Depression Diary (12) ความรู้สึกสีเทา

เรื่องจริงจากผู้ที่กำลังรักษาโรคซึมเศร้า ตอนก่อนๆอ่านได้ตาม link ครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

Depression Diary (12) ความรู้สึกสีเทา
29 ธันวาคม 2560
ตื่นแต่เช้าเพื่อหนีลูกไปหาหมออีกครั้ง แต่ครั้งนี้พาแฟนที่อยากตามไปด้วย เราแกะของขวัญปีใหม่ที่แฟนให้ตั้งแต่เมื่อคืนแต่ไม่ได้เปิด เพราะเราง่วงจากปาร์ตี้ของสำนักงาน ของที่ได้ไม่ได้มีมูลค่ามากมายนักเรารู้เพราะราคามันติดอยู่ แต่มันเป็นเกมเศรษฐี (Monopoly) ซึ่งเราเคยเล่นกับแฟนบนไอแพดสมัยก่อนและเราไม่ได้เล่นด้วยกันมานานแล้ว เราน้ำตาไหลเลยนะ ภาพเมื่อตอนั้นมันกลับมา เราคิดว่าเพราะมันน่าจะเป็นช่วงที่เราจำได้ว่าเรามีความสุข ทั้งๆในขณะที่ตอนนี้เราแทบจะจำไม่ได้แล้วว่าความสุขของเรามีอะไรบ้าง โดยขี่จักรยานไปหน้าหมู่บ้านแล้วต่อรถเมล์สายเดิมที่ผ่านหน้าโรงพยาบาล แวะ 7 ในโรงพยาบาลกินขนมจีบซักไม้ ไมโลกระป๋องรสชาติอันแสนจืด แฟนเรากินขนมปังแบบง่วงๆ แล้วไปยื่นใบนัด และรอหมอเรียกตามปกติ แต่ครั้งนี้แฟนเราเข้าไปนั่งฟังด้วยหมอถามถึงอาการ เราก็บอกหมอไปว่าเหมือนเดิม คิดฆ่าตัวตายทุกวันเหมือนเดิมแต่ไม่ได้ทำ บางวันก็คิดว่าตัวเองอยากตายจริงๆหรือเปล่าก็เลยเดินข้ามถนนตัดหน้ารถ หมอถามถึงวิธีอื่นๆ ก็บอกไปว่าอยากโดดน้ำคลองประปา เราบอกหมอว่าสองอาทิตย์นี้เราพยายามเอาลูกเป็นที่ตั้ง พยายามทำเพื่อเขาทุกอย่าง เท่าที่เราจะทำได้ แต่สุดท้ายเรากลับคิดว่าเราทำไปเพราะมันเป็นแค่หน้าที่ของพ่อ ไม่ใช่ทำไปเพราะว่าความรัก หมอถามเรากลับถึงสิ่งที่เราทำไปว่าคิดว่าลูกรักเราไหมแค่หมอคิดว่าลูกเราเขารับรู้ได้นะ เราตอบหมอว่าเราก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ก็เห็นว่าเขาพอใจซึ่งเราก็โอเค หมอถามถึงว่าทำไมถึงคิดว่าไม่รักลูกตัวเอง เราบอกหมอไปว่าอาจเป็นเพราะเราคิดว่าเราไร้คุณค่า เราเป็นพ่อที่ดีไม่ได้ เราดูแลลูกไม่ได้ทุกอย่างในแต่ละวัน เรายอมรับว่าครอบครัวเราไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากัน พ่อ แม่ ลูก ในทุกๆวัน อย่างปัจจุบันวันธรรมดาเราทำได้อย่างมากสุดก็อาบน้ำให้ลูก แต่งตัว พาเข้านอน เสาร์อาทิตย์เราก็ทำได้แค่พาลูกไป 7 ซื้อขนมของเล่นหาอาหารเช้า ซักที่นอนและผ้าเช็ดตัวที่ลูกไปเรียนแต่ละอาทิตย์  ตอนเย็นอาจพาไปซื้อขนมหรือกินข้าวบ้าง กลางวันเราดูแลลูกไม่ไหวเพราะเรารู้สึกเหนื่อยมากจนต้องนอนทั้งวัน