สวัสดีค่ะสมาชิกทุกท่าน กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ ถ้ามีข้อผิดพลาดอะไรต้องขออภัยและขอคำแนะนำด้วยค่ะ ตั้งใจเขียนรีวิวนี้เพราะเป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบเที่ยวเหมือนเพื่อนๆในห้องอีกหลายท่าน ทุกครั้งก่อนไปก็จะหาข้อมูลจากห้องนี้ มีความรู้ที่เป็นประโยชน์มากมาย ช่วยให้เราไปได้ตลอดรอดฝั่ง แต่ไม่ว่าจะเตรียมตัวดีแค่ไหน จะมีประสบการณ์ใหม่ๆที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นมาเสมอๆ มีปัญหาเฉพาะหน้าให้แก้ไขกันไป ถือเป็นสีสันอย่างหนึ่งของการเที่ยวด้วยตนเองนะคะ จึงอยากจะแบ่งปันประสบการณ์อะไรกับเพื่อนๆในห้องบ้างค่ะ
ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณนักรีวิวทุกท่านในห้องนี้จากใจจริง เพิ่งรู้ว่า การเขียนรีวิวหนึ่งเรื่อง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องเขียนออกมาจากประสบการณ์ของตัวเอง หาข้อมูลหลายอย่างมาก กว่าจะค้นและรวบรวมมาได้ รูปภาพประกอบก็ต้องน่าดูสักหน่อย และสุดท้ายต้องออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ผ่านอุปสรรคต่างๆมามากมายด้วยตนเอง แต่ที่ยากที่สุดคือ เริ่ม...เขียนมันออกมาค่ะ (นี่ก็ดองมาหลายเดือนแล้วเหมือนกัน กว่าจะเริ่ม กว่าจะคิดว่าจะเขียนอะไร กว่าจะนั่งระลึกได้ ยิ่งข้อมูลมากยิ่งเขียนยากค่ะ)
การไปเที่ยวเองไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่สบาย ไม่ราบรื่นทุกเรื่อง แต่ก็ไม่ได้เกินความสามารถเราแน่นอนค่ะ ถ้าอยากจะไปหาประสบการณ์ที่ไม่มีในห้องเรียน ก็ต้องไปเองแหละค่ะ ซึ่งมันอาจจะถูกหรือแพงกว่าซื้อทัวร์ก็ได้นะคะ ขึ้นกับว่า เราจัดเต็มแค่ไหน ถ้าต้องการประหยัด หลายๆอย่างเราสามารถควบคุมให้ถูกลงได้ค่ะ และนั่นคือที่มาของทริปสะแก๊น สะแกน Scandinavian trip 5 ประเทศ (Denmark-Norway-Sweden-Finland-Estonia) 17 วัน
ทริปของเราใช้เวลาทั้งหมด 17 วัน เดินทางปลายเดือน ก.ค.ถึงต้นเดือนส.ค.รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 120,000 โดยประมาณค่ะ (คิดว่าถูกมากแล้วสำหรับการไปเที่ยวประเทศที่ค่าครองชีพสูงม๊ากกกกขนาดนี้และไม่ได้ใช้ชีวิตลำบากมากในการเที่ยว) เดี๋ยวจะมาแจงค่าใช้จ่ายแบบละเอียดยิบให้ฟังนะคะ
ทำไมต้อง Scandinavia มันแพงมากจริงๆนะ เข้าห้องน้ำยังต้องจ่ายเงินหลายสิบเกือบทุกที่ (จริงป่าวน้า?) ตอบง่ายๆเลยค่ะ อยากไปเห็นประเทศที่ได้ชื่อว่าประชากรมีคุณภาพชีวิตดีติดอันดับโลก ค่าครองชีพแพงติดอันดับโลก และเป็นยุโรปในโซนที่ค่อนข้างปลอดภัย (อ่านไม่ค่อยเจอเรื่องล้วงกระเป๋าแถวๆนี้) แต่หลังจากกลับมาบอกได้เลยว่า โอ้ววว....มันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ คนแถบนั้นน่ารักมากค่ะ ประเทศเค้าเจริญแล้วจริงๆ พยายามช่วยเหลือทุกอย่าง คนที่อายุน้อยถึงวัยกลางคนภาษาอังกฤษอยู่ในระดับดีมาก ส่วนคุณลุงคุณปู่แม้จะพูดภาษาท้องถิ่นใส่เรา แต่ก็พยายามช่วยจนเราเข้าใจได้นะคะ ที่สำคัญ เค้าให้ความสำคัญกับธรรมชาติมาก จึงพยายามอนุรักษ์ธรรมชาติและลดมลภาวะให้ได้มากที่สุด รถส่วนใหญ่เป็นรถ hybrid หรือ ev ค่ะ
ระยะเวลาเที่ยว Norway>Denmark=Sweden>Finland>Estonia ถ้ามีเวลาน้อยแนะนำไปนอร์เวย์ค่ะ มันสวนมากจริงๆ จากนั้นตามลำดับที่เรียงมาเลย เท่าที่อ่านรีวิวมา นอร์เวย์ที่เที่ยวเยอะมาก โดยเฉพาะสถานที่แบบธรรมชาติ นั่งเขียนไปก็ยังอยากกลับไปปีนเขาอีกเลยค่ะ
เหตุผลที่ไปช่วงนี้คือ
1. เป็นช่วง Summer ของ Scandinavia ซึ่งอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 10-25 C ช่วงค่อนข้างกว้างนะคะ เพราะไปหลายเมือง หากเป็นเมืองที่อยู่ชายฝั่งจะเจอสภาพอากาศที่แปรปรวนมาก โดยเฉพาะแถว Norway แต่ไม่ใช่เห็นคำว่า summer จะไปกันชิวๆเสื้อยืดตัวเดียวได้ มันหนาวค่ะ สำหรับเราๆ ที่อยู่ประเทศแถบเส้นศูนย์สูตร อย่างน้อยต้องมีเสื้อกันหนาวไป 2-3 ตัวค่ะ วันไหนหนาวหน่อย เจอฝน เจอลม เข้าไปในเขตอุทยาน หรือขึ้นไปบนเขา ต้องใส่ 2-3 ชั้นค่ะ บางที่ยังมีหิมะบนยอดเขาอยู่เลย หนาวจริง ยืนยันค่ะ (เห็นหิมะด้วย ขนาดไปช่วง summer)
2. ง่ายต่อการเดินทาง และขับรถเที่ยวโดยเฉพาะในนอร์เวย์ ช่วง summer นี้ถนนไม่มีหิมะเลยค่ะ เนื่องจากถนนส่วนใหญ่แถวนั้นเลนเดียวค่ะ มีเส้นคั่นกลางบ้าง ไม่มีบ้าง จะบนเขา เลี้ยวหักศอก โค้งแค่ไหน จะนอกเมืองหรือในเมืองก็เลนเดียว แต่เลนเดียวแคบหรือกว้างอีกเรื่องนะคะ แต่ละเส้นไม่เท่ากัน ขับรถในนอร์เวย์ทั้งหมด เกือบสิบวัน ไม่เคยได้แซงสักครั้งเลยค่ะ เพราะกฎจราจรเคร่งครัดมาก ทุกคนขับตามความเร็วกำหนดเป๊ะๆ ดังนั้นถ้าได้แซงคือเกินความเร็วกำหนดค่ะ ที่สำคัญกล้องเยอะมาก มีแอบหลบอยู่ตามเสา ส่วนใหญ่ GPS ที่มากับรถเช่าจะเตือนเราเมื่อจะเจอกล้อง แต่ก็ไม่ทั้งหมดนะคะ สังเกตดู เวลาจะเข้าหรือจะออกอุโมงค์มักมีกล้องจ่อรอเลยค่ะ เพราะอุโมงค์เค้าตัดทะลุภูเขา ดังนั้น บางทีจังหวะลงเขา รถเร็วไม่รู้ตัว ออกมาจ๊ะเอ๋ กล้องค่ะ !!! เหงื่อตกเบาๆ ได้ข่าวมาว่าค่าปรับแพง แอบลุ้นอยู่สามเดือนหลังเที่ยวว่าจะโดนตัดบัตรเครดิตไหม เวลาขับต้องเตือนๆกันตลอดนะคะ
3. กลางวันยาวนาน เที่ยวคุ้มมากค่ะ บางวันสามสี่ทุ่มยังไม่ถึงที่พักเลย ข้อเสียคือ มันก็จะเหนื่อยๆหน่อย (จริงๆคือเหนื่อยมาก) จ่ายไปแสน จะเที่ยวสี่แสน มันก็เหนื่อยแบบนี้แหละ 555
