สวัสดีค่ะเพื่อนๆสมาชิก
เนื่องจากว่าจขกท มีโอกาสได้ไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวที่นอร์เวย์ - สวีเดนมาในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และตั้งแต่ก่อนไป จนถึงปัจจุบันนี้ก็ค้นพบว่ากระทู้รีวิวเกี่ยวกับการไปเที่ยวสองประเทศนี้นั้นมีน้อยมากๆ จึงตัดสินใจว่ามาทำรีวิวแชร์ประสบการณ์ดีกว่า เผื่อว่าจะมีประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจไปเที่ยวไม่มากก็น้อย
รายละเอียดที่เขียนในกระทู้นี้ ถึงแม้จะเป็นคนที่ดูแลจัดการทริปทั้งหมด แต่เนื่องจากว่าเหตุการณ์ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว จึงอาจจะเขียนไม่ครบถ้วนนะคะ ยังไงถ้าอยากรู้รายละเอียดส่วนไหนเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามได้เลยค่ะ
สำหรับทริปนี้จขกท ไปกับครอบครัวมีคุณพ่อ คุณแม่ น้องชาย รวมกันเป็นสี่คนนะคะ
ในส่วนของการทำวีซ่าก็เริ่มทำค่อนข่างกระชั้นค่ะ เนื่องจากจขกทพึ่งจะเปลี่ยนงานใหม่ จึงต้องรอหนังสือรับรองจากที่ทำงานก่อน ก็คือไปเดือนสิงหา ก็ทำวีซ่าประมาณช่วงเดือนมิถุนายนค่ะ
สำหรับเอกสารที่ต้องเตรียมโดยหลักๆแล้วก็จะเหมือนกับการขอวีซ่าไปยุโรปทั่วไปนะคะ ก็จะมีพวกหนังสือเดินทาง statement การเงินย้อนหลังสามเดือน เอกสารรับรองเงินเดือน รับรองการทำงาน รูปถ่าย ประกันการเดินทาง แล้วก็พวกเอกสารการจองโรงแรม (ในส่วนนี้จขกทใช้จองผ่าน agoda แบบที่ refund ได้นะคะ ราคาจะแพงกว่าแบบปกติแต่คิดว่าน่าจะชัวร์กว่า) และเอกสารการตัวเครื่องบิน (อันนี้ให้เอเยนต์จองให้คะ ซึ่งเขาจะออกใบจองให้ก่อน แต่จะซื้อตั๋วจริงให้เมื่อเราได้รับวีซ่าแล้วคะ)
เมื่อมีเอกสารครบแล้วก็สามารถไปทำเรื่องคำร้องขอทำวีซ่าในเว็บไซต์ของสถานฑูตนะคะ แต่เนื่องจากจขกทใช้บริการเอเยนต์ในส่วนนี้จึงไม่ได้ทำเองคะ หลังจากนั้นก็เลือกวันที่สะดวก และเราก็สามารถไปยื่นเอกสารได้ที่ศูนย์รับคำขอวีซ่าเข้านอร์เวย์ VFS Norway ที่ตึก Alma Link ข้างเซ็นทรัลชิดลม -VFS ของประเทศแถบสแกนดิเนเวียจะอยู่ที่เดียวกันหมดเลยนะคะ ใครอยู่ที่ประเทศไหนนานสุดก็ยื่นของประเทศนั้นค่ะ และเนื่องจากว่าเป็นการยื่นคำร้องผ่านเอเยนต์ไม่ใช่กับสถานฑูตขั้นตอนก็จะไม่ซับซ้อนมากมายนะคะ เพียงแค่ยื่นเอกสาร เสียค่าธรรมเนียม กรอกเอกสารคำถามที่ใช้แทนการสัมภาษณ์นิดหน่อย และเก็บรอยนิ้วมือ และถ่ายรูป เพียงเท่านี้ก็สามารถกลับบ้านไปนอนรอวีซ่าได้แล้วค่ะ
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการทำวีซ่า สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของทางเอเยนต์นะคะ
http://www.vfsglobal.com/norway/thailand/thai/tourist.html
