ตอนที่ 1 กาลครั้งหนึ่ง....
เสียงหวูดรถไฟดังจนฉันสะดุ้งตื่นหลายรอบ เมื่อไหร่รถไฟขบวนของฉันจะมาสะที ทุกๆครั้งก่อนเปิดเทอมฉันต้องนั่งรอรถไฟเป็นชั่วโมงเพื่อกลับบ้าน ฉันมาเรียนพิเศษที่นครปฐมทุกๆปิดเทอม นี่เป็นปีที่ 4 แล้ว และคงเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะมานั่งที่นี่ เพราะอีก 5 วันฉันต้องเตรียมตัวเข้ามหาลัย ฉันคิดถึงคนที่นี่จัง...
...เธอเป็นแฟนฉันแล้ว รู้ตัวบ้างไหม แล้วเมื่อไหร่หนอฉันจะได้เป็นแฟนของเธอ... เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ฉันเองแหละ โทรศัพท์มันเก่ากึ๊ก จนไม่อยากยกหูขึ้นมารับสาย
“ฮัลโหลค่ะ”
“แกถึงไหนแล้ว” เสียงปลายสายถามอย่างเป็นห่วง
“รถไฟยังไม่มาเลยคะพี่” ฉันตอบกลับไปอย่างเศร้าๆ เพราะรถที่โรงเรียนพิเศษมาส่งตั้งแต่ 7โมงเช้า แต่รถไฟไปหาดใหญ่มา 4โมงเย็น รอไปสิฉัน
“เอ้า แล้วทำไมแกไม่โทรมาบอกพี่ รออยู่นั่นแหละ” ฉันโดนปลายสายเหวี่ยงใส่ แน่ละ เค้าชอบโวยวายเวลาฉันไม่โทรหา หรือทำอะไรไม่ได้เรื่อง
“โอ๊ย!!!!” ฉันร้องดังลั่น ไม่รู้ไอ้บ้าที่ไหนมาตบหัวฉัน อยากจะชกให้หงายหลัง พอฉันหันไปเท่านั้นแหละ
“เอ้าพี่” ก็คนที่เหวี่ยงใส่ในโทรศัพท์นั่นแหละ ใช้ความรุนแรงตลอด
“ก็เอออะสิ มานั่งอยู่คนเดียวได้ไงเนี่ย ทำไมไม่โทรหาพี่” เสียงพูดพลางปาดเหงื่อไป ท่าทางจะวิ่งมาสะด้วย พี่เค้าใส่เสื้อช็อบของคณะวิศวะ กางเกงขาดๆ ตามสไตล์คนโลกส่วนตัวสูง
“ก็พี่มีเรียนนี่น่า แล้วพี่มาทำไมอะ” ใครจะกล้าโทรไปเดี๋ยวก็โดนหาว่ารบกวนอีก
“มีเรียนแล้วไง ฉันก็โดดเรียนมาหาแกนี่ไง” หือ โดดเรียนมาหาฉัน
“รถมากี่โมง”
“ประมาณ 4 โมงค่ะ”
“แล้วแกจะนั่งรอให้รากงอกรึไง”ด่าอีกแล้ว ผู้ชายปากจัดถึงว่าหาแฟนไม่ได้
“เอ้าแล้วให้หนูไปไหนอะ นอกจากโรงเรียน องค์พระ หนูก็ไม่รู้จะไปไหน ก็ต้องมาสถานีรถไฟนี่แหละ” ก็มันจริงนี่ และคนเดียวที่ฉันรู้จักคือ เค้านี่แหละ พี่ทัชชาเป็นพี่เลี้ยงที่โรงเรียนพิเศษฉัน เราสนิทกันมากถึงขั้นแอบหนีไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ เพราะทั้งเพื่อนและครูไม่มีใครสนใจฉันหรอก เพราะฉันเป็นเด็กใต้คนเดียว พูดกับใครก็ไม่รู้เรื่อง ทำอะไรก็แปลก ยืนเฉยๆยังเหมือนอากาศธาตุ
