ม่อนแจ่ม คือพื้นที่บนสันเขาในระดับความสูงประมาณ1,350 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอยตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านม้งหนองหอย อ.แม่ริม บนม่อนแจ่มมีอากาศหนาวเย็นสบายตลอดทั้งปีแบบคงเส้นคงวา ซึ่ง“ตะลอนเที่ยว” สงสัยมาตลอดทางก่อนถึงม่อนแจ่มว่า ชื่อนี้เป็นมาอย่างไร เมื่อมาถึงแล้วได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณแจ่มจรัส สุชีวะ หรือคุณแจ่ม สถาปนิกที่มีแนวการออกแบบเป็นเอกลักษณ์และดีไซเนอร์แบรนด์JAM หลานตาของหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง ผู้บุกเบิกม่อนแจ่มแห่งนี้จึงได้ความแจ่มกระจ่างว่า
“เดิมที่แห่งนี้เป็นขุนเขาว่างเปล่า ถูกทิ้งร้างให้มีหญ้าคาขึ้นเต็มไปหมด ฟังน้องสาว(คุณภดารี สุชีวะ)ที่ขึ้นมาเที่ยวที่นี่ก่อนผม เธอบอกว่าสวย น่าจะทำประโยชน์ได้บ้าง จนผมได้มีโอกาสถวายงานกษัตริย์สวีเดนที่เสด็จประพาสป่าแถวนี้ เมื่อขึ้นมาบนนี้แล้วเห็นว่าสวยจริง เลยคุยกับหัวหน้าศูนย์ฯโครงการหลวงที่นี่ว่า อยากจะพัฒนาพื้นที่แห่งนี้จากที่รกร้างว่างเปล่าให้เกิดประโยชน์ โดยยึดหลักความพอเพียงเป็นที่ตั้ง”
เมื่อลงมือพัฒนาพื้นที่แล้ว คุณแจ่มกับทีมงานเห็นตรงกันว่าควรตั้งชื่อขุนเขาแห่งนี้ จึงได้ตั้งชื่อ“ม่อนแจ่ม”ขึ้นมา หลายคนฟังแล้วอาจคิดว่ามาจากชื่อของคุณแจ่ม แต่จริงๆแล้วเขาเฉลยว่าม่อนแจ่มมมาจากการโหวตของทีมงาน ซึ่งต่างให้ความเห็นว่าเป็นชื่อที่ฟังไพเราะ ติดหูง่าย สอดรับกับชื่อ“ม่อนล่อง”ที่มีอยู่เดิมและอยู่ใกล้ๆกัน ที่สำคัญคือวิวทิวทัศน์บนนี้มันช่างเจิดแจ่มเสียนี่กระไร
บนม่อนแจ่มสามารถชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตก ด้านหนึ่งมองลงไปจะเห็นทิวทัศน์ทิวทัศน์ของ อ.แม่แตง และอ.แม่ริมเป็นอย่างดี แถมในวันที่ฟ้าเปิดเป็นใจมาก สามารถมองเห็นไกลถึงดอยหลวงเชียงดาวและขุนเขาเขตในจังหวัดเชียงรายเลยทีเดียว แต่ที่พิเศษยิ่งกว่านั่นก็คือ ย่ำยามราตรีในคืนเดือนมืด เมื่อแหงนหน้ามองฟ้าที่นี่จะงดงามไปด้วยทะเลดาวส่องแสงสกาวพราวพรั่งเต็มฟากฟ้า ส่วนเมื่อก้มมองลงไปยังเบื้องล่างจะเห็นแสงไฟที่ส่องสว่างจากทั้งสองอำเภอ ดูประดุจดังดาราแต้มดินที่วิบวับหลากสี
“ผมอยากให้นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนได้มาเห็นวิวแจ่มๆบนขุนเขาแห่งนี้” คุณแจ่มว่าอย่างนั้น
นอกจากวิวดีๆและอากาศเย็นสบายด้วยเครื่องปรับอากาศตามธรรมชาติแล้ว บนพื้นที่กว่า40ไร่ของม่อนแจ่ม ยังมีสิ่งน่าสนใจอีกมากมาย
