"ผมแค่พยายามทำผลงานให้ได้ดี ทีมชาติเยอรมันมีผู้เล่นคุณภาพจำนวนมาก และก็มีผู้เล่นดาวรุ่งหลายคนก้าวขึ้นมา ตอนนี้ผมอายุ 28 และไม่ใช่ดาวรุ่งอีกต่อไปแล้ว แน่นอนว่าผมอยากลงเล่นในนามทีมชาตินะ แต่ถ้าไม่มีโอกาสตรงนั้นก็ไม่เป็นไร ต่อให้ไม่ติดทีมชาติ โลกก็คงไม่ล่มสลายหรอก เท่าที่เป็นอยู่นี้ผมก็มีความสุขกับเส้นทางอาชีพนักเตะมากแล้ว"
นี่คือส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ระหว่างนักเตะวัย 28 จาก Rhineland-Palatinate กับ 11 Freunde สื่อกีฬาสัญชาติเยอรมัน ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสารฉบับเดือนตุลาคมปี 2016
ใครจะรู้ว่าหลังจากนั้นแปดเดือน กัปตันทีมโบรุสเซียมึนเช่นกลัดบัคในวัย 28 ปีจะได้ยืนอยู่ในสนาม ภายใต้นามทีมชาติเยอรมันเป็นครั้งแรกของชีวิตนักฟุตบอล ในเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติเดนมาร์ก
ลาร์ส ชตินเดิล เปิดตัวในชุดทีมชาติเยอรมันด้วยการแอสซิสต์ให้โยชัว คิมมิช ส่งลูกบอลไปตุงตาข่ายในนาทีที่ 88’
และถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในนักเตะชุดคอนเฟดเดอเรชั่นคัพในเวลาต่อมา
ย้อนกลับไปในวัยเด็ก ชตินเดิลในวัย 8 ขวบได้ก้าวเข้าไปในสเตเดียมเป็นครั้งแรก เมื่อครอบครัวพาเขาไปชมเกมฟุตบอลสุดสัปดาห์เช่นเดียวกับครอบครัวชาวเยอรมันทั่วไป ตอนนั้นเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกมฟุตบอลมีกติกาอย่างไร แต่ลูกฟรีคิกของ “Icke” Thomas Häßler ก็ตรึงใจเขาเอาไว้เรียบร้อย
ลาร์ส ชตินเดิล กลายเป็นแฟนคาร์ลสรูห์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
และโชคชะตาก็เหมือนเป็นใจ เส้นทางนักเตะของ ลาร์ส ชตินเดิล ในวัยเยาว์ เมื่อเขาย้ายจากเทเอสเฟา วีเซนธาล สู่การเป็นนักเตะเยาวชนของคาร์ลสรูห์ในปี 2000
ที่นี่เขาใช้เวลา 7 ปีในศูนย์เยาวชนก่อนจะก้าวสู่การเป็นผู้เล่นชุดใหญ่เต็มตัว
กระทั่งสิ้นสุดฤดูกาล 2008-2009 คาร์ลสรูห์ และต้องการลดค่าใช้จ่าย ชตินเดิล จึงย้ายสู่ฮันโนเวอร์ในเดือนมีนาคม 2010 ที่ซึ่งเขาใช้เวลาอยู่ถึง 5 ปี รับช่วงปลอกแขนกัปตันทีมในฤดูกาล 2013/2014 ก่อนจะย้ายมาสู่โบรุสเซียมึนเช่นกลัดบัคในเวลาถัดมา
เวลาเดียวกันกับที่เส้นทางอาชีพของเขาก้าวไปข้างหน้า ตำแหน่งการเล่นในสนามของชตินเดิลเองก็ขยับขึ้นมาด้วยเช่นกัน จากที่เคยเล่นกลางรับในชุดเยาวชน และขยับมาแจ้งเกิดด้วยตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกในทีมชุดใหญ่ในคาร์สรูห์
ชตินเดิลกลายเป็นกองหน้าในทีมชาติเยอรมันเต็มตัวในทัวร์นาเมนต์คอนเฟดเดอเรชั่นคัพ
ในวัยเยาว์ ช่วงชีวิตวัยรุ่นของชตินเดิลไม่เคยอยู่ใต้แสงสป็อตไลท์
