ดิฉันอายุ 33 เป็นคุณแม่ลูก 1 เพิ่งมีลูกคนแรกค่ะ ตอนที่เขียนกระทู้ลูกดิฉันอายุ 3 ขวบครึ่ง หลังจากโควิดซามานิดๆก็พยายามหา รร.นานาชาติให้ลูก ซึ่งหามาหลายรร. แต่ต้องบอกก่อนว่าบ้านดิฉันอยู่ใกล้รร.เอกชน ชื่อดังแห่งหนึ่งแบบรั้วติดกับบ้านเลย คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ก็ส่งลูกเรียนที่นั้น แต่ดิฉันเข้าไปดูแล้วไม่ค่อยโอเคร เพราะเมื่อไม่นานมากมีข่าวว่าครูเอาถุงคลุมหัวเด็กน้อย จึงเอาไว้เป็นตัวเลือกสุดท้ายเลย ยิ่งหลักสูตรกระทรวงศึกษา ที่ไม่ค่อยมีการพัฒนาอะไรมากนัก จากที่ดิฉันเรียนมาหลายปีแล้วก็ยังเหมือนเดิม

จากนั้นก็หารร.มาเรื่อยๆ แถวๆลาดกระบัง อ่อนนุช โดยดิฉันตั้งงบประมาณค่าเทอมไว้ไม่เกิน 2 แสนบาทต่อปี รร.ที่ไปดูมาแล้วไม่โอเครเลย ขอไม่เอ่ยชื่อแล้วกันนะคะ แต่หลังไมค์มาถามได้ จนไปเจอลูกค้าของสามีลูกชายเขาเรียนที่นานาชาติแถวรามคำแหง เขาแนะนำว่าดี เราเลยตัดสินใจไปดู 
พอขับรถมาถึงจอดที่รร.เท่านั้นแหละ ที่นี่เนี๊ยนะ ดิฉันถามสามี ค่าเทอมก็ไม่ได้ถูกนะ ลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้นรอบบ้านมีพื้นที่พอสมควร มีเครื่องเล่นเด็กน้อย 3-4 อย่าง แต่เราก็คิดว่ามันเล็กไปมั้ยสำหรับรร. (อันนี้ต้องบอกก็ว่าก่อนมาโทรติดต่อกับทางรร.ไว้ ส่งผลตรวจ ATKเรียบร้อยแล้วนะคะ มิเช่นนั้นเขาไม่ให้เข้าเลย) จากนั้นก็มีผอ. มาเปิดประตูให้พาเดินดู รร. ดูการเรียนมาสอนถึงในห้องเลยค่ะ ที่นี่หลักสูตรแบบ บริติช มีครูต่างชาติประมาณ 3 ครูไทย 3 และมีพี่เลี้ยงอีก 2 ท่านไม่รวมแม่บ้านพาเด็กเข้าห้องน้ำ
ที่นี่กฎเขาให้พูดแต่ภาษาอังกฤษเท่านั้น ไม่ให้นักเรียนพูดไทยเลยซึ่งเราชอบมาก ที่นี่มีสอนถึงแค่ K3 เท่านั้น ลูกเราลองเรียนทำกิจกรรมครึ่งวันชอบมากๆสนุกสนาน ซึ่งตอนนั้นลูกเรา 2 ขวบครึ่ง แต่เขาพูดภาษาอังกฤษกับคุณพ่อที่บ้านอยู่แล้วจึงปรับตัวไม่ยาก ทั้งรร.มีเด็กไม่ถึง 20 คน เมื่อเช้าถามครูบอก k2 k3 ใกล้เต็มแล้ว
ที่เราตั้งเป้าไว้คือ - อยากได้รร.เล็กๆ ครูดูแลนักเรียนทั่วถึง 
- กิจกรรมสอดแทรกการเรียน ไม่เน้นวิชาการเกินไป
- เรียนๆเล่นๆแบบให้เด็กมีความสุข
- สอนให้เด็กช่วยเหลือตัวเองได้
- ที่สำคัญครูต้องเป็นมิตรแบบไม่ใช่หน้ายักษ์ ถามพัฒนาการลูก วิธีรับมือเด็ก การทำโทษ ต้องตอบคำถามได้