“ฉันนี่ไง ไปเราไปบันทึกความทรงจำอำลากันดีกว่า” สร้างความประทับใจสินะก็จะจากกันแล้วนิ คิดไปก็เศร้า ฉันลุกขึ้นตามไปอย่างว่าง่าย เค้าพาฉันไปกินไอศกรีม ไปร้องคาราโอเกะ ไปกินข้าว แล้วก็จบลงด้วยการทำบุญ
“แกอธิษฐานอะไรอะ ตั้งนาน” เค้าจะทักทายฉันดีๆไม่ได้เลยใช่มั้ย ชอบดึงผม ชอบขยี้หัว แถมบางทีดึงหูอีกต่างหาก
“ก็เดี๋ยวหนูก็จะขึ้นมหาลัยแล้วนิ หนูก็ขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต มีเพื่อนดี อาจารย์เมตตา แล้วก็เรียนจบเร็วๆค่ะ” ก็ฉันกลัวชีวิตมหาลัยนิ ต้องไปอยู่กับใครก็ไม่รู้
“แกนี่ขอแต่เรื่องตัวเอง หู้”เค้าผ่อนลมออก ส่ายหน้าคงระอาฉันมาก ฉันผิดตรงไหน
“แล้วพี่อะขอว่าอะไร เห็นเร็วจัง”ฉันก็อยากรู้บ้างสิ เค้าหันมองหน้าฉัน แล้วทำหน้าแปลกๆ
“ฉันก็....ขอให้เราได้เจอกันอีก”ฮะ!! มีอย่างงี้ด้วย เค้าพูดเบาและเร็วมาก ลุกขึ้นหนีอีกต่างหาก คงอายละสิ
“พี่รอหนูก่อน จะรีบเดินไปไหนเนี่ย”ฉันรีบวิ่งตามไป แต่ขาฉันมันสั้นนิ ฉันไม่กล้าแซวเค้าหรอกกลัวโดนถีบ เราถึงสถานีไม่นาน แล้วรถไฟก็มาพอดี
“พี่กลับไปเรียนได้แล้ว รถมาแล้วหนูไปละ” ฉันโบกมือลาพี่ทัชชา เค้าหันหลังเดินกลับไป ทั้งที่สีหน้าฉันก็ยังไม่อยากกลับ ฉันรู้สึกอยากจะให้โลกหยุดหมุนให้ฉันได้อยู่กับเค้าให้นานกว่านี้เป็นครั้งสุดท้าย
“พี่ทัชชา” ฉันเรียกชื่อเค้า เพราะฉันต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้การจากกันมีค่ามากกว่านี้ ฉันวิ่งไปกอดเค้าจากข้างหลัง
“หนูรักพี่นะ หนูไม่รู้ว่าเราจะได้เจอกันอีกมั้ย” ประโยคนั้นมาพร้อมกับน้ำตาไหลออกมาไม่มีท่าทีจะหยุด พอเค้าหันมา พี่ทัชชาก็น้ำตาซึมเหมือนกัน คงไม่อยากให้ฉันไปละสิ
“ไปได้แล้ว เดี๋ยวรถก็ออกได้อยู่นี่สมใจแน่” เอาอีกแล้วเค้าพูดเสร็จเค้าก็ขยี้หัวฉันจนยุ่งเหยิง ฉันหอบกระเป๋าหนักอึ้งสองไปขึ้นไปหาที่นั่ง รถไฟจะจอดอีก 10 นาที ที่นั่งของฉันตรงข้ามกับชายแว่นดำ รูปร่างกำยำน่ากลัวมาก ท่าทางจะหลับอยู่ ฉันจะเอากระเป๋าไปเก็บข้างบน แต่ฉันยกไม่ไหว จนเค้าตื่น ฉันอึ้ง ชาไปทั้งตัวเมื่อเค้ายืนขึ้น เค้าตัวสูงมาก โห่เค้าจะจับฉันโยนไปนอกรถไฟมั้ย
“หนู ขะ ขอโทษค่ะ” ฉันรีบยกมือใหว้ปากคอสั่น เค้าเงื้อมือมาจับกระเป๋าฉันจะยกขึ้นเก็บให้
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมยกเอง” หือ เอ้าพี่ทัชชา มาได้ไงอะ พระเอกของฉัน