สิ่งที่ต้องแลกมา คือ ทุกอย่างแพงค่ะ เพราะเป็นหน้า High season คนออกมาเที่ยวกันมาก ตั๋วเครื่องบินแพง ที่พักแพง ต้องทำการบ้านล่วงหน้านานมาก และจัดการจองทุกอย่างล่วงหน้าอย่างน้อย 3-4 เดือน แต่ไม่ว่าจะ High season ยังไง คนก็ยังไม่เยอะ บนถนนนี่รถน้อยกว่าต่างจังหวัดบ้านเราอีก
รีวิวนี้จะประกอบด้วย
1.กำหนดการเดินทาง
2.การทำวีซ่า
3.การเตรียมตัว (ตั๋วเครื่องบิน, Pass ต่างๆและเรือ, Norway in a nutshell, Pocket wifi, อาหารการกินและห้องน้ำ)
4.การเช่ารถ และการเติมน้ำมัน
5.ที่พัก
6.สรุปค่าใช้จ่าย
และสุดท้ายตามไปเที่ยวด้วยกันเลยค่ะ 555 เดี๋ยวจะเป็นทางการมากไป
มาเริ่มกันที่
1. กำหนดการ
Day 0: เดินทาง พร้อมกันที่สนามบิน 21.30 น. เครื่องออก 01.20 น.
Day 1: Copenhagen (Denmark)
Day 2: Hillerod (Denmark)>Helsingor (Denmark)>Helsinborg (Sweden)>Malmo (Sweden)
Day 3: Aarhus (Denmark)
Day 4: Aalborg (Denmark)
Day 5: Kristiansand (Norway)
Day 6: Pupil Rock (Preikestolen) Stavanger
Day 7: Bergen (Norway)
Day 8: Trollstigen (Norway)
Day 9: Geirangerfjord (Unesco) (Norway)
Day 10: Norway in a nutshell (Bergen -> Oslo)
Day 11: Tromso (Norway)
Day 12: Svolvear (Norway)
Day 13: Oslo (Norway)
Day 14: Helsinki (Finland)
Day 15: Tallinn (Estonia)
Day 16: Stockholm (Sweden)
Day 17: กลับสู่โลกแห่งความจริงช่วงบ่ายๆ
ถึงไทยเช้าอีกวันค่ะ
2. การทำวีซ่า
เนื่องจากเราอยู่ที่นอร์เวย์นานสุด จึงเลือกยื่นขอวีซ่าที่นอร์เวย์ค่ะ ถ้าอยู่เท่าๆกันหมดทุกประเทศให้ขอประเทศแรกที่เข้านะคะ ใช้เวลา 3 วันทำการเป๊ะๆๆๆมาก ยื่นเอกสารบ่ายวันพุธ ได้ passport คืนมาบ่ายวันจันทร์ค่ะ ก่อนทำวีซ่าก็หาข้อมูลเยอะ ไปอ่านเจอหลายรีวิวเกี่ยวจดหมายแนบเพื่อขอ passport คืนเร็วเนื่องจากต้องเอาไปใช้เดินทาง หรือมีเหตุให้ต้องชี้แจงเกี่ยวกับการขอวีซ่า รวมทั้งบางท่านขอวีซ่าแล้วได้มาแบบวันพอดีวันเลยก็มีแต่อยากจะขอเกินสักวันสองวันเผื่อฉุกเฉิน ส่วนบางท่านก็ได้มาเต็มหนึ่งปีเกินกว่าระยะเวลาที่ขอไป อีกทั้งกลุ่มเรามีสมาชิกที่ต้องเดินทางกลับก่อนจึงเป็นเหตุให้ต้องทำจดหมายแนบชี้แจงไป และเนื่องด้วยปีหน้าเราแพลนไปประเทศแห่งน้ำแข็ง จึงคิดว่าลองเขียนเติมในจดหมายที่แนบชี้แจงไปสักหน่อย เผื่อท่านผู้พิจารณาใจดีอนุมัติวีซ่าให้มา 1 ปีถึงรอบหน้าเลย คิดอยู่นานมากค่ะ ก่อนตัดสินใจทำจดหมายแนบชี้แจงพร้อมข้อความเรื่องแพลนปีหน้า เนื่องจากใน website UDI เค้าเขียนชัดเจนกึ่งๆย้ำ ว่า เอกสารที่ไม่จำเป็น ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ต้องเอาไปยื่นนะคะ จะทำให้สถานทูตเสียเวลาในการพิจารณาเอกสาร แต่ไหนๆต้องชี้แจงเรื่องระยะเวลาที่อยู่ไม่เท่ากัน