และแล้วเราก็ตกลงจะให้ลูกลองมาเรียนดูแล้วกัน 1 สัปดาห์แรกครูจะถ่ายรูปให้เราดูตลอดว่า ตอนนี้เล่นนี่อยู่นะ กินข้าวนะ นอนหลับแล้วนะ ร้องไห้มั้ย ทำอะไรอยู่ถามได้ตลอดเลย ซึ่งหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องการแบบนี้ ลูกเราร้องไห้แค่ช่วงเช้าของวันแรกและไม่ร้องอีกเลย ลูกเราชอบให้ตบก้นหลับซึ่งแจ้งไว้ครูก็มาตบดูแลให้ช่วงแรกๆจนเขาหลับ หลังผ่านมา 1 สัปดาห์เรามีคำถามอะไร ก็ถามได้ตลอด ที่นี่เรียน 3 เทอม สิ้นเทอมจะมีให้คุยกับครูประจำชั้น ซึ่งทำให้เราได้รู้ว่าเขาใส่ใจมากแค่ไหน ครูสามารถตอบได้หมดเลยว่าลูกเราชอบกินอะไร ไม่ชอบอะไร เวลาโกรธไม่พอใจ หรือต้องการอะไรแต่ไม่กล้าบอกจะแสดงออกแบบไหน นิสัยเป็นไง ครูตอบได้หมดและตรงกันกับที่เราเลี้ยงลูกมา วันไหนมีผื่นคันครูจะโทรมาขออนุญาตใส่ยาคาราไมล บางครั้งลูกโดนยุงกัดจากที่บ้านไปเราไม่เห็น แต่ครูเห็นใส่ยางให้ ที่นี่ครูมีวิธีการรับมือเด็กแบบนักจิตวิทยาคุยกับเด็กเลย ประทับใจมากจริงๆ รร.มีเยอะแยะ แต่รร.ที่ถูกดี ใส่ใจดูแลหาไม่ง่ายเลยจริงๆ ได้ที่นี่เหมือนถูกหวยเลย ทุกวันนี่เราทำงานได้เต็มที่ โดยไม่ต้องห่วงลูกเลย ตอนนี้ลูกเราเรียนมาได้ 1 ปีแล้วค่ะ มีความสุขและสนุกสนานกลับบ้านทุกวัน
ปัจจุบันอยู่ K1 แล้วค่ะ ช่วยเหลือตัวเองได้ในระดับนึง ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ แค่นี้แม่ก็สบายใจแล้วค่ะ

ค่าเทอมที่นี่คือถูกมากๆสำหรับการดูแลและการเรียนการสอน ประมาณ 150,000 ต่อปี แต่ดิฉันก็โชคดีมีเพื่อน แนะนำวางแผนค่าเทอมกับบริษัท Plantconsultant ค่าเทอมลดลง 30% ดิฉันเลยจ่ายแค่แสนนิดๆ ซึ่งยิ้มกว้างมาก ทำให้เรายิ่งโอเครเข้าไปอีก เดี๋ยวครั้งหน้าจะมารีวิวให้นะคะ (ใครอยากรู้ว่าเราวางแผนค่าเทอมยังไงทักมาถามเราได้นะคะ เดี๋ยวเราแนะนำคนที่เราทำด้วยให้ ) 

แต่เพราะที่นี่มีแค่ K3 เท่านั้น เรียนที่นี่อีก 3 ปี เราจึงต้องเตรียมหา รร.อื่นไว้ให้ลูกในอนาคต ซึ่งปัญหามีอยู่ว่าไปดูมาหลายรร.แล้ว แต่ก็ยังไม่ถูกใจ เพราะที่นี่ทำให้เรากลายเป็นคนมาตรฐานสูงไปแล้ว รร.นั่นก็คือ เบอร์นี่ อินเตอร์เนชั่นแนล เพรพ อนุบาลนานาชาติ มีคุณพ่อคุณแม่คนไหนแนะนำ รร.นานาชาติดีๆที่ลูกเรียนอยู่ก็แนะนำมาได้นะคะ  และช่วงนี้ใกล้ปิดคริสมาสปีใหม่ยังไม่รู้จะให้ลูกไปทำกิจกรรมอะไรเลยค่ะ ปิด 3 สัปดาห์ใครมีที่ทำกิจกรรมสำหรับเด็กแนะนำหน่อยนะคะ ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