Bitfinex ยังมีการปล่อย Margin Trade ให้กับลูกค้าที่เทรดผ่าน Bitfinex อีกด้วย


โดยเส้นแนวตั้งสีส้ม คือช่วงที่มีการออก USD 25ล้าน สีเขียวคือ USD 50ล้าน และ สีฟ้าคือ USD 100ล้าน

เอาให้ชัดอีกนิด

แล้วเอายังไงต่อดี? หรือกำลังจะถึงช่วงลุกช้าจ่ายรอบวง?

จริงๆแล้วทางผู้ที่ตั้งข้อสังเกตุตรงนี้ก็ไม่ได้มีการสรุป สมมติฐานข้างต้นว่า Bitfinex และ Tether ได้ร่วมมือกันเสก USDT ขึ้นมาเพื่อปั่นราคาเพราะกราฟราคาไม่ได้ชัดเจนมาก แตในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้มีเงิน (ปลอม?) อัดฉีดเขาไปพยุงราคา Bitcoin กว่า USD 500,000,000 ผ่าน Tether แต่ราคาก็ยังไม่ค่อยกระเตื้องขึ้นสักเท่าไหร่

ส่วนตัวผมเองก็เคยมีประสบการณืในการพยายามสมัคร Tether และ Verify ให้สามารถถอนเงินได้ ต้องขอบอกว่าผมไม่ประสบความสำเร็จในการพยายาม Verify ครับ แต่ผมก็ไม่ได้ปักใจเชื่อ 100% จากข้อมูลเหล่านี้ แต่ส่วนตัวดูจากกราฟ time frame ใหญ่ๆประกอบ แล้วคิดว่าช่วงนี้ขอ Cash Out ออกมาอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆก่อนดีกว่าครับ
โชคดีในการซื้อขายทุกท่านนะครับ

***ปล. จริงๆมีรายละเอียดเยอะมากกว่านี้ แต่เนื่องด้วยเวลาผมจำกัดจึงต้องขออภัยหาก นำข้อมูลมาถ่ายทอดให้ไม่ครบถ้วน***
***ข้อมูลในเรื่องนี้เกือบ 80% ผมอ้างอิงมาจาก https://steemit.com/cryptocurrency/@cryptoscopia/making-sense-of-the-tether-situation ซึ่งคนที่สนใจเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่นะครับ ผมขอยกเครดิตให้คนเขียน Article ตามนี้ทั้งหมดครับ ***
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่