ลองห้อยท้ายสักสองสามบรรทัดในเอกสารชี้แจงไปหน่อยละกันว่า เรามีแผนจะไปประเทศน้ำแข็งใกล้ๆคุณในปีหน้านะคะ (ได้โปรดให้ความเมตตา กรุณาลูกช้างด้วยค่ะ) ก็มีความงงในตัวเองตอนกรอกเอกสาร online อีก ถ้าจะเข้าๆออกๆรอบนี้ด้วย รอบหน้าด้วย ต้องเลือกขอเป็น Multiple Schengen visa ใช่ไหมคะ ปรากฏ เลือกเป็น Single entry ไปค่ะ ทำเสร็จก็มานั่งกังวลว่า โอ๊ย ละเค้าจะให้ไหมเนี่ย งง ขนาดนี้ ขอสรุปวิธีการขอวีซ่าขั้นตอนสั้นๆเลยละกันนะคะ เท่าที่รีวิวมา รายละเอียดแต่ละปีมีเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆค่ะ บางอย่างกรอกเพิ่ม บางอย่างตัดออก แต่หลักการคงเดิม แนะนำให้เข้าไปอ่านใน website vfsglobal.com/ประเทศที่จะขอ/thailand กับ UDI ของประเทศที่เราจะขอวีซ่า มีคำอธิบายที่เป็นประโยชน์เยอะมากค่ะ ของเราเป็น
https://www.vfsglobal.com/norway/thailand และ UDI Norway
https://www.udi.no/en/ กับ
https://www.norway.no/en/thailand
พร้อมแล้วมาเริ่มกันเลยค่ะ
1.เข้าไปสมัครใน website UDI ของประเทศที่จะขอวีซ่าก่อนค่ะ ผ่าน Application portal ตามรูปสุดท้ายเลือก Create new user account โดยใช้ E-mail address เราสมัคร จากนั้นจะได้ username และ password มา เอาไว้ใช้เข้าไปกรอกเพิ่มได้ถ้ากรอกวันเดียวไม่เสร็จ และเข้าไปนัดวันยื่นเอกสาร รวมทั้งติดตามผลค่ะ
2.เมื่อได้ username and password แล้ว ให้เข้าไปกรอกรายละเอียดเพื่อสมัคร ย้ำว่า ละเอียดมากค่ะ มีประมาณกว่า 10 category ให้กรอก เพิ่งนึกออกว่า ที่ต้องละเอียดขนาดนี้คงเป็นเพราะ ไม่มีการสัมภาษณ์ แค่กรอกใบสมัคร ยื่นเอกสาร จบเลยค่ะ เค้าจึงต้องตรวจสอบเยอะ
Pearl: ถ้าคุณเดินทางตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเดินทางด้วยกันตลอด ให้เลือกขอวีซ่าแบบเป็นกลุ่มค่ะ เพราะจะนัดเวลายื่นเอกสารพร้อมกันได้ พิจารณาพร้อมกันได้ ทุกอย่างจะเร็วและสะดวกต่อเจ้าหน้าที่มากขึ้น แต่ถึงแม้ว่าจะขอแบบกลุ่ม เวลากรอกข้อมูลก็ต้องเข้าไปกรอกของทุกคนในกลุ่มนะคะ
: เวลากรอกข้อมูลให้กรอกไป save ไปค่ะ จะมีปุ่มให้กด save ด้านซ้ายมือ ซึ่งถ้าเรากรอกไม่เสร็จในวันเดียว เราสามารถ Log in เข้ามากรอกใหม่ได้ บางคนยังกรอกไม่เสร็จ คอมดับไปเฉยๆ แฮ้งดื้อๆ ระวังนะคะ กรอกไปครึ่งทาง ข้อมูลหายหมดเลย น้ำตาแทบไหล นั่งกรอกใหม่
: และนี่คือคำถามที่ต้องเตรียมก่อนที่จะเข้าไปกรอกข้อมูล เตรียมเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดนะคะ ควรเตรียมไปก่อน โดยเฉพาะคนที่มีพี่น้องเยอะ ยิ่งถ้าพี่น้องไปด้วยกันอีก กรอกเยอะเลยค่ะ กรอกแล้วกรอกอีกจนตาแฉะเลย 555
เดี๋ยวมาต่อนะคะ
[CR] Scandinavia (์Norway-Denmark-Sweden-Finland-Estonia)
ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณนักรีวิวทุกท่านในห้องนี้จากใจจริง เพิ่งรู้ว่า การเขียนรีวิวหนึ่งเรื่อง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องเขียนออกมาจากประสบการณ์ของตัวเอง หาข้อมูลหลายอย่างมาก กว่าจะค้นและรวบรวมมาได้ รูปภาพประกอบก็ต้องน่าดูสักหน่อย และสุดท้ายต้องออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ผ่านอุปสรรคต่างๆมามากมายด้วยตนเอง แต่ที่ยากที่สุดคือ เริ่ม...เขียนมันออกมาค่ะ (นี่ก็ดองมาหลายเดือนแล้วเหมือนกัน กว่าจะเริ่ม กว่าจะคิดว่าจะเขียนอะไร กว่าจะนั่งระลึกได้ ยิ่งข้อมูลมากยิ่งเขียนยากค่ะ)
การไปเที่ยวเองไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่สบาย ไม่ราบรื่นทุกเรื่อง แต่ก็ไม่ได้เกินความสามารถเราแน่นอนค่ะ ถ้าอยากจะไปหาประสบการณ์ที่ไม่มีในห้องเรียน ก็ต้องไปเองแหละค่ะ ซึ่งมันอาจจะถูกหรือแพงกว่าซื้อทัวร์ก็ได้นะคะ ขึ้นกับว่า เราจัดเต็มแค่ไหน ถ้าต้องการประหยัด หลายๆอย่างเราสามารถควบคุมให้ถูกลงได้ค่ะ และนั่นคือที่มาของทริปสะแก๊น สะแกน Scandinavian trip 5 ประเทศ (Denmark-Norway-Sweden-Finland-Estonia) 17 วัน
ทริปของเราใช้เวลาทั้งหมด 17 วัน เดินทางปลายเดือน ก.ค.ถึงต้นเดือนส.ค.รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 120,000 โดยประมาณค่ะ (คิดว่าถูกมากแล้วสำหรับการไปเที่ยวประเทศที่ค่าครองชีพสูงม๊ากกกกขนาดนี้และไม่ได้ใช้ชีวิตลำบากมากในการเที่ยว) เดี๋ยวจะมาแจงค่าใช้จ่ายแบบละเอียดยิบให้ฟังนะคะ
ทำไมต้อง Scandinavia มันแพงมากจริงๆนะ เข้าห้องน้ำยังต้องจ่ายเงินหลายสิบเกือบทุกที่ (จริงป่าวน้า?) ตอบง่ายๆเลยค่ะ อยากไปเห็นประเทศที่ได้ชื่อว่าประชากรมีคุณภาพชีวิตดีติดอันดับโลก ค่าครองชีพแพงติดอันดับโลก และเป็นยุโรปในโซนที่ค่อนข้างปลอดภัย (อ่านไม่ค่อยเจอเรื่องล้วงกระเป๋าแถวๆนี้) แต่หลังจากกลับมาบอกได้เลยว่า โอ้ววว....มันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ คนแถบนั้นน่ารักมากค่ะ ประเทศเค้าเจริญแล้วจริงๆ พยายามช่วยเหลือทุกอย่าง คนที่อายุน้อยถึงวัยกลางคนภาษาอังกฤษอยู่ในระดับดีมาก ส่วนคุณลุงคุณปู่แม้จะพูดภาษาท้องถิ่นใส่เรา แต่ก็พยายามช่วยจนเราเข้าใจได้นะคะ ที่สำคัญ เค้าให้ความสำคัญกับธรรมชาติมาก จึงพยายามอนุรักษ์ธรรมชาติและลดมลภาวะให้ได้มากที่สุด รถส่วนใหญ่เป็นรถ hybrid หรือ ev ค่ะ
ระยะเวลาเที่ยว Norway>Denmark=Sweden>Finland>Estonia ถ้ามีเวลาน้อยแนะนำไปนอร์เวย์ค่ะ มันสวนมากจริงๆ จากนั้นตามลำดับที่เรียงมาเลย เท่าที่อ่านรีวิวมา นอร์เวย์ที่เที่ยวเยอะมาก โดยเฉพาะสถานที่แบบธรรมชาติ นั่งเขียนไปก็ยังอยากกลับไปปีนเขาอีกเลยค่ะ