เริ่มจากจุดบังคับที่ทุกคนต้องแวะก็คือ บริเวณศาลารับรองแบบเปิดโล่ง ที่ใช้เป็นจุดต้อนรับนักท่องเที่ยวและเป็นห้องอาหารขนาดกะทัดรัดแบบที่กินข้าวไปชมวิวไป รอบๆบริเวณมีแปลงผัก และสวนไม้ดอกไม้ประดับที่แปลกแหวกแนวจากไอเดียเก๋ๆของคุณแจ่ม คือเป็นสวนที่มีการนำเอาเศษเหล็กเก่าๆ สิ่งของเหลือใช้ อาทิ รถเก่าๆหมดสภาพของโครงการหลวง โถอ่างล้างหน้า มาเป็นที่ปลูกพืชผัก ดอกไม้ หรือใช้ในการประดับตกแต่งสวน ในแนวคิดผสมผสานธรรมชาติเข้ากับสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
หากเดินเลยจากสวนลึกเข้าไปทางไหล่เขาฟากหนึ่งของม่อนแจ่มจะพบกับแปลงสตอเบอรี่พันธุ์พระราชทาน ปลอดสาร รสหวานอร่อย ในช่วงสตอเบอรี่ออกผลตั้งแต่ช่วงกลางหนาวไปจนถึงราวเดือนเมษายน ทางโครงการเขาเปิดพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถไปเดินเก็บกินสดๆจากต้นกับมือได้ ในขณะที่คนชอบกินผัก มาที่ม่อนแจ่มก็ไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะนอกจากปลูกเพื่อความสวยงามแล้ว ยังเอามาทำเป็นอาหารเพื่อสุขภาพให้ได้ลิ้มลองอีกด้วย
ส่วนสิ่งหนึ่งที่ “ตะลอนเที่ยว” มิอาจมองข้ามได้เลย ก็คือ ที่หลับที่ที่นอนบนม่อมแจ่มแห่งนี้ ที่ถูกดัดแปลงปลูกสร้างให้สอดคล้องกับภูเขาแนวลาดชัน
โดยที่พักที่นี่จัดทำเป็นเต็นท์แนว “แคมปิ้ง รีสอร์ท” เพื่อต้องการรักษาธรรมชาติให้เสียดายน้อยที่สุด ทั้งยังกลมกลืนกับธรรมชาติ พื้นที่สร้างเต็นท์และห้องน้ำใช้มือขุดทั้งสิ้น จุดพักเต็นท์มีทั้งสิ้น 15 จุด ซึ่งใช้ระดับและการจัดวาง เว้นระยะห่างคงความเป็นส่วนตัวสูงเห็นวิวหมดทุกเต็นท์ แถมภายในเต็นท์ยังดูหรูใช่ย่อย มีทั้งตะเกียง ไฟฉาย ปลั๊กไฟหมอน ผ้าห่ม ที่นอน ผ้าเช็ดตัว จนกระทั่งรองเท้าแตะวางไว้ให้ อีกทั้งยังมีห้องน้ำส่วนตัวปลูกสร้างด้วยไม้ ภายในมีทั้งเครื่องทำน้ำร้อนสบู่ แชมพู มีครบ สนนราคาอยู่ที่ เต็นท์เล็ก800บาทต่อคืน จุได้2-3คน และเต๊นท์ใหญ่ 1,200บาทต่อคืนรองรับได้ 4คนขึ้นไป ถือได้ว่าเป็นเจ้าแรกๆในเชียงใหม่ที่จัดเต็นท์ลักษณะนี้
เรียกได้ว่าเมื่อมานอนพักผ่อนที่ม่อมแจ่มแล้ว มันช่างได้บรรยากาศเสียนี่กระไร แต่ยังไง“ตะลอนเที่ยว”ก็ไม่ได้นอนเพลินจนตื่นสายตะวันแผดจ้า เพราะเสน่ห์อย่างหนึ่งของการมาที่นี่คือต้องตื่นเช้าขึ้นมาชมวิว รับอากาศบริสุทธิ์ จากนั้นค่อยไปเที่ยวตามจุดต่างๆในละแวกใกล้เคียง ซึ่งใกล้ๆกับม่อนแจ่มมี“ม่อนล่อง”ในเขตบ้านหนองหอยเก่าเป็นจุดสูงสุดในอ.แม่ริม มีความสูงประมาณ1,400 เมตร ในฤดูหนาวเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่สวยงาม บนนี้โอบล้อมไปด้วยผืนป่า มีสมุนไพร กล้วยไม้ และพันธุ์ไม้น่าสนใจหลากหลาย รวมถึงเป็นที่ตั้งของ “ศาลขุนหลวงวิรังคะ”ขุนหลวงชาวลัวะผู้มีตำนานความรักข้าวเดียวที่มีต่อเจ้าแม่จามเทวี ที่เชื่อกันว่าผู้ใดได้มาไหว้สาศาลขุนหลวงวิรังคะแห่งนี้ มักจะสมปรารถนาในเรื่องของความรักและการขอบุตร
