ประสบการณ์ตรงเรื่องการงานและเงินเดือนที่สูงมากของเด็กจบใหม่ที่สื่อสารได้ 3 ภาษา (ไทย-อังกฤษ-จีน)

สวัสดีคับ วันนี้จะขอเอาประสบการณ์โดยตรงเกี่ยวกับหน้าที่การงานและเงินเดือนที่ได้ตั้งแต่เรียนจบ มาแบ่งปันให้ดูไว้เป็นแนวทางในการวางแผนอาชีพและการเงินในอนาคต โดยจะพูดถึงหัวข้อสำคัญหลักๆ ดังต่อไปนี้

1. การเลือกเรียนสาขาในมหาลัย
2. ความท้าทายในการเรียน
3. ช่วงฝึกงานก่อนเรียนจบ
4. ทำงานได้เงินเดือนละ 60,000 THB
5. ล่าสุดได้ทำงานกับแบรนด์เนม luxury
6. ให้กำลังใจและสรุปใจความสำคัญ

ตั้งแต่เด็กเป็นคนชอบเรียนภาษาอังกฤษ บวกกับมีพี่สาวที่พูดภาษาอังกฤษได้คอยช่วยแนะนำมาเสมอ แม้ว่าจะเป็นเด็กต่างจังหวัดที่ไม่เคยเรียนพิเศษและไม่เคยไปต่างประเทศ แต่ก็ยังพอมีทักษะด้านภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างดี จขกท. เป็นคนที่ตั้งใจเรียนตั้งแต่เด็กเพราะเห็นพ่อแม่ทำงานหนัก พ่อทำอาชีพก่อสร้างส่วนแม่เป็นชาวนา เห็นเค้าเหนื่อยเลยอยากตอบแทนด้วยสิ่งที่เราทำได้ในตอนนั้น ซึ่งก็คือ เรียนให้ยอดเยี่ยมที่สุด ผลการเรียนอยู่ใน Top 5 ของห้องมาตลอด วันเกรดออกจะวิ่งเอาไปให้ที่บ้านดูด้วยความดีใจ  

ตอน ม.ปลาย เรียนสายวิทย์-คณิต แต่ชอบภาษาอังกฤษ โดยทั่วไปก็เรียนได้ดีทุกวิชายกเว้นพละศึกษา บางเทอมเกรด 4 ทุกวิชา ยกเว้นพละได้ 3.5 (เตะบอล วิ่ง 4x100 มันทำไมยากจังวะ!!) ตอนนั้นก็มั่นใจมากว่าจะเรียนมหาลัยสาขาภาษาอังกฤษ และแล้วความคิดก็เปลี่ยนหลังจากที่มีครูจีนมาสอนที่โรงเรียน ตอนเรียนจีนไม่ค่อยมีใครใส่ใจบทเรียนเลย เราก็ไม่คิดจะเรียนจีนอยู่แล้ว เพราะแค่เห็นตัวอักษรจีนก็ขนลุกละ เขียนกว่าจะได้แต่ละตัว เซโน หัวชนฝา แต่!!! ด้วยความที่เป็นเด็กเรียน เห็นไม่มีใครสนใจตอนครูสอน เลยรู้สึกสงสารครู พูดไทยก็ไม่ได้ เลยเป็นจุดเริ่มต้นให้ จขกท. เริ่มคุยกับครูจีนโดยใช้ภาษาอังกฤษ ก็ตั้งใจฟังและถามตอบคำถามด้วยความสงสารครู และครูชอบชมเราอยู่บ่อยๆว่าพูดภาษาจีนชัดมาก บวกกับการที่ชอบแวะไปเม้าท์กับครูจีนตอนพักเที่ยงอยู่ประจำ สุดท้ายก็เลยพอสื่อสารภาษาจีนได้