เหตุผลที่ไปช่วงนี้คือ
1. เป็นช่วง Summer ของ Scandinavia ซึ่งอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 10-25 C ช่วงค่อนข้างกว้างนะคะ เพราะไปหลายเมือง หากเป็นเมืองที่อยู่ชายฝั่งจะเจอสภาพอากาศที่แปรปรวนมาก โดยเฉพาะแถว Norway แต่ไม่ใช่เห็นคำว่า summer จะไปกันชิวๆเสื้อยืดตัวเดียวได้ มันหนาวค่ะ สำหรับเราๆ ที่อยู่ประเทศแถบเส้นศูนย์สูตร อย่างน้อยต้องมีเสื้อกันหนาวไป 2-3 ตัวค่ะ วันไหนหนาวหน่อย เจอฝน เจอลม เข้าไปในเขตอุทยาน หรือขึ้นไปบนเขา ต้องใส่ 2-3 ชั้นค่ะ บางที่ยังมีหิมะบนยอดเขาอยู่เลย หนาวจริง ยืนยันค่ะ (เห็นหิมะด้วย ขนาดไปช่วง summer)
2. ง่ายต่อการเดินทาง และขับรถเที่ยวโดยเฉพาะในนอร์เวย์ ช่วง summer นี้ถนนไม่มีหิมะเลยค่ะ เนื่องจากถนนส่วนใหญ่แถวนั้นเลนเดียวค่ะ มีเส้นคั่นกลางบ้าง ไม่มีบ้าง จะบนเขา เลี้ยวหักศอก โค้งแค่ไหน จะนอกเมืองหรือในเมืองก็เลนเดียว แต่เลนเดียวแคบหรือกว้างอีกเรื่องนะคะ แต่ละเส้นไม่เท่ากัน ขับรถในนอร์เวย์ทั้งหมด เกือบสิบวัน ไม่เคยได้แซงสักครั้งเลยค่ะ เพราะกฎจราจรเคร่งครัดมาก ทุกคนขับตามความเร็วกำหนดเป๊ะๆ ดังนั้นถ้าได้แซงคือเกินความเร็วกำหนดค่ะ ที่สำคัญกล้องเยอะมาก มีแอบหลบอยู่ตามเสา ส่วนใหญ่ GPS ที่มากับรถเช่าจะเตือนเราเมื่อจะเจอกล้อง แต่ก็ไม่ทั้งหมดนะคะ สังเกตดู เวลาจะเข้าหรือจะออกอุโมงค์มักมีกล้องจ่อรอเลยค่ะ เพราะอุโมงค์เค้าตัดทะลุภูเขา ดังนั้น บางทีจังหวะลงเขา รถเร็วไม่รู้ตัว ออกมาจ๊ะเอ๋ กล้องค่ะ !!! เหงื่อตกเบาๆ ได้ข่าวมาว่าค่าปรับแพง แอบลุ้นอยู่สามเดือนหลังเที่ยวว่าจะโดนตัดบัตรเครดิตไหม เวลาขับต้องเตือนๆกันตลอดนะคะ
3. กลางวันยาวนาน เที่ยวคุ้มมากค่ะ บางวันสามสี่ทุ่มยังไม่ถึงที่พักเลย ข้อเสียคือ มันก็จะเหนื่อยๆหน่อย (จริงๆคือเหนื่อยมาก) จ่ายไปแสน จะเที่ยวสี่แสน มันก็เหนื่อยแบบนี้แหละ 555
สิ่งที่ต้องแลกมา คือ ทุกอย่างแพงค่ะ เพราะเป็นหน้า High season คนออกมาเที่ยวกันมาก ตั๋วเครื่องบินแพง ที่พักแพง ต้องทำการบ้านล่วงหน้านานมาก และจัดการจองทุกอย่างล่วงหน้าอย่างน้อย 3-4 เดือน แต่ไม่ว่าจะ High season ยังไง คนก็ยังไม่เยอะ บนถนนนี่รถน้อยกว่าต่างจังหวัดบ้านเราอีก
รีวิวนี้จะประกอบด้วย
1.กำหนดการเดินทาง
2.การทำวีซ่า
3.การเตรียมตัว (ตั๋วเครื่องบิน, Pass ต่างๆและเรือ, Norway in a nutshell, Pocket wifi, อาหารการกินและห้องน้ำ)
4.การเช่ารถ และการเติมน้ำมัน
5.ที่พัก
6.สรุปค่าใช้จ่าย
และสุดท้ายตามไปเที่ยวด้วยกันเลยค่ะ 555 เดี๋ยวจะเป็นทางการมากไป
มาเริ่มกันที่
1. กำหนดการ
Day 0: เดินทาง พร้อมกันที่สนามบิน 21.30 น. เครื่องออก 01.20 น.
