ก่อนลูกเข้าเรียนก็คิดไม่ออกว่า จะให้เข้า English Program (EP) หรือ บูรณาการ ดี
โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า (พระราม 5) ราคาปี 2561 ค่าแรกเข้า 9,000 บาท มี 3 หลักสูตร ได้แก่
- หลักสูตรแบบบูรณาการ ค่าเทอม 66,000 บาท (2 เทอม)
- หลักสูตร English Program ค่าเทอม 98,000 บาท (2 เทอม)
- หลักสูตรนานาชาติ ค่าเทอมปีละ 240,000 บาท (3 เทอม)
ค่าเรียนพิเศษช่วงปิดเทอม มีปิดเทอม 2 ครั้งต่อปี
- English Camp 15,000 บาท (20 วัน)
- Day Camp 9,500 บาท (20 วัน)
ค่าเรียนพิเศษหลังเลิกเรียน
- วิชาการ 1,700 บาท/เดือน (ครูสอนทำการบ้านทุกเย็น)
ค่ากิจกรรมต่างๆ (350 บาท/ชม ยกเว้นบางอย่าง) มี 5 กลุ่ม ได้แก่
1) ร่างกายแข็งแรง
ฟุตบอล, เทควันโด, Play Club, Bubble Yoga, ว่ายน้ำ
2) บุคคลิกภาพ
K-Dance, บัลเล่ห์, พัฒนาบุคคลิกภาพ, นาฎศิลป์ไทย
3) ส่งเสริม IQ
จินตคณิต, Little Lab (400 บาท/ชม), เตรียมความพร้อมรายวิชา, ติวสอบเข้าแคธอลิก, พัฒนาทักษะอ่าน-เขียน
4) เก่งภาษากล้าพูด
English Bizzy Bees, Piglet Club (ภาษาอังกฤษ), Panda Club (ภาษาจีน)
5) ความคิดสร้างสรรค์
Cooking Club (750 บาท/1.3 ชม), ปั้นดิน, ศิลปะ, ไวโอลินกลุ่ม, ดนตรีกลุ่ม, ดนตรีเดี่ยว (800 บาท/ชม)
=====
เทียบความต่าง EP กับ บูรณาการ อันไหนดีกว่ากัน ???
====
ลูกเรียน EP ไม่ได้เรีบนบูรณาการ เลยไม่มีประสบการณ์การเรียนแบบบูรณาการ ข้อมูลที่เขียนนี้ได้มาจากการสังเกตุลูกของเพื่อนๆ ที่เรียนบูรณาการ เทียบกับลูกตัวเองที่เรียน EP
รูปจากเว็ป รร
http://denlaschool.com/main/denla-curriculum/
รีวิวแบบไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ขอสรุปเลยนะคะ คุณพ่อคุณแม่มีเงินพอแค่ไหนเรียนเท่าที่จ่ายไหว
- โปรแกรม EP ค่าใช้จ่ายต่อปี 226,000 บาท/ ปี (2 เทอม+ 2 ปิดเทอม English Camp)
- โปรแกรม บูรณาการ ค่าใช้จ่ายต่อปี 145,000 บาท/ ปี (2 เทอม+ 2 ปิดเทอม Day Camp)
!! อย่าลืมว่ามีค่าใช้จ่ายกิจกรรมหลังเลิกเรียนอีก ต้องเผื่อเงินเดือนละ 8,700 บาท (กรณีเรียนพิเศษวิชาการและกิจกรรม จ-ศ)
ทั้งปีมีเรียน 12 เดือน รวมปิดเทอมด้วย ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ประมาณ 104,400 บาท/ปี
ความฉลาด - ทั้ง 2 โปรแกรมเด็กไม่ต่างกันเท่าไหร่ในแง่ความฉลาด
ภาษาอังกฤษ - สำหรับด้านภาษา EP ได้เปรียบภาษาอังกฤษเพียงเล็กน้อย ท่านสามารถสอนภาษาอังกฤษให้ลูกเองได้ที่บ้าน
ภาษาจีน - ได้น้อยมาก.....