เมื่อได้วีซ่าแล้ว ก็ข้ามไปวันที่ 8 สิงหาคมค่ะ ที่เป็นวันออกเดินทาง จขกทบินด้วยสารการบินไทยนะคะ จากกรุงเทพ ไปลงที่ Oslo เมืองหลวงของนอร์เวย์ค่ะ ใช้เวลาเดินทางก็ประมาณ 11 ชั่วโมงค่ะ ในส่วนของขากลับจะกลับจาก Stockholm Sweden ค่ะ
แพลนการเดินทางทริปนี้คร่าวๆ ก็คือ
Day 1 BKK - Oslo
Day 2 Oslo
Day 3 Oslo - Bergen
Day 4 Bergen - Oslo (via Norway in a Nutshell)
Day 5 Oslo - Stockholm
Day 6 Stockholm
Day 7 Stockholm - BKK
จริงๆแล้วจขกทก็อยากที่จะอยู่นานกว่านี้นะคะ เนื่องจากก็อยากจะไปสำรวจประเทศอื่นๆแถบนี้โดยเฉพาะ เดนมาร์คด้วย แต่ด้วยความที่เป็นมนุษย์ออฟฟิศ วันลาก็มีจำกัดจำเขี่ยค่ะ ต้องตัดใจจิ้มเลือกสวีเดน กับนอร์เวย์ไป
สำหรับคอนเซปต์ของรีวิวนี้ ต้องบอกไว้อีกครั้งนะคะ ว่าเนื่องจากว่าในตอนแรกเลยไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะทำรีวิว เนื่องจากเป็นการไปเที่ยวแบบ ชิลๆ เดินไปเดินมาออกแนวทัวร์ชะโงกมากกว่าจะเข้าชมอะไรจริงจัง ภาพที่ถ่ายก็จะเป็นการถ่ายรูปวิว รูปขำๆ รูปตัวเองซะมากกว่า และใช้กล้องไอโฟน แต่โดยส่วนตัวก็คิดว่า อันนี้ก็อาจจะทำให้เห็นอีกแง่มุมนึงของการเดินเที่ยวสองประเทศนี้นะคะ
เดี๋ยวขอมาต่อเนื้อหาในความเห็นนะคะ แหะๆ เปิดกระทู้มายังไม่มีรูปเลยอย่าพึ่งเบื่อกันนะคะ
[CR] รีวิวชิลๆ ไป slow life ที่ Norway - Sweden [Part 1] From BKK to Oslo [Day 1-2]
เนื่องจากว่าจขกท มีโอกาสได้ไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวที่นอร์เวย์ - สวีเดนมาในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และตั้งแต่ก่อนไป จนถึงปัจจุบันนี้ก็ค้นพบว่ากระทู้รีวิวเกี่ยวกับการไปเที่ยวสองประเทศนี้นั้นมีน้อยมากๆ จึงตัดสินใจว่ามาทำรีวิวแชร์ประสบการณ์ดีกว่า เผื่อว่าจะมีประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจไปเที่ยวไม่มากก็น้อย
รายละเอียดที่เขียนในกระทู้นี้ ถึงแม้จะเป็นคนที่ดูแลจัดการทริปทั้งหมด แต่เนื่องจากว่าเหตุการณ์ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว จึงอาจจะเขียนไม่ครบถ้วนนะคะ ยังไงถ้าอยากรู้รายละเอียดส่วนไหนเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามได้เลยค่ะ
สำหรับทริปนี้จขกท ไปกับครอบครัวมีคุณพ่อ คุณแม่ น้องชาย รวมกันเป็นสี่คนนะคะ
ในส่วนของการทำวีซ่าก็เริ่มทำค่อนข่างกระชั้นค่ะ เนื่องจากจขกทพึ่งจะเปลี่ยนงานใหม่ จึงต้องรอหนังสือรับรองจากที่ทำงานก่อน ก็คือไปเดือนสิงหา ก็ทำวีซ่าประมาณช่วงเดือนมิถุนายนค่ะ