จากคำบอกเล่าของอดีตโค้ชทีมเยาวชนคาร์สรูห์ ชตินเดิลในวัยเด็กค่อนข้างขี้อาย เขาไม่เคยถูกสื่อจับตามองในฐานะดาวรุ่งพรสวรรค์สูงมาก่อน ไม่เคยเป็นวันเดอร์คิดในเกม และไม่ใช่ซุปเปอร์สตาร์ที่โดดเด่น บนเส้นทางนักเตะดาวรุ่ง เขาผ่านการลงสนามให้ทีมชาติชุดเยาวชนเพียงสามครั้งเท่านั้น
เขามักยืนอยู่ข้างหลังเสียมากกว่า
จะว่าไปพัฒนาการของเขาเหมือนกราฟที่ค่อยๆ ขยับขึ้นอย่างช้าๆ ไม่วูบวาบ แต่ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ
“บางครั้งดาวรุ่งที่โดดเด่น ได้รับความสนใจ ก็ไม่สามารถก้าวขึ้นไปได้” เขาออกความเห็น และนิยามตัวเองว่าเหมือนกระแสลมเอื่อยๆ แต่สม่ำเสมอ เหมือนสไตล์การวิ่งของตัวเขา “12 กิโลเมตรสม่ำเสมอ แต่ไม่มีการเร่งความเร็วนั่นละ"
ในความเรียบง่าย มั่นคง และสอดคล้องกับความอนุรักษ์นิยมของเขาที่สะท้อนออกมาทางความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนในแวดวงฟุตบอล หรือแม้แต่การใช้เทคโนโลยีในการตัดสิน ซึ่งเจ้าตัวแสดงความเห็นเอาไว้ว่า
“ถ้าให้พูดละก็ พอมีการใช้วีดีโอเข้ามาพิสูจน์ เหตุการณ์ในเกมแต่ละสัปดาห์มันก็จบแล้วจบเลย เหมือนการผ่านบอลสองจังหวะ จบไปก็ไม่เหลือประเด็นอะไรให้พูดคุยถกกันต่อแล้ว” เขาเล่าพร้อมเสียงหัวเราะ
แง่มุมที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยมนั้น ดูจะสวนทางกับสไตล์การเล่นในสนามที่ค่อนข้างทันสมัย
เขาไม่ได้ยืนแถวหน้าสุดในเกมรุก แต่เป็นช่องว่างระหว่างแดนกลางและแนวปราการหลังของฝั่งตรงข้าม เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างกองกลางกับหน้าเป้า
ครั้งหนึ่ง Roland Virkus ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาเยาวชนของกลัดบัค เคยแสดงทัศนะกับ Rheinishe Post หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในแคว้นไรน์เอาไว้ว่า ในสายตาของเขา เทรนด์ของผู้เล่นในตำแหน่ง Central Forward กำลังจะกลับมา
ตำแหน่งของผู้เล่นเกมรุก ซึ่งยืนต่ำกว่ากองหน้าแบบดั้งเดิม มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเล่นได้ คอยขับเคลื่อนเกม สร้างสรรค์โอกาสไปพร้อมกับหาจังหวะจบสกอร์
แต่สำหรับลาร์ส ชตินเดิล นอกจากการเคลื่อนที่ในแดนหน้าและความอันตรายในกรอบเขตโทษ ชตินเดิลยังลงมาเชื่อมเกมถึงแดนกลาง การเคลื่อนที่ของเขาครอบคลุมทั่วทั้งสนาม และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเกม
นอกจากสไตล์การเล่นที่ยืดหยุ่นสูง เป็นเอกลักษณ์ สถิติ โดยเฉลี่ยในแต่ละนัด เขายังสามารถทำลายจังหวะเกมฝั่งตรงข้ามได้มากกว่ากองหน้าทุกคนในบุนเดสลีกา
ความโดดเด่นนี้ทำให้โยอาคิม เลิฟ เฮดโค้ชทีมชาติเยอรมัน เลือกเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติในที่สุด
และในเดือนกรกฎาคม 2017 ลาร์ส ชตินเดิล ก็กลายเป็นผู้ยิงประตูชัยให้อินทรีเหล็กคว้าแชมป์คอนเฟดเดอเรชั่นคัพเป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์