จขกท. เรียนจบ ม.6 พร้อมคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งไปฝากแม่ได้สำเร็จ ตอนเด็กๆเคยได้ยินชาวบ้านชอบพูดบ่อยๆว่าแม่โง่ เพราะแม่ จขกท. ไม่ได้เรียนหนังสือ ในฐานะที่เราเป็นลูกก็รู้สึกเจ็บมาก วันนี้ล่ะลูกชายกลับมากู้หน้าแม่คืนมาได้แล้ว แม่อ่านหนังสือไม่ออกก็จริง แต่แม่เลี้ยงลูกได้ยอดเยี่ยมมากจนเรียนได้เกียรตินิยมอันดับ 1  รักแม่ที่สู้ดดด

มาถึงช่วงที่ต้องเลือกสาขาที่อยากจะเรียนในมหาลัย ตอนนั้นสอบติดสาขาภาษาจีน ม.ขอนแก่น แต่รู้สึกใจหายที่จะไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษ คิดซ้ำไปซ้ำมาว่าถ้าได้แค่อิ้งหรือจีนอย่างเดียวแล้วเราจะโดดเด่นได้อย่างไร สุดท้ายมาเจอสาขาเอกคู่ภาษาอังกฤษ-ภาษาจีน (หลักสูตรนานาชาติ) ม.หัวเฉียว พอเห็นแล้วถูกใจสุดๆ ขนลุก ไม่รีรอ ตรงดิ่งมาเรียนที่นี่เลย แต่มีเรื่องหนักใจคือ ตอนนั้นชาวบ้านก็มาหาว่าเรามักใหญ่ใฝ่สูงอยากเรียน ม.เอกชน ไม่ดูพ่อตัวเองไม่ดูฐานะตัวเอง ฟังแล้วก็รู้สึกเจ็บนิดนึง ในใจคิด "ชาวบ้านทำไมชอบเสรือกจัง 55"

ขอแนะนำคับว่าจะเลือกเรียนอะไรก็ตามให้เอาความรักเป็นตัวนำ เลือกสิ่งที่เราทำแล้วสนุก ใครจะว่ายังไงก็ตาม เราแค่มีหน้าที่ชัดเจนกับสิ่งที่เราต้องการ "คนที่ชอบพูดแต่เรื่องคนอื่น นั่นเป็นเพราะว่ามีบางสิ่งที่เค้ายังไม่ได้ลงมือทำ ซึ่งก็คือการแก้ปัญหาและจัดการชีวิตของตัวเอง" สุดท้าย จขกท. ก็คุยกับพ่อ พ่อบอกว่าไหว บวกกับ จขกท. กู้ กยศ. ก็เลยเรียนจนจบ กยศ. ช่วยสร้างชีวิตเราได้จริงๆ อย่าลืมนะคับ คีเวิร์ดของการเลือกสาขาเรียนคือ "เลือกในสิ่งที่รัก"

มาถึงช่วงเรียนในมหาลัย เนื่องจากเป็นหลักสูตรอินเตอร์ เราต้องเรียนภาษาอังกฤษเป็นอังกฤษ และเรียนจีนเป็นจีนกับอังกฤษ (งานงอกเลยล่ะ) ช่วงเปิดเทอมแรกๆนี่เอ๋อแดรกเลยจ้า โคตรฮา นั่งหน้าอย่างดี ตั้งใจฟังมาก แต่กลับไม่ได้อะไรเลย เรียนภาษาอังกฤษเป็นอังกฤษน่ะไม่เท่าไร แต่เรียนจีนเป็นอังกฤษนี่แทบอยากจะสวัสดี คงอยากรู้ว่าเรียนเนื้อหายังไง วันนี้เอามาให้ดูด้วยคับ

พอสองสามอาทิตย์ต่อมาเริ่มปรับตัวได้ ไปเป็นละทีนี้ จขกท. จะชอบนั่งหน้าตลอด และด้วยความที่อยากตั้งใจเรียนเพื่อให้ครอบครัวภูมิใจ สรุปปีแรกได้ A รวดทุกวิชาจ้า เหมือนเดิมเอาไปอวดพ่อแม่ (ปล. อยากเอาไปฟาดหน้าอีพวกชาวบ้านที่มันเคยดูถูกเราไว้มาก) จขกท. มีเคล็ดลับในการเรียนให้ได้คะแนนดีโดยไม่ต้องเครียดเยอะนะ ได้ทำคลิปเล่าอย่างละเอียดในยู่ทุบแล้ว เข้าไปดูได้ตามนี้ https://youtu.be/VIkaxUGP5ak ถ้าดูแล้วคิดว่าดีมีประโยชน์ก็ส่งไปให้เพื่อนๆเราด้วยนะคับ ต้องช่วยกันเรียนเก่ง ประเทศชาติจะได้พัฒนา