สำหรับเอกสารที่ต้องเตรียมโดยหลักๆแล้วก็จะเหมือนกับการขอวีซ่าไปยุโรปทั่วไปนะคะ ก็จะมีพวกหนังสือเดินทาง statement การเงินย้อนหลังสามเดือน เอกสารรับรองเงินเดือน รับรองการทำงาน รูปถ่าย ประกันการเดินทาง แล้วก็พวกเอกสารการจองโรงแรม (ในส่วนนี้จขกทใช้จองผ่าน agoda แบบที่ refund ได้นะคะ ราคาจะแพงกว่าแบบปกติแต่คิดว่าน่าจะชัวร์กว่า) และเอกสารการตัวเครื่องบิน (อันนี้ให้เอเยนต์จองให้คะ ซึ่งเขาจะออกใบจองให้ก่อน แต่จะซื้อตั๋วจริงให้เมื่อเราได้รับวีซ่าแล้วคะ)
เมื่อมีเอกสารครบแล้วก็สามารถไปทำเรื่องคำร้องขอทำวีซ่าในเว็บไซต์ของสถานฑูตนะคะ แต่เนื่องจากจขกทใช้บริการเอเยนต์ในส่วนนี้จึงไม่ได้ทำเองคะ หลังจากนั้นก็เลือกวันที่สะดวก และเราก็สามารถไปยื่นเอกสารได้ที่ศูนย์รับคำขอวีซ่าเข้านอร์เวย์ VFS Norway ที่ตึก Alma Link ข้างเซ็นทรัลชิดลม -VFS ของประเทศแถบสแกนดิเนเวียจะอยู่ที่เดียวกันหมดเลยนะคะ ใครอยู่ที่ประเทศไหนนานสุดก็ยื่นของประเทศนั้นค่ะ และเนื่องจากว่าเป็นการยื่นคำร้องผ่านเอเยนต์ไม่ใช่กับสถานฑูตขั้นตอนก็จะไม่ซับซ้อนมากมายนะคะ เพียงแค่ยื่นเอกสาร เสียค่าธรรมเนียม กรอกเอกสารคำถามที่ใช้แทนการสัมภาษณ์นิดหน่อย และเก็บรอยนิ้วมือ และถ่ายรูป เพียงเท่านี้ก็สามารถกลับบ้านไปนอนรอวีซ่าได้แล้วค่ะ
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการทำวีซ่า สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของทางเอเยนต์นะคะ
http://www.vfsglobal.com/norway/thailand/thai/tourist.html
เมื่อได้วีซ่าแล้ว ก็ข้ามไปวันที่ 8 สิงหาคมค่ะ ที่เป็นวันออกเดินทาง จขกทบินด้วยสารการบินไทยนะคะ จากกรุงเทพ ไปลงที่ Oslo เมืองหลวงของนอร์เวย์ค่ะ ใช้เวลาเดินทางก็ประมาณ 11 ชั่วโมงค่ะ ในส่วนของขากลับจะกลับจาก Stockholm Sweden ค่ะ
แพลนการเดินทางทริปนี้คร่าวๆ ก็คือ
Day 1 BKK - Oslo
Day 2 Oslo
Day 3 Oslo - Bergen
Day 4 Bergen - Oslo (via Norway in a Nutshell)
Day 5 Oslo - Stockholm
Day 6 Stockholm
Day 7 Stockholm - BKK
จริงๆแล้วจขกทก็อยากที่จะอยู่นานกว่านี้นะคะ เนื่องจากก็อยากจะไปสำรวจประเทศอื่นๆแถบนี้โดยเฉพาะ เดนมาร์คด้วย แต่ด้วยความที่เป็นมนุษย์ออฟฟิศ วันลาก็มีจำกัดจำเขี่ยค่ะ ต้องตัดใจจิ้มเลือกสวีเดน กับนอร์เวย์ไป
สำหรับคอนเซปต์ของรีวิวนี้ ต้องบอกไว้อีกครั้งนะคะ ว่าเนื่องจากว่าในตอนแรกเลยไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะทำรีวิว เนื่องจากเป็นการไปเที่ยวแบบ ชิลๆ เดินไปเดินมาออกแนวทัวร์ชะโงกมากกว่าจะเข้าชมอะไรจริงจัง ภาพที่ถ่ายก็จะเป็นการถ่ายรูปวิว รูปขำๆ รูปตัวเองซะมากกว่า และใช้กล้องไอโฟน แต่โดยส่วนตัวก็คิดว่า อันนี้ก็อาจจะทำให้เห็นอีกแง่มุมนึงของการเดินเที่ยวสองประเทศนี้นะคะ
เดี๋ยวขอมาต่อเนื้อหาในความเห็นนะคะ แหะๆ เปิดกระทู้มายังไม่มีรูปเลยอย่าพึ่งเบื่อกันนะคะ