“ยัยบ๊อง ยกไม่ไหวทำไมไม่บอก” จะให้ฉันบอกยังไงล่ะ ฉันทำหน้างง เวลาไม่กี่นาทีทำฉันหลากหลายอารมณ์ ร้องไห้หน้ายังเปียกอยู่ ทั้งตกใจกลัว เค้ามาทำฉันงงอีก ซ้ำยังโดนด่า
“เอ่อ น้องผมเองครับ เค้าเป็นเด็กเอ๋อ ไม่ค่อยเต็มเท่าไหร่ ฝากด้วยนะครับ” พี่ทัชชาหันไปพูดกับชายผู้น่ากลัว ฉันหรอเป็นเด็กเอ๋อ ฉันหรอไม่เต็ม นี่เค้าหรอกด่าฉันหรอเนี่ย เมื่อกี้ฉันยังบอกว่าฉันรักเค้าอยู่เลยนะ เค้าไม่ซึ้งบ้างเลยรึไง
“พี่ไปก่อนนะ อย่านอนหลับน้ำลายยืดอีกละอายเค้า” ฮะฉันหรอหลับน้ำลายยืด ไม่เคยนะ แล้วก็ขยี้หัวฉันอีกที่ก่อนวิ่งลงไปเพราะรถเลื่อนออกอย่างช้าๆ ฉันอึ้งไปเลยสร้างเรื่องแล้วจากไปเนี่ยนะ ชายแว่นดำมองหน้าฉันผ่านเลนน์ ทรุดตัวลงนั่งมองไปนอกหน้าต่าง คงรังเกียจฉันน่าดู ดูสภาพฉันสิ ร้องไห้ตาบวมฉึ่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง สภาพคงเหมือนคนเอ๋อเต็มที เสียงรถไฟดังมากฉันอดทนให้ถึงอีกสถานีจะลุกขึ้นไปโทรหาพี่ทัชชาวีนใส่สักฉาด ทำฉันกลายเป็นคนบ้าไปเลย พอรถหยุดฉันก็วิ่งออกไปให้พ้นตรงนั้น กดสายหาคนสร้างเรื่องทันที
“พี่ทำบ้าอะไรเนี่ย ใครเอ๋อ ใครไม่เต็ม ใครหลับน้ำลายยืด พี่ทำให้หนูกลายเป็นตัวดุ๊กดิ๊กน่ารังเกียจ” ฉันพูดรัวเต็มที่ทั้งโกรธทั้งกลัวว่ารถจะออกแล้วด่าไม่ได้ยิน
“นี่แกไม่กลัวหมอนั่นหรอ” เค้าถามกลับมาทำไม มันเกี่ยวอะไรกัน
“กลัวสิ ถามได้ คนอะไรอยู่อย่างกับโจร” ฉันลดเสียงลง ก็มันจริงนิ
“ฉันทำไปเพราะปกป้องแกเลยนะเนี่ย ฉันทำให้เค้ารังเกียจแก แกจะได้ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัวว่าเค้าจะทำอะไรแกไง” เค้าอธิบาย แต่มันใช่หรอ
“แต่หนูอายเค้านะ”ใครจะยอมเป็นคนไม่เต็ม
“แกจะแคร์ทำไม แกรู้จักเค้าหรอ”
“ไม่อะ” เค้าจะถามฉันทำไม
“เออ ให้แคร์คนที่เค้าแคร์แกก็พอ เดี๋ยวพอลงรถ ทุกอย่างก็จบ ไม่มีคนผู้ชายน่ากลัวในชีวิตแกอีกแล้ว แล้วก็ไม่มีคนเอ๋อ บนรถไฟอีกด้วย ถึงบ้านแล้วโทรมาหาฉันด้วย ไปเรียนละ บายเด็กเอ๋อ” พูดสะยาวเลย ฉันเข้าใจละเค้าปกป้องฉัน..ท่องไว้ แสดงบทบาทคนเอ๋อแค่คืนเดียว เท่านั้น ฉันละยอมพี่ทัชชาเลยจริงๆ ฉันหลับตลอดทาง จนไม่รู้ว่าเผลอน้ำลายยืดไปบ้างรึป่าว ตื่นมาคนตรงข้ามผู้โหดเหี้ยมก็หายไปแล้ว อีกสถานีเดียวก็ถึงบ้านฉันแล้วนี่ เตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็นนิสิตมหาลัย
ไม่สัญญาว่าจะรักกัน . . .