เด็กป่วยน้อยกว่าเพราะห้องเล็ก - ไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไหร่ เท่าที่เห็นก็ป่วยพอๆกัน เพราะตอนเด็กนั่งรอผู้ปกครองก็นั่งรอในห้องเดียวกันหมด
ดูแลทั่วถึงเพราะห้องเล็กกว่า - มีส่วนเหมือนกันนะคะ โดยเฉพาะเด็กเล็ก เพราะจำนวนคุณครูต่อห้อง EP 2 คน บูรณาการ 3 คน แต่บางช่วงเวลาคุณครูต้องไปทำหน้าที่ครูเวรรับเด็กๆ ตอนเช้า สุดท้ายก็เหลือครูห้องละ 1 คน ทั้งนี้เด็กๆจะทยอยขึ้นห้องมาไม่พร้อมกัน แต่เท่าที่สังเกตุดูห้องบูรณาการจะดูวุ่นวายกว่าเล็กน้อย
สังคมผู้ปกครอง - ผู้ปกครองและนักเรียนน่ารักทุกคน ทุกโปรแกรมไม่มีแบ่งแยก
คุณภาพของครูประจำชั้น - เท่ากันเพราะคุณครูสลับกันไปแต่ละปี ปีนี้อยู่ EP ปีหน้าอยู่บูรณาการ
*** แต่
เด็ก EP จะเรียนมีความสุขมากกว่านิดนึง เพราะเรียนภาษาอังกฤษกับ Teacher เจ้าของภาษา (ไม่มีครูเอเชีย) ซึ่งคุณภาพ Teacher ของเด่นหล้านั้นบอกได้เลยว่าดีมาก ลูกจะชอบเรียนภาษาอังกฤษมาก..เพราะเรียนสนุก เล่านิทาน ทำกิจกรรมกับ Teacher ทั้งห้องมี 16 คน เรียนจริงๆ อาจแค่ 12 คน เพราะสลับกันหยุดเรียน
เด็ก EP ได้ทำกิจกรรมเยอะกว่า พ่อแม่ต้องฟิตนิดนึง เช่น ให้แต่งตัววันนานาชาติ แต่งตัวตามการ์ตูนที่ชื่อชอบ แต่งตัวเป็นสัตว์ในนิทาน แต่งตัวอาเซียน และทุกอาทิตย์จะมี Circle Time ให้นำสิ่งของ/รูปภาพเกี่ยวกับ Christmas มา รร , นำสิ่งของ/รูปภาพเกี่ยวกับวันแม่, นำสิ่งของ/รูปภาพเกี่ยวกับวันแม่ ฯลฯ คุณพ่อคุณแม่ควรซื้อ Printer สีเอาไว้เลยนะคะ เพื่อ Print รูปให้ลูกใช้ในกิจกรรม
เด็ก EP มีโอกาสฝึกภาษาได้มากกว่า สำเนียงจะดีกว่า โดยเฉพาะเด็กโต อ.3 ที่เริ่มโต้ตอบเป็นภาษาอังกฤษได้แล้ว มีโอกาสที่จะพูดคุยกับ Teacher ทำให้เด็กกล้าพูด แต่ถ้าผู้ปกครองพาเด็กไป ตปท บ่อยๆ หรือพูดภาษาอังกฤษกับลูกอยู่แล้วเรียนบูรณาการก็ได้ค่ะ
ผู้ปกครอง EP คุณครูจะค่อนข้างตามใจ อยากให้ทำอะไร หรือไม่ทำอะไรได้หมด แต่ที่จริงคุณครูที่เด่นหล้าเป็นแบบนี้หมด เพราะวัฒนธรรรมที่นี่คือ ยืดหยุ่นได้ตามใจผู้ปกครอง น้องไม่ใส่รองเท้านักเรียนก็ไม่เป็นไร ใส่ชุดนอนมาเรียนก็ไม่เป็นไร มาเรียนสายก็ไม่เป็นไร ไม่ทำการบ้านก็ไม่เป็นไร ลืมโน่นลืมนี่ก็ไม่เป็นไรทุกอย่างโอเคดีงาม เข้าใจผู้ปกครองสุดๆ
====
สาเหตุที่บอกว่าเรียนโปรแกรมไหนก็ได้เพราะ ข้อดีสุดๆ ของ รร อนุบาลเด่นหล้า คือ
กิจกรรมหลังเลิกเรียน
====
มีกิจกรรมที่หลากหลายมาก ให้เด็กสามารถลองได้หมด ค้นหาว่าอะไรที่ตัวเองชอบ ถ้าไปเรียนข้างนอกต้องลงเป็นคอร์ส บางทีลงไปลูกไม่ชอบเรียนก็เสียดายเงิน แถมราคาก็แพงกว่าที่เด่นหล้าด้วย และต้องคอยไปรับไปส่ง ไปนั่งเฝ้าลูก
กิจกรรมที่เด่นหล้าไม่ได้มาเล่นๆ ทุกอย่างเรียนกันจริงจังมีผลสัมฤทธิ์ให้เห็น เช่น เรียนเตะบอลปลายปีได้แข่งบอลกับ รร อื่น เรียนว่ายน้ำได้แข่งว่ายน้ำ เรียนเต้นได้ไปเต้นโชว์ที่ซีคอน เรียนทำศิลปะได้ชิ้นงานกลับบ้าน ทุกกิจกรรมคุ้มมากๆ เวลาแสดงคุณครูผู้สอนก็จัดเต็มกันสุดๆ ทำโชว์ดีมากสำหรับอนุบาล
ที่สำคัญคือถ้าเราไม่เรียนกิจกรรมตอนเย็น ลูกจะเลิกเร็วประมาณ เด็กเล็ก 14.30น เด็กโต 15.30น ในช่วงเวลานี้รถจะติดมาก...
คาดว่าผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ลูกเรียนพิเศษกัน เลยไปรับลูกพร้อมๆ กันในช่วงเวลาดังกล่าว
ถ้าเรียนเด่นหล้า EP หรือ บูรณาการ แต่ไม่ได้เรียกิจกรรมหลังเลิกเรียนถือว่าพลาดมาก เพราะลูกได้อะไรจากกิจกรรมที่ทำมากกว่าที่ได้ในห้องเรียน
====
เด่นหล้าเน้นวิชาการ ลูกจะเครียดไหม อยากให้ไปโรงเรียนไปเล่นอย่างมีความสุขแบบ Play-Based Learning ?