ท่ามกลางโควตาจำนวนผู้เล่นที่จำกัดเพียงน้อยนิด มาตรฐานสูงลิบที่ขับเคี่ยวกันของเหล่านักเตะอินทรีเหล็กในทุกตำแหน่ง และเส้นทางสู่รัสเซียในฤดูร้อนที่ยังคงเปิดกว้าง
และนี่คือเรื่องราวของ ลาร์ส ชตินเดิล กัปตันสิงห์หนุ่ม ผู้ติดทีมชาติเยอรมันครั้งแรกในวัย 28 ปี
เรียบเรียงบทความโดย:
Borussia Mönchengladbach Thailand Fanclub:
https://www.facebook.com/borussia.thailand/
References:
http://www.dw.com/en/late-lars-stindl-goal-earns-germany-a-draw-against-france/a-41382528
http://bundesligafanatic.com/the-evolution-of-borussia-monchengladbachs-lars-stindl/
https://www.bundesliga.com/en/news/Bundesliga/Borussia-M%C3%B6nchengladbach-star-Lars-Stindl-riding-high-with-Germany-at-FIFA-Confederations-Cup-in-Russia-447236.jsp
https://www.11freunde.de/artikel/lars-stindl-im-interview
https://www.11freunde.de/artikel/lars-stindl-im-interview/page/3
https://www.11freunde.de/artikel/biermanns-matchplan-3-warum-topklubs-lars-stindl-jagen-muessten
https://www.11freunde.de/artikel/wie-der-bundestrainer-mit-seinen-moeglichkeiten-umgeht
==== Lars Stindl: Age Is Just A Number... ทีมชาติไม่มีคำว่าสายเกินไปในวัย 28 ====
"ผมแค่พยายามทำผลงานให้ได้ดี ทีมชาติเยอรมันมีผู้เล่นคุณภาพจำนวนมาก และก็มีผู้เล่นดาวรุ่งหลายคนก้าวขึ้นมา ตอนนี้ผมอายุ 28 และไม่ใช่ดาวรุ่งอีกต่อไปแล้ว แน่นอนว่าผมอยากลงเล่นในนามทีมชาตินะ แต่ถ้าไม่มีโอกาสตรงนั้นก็ไม่เป็นไร ต่อให้ไม่ติดทีมชาติ โลกก็คงไม่ล่มสลายหรอก เท่าที่เป็นอยู่นี้ผมก็มีความสุขกับเส้นทางอาชีพนักเตะมากแล้ว"
นี่คือส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ระหว่างนักเตะวัย 28 จาก Rhineland-Palatinate กับ 11 Freunde สื่อกีฬาสัญชาติเยอรมัน ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสารฉบับเดือนตุลาคมปี 2016
ใครจะรู้ว่าหลังจากนั้นแปดเดือน กัปตันทีมโบรุสเซียมึนเช่นกลัดบัคในวัย 28 ปีจะได้ยืนอยู่ในสนาม ภายใต้นามทีมชาติเยอรมันเป็นครั้งแรกของชีวิตนักฟุตบอล ในเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติเดนมาร์ก
ลาร์ส ชตินเดิล เปิดตัวในชุดทีมชาติเยอรมันด้วยการแอสซิสต์ให้โยชัว คิมมิช ส่งลูกบอลไปตุงตาข่ายในนาทีที่ 88’
และถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในนักเตะชุดคอนเฟดเดอเรชั่นคัพในเวลาต่อมา