ตอนเรียนปีที่สูงขึ้นก็เจอวิชาที่ยากมากๆด้วยล่ะ เป็นเรื่องธรรมดา จขกท. ก็เป็นคน ดังนั้นก็มีเหนื่อย ท้อแท้ เสียใจ เป็นธรรมดา แต่อยากบอกพวกเราว่า เหนื่อยได้ ท้อได้ เสียใจได้ แต่อย่านาน วิธีก้าวข้ามเรื่องยากๆของ จขกท. คือ นึกถึงความรักของพ่อแม่ หาแรงบันดาลใจจากหนังสือหรือไอดอล ตั้งรางวัลเมื่อเราผ่านมันไปได้ เป็นต้น ตอนปลายปี 2015 ก็ได้มีโอกาสไปฝึกงานตำแหน่ง Front Office Attendant ที่โรงแรม 5 ดาวย่านแยกราชประสงค์ ผ่านการสัมภาษณ์มหาโหต ได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก ทำงานจนหัวฟู (จากผมที่เซ็ตเป็นทรงอย่างสวยงามตอนเช้า ตกค่ำมาแทบไม่เหลือทรง 55) รู้สึกว่าเติบโตขึ้นเยอะจากการฝึกงานที่นี่ และระหว่างนั้นก็แอบมีก่อเรื่องเหมือนกัน คือ ลืมเอากุญแจล็อกเกอร์มาซึ่งรองเท้าคัทชูอยู่ในนั้น สุดท้ายเด็กเรียนก็ต้องโดนใบเตือนพร้อมให้ช่างมาตัดกุญแจ โคตรฮา สรุปการฝึกงานมีประโยชน์จริงๆ "แต่ต้องเลือกฝึกงานในตำแหน่งและองกรณ์ที่เราจะสามารถเอาทักษะและประสบการณ์มาต่อยอดได้ ไม่ใช่ฝึกเพราะอยากสบายและได้เกรดง่ายๆ"

ภาพบรรยากาศตตอนฝึกงานคับ

ภาพข้างล่างนี่คือทำงานจนหัวฟูนะคับ ไม่ใช่ทรงผมแฟชั่นแต่อย่างใด

และภาพสุดท้ายวันที่ลืมเอากุญแจล็อกเกอร์มา ใส่อีแตะทำงานเลยจ้า

ถ้าน้องๆอยากให้เขียนประสบการณ์ตอนฝึกงานที่โรงแรมก็บอกกันเข้ามาได้ และแล้วเวลาก็ผ่านไปจนครบช่วงชีวิตการเป็นนักศึกษา ในที่สุด จขกท. ก็เรียนจบได้เกียรตินิยมอันดับ 1 มาฝากครอบครัวและลบล้างคำสบประมาทของคนได้ ถ้าวันนี้เด็กต่างจังหวัดคนนี้ทำได้ ดังนั้นเราทุกคนก็ต้องทำได้ "ไม่สำคัญว่าเรามาจากที่ไหน แต่สำคัญว่าเราต้องการไปที่ไหน จงมุ่งมั่น ชัดเจน และหนักแน่นในสิ่งที่เราต้องการ แล้วเดินหน้าให้เต็มที่ แต่ถ้าเมื่อไรที่มันจำเป็นต้องถอย ก็ต้องถอยเพื่อที่จะได้เดินไปข้างหน้า"