เสียงหวูดรถไฟดังจนฉันสะดุ้งตื่นหลายรอบ เมื่อไหร่รถไฟขบวนของฉันจะมาสะที ทุกๆครั้งก่อนเปิดเทอมฉันต้องนั่งรอรถไฟเป็นชั่วโมงเพื่อกลับบ้าน ฉันมาเรียนพิเศษที่นครปฐมทุกๆปิดเทอม นี่เป็นปีที่ 4 แล้ว และคงเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะมานั่งที่นี่ เพราะอีก 5 วันฉันต้องเตรียมตัวเข้ามหาลัย ฉันคิดถึงคนที่นี่จัง...
...เธอเป็นแฟนฉันแล้ว รู้ตัวบ้างไหม แล้วเมื่อไหร่หนอฉันจะได้เป็นแฟนของเธอ... เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ฉันเองแหละ โทรศัพท์มันเก่ากึ๊ก จนไม่อยากยกหูขึ้นมารับสาย
“ฮัลโหลค่ะ”
“แกถึงไหนแล้ว” เสียงปลายสายถามอย่างเป็นห่วง
“รถไฟยังไม่มาเลยคะพี่” ฉันตอบกลับไปอย่างเศร้าๆ เพราะรถที่โรงเรียนพิเศษมาส่งตั้งแต่ 7โมงเช้า แต่รถไฟไปหาดใหญ่มา 4โมงเย็น รอไปสิฉัน
“เอ้า แล้วทำไมแกไม่โทรมาบอกพี่ รออยู่นั่นแหละ” ฉันโดนปลายสายเหวี่ยงใส่ แน่ละ เค้าชอบโวยวายเวลาฉันไม่โทรหา หรือทำอะไรไม่ได้เรื่อง
“โอ๊ย!!!!” ฉันร้องดังลั่น ไม่รู้ไอ้บ้าที่ไหนมาตบหัวฉัน อยากจะชกให้หงายหลัง พอฉันหันไปเท่านั้นแหละ
“เอ้าพี่” ก็คนที่เหวี่ยงใส่ในโทรศัพท์นั่นแหละ ใช้ความรุนแรงตลอด
“ก็เอออะสิ มานั่งอยู่คนเดียวได้ไงเนี่ย ทำไมไม่โทรหาพี่” เสียงพูดพลางปาดเหงื่อไป ท่าทางจะวิ่งมาสะด้วย พี่เค้าใส่เสื้อช็อบของคณะวิศวะ กางเกงขาดๆ ตามสไตล์คนโลกส่วนตัวสูง
“ก็พี่มีเรียนนี่น่า แล้วพี่มาทำไมอะ” ใครจะกล้าโทรไปเดี๋ยวก็โดนหาว่ารบกวนอีก
“มีเรียนแล้วไง ฉันก็โดดเรียนมาหาแกนี่ไง” หือ โดดเรียนมาหาฉัน
“รถมากี่โมง”
“ประมาณ 4 โมงค่ะ”
“แล้วแกจะนั่งรอให้รากงอกรึไง”ด่าอีกแล้ว ผู้ชายปากจัดถึงว่าหาแฟนไม่ได้
“เอ้าแล้วให้หนูไปไหนอะ นอกจากโรงเรียน องค์พระ หนูก็ไม่รู้จะไปไหน ก็ต้องมาสถานีรถไฟนี่แหละ” ก็มันจริงนี่ และคนเดียวที่ฉันรู้จักคือ เค้านี่แหละ พี่ทัชชาเป็นพี่เลี้ยงที่โรงเรียนพิเศษฉัน เราสนิทกันมากถึงขั้นแอบหนีไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ เพราะทั้งเพื่อนและครูไม่มีใครสนใจฉันหรอก เพราะฉันเป็นเด็กใต้คนเดียว พูดกับใครก็ไม่รู้เรื่อง ทำอะไรก็แปลก ยืนเฉยๆยังเหมือนอากาศธาตุ