Day 1: Copenhagen (Denmark)
Day 2: Hillerod (Denmark)>Helsingor (Denmark)>Helsinborg (Sweden)>Malmo (Sweden)
Day 3: Aarhus (Denmark)
Day 4: Aalborg (Denmark)
Day 5: Kristiansand (Norway)
Day 6: Pupil Rock (Preikestolen) Stavanger
Day 7: Bergen (Norway)
Day 8: Trollstigen (Norway)
Day 9: Geirangerfjord (Unesco) (Norway)
Day 10: Norway in a nutshell (Bergen -> Oslo)
Day 11: Tromso (Norway)
Day 12: Svolvear (Norway)
Day 13: Oslo (Norway)
Day 14: Helsinki (Finland)
Day 15: Tallinn (Estonia)
Day 16: Stockholm (Sweden)
Day 17: กลับสู่โลกแห่งความจริงช่วงบ่ายๆ ถึงไทยเช้าอีกวันค่ะ
2. การทำวีซ่า
เนื่องจากเราอยู่ที่นอร์เวย์นานสุด จึงเลือกยื่นขอวีซ่าที่นอร์เวย์ค่ะ ถ้าอยู่เท่าๆกันหมดทุกประเทศให้ขอประเทศแรกที่เข้านะคะ ใช้เวลา 3 วันทำการเป๊ะๆๆๆมาก ยื่นเอกสารบ่ายวันพุธ ได้ passport คืนมาบ่ายวันจันทร์ค่ะ ก่อนทำวีซ่าก็หาข้อมูลเยอะ ไปอ่านเจอหลายรีวิวเกี่ยวจดหมายแนบเพื่อขอ passport คืนเร็วเนื่องจากต้องเอาไปใช้เดินทาง หรือมีเหตุให้ต้องชี้แจงเกี่ยวกับการขอวีซ่า รวมทั้งบางท่านขอวีซ่าแล้วได้มาแบบวันพอดีวันเลยก็มีแต่อยากจะขอเกินสักวันสองวันเผื่อฉุกเฉิน ส่วนบางท่านก็ได้มาเต็มหนึ่งปีเกินกว่าระยะเวลาที่ขอไป อีกทั้งกลุ่มเรามีสมาชิกที่ต้องเดินทางกลับก่อนจึงเป็นเหตุให้ต้องทำจดหมายแนบชี้แจงไป และเนื่องด้วยปีหน้าเราแพลนไปประเทศแห่งน้ำแข็ง จึงคิดว่าลองเขียนเติมในจดหมายที่แนบชี้แจงไปสักหน่อย เผื่อท่านผู้พิจารณาใจดีอนุมัติวีซ่าให้มา 1 ปีถึงรอบหน้าเลย คิดอยู่นานมากค่ะ ก่อนตัดสินใจทำจดหมายแนบชี้แจงพร้อมข้อความเรื่องแพลนปีหน้า เนื่องจากใน website UDI เค้าเขียนชัดเจนกึ่งๆย้ำ ว่า เอกสารที่ไม่จำเป็น ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ต้องเอาไปยื่นนะคะ จะทำให้สถานทูตเสียเวลาในการพิจารณาเอกสาร แต่ไหนๆต้องชี้แจงเรื่องระยะเวลาที่อยู่ไม่เท่ากัน ลองห้อยท้ายสักสองสามบรรทัดในเอกสารชี้แจงไปหน่อยละกันว่า เรามีแผนจะไปประเทศน้ำแข็งใกล้ๆคุณในปีหน้านะคะ (ได้โปรดให้ความเมตตา กรุณาลูกช้างด้วยค่ะ) ก็มีความงงในตัวเองตอนกรอกเอกสาร online อีก ถ้าจะเข้าๆออกๆรอบนี้ด้วย รอบหน้าด้วย ต้องเลือกขอเป็น Multiple Schengen visa