====
เด่นหล้าให้เด็กเรียน ก.ไก่ ABC ตั้งแต่ อ.1 เด็กส่วนใหญ่ก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง บางคนพ่อแม่สอนมาตั้งแต่ก่อนเข้าเรียนก็จะไปไวมาก
แต่ลูกของ จขกท ไม่เคยเรียน ก.ไก่ ABC มาก่อน แม้แต่วันที่เข้าเรียน อ.1 ก็ยังพูดไม่ได้ (เป็นเด็กพูดช้า) แต่พอเทอม 2 ก็เริ่มพูดได้มากขึ้น และอ่าน-เขียน ก.ไก่ ABC ได้ จะมีจำไม่ได้แค่บางตัว พอขึ้น อ.2 ก็จำได้หมดเลย
ที่เด่นหล้าคุณครูจะไม่กดดัน นร แต่ผู้ปกครองจะกดดันเอง เพราะมีการบ้านมา 1 แผ่น แล้วลูกทำไม่ได้ เวลาสอบคะแนนออกมาน้อย
สำหรับ จขกท ไม่สนใจเลยค่ะ คะแนนสอบน้อยก็ปล่อยไป การบ้าน 1 แผ่นพอไหว ตอน อ.3 มี 1 แผ่น+คัดคำศัพท์+อ่านหนังสือ 1 บท คุณแม่ไม่ได้ทำเลย ท่องศัพท์ก็ไม่ได้ให้ท่อง การบ้านก็เว้นว่างไว้ ถ้าน้องเต็มใจทำก็ทำ จขกท คิดว่าไป รร เรียนอย่างตั้งใจ กลับมาบ้านคือพักผ่อน วิ่งเล่นสบายใจ
แต่คะแนนสอบก็โอเคนะคะ กลางๆ ที่เด่นหล้าไม่มีสอบตก และไม่มีสอบได้ที่ 1 มีแต่ผลคะแนน และก็ค่าเฉลี่ย ค่าสูงต่ำ มาให้ผู้ปกครองพิจารณาเอาเอง ว่าลูกเรียนอยู่ในระดับไหน
คุณครูไม่มีกดดันนะคะ ว่าน้องไม่เก่งหรืออะไรอย่างนี้ อย่างมากก็จะบอกผู้ปกครองว่าถ้าต้องการให้เก่งขึ้น ต้องท่องศัพท์และฝึกเขียนบ่อยๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องปรกติของคุณครูที่ต้องแนะนำ
ดังนั้น ลูกจะเครียดหรือไม่เครียด อยู่ที่ผู้ปกครองมากกว่า
เด่นหล้าฝึกเด็กอ่านเขียนตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียน เป็นสิ่งที่เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการให้ลูกเข้าเรียนต่อ แคธอลิก หรือสาธิต เพราะเมื่อเข้าเรียน ป.1 ใน รร แคธอลิก ก็จะต้องอ่าน-เขียนได้แล้ว เมื่อจะสอบเข้าสาธิตก็ต้องติวเข้ม ทำแบบฝึกหัดเยอะๆ
ผู้ปกครอง 95% (เป็นอย่างน้อย) ต้องการให้ลูกเรียนต่อ แคธอลิก หรือสาธิต
ที่เด่นหล้าจะมีสัมมนาแนะแนวทางเรียนต่อให้ตั้งแต่ลูกยังอยู่ อ.1 มีการติวเฉพาะสำหรับแคธอลิก และสำหรับสาธิต ไม่ได้บอกว่าดีนะคะ เพราะการติวเข้าสาธิตเค้าติวกันโหดมากจริงๆ บางคนพาลูกไปเรียน 2 ที่ 3 ที่ แต่ที่เด่นหล้าไม่ได้ติวเข้มนะคะ จะเน้นให้เด็กมีสมาธิมากกว่า
ใบสมัครสอบก็ฝาก รร ซื้อให้ได้ มีข้อมูลอะไรใหม่ๆ ก็แชร์ให้ผู้ปกครองทราบ กลุ่มผู้ปกครองก็เข้มแข็งมากช่วยเหลือแบ่งปันกันดี
สำหรับ จขกท ตอนแรกอยากให้ลูกเรียนสาธิต แต่จากการสังเกตุลูกชอบภาษาอังกฤษมาก เลยให้ลูกเรียน Inter แทน
ดังนั้น ถ้าผู้ปกครองที่ไม่ชอบการอ่าน-เขียน ตั้งแต่เด็ก ไม่ควรเข้าเด่นหล้า เพราะท่านจะรู้สึกต่อต้านวิธีการเรียนการสอนแบบนี้
และท่านควรส่งเสียให้ลูกเรียน ป.1 รร ทางเลือกอื่นที่ไม่ใช่ แคธอลิก หรือสาธิต เพราะถ้าเข้าเรียนไปเด็กจะรู้สึกกดดัน เพราะเด็กที่สอบเข้าได้คือเด็กที่เรียนวิชาการมาแล้ว อ่านได้ เขียนได้ บวกลบเลขได้