“ฉันนี่ไง ไปเราไปบันทึกความทรงจำอำลากันดีกว่า” สร้างความประทับใจสินะก็จะจากกันแล้วนิ คิดไปก็เศร้า ฉันลุกขึ้นตามไปอย่างว่าง่าย เค้าพาฉันไปกินไอศกรีม ไปร้องคาราโอเกะ ไปกินข้าว แล้วก็จบลงด้วยการทำบุญ
“แกอธิษฐานอะไรอะ ตั้งนาน” เค้าจะทักทายฉันดีๆไม่ได้เลยใช่มั้ย ชอบดึงผม ชอบขยี้หัว แถมบางทีดึงหูอีกต่างหาก
“ก็เดี๋ยวหนูก็จะขึ้นมหาลัยแล้วนิ หนูก็ขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต มีเพื่อนดี อาจารย์เมตตา แล้วก็เรียนจบเร็วๆค่ะ” ก็ฉันกลัวชีวิตมหาลัยนิ ต้องไปอยู่กับใครก็ไม่รู้
“แกนี่ขอแต่เรื่องตัวเอง หู้”เค้าผ่อนลมออก ส่ายหน้าคงระอาฉันมาก ฉันผิดตรงไหน
“แล้วพี่อะขอว่าอะไร เห็นเร็วจัง”ฉันก็อยากรู้บ้างสิ เค้าหันมองหน้าฉัน แล้วทำหน้าแปลกๆ
“ฉันก็....ขอให้เราได้เจอกันอีก”ฮะ!! มีอย่างงี้ด้วย เค้าพูดเบาและเร็วมาก ลุกขึ้นหนีอีกต่างหาก คงอายละสิ
“พี่รอหนูก่อน จะรีบเดินไปไหนเนี่ย”ฉันรีบวิ่งตามไป แต่ขาฉันมันสั้นนิ ฉันไม่กล้าแซวเค้าหรอกกลัวโดนถีบ เราถึงสถานีไม่นาน แล้วรถไฟก็มาพอดี
“พี่กลับไปเรียนได้แล้ว รถมาแล้วหนูไปละ” ฉันโบกมือลาพี่ทัชชา เค้าหันหลังเดินกลับไป ทั้งที่สีหน้าฉันก็ยังไม่อยากกลับ ฉันรู้สึกอยากจะให้โลกหยุดหมุนให้ฉันได้อยู่กับเค้าให้นานกว่านี้เป็นครั้งสุดท้าย
“พี่ทัชชา” ฉันเรียกชื่อเค้า เพราะฉันต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้การจากกันมีค่ามากกว่านี้ ฉันวิ่งไปกอดเค้าจากข้างหลัง
“หนูรักพี่นะ หนูไม่รู้ว่าเราจะได้เจอกันอีกมั้ย” ประโยคนั้นมาพร้อมกับน้ำตาไหลออกมาไม่มีท่าทีจะหยุด พอเค้าหันมา พี่ทัชชาก็น้ำตาซึมเหมือนกัน คงไม่อยากให้ฉันไปละสิ
“ไปได้แล้ว เดี๋ยวรถก็ออกได้อยู่นี่สมใจแน่” เอาอีกแล้วเค้าพูดเสร็จเค้าก็ขยี้หัวฉันจนยุ่งเหยิง ฉันหอบกระเป๋าหนักอึ้งสองไปขึ้นไปหาที่นั่ง รถไฟจะจอดอีก 10 นาที ที่นั่งของฉันตรงข้ามกับชายแว่นดำ รูปร่างกำยำน่ากลัวมาก ท่าทางจะหลับอยู่ ฉันจะเอากระเป๋าไปเก็บข้างบน แต่ฉันยกไม่ไหว จนเค้าตื่น ฉันอึ้ง ชาไปทั้งตัวเมื่อเค้ายืนขึ้น เค้าตัวสูงมาก โห่เค้าจะจับฉันโยนไปนอกรถไฟมั้ย
“หนู ขะ ขอโทษค่ะ” ฉันรีบยกมือใหว้ปากคอสั่น เค้าเงื้อมือมาจับกระเป๋าฉันจะยกขึ้นเก็บให้
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมยกเอง” หือ เอ้าพี่ทัชชา มาได้ไงอะ พระเอกของฉัน