ลูกเราเลยไปเล่นกับน้องสาวและพ่อแม่เรา หมอถามกลับว่าแค่ไหนถึงจะพอดีสำหรับเรา เราบอกหมอว่าเราก็อย่างทำกิจกรรมร่วมกับเขาทุกอย่าง อยากไปเล่นด้วย แต่เราไม่รู้จะคุยกับลูกยังไงและเล่นกับลูกยังไง บางทีเราก็อิจฉานะที่ลูกเข้าหาแฟนเรามากกว่าเวลาที่แฟนเรามาบ้าน หมอถามว่าเราสามารถเข้าไปเล่นกับลูกได้ไหม เราบอกหมอว่าไม่ได้ หมอถามเพราะกลัวอะไรหรือเปล่า เราคิด.. และตอบไปว่าเพราะเรากลัวจะโมโหหงุดหงิดใส่เขา หมอถามว่าครอบครัวที่สมบูรณ์ของเราคืออะไร เราตอบไปว่า การที่ได้อยู่พร้อมหน้า พ่อ แม่ ลูกทุกวัน ซึ่งเราเข้าใจว่าตอนนี้ครอบครัวเรายังไม่พร้อม แต่เราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่น่าจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้น เราเล่าสถานการที่ทำงานให้หมอฟังว่าเราไม่ได้ยื่นใบลาออกแล้ว แต่เรื่องราวตอนนี้ก็เป็นไปตามกรรมอยู่ แต่เรารู้สึกไม่มีสมาธิในการทำงานเลยรู้สึกวอกแวก และเราเคยรักษาสมาธิสั้นมาก่อน หมอถามว่าต้องการยาไหม เราตอบไปทันทีว่าได้ก็ดี และคุยถึงปัญหากับที่บ้าน ซึ่งเรารู้สึกว่ามันเกินจุดที่เราจะมาคุยแล้ว เพราะแค่จากที่ทำงานเราก็รู้สึกแย่มากพอแล้วพอบวกมาเจอปัญหาในบ้านอีกเราทนไม่ไหว และเราไม่สนใจที่จะกลับไปแก้ไขแล้ว เราบอกหมอถึงอาการนอนไม่หลับ หมอขอคุยกับแฟนเราส่วนตัวโดยให้เรารอข้างนอกซึ่งแอร์หนาวมากและคุยกันนานมาก และเรียกเราเข้าไปคุยอีกทีหมอถามว่ารอนานไหมคิดอะไรอยู่ เราบอกก็นานพอสมควร และไม่ได้คิดเพราะฟังเพลงอยู่ หมอถามว่าฟังเพลงอะไร บอกหมอไปว่าปรารถนาสิ่งใดฤา หมอบอกเราว่าแฟนเราถามถึงอาการซื้อของผ่านออนไลน์เยอะ เพราะกลัวเราจะเป็นไบโพลาร์ เราบอกหมอภายหลังแล้วว่าเราซื้อตามที่สมควรสิ่งที่ซื้อก็ของใช้ทั่วไปหัวฝักบัว นมลูก แพมเพิส ซึ่งถ้าซื้อเยอะมันก็จะมีของแถมและใช้โค้ดส่วนลดได้ และเราก็ไม่ได้ซื้อมาตุนไว้มากเกินไป อาจมีเสื้อผ้าหรือกระเป๋าเงินบ้างที่เราเห็นว่ามันเก่ามากแล้ว เราคิดว่าเราไม่ได้ฟุ่มเฟือย เราไม่เคยเป็นหนี้บัตรเครดิต สรุปหมอให้ยากินเพื่อสมาธิ เช้าบ่าย เปลี่ยนเวลากินยาต้านเศร้า และเพิ่มขนาดยาก่อนนอน... หลังจากนั้นเรากับแฟนก็ไปทำธุระ แวะนวด กินซูชิกันเนื่องจากแฟนเราไม่ว่างตอนปีใหม่ เราไม่รู้หรอกว่าแฟนจะเข้าใจในตัวเรามากขึ้นไหมในวันนี้ แต่เราก็จะพยายามมีชีวิตอยู่ต่อไปก่อน เผื่อวันนึงจะค้นพบอะไรที่เราต้องการคำตอบซักวัน..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่