ผู้ปกครองที่เด่นหล้าหลายท่านมุ่งเน้นวิชาการ ก็จะเล่าว่าลูกไปติวที่นั่นที่นี่ จขกท. รับได้นะคะ เข้าใจว่าการเข้า ป.1 มันต้องแข่งขัน
ต้องจริงจัง ชอบฟังข้อมูล และให้ติวกับที่ รร แต่ไม่ได้คิดมากว่าผลออกมาลูกได้คะแนนบ๋วยห้อง มีพาไปสอบลองสนามด้วย 1 ที่ แต่สอบไม่ผ่าน 555
ที่พาไปติว ไปสอบ เพราะอยากให้ลูกรู้ประสบการณ์ของเพื่อนๆ ว่าคนอื่นเค้าต้องผ่านอะไรมาบ้าง จริงๆ จะให้ลูกเข้า Inter
ข้อดีอีกอันที่ จขกท เห็นว่าเด่นหล้าทำได้ดี คือการจัดแสดง จัดสัมมนา ทำดีมาก มีการเตรียมอย่างอย่างดีเป็นมืออาชีพ เหมือนบริษัทฯ มากกว่าโรงเรียนอนุบาล เพราะ โรงเรียนอนุบาลเวลาจะจัดงานอะไรก็จะจัดแบบเล็กๆ ผู้ปกครองต้องขวนขวาย แต่ที่เด่นหล้า ผู้ปกครองได้รับการดูแลอย่างดี (เว่อร์) แทบจะปูพรมมรอรับผู้ปกครอง
ข้อเสีย คือฝ่ายธุการ และการจ่ายเงิน มีความมึน งง บางครั้งไม่สามารถตอบคำถามผู้ปกครองได้ (ผู้ปกครองถามละเอียดมาก) คาดว่าคงเปลี่ยนพนักงานบ่อย และรายละเอียดต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ กรณีนี้จะเกิดเฉพาะกับผู้ปกครองที่ลูกเพิ่งเข้าเรียน เตรียมอนุบาล หรือ อนุบาล 1 เพราะลุกยังเล็ก ก็จะมีคำถามแบบว่าต้องเอาอะไรมาบ้าง มีนมมีขนมให้กินไหม มีช่วงไหนบ้าง เลิกเรียนพิเศษมีขนมให้ไหม
ข้อไม่ดี (แต่ไม่ถือว่าเป็นข้อเสีย) คือ อาหารกลางวัน และของว่างช่วงบ่าย ง่อยมากเมื่อเทียบกับค่าเทอม 98,000 บาท/เทอม ซึ่งลูกไม่ค่อยได้กินหรอกค่ะอาหารว่าง ส่วนอาหารกลางวันเด็กๆ ก็กินง่ายๆ อยู่แล้ว แม้ว่าเมนูไม่ได้เริ่ดหรู ส่วนนมที่มีให้ตอนเช้า ลูกก็ไม่ได้กินเพราะเอานมกล่องไปกินเอง โรงเรียนจะเสริฟนมอแลกต้าแบบชง เทใส่แก้วให้ดื่ม เคยได้ดื่มตอน อ.1 เทอมแรก จากนั้นคุณครูก็ให้เอานมกล่องใส่กระเป๋า และดื่มนมกล่องของตัวเองนับตั้งแต่นั้นมา
ก่อนจบ ขอทิ้งท้ายว่า
- โรงเรียนอนุบาลที่ดีไม่ควรไกลบ้านมาก เพราะผู้ปกครองจะเหนื่อยมาก ไม่มีแรงไปเล่นกับลูก หรือช่วยลูกทำกิจกรรมโครงงานต่างๆ แต่ถ้าผู้ปกครองฟิตมากอยากให้ลูกเรียนโรงเรียนดีๆ แต่อยู่ไกล ท่านต้องสู้สุดใจ.... อย่าให้การไม่มีเวลาเป็นข้ออ้างในการใช้เวลากับลูก
- เลือกโรงเรียน ป.1 ก่อน แล้วค่อยเลือกโรงเรียนอนุบาล เพราะจุดสำคัญคือ ป.1 - ม.6
- เข้าเรียนเตรียอนุบาลเลยดีไหม? ขึ้นอยู่กับผู้ปกครองว่าเลี้ยงไหวไหม ถ้าไหวเลี้ยงที่บ้าน ไม่ไหวเอาไปเรียนเตรียมอนุบาล ลูก จขกท เริ่มเรียน อ.1 (3 ขวบ) ตอนไปเรียนแพมเพิสก็ยังเลิกไม่ได้ กินข้าวเองไม่เคยสอน พูดก็ไม่ได้ แต่พอไปโรงเรียนสักพักทุกอย่างทำได้หมดเลย