“ยัยบ๊อง ยกไม่ไหวทำไมไม่บอก” จะให้ฉันบอกยังไงล่ะ ฉันทำหน้างง เวลาไม่กี่นาทีทำฉันหลากหลายอารมณ์ ร้องไห้หน้ายังเปียกอยู่ ทั้งตกใจกลัว เค้ามาทำฉันงงอีก ซ้ำยังโดนด่า
“เอ่อ น้องผมเองครับ เค้าเป็นเด็กเอ๋อ ไม่ค่อยเต็มเท่าไหร่ ฝากด้วยนะครับ” พี่ทัชชาหันไปพูดกับชายผู้น่ากลัว ฉันหรอเป็นเด็กเอ๋อ ฉันหรอไม่เต็ม นี่เค้าหรอกด่าฉันหรอเนี่ย เมื่อกี้ฉันยังบอกว่าฉันรักเค้าอยู่เลยนะ เค้าไม่ซึ้งบ้างเลยรึไง
“พี่ไปก่อนนะ อย่านอนหลับน้ำลายยืดอีกละอายเค้า” ฮะฉันหรอหลับน้ำลายยืด ไม่เคยนะ แล้วก็ขยี้หัวฉันอีกที่ก่อนวิ่งลงไปเพราะรถเลื่อนออกอย่างช้าๆ ฉันอึ้งไปเลยสร้างเรื่องแล้วจากไปเนี่ยนะ ชายแว่นดำมองหน้าฉันผ่านเลนน์ ทรุดตัวลงนั่งมองไปนอกหน้าต่าง คงรังเกียจฉันน่าดู ดูสภาพฉันสิ ร้องไห้ตาบวมฉึ่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง สภาพคงเหมือนคนเอ๋อเต็มที เสียงรถไฟดังมากฉันอดทนให้ถึงอีกสถานีจะลุกขึ้นไปโทรหาพี่ทัชชาวีนใส่สักฉาด ทำฉันกลายเป็นคนบ้าไปเลย พอรถหยุดฉันก็วิ่งออกไปให้พ้นตรงนั้น กดสายหาคนสร้างเรื่องทันที
“พี่ทำบ้าอะไรเนี่ย ใครเอ๋อ ใครไม่เต็ม ใครหลับน้ำลายยืด พี่ทำให้หนูกลายเป็นตัวดุ๊กดิ๊กน่ารังเกียจ” ฉันพูดรัวเต็มที่ทั้งโกรธทั้งกลัวว่ารถจะออกแล้วด่าไม่ได้ยิน
“นี่แกไม่กลัวหมอนั่นหรอ” เค้าถามกลับมาทำไม มันเกี่ยวอะไรกัน
“กลัวสิ ถามได้ คนอะไรอยู่อย่างกับโจร” ฉันลดเสียงลง ก็มันจริงนิ
“ฉันทำไปเพราะปกป้องแกเลยนะเนี่ย ฉันทำให้เค้ารังเกียจแก แกจะได้ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัวว่าเค้าจะทำอะไรแกไง” เค้าอธิบาย แต่มันใช่หรอ
“แต่หนูอายเค้านะ”ใครจะยอมเป็นคนไม่เต็ม
“แกจะแคร์ทำไม แกรู้จักเค้าหรอ”
“ไม่อะ” เค้าจะถามฉันทำไม
“เออ ให้แคร์คนที่เค้าแคร์แกก็พอ เดี๋ยวพอลงรถ ทุกอย่างก็จบ ไม่มีคนผู้ชายน่ากลัวในชีวิตแกอีกแล้ว แล้วก็ไม่มีคนเอ๋อ บนรถไฟอีกด้วย ถึงบ้านแล้วโทรมาหาฉันด้วย ไปเรียนละ บายเด็กเอ๋อ” พูดสะยาวเลย ฉันเข้าใจละเค้าปกป้องฉัน..ท่องไว้ แสดงบทบาทคนเอ๋อแค่คืนเดียว เท่านั้น ฉันละยอมพี่ทัชชาเลยจริงๆ ฉันหลับตลอดทาง จนไม่รู้ว่าเผลอน้ำลายยืดไปบ้างรึป่าว ตื่นมาคนตรงข้ามผู้โหดเหี้ยมก็หายไปแล้ว อีกสถานีเดียวก็ถึงบ้านฉันแล้วนี่ เตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็นนิสิตมหาลัย