ใช่ไหมคะ ปรากฏ เลือกเป็น Single entry ไปค่ะ ทำเสร็จก็มานั่งกังวลว่า โอ๊ย ละเค้าจะให้ไหมเนี่ย งง ขนาดนี้ ขอสรุปวิธีการขอวีซ่าขั้นตอนสั้นๆเลยละกันนะคะ เท่าที่รีวิวมา รายละเอียดแต่ละปีมีเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆค่ะ บางอย่างกรอกเพิ่ม บางอย่างตัดออก แต่หลักการคงเดิม แนะนำให้เข้าไปอ่านใน website vfsglobal.com/ประเทศที่จะขอ/thailand กับ UDI ของประเทศที่เราจะขอวีซ่า มีคำอธิบายที่เป็นประโยชน์เยอะมากค่ะ ของเราเป็น https://www.vfsglobal.com/norway/thailand และ UDI Norway https://www.udi.no/en/ กับ https://www.norway.no/en/thailand
พร้อมแล้วมาเริ่มกันเลยค่ะ
1.เข้าไปสมัครใน website UDI ของประเทศที่จะขอวีซ่าก่อนค่ะ ผ่าน Application portal ตามรูปสุดท้ายเลือก Create new user account โดยใช้ E-mail address เราสมัคร จากนั้นจะได้ username และ password มา เอาไว้ใช้เข้าไปกรอกเพิ่มได้ถ้ากรอกวันเดียวไม่เสร็จ และเข้าไปนัดวันยื่นเอกสาร รวมทั้งติดตามผลค่ะ
2.เมื่อได้ username and password แล้ว ให้เข้าไปกรอกรายละเอียดเพื่อสมัคร ย้ำว่า ละเอียดมากค่ะ มีประมาณกว่า 10 category ให้กรอก เพิ่งนึกออกว่า ที่ต้องละเอียดขนาดนี้คงเป็นเพราะ ไม่มีการสัมภาษณ์ แค่กรอกใบสมัคร ยื่นเอกสาร จบเลยค่ะ เค้าจึงต้องตรวจสอบเยอะ
Pearl: ถ้าคุณเดินทางตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเดินทางด้วยกันตลอด ให้เลือกขอวีซ่าแบบเป็นกลุ่มค่ะ เพราะจะนัดเวลายื่นเอกสารพร้อมกันได้ พิจารณาพร้อมกันได้ ทุกอย่างจะเร็วและสะดวกต่อเจ้าหน้าที่มากขึ้น แต่ถึงแม้ว่าจะขอแบบกลุ่ม เวลากรอกข้อมูลก็ต้องเข้าไปกรอกของทุกคนในกลุ่มนะคะ
: เวลากรอกข้อมูลให้กรอกไป save ไปค่ะ จะมีปุ่มให้กด save ด้านซ้ายมือ ซึ่งถ้าเรากรอกไม่เสร็จในวันเดียว เราสามารถ Log in เข้ามากรอกใหม่ได้ บางคนยังกรอกไม่เสร็จ คอมดับไปเฉยๆ แฮ้งดื้อๆ ระวังนะคะ กรอกไปครึ่งทาง ข้อมูลหายหมดเลย น้ำตาแทบไหล นั่งกรอกใหม่
: และนี่คือคำถามที่ต้องเตรียมก่อนที่จะเข้าไปกรอกข้อมูล เตรียมเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดนะคะ ควรเตรียมไปก่อน โดยเฉพาะคนที่มีพี่น้องเยอะ ยิ่งถ้าพี่น้องไปด้วยกันอีก กรอกเยอะเลยค่ะ กรอกแล้วกรอกอีกจนตาแฉะเลย 555
เดี๋ยวมาต่อนะคะ