ที่มาของข้อมูล
https://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9530000026779
ม่อนแจ่ม (เชียงใหม่) สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติใกล้ตัวเมืองที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆของ จ.เชียงใหม่
“เดิมที่แห่งนี้เป็นขุนเขาว่างเปล่า ถูกทิ้งร้างให้มีหญ้าคาขึ้นเต็มไปหมด ฟังน้องสาว(คุณภดารี สุชีวะ)ที่ขึ้นมาเที่ยวที่นี่ก่อนผม เธอบอกว่าสวย น่าจะทำประโยชน์ได้บ้าง จนผมได้มีโอกาสถวายงานกษัตริย์สวีเดนที่เสด็จประพาสป่าแถวนี้ เมื่อขึ้นมาบนนี้แล้วเห็นว่าสวยจริง เลยคุยกับหัวหน้าศูนย์ฯโครงการหลวงที่นี่ว่า อยากจะพัฒนาพื้นที่แห่งนี้จากที่รกร้างว่างเปล่าให้เกิดประโยชน์ โดยยึดหลักความพอเพียงเป็นที่ตั้ง”
เมื่อลงมือพัฒนาพื้นที่แล้ว คุณแจ่มกับทีมงานเห็นตรงกันว่าควรตั้งชื่อขุนเขาแห่งนี้ จึงได้ตั้งชื่อ“ม่อนแจ่ม”ขึ้นมา หลายคนฟังแล้วอาจคิดว่ามาจากชื่อของคุณแจ่ม แต่จริงๆแล้วเขาเฉลยว่าม่อนแจ่มมมาจากการโหวตของทีมงาน ซึ่งต่างให้ความเห็นว่าเป็นชื่อที่ฟังไพเราะ ติดหูง่าย สอดรับกับชื่อ“ม่อนล่อง”ที่มีอยู่เดิมและอยู่ใกล้ๆกัน ที่สำคัญคือวิวทิวทัศน์บนนี้มันช่างเจิดแจ่มเสียนี่กระไร
บนม่อนแจ่มสามารถชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตก ด้านหนึ่งมองลงไปจะเห็นทิวทัศน์ทิวทัศน์ของ อ.แม่แตง และอ.แม่ริมเป็นอย่างดี แถมในวันที่ฟ้าเปิดเป็นใจมาก สามารถมองเห็นไกลถึงดอยหลวงเชียงดาวและขุนเขาเขตในจังหวัดเชียงรายเลยทีเดียว แต่ที่พิเศษยิ่งกว่านั่นก็คือ ย่ำยามราตรีในคืนเดือนมืด เมื่อแหงนหน้ามองฟ้าที่นี่จะงดงามไปด้วยทะเลดาวส่องแสงสกาวพราวพรั่งเต็มฟากฟ้า ส่วนเมื่อก้มมองลงไปยังเบื้องล่างจะเห็นแสงไฟที่ส่องสว่างจากทั้งสองอำเภอ ดูประดุจดังดาราแต้มดินที่วิบวับหลากสี
“ผมอยากให้นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนได้มาเห็นวิวแจ่มๆบนขุนเขาแห่งนี้” คุณแจ่มว่าอย่างนั้น
นอกจากวิวดีๆและอากาศเย็นสบายด้วยเครื่องปรับอากาศตามธรรมชาติแล้ว บนพื้นที่กว่า40ไร่ของม่อนแจ่ม ยังมีสิ่งน่าสนใจอีกมากมาย
เริ่มจากจุดบังคับที่ทุกคนต้องแวะก็คือ บริเวณศาลารับรองแบบเปิดโล่ง ที่ใช้เป็นจุดต้อนรับนักท่องเที่ยวและเป็นห้องอาหารขนาดกะทัดรัดแบบที่กินข้าวไปชมวิวไป รอบๆบริเวณมีแปลงผัก และสวนไม้ดอกไม้ประดับที่แปลกแหวกแนวจากไอเดียเก๋ๆของคุณแจ่ม คือเป็นสวนที่มีการนำเอาเศษเหล็กเก่าๆ สิ่งของเหลือใช้ อาทิ รถเก่าๆหมดสภาพของโครงการหลวง โถอ่างล้างหน้า มาเป็นที่ปลูกพืชผัก ดอกไม้ หรือใช้ในการประดับตกแต่งสวน ในแนวคิดผสมผสานธรรมชาติเข้ากับสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