ย้อนกลับไปในวัยเด็ก ชตินเดิลในวัย 8 ขวบได้ก้าวเข้าไปในสเตเดียมเป็นครั้งแรก เมื่อครอบครัวพาเขาไปชมเกมฟุตบอลสุดสัปดาห์เช่นเดียวกับครอบครัวชาวเยอรมันทั่วไป ตอนนั้นเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกมฟุตบอลมีกติกาอย่างไร แต่ลูกฟรีคิกของ “Icke” Thomas Häßler ก็ตรึงใจเขาเอาไว้เรียบร้อย
ลาร์ส ชตินเดิล กลายเป็นแฟนคาร์ลสรูห์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
และโชคชะตาก็เหมือนเป็นใจ เส้นทางนักเตะของ ลาร์ส ชตินเดิล ในวัยเยาว์ เมื่อเขาย้ายจากเทเอสเฟา วีเซนธาล สู่การเป็นนักเตะเยาวชนของคาร์ลสรูห์ในปี 2000
ที่นี่เขาใช้เวลา 7 ปีในศูนย์เยาวชนก่อนจะก้าวสู่การเป็นผู้เล่นชุดใหญ่เต็มตัว
กระทั่งสิ้นสุดฤดูกาล 2008-2009 คาร์ลสรูห์ และต้องการลดค่าใช้จ่าย ชตินเดิล จึงย้ายสู่ฮันโนเวอร์ในเดือนมีนาคม 2010 ที่ซึ่งเขาใช้เวลาอยู่ถึง 5 ปี รับช่วงปลอกแขนกัปตันทีมในฤดูกาล 2013/2014 ก่อนจะย้ายมาสู่โบรุสเซียมึนเช่นกลัดบัคในเวลาถัดมา
เวลาเดียวกันกับที่เส้นทางอาชีพของเขาก้าวไปข้างหน้า ตำแหน่งการเล่นในสนามของชตินเดิลเองก็ขยับขึ้นมาด้วยเช่นกัน จากที่เคยเล่นกลางรับในชุดเยาวชน และขยับมาแจ้งเกิดด้วยตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกในทีมชุดใหญ่ในคาร์สรูห์
ชตินเดิลกลายเป็นกองหน้าในทีมชาติเยอรมันเต็มตัวในทัวร์นาเมนต์คอนเฟดเดอเรชั่นคัพ
ในวัยเยาว์ ช่วงชีวิตวัยรุ่นของชตินเดิลไม่เคยอยู่ใต้แสงสป็อตไลท์
จากคำบอกเล่าของอดีตโค้ชทีมเยาวชนคาร์สรูห์ ชตินเดิลในวัยเด็กค่อนข้างขี้อาย เขาไม่เคยถูกสื่อจับตามองในฐานะดาวรุ่งพรสวรรค์สูงมาก่อน ไม่เคยเป็นวันเดอร์คิดในเกม และไม่ใช่ซุปเปอร์สตาร์ที่โดดเด่น บนเส้นทางนักเตะดาวรุ่ง เขาผ่านการลงสนามให้ทีมชาติชุดเยาวชนเพียงสามครั้งเท่านั้น
เขามักยืนอยู่ข้างหลังเสียมากกว่า
จะว่าไปพัฒนาการของเขาเหมือนกราฟที่ค่อยๆ ขยับขึ้นอย่างช้าๆ ไม่วูบวาบ แต่ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ
“บางครั้งดาวรุ่งที่โดดเด่น ได้รับความสนใจ ก็ไม่สามารถก้าวขึ้นไปได้” เขาออกความเห็น และนิยามตัวเองว่าเหมือนกระแสลมเอื่อยๆ แต่สม่ำเสมอ เหมือนสไตล์การวิ่งของตัวเขา “12 กิโลเมตรสม่ำเสมอ แต่ไม่มีการเร่งความเร็วนั่นละ"
ในความเรียบง่าย มั่นคง และสอดคล้องกับความอนุรักษ์นิยมของเขาที่สะท้อนออกมาทางความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนในแวดวงฟุตบอล หรือแม้แต่การใช้เทคโนโลยีในการตัดสิน ซึ่งเจ้าตัวแสดงความเห็นเอาไว้ว่า
“ถ้าให้พูดละก็ พอมีการใช้วีดีโอเข้ามาพิสูจน์ เหตุการณ์ในเกมแต่ละสัปดาห์มันก็จบแล้วจบเลย เหมือนการผ่านบอลสองจังหวะ จบไปก็ไม่เหลือประเด็นอะไรให้พูดคุยถกกันต่อแล้ว” เขาเล่าพร้อมเสียงหัวเราะ
แง่มุมที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยมนั้น ดูจะสวนทางกับสไตล์การเล่นในสนามที่ค่อนข้างทันสมัย