- โรงเรียนที่ดีก็สำคัญ แต่ไม่สำคัญเท่ากับผู้ปกครองที่ดี นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จไม่ได้เรียนโรงเรียนดีหรือการศึกษาสูง จขกท ส่งลูกเรียน Inter เพราะส่งไหว เห็นมีหลายกระทู้ถามโรงเรียนานาชาติที่คุ้มค่าเงิน จะบอกว่ามันวัดแบบนั้นไม่ได้ว่าคุ้มไหม เหมือนกินมิชลิน 3 ดาว กับกินข้างทาง มันอยู่ที่มุมมองในการใช้ชีวิต และความสามารถในการจ่าย
Cr:
https://www.pioneers.co.nz/
Review รีวิวโรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า พระราม 5 - EP หรือ บูรณาการ อันไหนดีกว่ากัน
โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า (พระราม 5) ราคาปี 2561 ค่าแรกเข้า 9,000 บาท มี 3 หลักสูตร ได้แก่
- หลักสูตรแบบบูรณาการ ค่าเทอม 66,000 บาท (2 เทอม)
- หลักสูตร English Program ค่าเทอม 98,000 บาท (2 เทอม)
- หลักสูตรนานาชาติ ค่าเทอมปีละ 240,000 บาท (3 เทอม)
ค่าเรียนพิเศษช่วงปิดเทอม มีปิดเทอม 2 ครั้งต่อปี
- English Camp 15,000 บาท (20 วัน)
- Day Camp 9,500 บาท (20 วัน)
ค่าเรียนพิเศษหลังเลิกเรียน
- วิชาการ 1,700 บาท/เดือน (ครูสอนทำการบ้านทุกเย็น)
ค่ากิจกรรมต่างๆ (350 บาท/ชม ยกเว้นบางอย่าง) มี 5 กลุ่ม ได้แก่
1) ร่างกายแข็งแรง
ฟุตบอล, เทควันโด, Play Club, Bubble Yoga, ว่ายน้ำ
2) บุคคลิกภาพ
K-Dance, บัลเล่ห์, พัฒนาบุคคลิกภาพ, นาฎศิลป์ไทย
3) ส่งเสริม IQ
จินตคณิต, Little Lab (400 บาท/ชม), เตรียมความพร้อมรายวิชา, ติวสอบเข้าแคธอลิก, พัฒนาทักษะอ่าน-เขียน
4) เก่งภาษากล้าพูด
English Bizzy Bees, Piglet Club (ภาษาอังกฤษ), Panda Club (ภาษาจีน)
5) ความคิดสร้างสรรค์
Cooking Club (750 บาท/1.3 ชม), ปั้นดิน, ศิลปะ, ไวโอลินกลุ่ม, ดนตรีกลุ่ม, ดนตรีเดี่ยว (800 บาท/ชม)
=====
เทียบความต่าง EP กับ บูรณาการ อันไหนดีกว่ากัน ???
====
ลูกเรียน EP ไม่ได้เรีบนบูรณาการ เลยไม่มีประสบการณ์การเรียนแบบบูรณาการ ข้อมูลที่เขียนนี้ได้มาจากการสังเกตุลูกของเพื่อนๆ ที่เรียนบูรณาการ เทียบกับลูกตัวเองที่เรียน EP
รูปจากเว็ป รร http://denlaschool.com/main/denla-curriculum/
รีวิวแบบไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ขอสรุปเลยนะคะ คุณพ่อคุณแม่มีเงินพอแค่ไหนเรียนเท่าที่จ่ายไหว
- โปรแกรม EP ค่าใช้จ่ายต่อปี 226,000 บาท/ ปี (2 เทอม+ 2 ปิดเทอม English Camp)
- โปรแกรม บูรณาการ ค่าใช้จ่ายต่อปี 145,000 บาท/ ปี (2 เทอม+ 2 ปิดเทอม Day Camp)
!! อย่าลืมว่ามีค่าใช้จ่ายกิจกรรมหลังเลิกเรียนอีก ต้องเผื่อเงินเดือนละ 8,700 บาท (กรณีเรียนพิเศษวิชาการและกิจกรรม จ-ศ)
ทั้งปีมีเรียน 12 เดือน รวมปิดเทอมด้วย ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ประมาณ 104,400 บาท/ปี
ความฉลาด - ทั้ง 2 โปรแกรมเด็กไม่ต่างกันเท่าไหร่ในแง่ความฉลาด
ภาษาอังกฤษ - สำหรับด้านภาษา EP ได้เปรียบภาษาอังกฤษเพียงเล็กน้อย ท่านสามารถสอนภาษาอังกฤษให้ลูกเองได้ที่บ้าน
ภาษาจีน - ได้น้อยมาก.....