หากเดินเลยจากสวนลึกเข้าไปทางไหล่เขาฟากหนึ่งของม่อนแจ่มจะพบกับแปลงสตอเบอรี่พันธุ์พระราชทาน ปลอดสาร รสหวานอร่อย ในช่วงสตอเบอรี่ออกผลตั้งแต่ช่วงกลางหนาวไปจนถึงราวเดือนเมษายน ทางโครงการเขาเปิดพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถไปเดินเก็บกินสดๆจากต้นกับมือได้ ในขณะที่คนชอบกินผัก มาที่ม่อนแจ่มก็ไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะนอกจากปลูกเพื่อความสวยงามแล้ว ยังเอามาทำเป็นอาหารเพื่อสุขภาพให้ได้ลิ้มลองอีกด้วย
ส่วนสิ่งหนึ่งที่ “ตะลอนเที่ยว” มิอาจมองข้ามได้เลย ก็คือ ที่หลับที่ที่นอนบนม่อมแจ่มแห่งนี้ ที่ถูกดัดแปลงปลูกสร้างให้สอดคล้องกับภูเขาแนวลาดชัน
โดยที่พักที่นี่จัดทำเป็นเต็นท์แนว “แคมปิ้ง รีสอร์ท” เพื่อต้องการรักษาธรรมชาติให้เสียดายน้อยที่สุด ทั้งยังกลมกลืนกับธรรมชาติ พื้นที่สร้างเต็นท์และห้องน้ำใช้มือขุดทั้งสิ้น จุดพักเต็นท์มีทั้งสิ้น 15 จุด ซึ่งใช้ระดับและการจัดวาง เว้นระยะห่างคงความเป็นส่วนตัวสูงเห็นวิวหมดทุกเต็นท์ แถมภายในเต็นท์ยังดูหรูใช่ย่อย มีทั้งตะเกียง ไฟฉาย ปลั๊กไฟหมอน ผ้าห่ม ที่นอน ผ้าเช็ดตัว จนกระทั่งรองเท้าแตะวางไว้ให้ อีกทั้งยังมีห้องน้ำส่วนตัวปลูกสร้างด้วยไม้ ภายในมีทั้งเครื่องทำน้ำร้อนสบู่ แชมพู มีครบ สนนราคาอยู่ที่ เต็นท์เล็ก800บาทต่อคืน จุได้2-3คน และเต๊นท์ใหญ่ 1,200บาทต่อคืนรองรับได้ 4คนขึ้นไป ถือได้ว่าเป็นเจ้าแรกๆในเชียงใหม่ที่จัดเต็นท์ลักษณะนี้
เรียกได้ว่าเมื่อมานอนพักผ่อนที่ม่อมแจ่มแล้ว มันช่างได้บรรยากาศเสียนี่กระไร แต่ยังไง“ตะลอนเที่ยว”ก็ไม่ได้นอนเพลินจนตื่นสายตะวันแผดจ้า เพราะเสน่ห์อย่างหนึ่งของการมาที่นี่คือต้องตื่นเช้าขึ้นมาชมวิว รับอากาศบริสุทธิ์ จากนั้นค่อยไปเที่ยวตามจุดต่างๆในละแวกใกล้เคียง ซึ่งใกล้ๆกับม่อนแจ่มมี“ม่อนล่อง”ในเขตบ้านหนองหอยเก่าเป็นจุดสูงสุดในอ.แม่ริม มีความสูงประมาณ1,400 เมตร ในฤดูหนาวเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่สวยงาม บนนี้โอบล้อมไปด้วยผืนป่า มีสมุนไพร กล้วยไม้ และพันธุ์ไม้น่าสนใจหลากหลาย รวมถึงเป็นที่ตั้งของ “ศาลขุนหลวงวิรังคะ”ขุนหลวงชาวลัวะผู้มีตำนานความรักข้าวเดียวที่มีต่อเจ้าแม่จามเทวี ที่เชื่อกันว่าผู้ใดได้มาไหว้สาศาลขุนหลวงวิรังคะแห่งนี้ มักจะสมปรารถนาในเรื่องของความรักและการขอบุตร
ที่มาของข้อมูล
https://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9530000026779