เขาไม่ได้ยืนแถวหน้าสุดในเกมรุก แต่เป็นช่องว่างระหว่างแดนกลางและแนวปราการหลังของฝั่งตรงข้าม เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างกองกลางกับหน้าเป้า
ครั้งหนึ่ง Roland Virkus ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาเยาวชนของกลัดบัค เคยแสดงทัศนะกับ Rheinishe Post หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในแคว้นไรน์เอาไว้ว่า ในสายตาของเขา เทรนด์ของผู้เล่นในตำแหน่ง Central Forward กำลังจะกลับมา
ตำแหน่งของผู้เล่นเกมรุก ซึ่งยืนต่ำกว่ากองหน้าแบบดั้งเดิม มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเล่นได้ คอยขับเคลื่อนเกม สร้างสรรค์โอกาสไปพร้อมกับหาจังหวะจบสกอร์
แต่สำหรับลาร์ส ชตินเดิล นอกจากการเคลื่อนที่ในแดนหน้าและความอันตรายในกรอบเขตโทษ ชตินเดิลยังลงมาเชื่อมเกมถึงแดนกลาง การเคลื่อนที่ของเขาครอบคลุมทั่วทั้งสนาม และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเกม
นอกจากสไตล์การเล่นที่ยืดหยุ่นสูง เป็นเอกลักษณ์ สถิติ โดยเฉลี่ยในแต่ละนัด เขายังสามารถทำลายจังหวะเกมฝั่งตรงข้ามได้มากกว่ากองหน้าทุกคนในบุนเดสลีกา
ความโดดเด่นนี้ทำให้โยอาคิม เลิฟ เฮดโค้ชทีมชาติเยอรมัน เลือกเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติในที่สุด
และในเดือนกรกฎาคม 2017 ลาร์ส ชตินเดิล ก็กลายเป็นผู้ยิงประตูชัยให้อินทรีเหล็กคว้าแชมป์คอนเฟดเดอเรชั่นคัพเป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์
ท่ามกลางโควตาจำนวนผู้เล่นที่จำกัดเพียงน้อยนิด มาตรฐานสูงลิบที่ขับเคี่ยวกันของเหล่านักเตะอินทรีเหล็กในทุกตำแหน่ง และเส้นทางสู่รัสเซียในฤดูร้อนที่ยังคงเปิดกว้าง
และนี่คือเรื่องราวของ ลาร์ส ชตินเดิล กัปตันสิงห์หนุ่ม ผู้ติดทีมชาติเยอรมันครั้งแรกในวัย 28 ปี
เรียบเรียงบทความโดย:
Borussia Mönchengladbach Thailand Fanclub: https://www.facebook.com/borussia.thailand/
References:
http://www.dw.com/en/late-lars-stindl-goal-earns-germany-a-draw-against-france/a-41382528
http://bundesligafanatic.com/the-evolution-of-borussia-monchengladbachs-lars-stindl/
https://www.bundesliga.com/en/news/Bundesliga/Borussia-M%C3%B6nchengladbach-star-Lars-Stindl-riding-high-with-Germany-at-FIFA-Confederations-Cup-in-Russia-447236.jsp
https://www.11freunde.de/artikel/lars-stindl-im-interview
https://www.11freunde.de/artikel/lars-stindl-im-interview/page/3
https://www.11freunde.de/artikel/biermanns-matchplan-3-warum-topklubs-lars-stindl-jagen-muessten
https://www.11freunde.de/artikel/wie-der-bundestrainer-mit-seinen-moeglichkeiten-umgeht