เด็กป่วยน้อยกว่าเพราะห้องเล็ก - ไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไหร่ เท่าที่เห็นก็ป่วยพอๆกัน เพราะตอนเด็กนั่งรอผู้ปกครองก็นั่งรอในห้องเดียวกันหมด
ดูแลทั่วถึงเพราะห้องเล็กกว่า - มีส่วนเหมือนกันนะคะ โดยเฉพาะเด็กเล็ก เพราะจำนวนคุณครูต่อห้อง EP 2 คน บูรณาการ 3 คน แต่บางช่วงเวลาคุณครูต้องไปทำหน้าที่ครูเวรรับเด็กๆ ตอนเช้า สุดท้ายก็เหลือครูห้องละ 1 คน ทั้งนี้เด็กๆจะทยอยขึ้นห้องมาไม่พร้อมกัน แต่เท่าที่สังเกตุดูห้องบูรณาการจะดูวุ่นวายกว่าเล็กน้อย
สังคมผู้ปกครอง - ผู้ปกครองและนักเรียนน่ารักทุกคน ทุกโปรแกรมไม่มีแบ่งแยก
คุณภาพของครูประจำชั้น - เท่ากันเพราะคุณครูสลับกันไปแต่ละปี ปีนี้อยู่ EP ปีหน้าอยู่บูรณาการ
*** แต่
เด็ก EP จะเรียนมีความสุขมากกว่านิดนึง เพราะเรียนภาษาอังกฤษกับ Teacher เจ้าของภาษา (ไม่มีครูเอเชีย) ซึ่งคุณภาพ Teacher ของเด่นหล้านั้นบอกได้เลยว่าดีมาก ลูกจะชอบเรียนภาษาอังกฤษมาก..เพราะเรียนสนุก เล่านิทาน ทำกิจกรรมกับ Teacher ทั้งห้องมี 16 คน เรียนจริงๆ อาจแค่ 12 คน เพราะสลับกันหยุดเรียน
เด็ก EP ได้ทำกิจกรรมเยอะกว่า พ่อแม่ต้องฟิตนิดนึง เช่น ให้แต่งตัววันนานาชาติ แต่งตัวตามการ์ตูนที่ชื่อชอบ แต่งตัวเป็นสัตว์ในนิทาน แต่งตัวอาเซียน และทุกอาทิตย์จะมี Circle Time ให้นำสิ่งของ/รูปภาพเกี่ยวกับ Christmas มา รร , นำสิ่งของ/รูปภาพเกี่ยวกับวันแม่, นำสิ่งของ/รูปภาพเกี่ยวกับวันแม่ ฯลฯ คุณพ่อคุณแม่ควรซื้อ Printer สีเอาไว้เลยนะคะ เพื่อ Print รูปให้ลูกใช้ในกิจกรรม
เด็ก EP มีโอกาสฝึกภาษาได้มากกว่า สำเนียงจะดีกว่า โดยเฉพาะเด็กโต อ.3 ที่เริ่มโต้ตอบเป็นภาษาอังกฤษได้แล้ว มีโอกาสที่จะพูดคุยกับ Teacher ทำให้เด็กกล้าพูด แต่ถ้าผู้ปกครองพาเด็กไป ตปท บ่อยๆ หรือพูดภาษาอังกฤษกับลูกอยู่แล้วเรียนบูรณาการก็ได้ค่ะ
ผู้ปกครอง EP คุณครูจะค่อนข้างตามใจ อยากให้ทำอะไร หรือไม่ทำอะไรได้หมด แต่ที่จริงคุณครูที่เด่นหล้าเป็นแบบนี้หมด เพราะวัฒนธรรรมที่นี่คือ ยืดหยุ่นได้ตามใจผู้ปกครอง น้องไม่ใส่รองเท้านักเรียนก็ไม่เป็นไร ใส่ชุดนอนมาเรียนก็ไม่เป็นไร มาเรียนสายก็ไม่เป็นไร ไม่ทำการบ้านก็ไม่เป็นไร ลืมโน่นลืมนี่ก็ไม่เป็นไรทุกอย่างโอเคดีงาม เข้าใจผู้ปกครองสุดๆ
====
สาเหตุที่บอกว่าเรียนโปรแกรมไหนก็ได้เพราะ ข้อดีสุดๆ ของ รร อนุบาลเด่นหล้า คือ กิจกรรมหลังเลิกเรียน
====
มีกิจกรรมที่หลากหลายมาก ให้เด็กสามารถลองได้หมด ค้นหาว่าอะไรที่ตัวเองชอบ ถ้าไปเรียนข้างนอกต้องลงเป็นคอร์ส บางทีลงไปลูกไม่ชอบเรียนก็เสียดายเงิน แถมราคาก็แพงกว่าที่เด่นหล้าด้วย และต้องคอยไปรับไปส่ง ไปนั่งเฝ้าลูก
กิจกรรมที่เด่นหล้าไม่ได้มาเล่นๆ ทุกอย่างเรียนกันจริงจังมีผลสัมฤทธิ์ให้เห็น เช่น เรียนเตะบอลปลายปีได้แข่งบอลกับ รร อื่น เรียนว่ายน้ำได้แข่งว่ายน้ำ เรียนเต้นได้ไปเต้นโชว์ที่ซีคอน เรียนทำศิลปะได้ชิ้นงานกลับบ้าน ทุกกิจกรรมคุ้มมากๆ เวลาแสดงคุณครูผู้สอนก็จัดเต็มกันสุดๆ ทำโชว์ดีมากสำหรับอนุบาล
ที่สำคัญคือถ้าเราไม่เรียนกิจกรรมตอนเย็น ลูกจะเลิกเร็วประมาณ เด็กเล็ก 14.30น เด็กโต 15.30น ในช่วงเวลานี้รถจะติดมาก...
คาดว่าผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ลูกเรียนพิเศษกัน เลยไปรับลูกพร้อมๆ กันในช่วงเวลาดังกล่าว
ถ้าเรียนเด่นหล้า EP หรือ บูรณาการ แต่ไม่ได้เรียกิจกรรมหลังเลิกเรียนถือว่าพลาดมาก เพราะลูกได้อะไรจากกิจกรรมที่ทำมากกว่าที่ได้ในห้องเรียน
====
เด่นหล้าเน้นวิชาการ ลูกจะเครียดไหม อยากให้ไปโรงเรียนไปเล่นอย่างมีความสุขแบบ Play-Based Learning ?