ทีนี้มาถึงช่วงสำคัญที่เราทุกคนรอคอย ซึ่งก็คือ การทำงานของเด็กจบใหม่ที่ได้เงินเดือนละ 60,000 บาท ขอท้าวความว่าหลังจากที่กลับมาจากไปแลกเปลี่ยนที่จีนหลังฝึกงานเสร็จ ก็ทะยอยสมัครงานเหมือนเด็กจบใหม่ทั่วไป ซึ่งงานที่อยากทำตอนนั้นคือ สจ๊วต ได้ลงทุนออกกำลังกาย เตรียมตัวต่างๆ และบินไปสมัครที่กัวลาลัมเปอร์ 2 สายการบิน Qatar & Emirates สรุปโดนเท ตกรอบแรกทั้งหมด ตอนนั้นก็เสียใจ แต่อย่างที่บอก เสียใจได้ แต่อย่านาน ลุกขึ้นให้ไวแล้วไปต่อ สรุปก็มาได้งานโรงแรมเดิมที่เคยฝึกงาน พร้อมเงินเดือนรวม Service Charge และติ๊บส่วนตัว อยู่ประมาณ 32,000 บาท จขกท. ได้ติ๊บจากคนจีนเยอะมาก ถือว่าเราเลือกเรียนถูกทางจริงๆ ได้ทั้งอิ้งและจีนมันดียังงี้นี่เอง เงินเดือน 32,000 สำหรับเด็กจบใหม่ถือว่าโอเคมาก แต่รู้สึกว่าทำงานวัวตายควายล้มเกินไป "คนรวยไม่เคยทำงานหนัก และคนที่ทำงานหนักก็ไม่เคยรวย"

จขกท. ยึดความสุขและความสบายใจเป็นหลัก ทำเดือนเดียวแล้วลาออกแบบสายฟ้าแล๊บเลย และโชคดีมากมีนักธุรกิจชาวจีนมาติดต่อให้ไปเป็นเลขาส่วนตัว เค้าบอกว่าให้เราเสนอสิ่งที่เราต้องการไป จากที่พิจารณาถึงความสามารถของตัวเอง สรุปเราก็ใจกล้าเสนอเงินเดือน 60,000 บาท ทำงาน 100 ชม. ต่อเดือน เงินเดือนจ่ายทุกๆ 2 สัปดาห์ ครั้งละ 30,000 (ไม่โหตเกินไปใช่ไหม?) แล้วเค้าก็ตอบกลับมาว่า "ตกลง" เอ้าเห้ย! หลอกกุหรือเปล่า อะไรจะง่ายขนาดนั้น สรุปก็ไปทำกับบอสคนนี้จริงๆ แล้วก็จ่ายจริงๆ ฟินมาก ช่วงนั้นมีคำพูดติดปากว่า "เงินเก่ายังไม่ทันจะได้ใช้ เงินใหม่ก็มาซะละ"  เหมือนบุญหล่นทับ อยากกินอาหารร้านไหนบอสก็พาไปหมด แถมมีคนขับรถส่วนตัวคอยรับส่งตลอด อะไรจะฟินขนาดนั้น

ด้วยความที่มีเงินและมีเวลา เลยทำบุญได้ง่ายขึ้น ดูแลพ่อแม่ได้ดีขึ้น และที่สำคัญเที่ยวรัวๆ
การท่องเที่ยวคือ ส่วนหนึ่งของชีวิต เราได้เรียนรู้บางอย่างเสมอจากการท่องเที่ยว มันทำให้เรามีความคิดและวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลมากขึ้น และที่สำคัญมันทำให้ใจเรานิ่งขึ้น มีกำลังใจมากขึ้น จะทำอะไรก็ง่ายขึ้นเพราะใจเราดี ดังนั้น จงหาเวลาเที่ยว ดีไม่ดีอาจจะได้มิตร ได้ลู่ทางการทำมาหากินเพิ่มจากการเที่ยวนี่ล่ะ เคยได้ยินไหมคับ "เที่ยวเปลี่ยนชีวิต" สำหรับรีวิวท่องเที่ยวสามารถติดตามได้ในลิ้งค์นี้ https://ppantip.com/profile/3573740