====
เด่นหล้าให้เด็กเรียน ก.ไก่ ABC ตั้งแต่ อ.1 เด็กส่วนใหญ่ก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง บางคนพ่อแม่สอนมาตั้งแต่ก่อนเข้าเรียนก็จะไปไวมาก
แต่ลูกของ จขกท ไม่เคยเรียน ก.ไก่ ABC มาก่อน แม้แต่วันที่เข้าเรียน อ.1 ก็ยังพูดไม่ได้ (เป็นเด็กพูดช้า) แต่พอเทอม 2 ก็เริ่มพูดได้มากขึ้น และอ่าน-เขียน ก.ไก่ ABC ได้ จะมีจำไม่ได้แค่บางตัว พอขึ้น อ.2 ก็จำได้หมดเลย
ที่เด่นหล้าคุณครูจะไม่กดดัน นร แต่ผู้ปกครองจะกดดันเอง เพราะมีการบ้านมา 1 แผ่น แล้วลูกทำไม่ได้ เวลาสอบคะแนนออกมาน้อย
สำหรับ จขกท ไม่สนใจเลยค่ะ คะแนนสอบน้อยก็ปล่อยไป การบ้าน 1 แผ่นพอไหว ตอน อ.3 มี 1 แผ่น+คัดคำศัพท์+อ่านหนังสือ 1 บท คุณแม่ไม่ได้ทำเลย ท่องศัพท์ก็ไม่ได้ให้ท่อง การบ้านก็เว้นว่างไว้ ถ้าน้องเต็มใจทำก็ทำ จขกท คิดว่าไป รร เรียนอย่างตั้งใจ กลับมาบ้านคือพักผ่อน วิ่งเล่นสบายใจ
แต่คะแนนสอบก็โอเคนะคะ กลางๆ ที่เด่นหล้าไม่มีสอบตก และไม่มีสอบได้ที่ 1 มีแต่ผลคะแนน และก็ค่าเฉลี่ย ค่าสูงต่ำ มาให้ผู้ปกครองพิจารณาเอาเอง ว่าลูกเรียนอยู่ในระดับไหน
คุณครูไม่มีกดดันนะคะ ว่าน้องไม่เก่งหรืออะไรอย่างนี้ อย่างมากก็จะบอกผู้ปกครองว่าถ้าต้องการให้เก่งขึ้น ต้องท่องศัพท์และฝึกเขียนบ่อยๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องปรกติของคุณครูที่ต้องแนะนำ
ดังนั้น ลูกจะเครียดหรือไม่เครียด อยู่ที่ผู้ปกครองมากกว่า
เด่นหล้าฝึกเด็กอ่านเขียนตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียน เป็นสิ่งที่เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการให้ลูกเข้าเรียนต่อ แคธอลิก หรือสาธิต เพราะเมื่อเข้าเรียน ป.1 ใน รร แคธอลิก ก็จะต้องอ่าน-เขียนได้แล้ว เมื่อจะสอบเข้าสาธิตก็ต้องติวเข้ม ทำแบบฝึกหัดเยอะๆ
ผู้ปกครอง 95% (เป็นอย่างน้อย) ต้องการให้ลูกเรียนต่อ แคธอลิก หรือสาธิต
ที่เด่นหล้าจะมีสัมมนาแนะแนวทางเรียนต่อให้ตั้งแต่ลูกยังอยู่ อ.1 มีการติวเฉพาะสำหรับแคธอลิก และสำหรับสาธิต ไม่ได้บอกว่าดีนะคะ เพราะการติวเข้าสาธิตเค้าติวกันโหดมากจริงๆ บางคนพาลูกไปเรียน 2 ที่ 3 ที่ แต่ที่เด่นหล้าไม่ได้ติวเข้มนะคะ จะเน้นให้เด็กมีสมาธิมากกว่า
ใบสมัครสอบก็ฝาก รร ซื้อให้ได้ มีข้อมูลอะไรใหม่ๆ ก็แชร์ให้ผู้ปกครองทราบ กลุ่มผู้ปกครองก็เข้มแข็งมากช่วยเหลือแบ่งปันกันดี
สำหรับ จขกท ตอนแรกอยากให้ลูกเรียนสาธิต แต่จากการสังเกตุลูกชอบภาษาอังกฤษมาก เลยให้ลูกเรียน Inter แทน
ดังนั้น ถ้าผู้ปกครองที่ไม่ชอบการอ่าน-เขียน ตั้งแต่เด็ก ไม่ควรเข้าเด่นหล้า เพราะท่านจะรู้สึกต่อต้านวิธีการเรียนการสอนแบบนี้
และท่านควรส่งเสียให้ลูกเรียน ป.1 รร ทางเลือกอื่นที่ไม่ใช่ แคธอลิก หรือสาธิต เพราะถ้าเข้าเรียนไปเด็กจะรู้สึกกดดัน เพราะเด็กที่สอบเข้าได้คือเด็กที่เรียนวิชาการมาแล้ว อ่านได้ เขียนได้ บวกลบเลขได้
ผู้ปกครองที่เด่นหล้าหลายท่านมุ่งเน้นวิชาการ ก็จะเล่าว่าลูกไปติวที่นั่นที่นี่ จขกท. รับได้นะคะ เข้าใจว่าการเข้า ป.1 มันต้องแข่งขัน
ต้องจริงจัง ชอบฟังข้อมูล และให้ติวกับที่ รร แต่ไม่ได้คิดมากว่าผลออกมาลูกได้คะแนนบ๋วยห้อง มีพาไปสอบลองสนามด้วย 1 ที่ แต่สอบไม่ผ่าน 555
ที่พาไปติว ไปสอบ เพราะอยากให้ลูกรู้ประสบการณ์ของเพื่อนๆ ว่าคนอื่นเค้าต้องผ่านอะไรมาบ้าง จริงๆ จะให้ลูกเข้า Inter
ข้อดีอีกอันที่ จขกท เห็นว่าเด่นหล้าทำได้ดี คือการจัดแสดง จัดสัมมนา ทำดีมาก มีการเตรียมอย่างอย่างดีเป็นมืออาชีพ เหมือนบริษัทฯ มากกว่าโรงเรียนอนุบาล เพราะ โรงเรียนอนุบาลเวลาจะจัดงานอะไรก็จะจัดแบบเล็กๆ ผู้ปกครองต้องขวนขวาย แต่ที่เด่นหล้า ผู้ปกครองได้รับการดูแลอย่างดี (เว่อร์) แทบจะปูพรมมรอรับผู้ปกครอง
ข้อเสีย คือฝ่ายธุการ และการจ่ายเงิน มีความมึน งง บางครั้งไม่สามารถตอบคำถามผู้ปกครองได้ (ผู้ปกครองถามละเอียดมาก) คาดว่าคงเปลี่ยนพนักงานบ่อย และรายละเอียดต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ กรณีนี้จะเกิดเฉพาะกับผู้ปกครองที่ลูกเพิ่งเข้าเรียน เตรียมอนุบาล หรือ อนุบาล 1 เพราะลุกยังเล็ก ก็จะมีคำถามแบบว่าต้องเอาอะไรมาบ้าง มีนมมีขนมให้กินไหม มีช่วงไหนบ้าง เลิกเรียนพิเศษมีขนมให้ไหม
ข้อไม่ดี (แต่ไม่ถือว่าเป็นข้อเสีย) คือ อาหารกลางวัน และของว่างช่วงบ่าย ง่อยมากเมื่อเทียบกับค่าเทอม 98,000 บาท/เทอม ซึ่งลูกไม่ค่อยได้กินหรอกค่ะอาหารว่าง ส่วนอาหารกลางวันเด็กๆ ก็กินง่ายๆ อยู่แล้ว แม้ว่าเมนูไม่ได้เริ่ดหรู ส่วนนมที่มีให้ตอนเช้า ลูกก็ไม่ได้กินเพราะเอานมกล่องไปกินเอง โรงเรียนจะเสริฟนมอแลกต้าแบบชง เทใส่แก้วให้ดื่ม เคยได้ดื่มตอน อ.1 เทอมแรก จากนั้นคุณครูก็ให้เอานมกล่องใส่กระเป๋า และดื่มนมกล่องของตัวเองนับตั้งแต่นั้นมา
ก่อนจบ ขอทิ้งท้ายว่า
- โรงเรียนอนุบาลที่ดีไม่ควรไกลบ้านมาก เพราะผู้ปกครองจะเหนื่อยมาก ไม่มีแรงไปเล่นกับลูก หรือช่วยลูกทำกิจกรรมโครงงานต่างๆ แต่ถ้าผู้ปกครองฟิตมากอยากให้ลูกเรียนโรงเรียนดีๆ แต่อยู่ไกล ท่านต้องสู้สุดใจ.... อย่าให้การไม่มีเวลาเป็นข้ออ้างในการใช้เวลากับลูก
- เลือกโรงเรียน ป.1 ก่อน แล้วค่อยเลือกโรงเรียนอนุบาล เพราะจุดสำคัญคือ ป.1 - ม.6
- เข้าเรียนเตรียอนุบาลเลยดีไหม? ขึ้นอยู่กับผู้ปกครองว่าเลี้ยงไหวไหม ถ้าไหวเลี้ยงที่บ้าน ไม่ไหวเอาไปเรียนเตรียมอนุบาล ลูก จขกท เริ่มเรียน อ.1 (3 ขวบ) ตอนไปเรียนแพมเพิสก็ยังเลิกไม่ได้ กินข้าวเองไม่เคยสอน พูดก็ไม่ได้ แต่พอไปโรงเรียนสักพักทุกอย่างทำได้หมดเลย
- โรงเรียนที่ดีก็สำคัญ แต่ไม่สำคัญเท่ากับผู้ปกครองที่ดี นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จไม่ได้เรียนโรงเรียนดีหรือการศึกษาสูง จขกท ส่งลูกเรียน Inter เพราะส่งไหว เห็นมีหลายกระทู้ถามโรงเรียนานาชาติที่คุ้มค่าเงิน จะบอกว่ามันวัดแบบนั้นไม่ได้ว่าคุ้มไหม เหมือนกินมิชลิน 3 ดาว กับกินข้างทาง มันอยู่ที่มุมมองในการใช้ชีวิต และความสามารถในการจ่าย
Cr: https://www.pioneers.co.nz/