หลังจากที่เป็นเลขาได้ซักพัก ก็รู้สึกว่าอยากทำงานที่ท้าทายและได้ใช้ความสามารถมากกว่านี้ ก็เลยลาออก แต่อย่าลืมนะคับว่าเราจะต้องชัดเจนว่าจะทำอะไร ต้องการอะไร และเมื่อไร "ชีวิตเราทุกคนไปได้ไกลเท่าที่ต้องการ แต่เราต้องตอบคำถามคนขายตั๋วเครื่องบินให้ได้ ว่าจุดหมายปลายทางของเราคืออะไร" จขกท. ก็ทะยอยสมัครงานอยู่เป็นสิบๆที่ และด้วยความที่พูดอิ้งจีนได้ ก็ถือว่าได้เป็นคนเลือกงานเกือบตลอด ช่วงสมัครงานใหม่ก็เจอเรื่องยากและอุปสรรคพอสมควร อย่างที่ว่า คนที่จะเจอกับอุปสรรคได้ก็คือคนที่มีเป้าหมาย ช่วงนี้ก็มีหลายคนที่หาว่าเราหยิ่ง ไม่เลือกทำงานกับซักบริษัทซักที แตต่อย่าไปแคร์ ให้มองข้อดี ปรับเปลี่ยน เรียนรู้ และเป็นเราที่ดีขึ้นจากทุกเรื่องที่เข้ามา สุดท้าย จขกท. ก็มาได้งานที่อยากทำจริงๆ ตำแหน่ง Sales Associate ของแบรนด์เนม luxury ที่เค้าบอกว่ารับยาก มาตรฐานสูง และที่สำคัญไม่ค่อยจะเปิดรับพนักงานซักเท่าไร ใครอยากให้รีวิวขั้นตอนการสมัครและสัมภาษณ์งานนี้ สามารถบอกเข้ามาได้นะคับ

สรุปคือภูมิใจมากที่ได้งานนี้ จากเด็กต่างจังหวัด สู่เมืองกรุง ได้ฝึกงานกับโรงแรม 5 ดาวแถวหน้า ไปแลกเปลี่ยนที่จีน ได้งานที่สบายและเงินเยอะมากจากความกล้าหาญ จนสุดท้ายก็ได้มาถึงจุดนี้ที่ได้ร่วมงานกับแบรนด์เนมแถวหน้าของโลก อยากบอกว่าชีวิตเราทุกคนเปรียบเสมือนต้นไม้ ซึ่งโคนรากก็เปรียบเสมือนพ่อแม่ที่เราต้องรักและดูแลอย่างดีก่อน ต้องรดน้ำใส่ปุยให้ดีก่อน เราถึงจะสามารถแตกกิ่งก้านผลิดอกออกผลได้ เคล็ดลับของความเฮงในชีวิตมีแค่นี้เลยคับ คือ "ให้เรารักพ่อแม่อย่างลึกซึ้ง" นึกขอบคุณสิ่งที่พ่อแม่ทำให้เรา เค้าสละชีวิตเพื่อให้เรารอดได้เสมอ ทุกครั้งที่เค้าอาจจะบ่นว่าไม่มีตัง แต่ถ้าดูดีๆก็จะเห็นว่าเราไม่เคยอด ลองนึกดูให้ดีว่ามีใครบางคนที่ตื่นเช้ามาทำอาหารให้เราทุกวันตั้งแต่เล็กจนโต ตื่นเช้า 5 วันติดก็ยากแล้วสำหรับเรา แต่มีใครบางคนทำมันได้เป็นเวลาหลายสิบปี

จขกท. มีทุกวันนี้ได้ก็ด้วยทักษะภาษาอังกฤษจีนที่ได้เรียนมา เลยทำคลิปสอนภาษาจีนออนไลน์ในยูทุบฟรี เพื่อให้เราทุกคนได้เรียนเพิ่มพูนทักษะเพื่อเป็นประโยนช์ในหน้าที่การงาน เข้าไปเรียนและติดตามได้ที่ลิ้งค์ด้านล่าง "ชีวิตที่ดีมาจากการเลือกของเรา ขอให้ทุกคนโชคดีคับ"
Youtube: https://goo.gl/N97yPR
Facebook: https://www.facebook.com/manatpii/
IG: https://www.instagram.com/tehmanatpii/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่