ขออภัยหากมีการข้อบกพร้อง เช่น พิมพ์ตกหล่น ใช้ภาษาไทยผิด ใช้ภาษาไทยคำอังกฤษคำ เป็นต้น
ผมไม่ค่อยได้เล่นพันทิปเลย ต้องขออภัยที่อาจจะไม่ได้ตอบหลังไมค์ หรือ ตอบช้าเกินไปนะครับ
DAAD EPOS scholarship: step-by-step guideline
สารบัญ
STEP 1: รู้จักตัวเองไวได้เปรียบ
STEP 2: การจัดสรรเวลาสำหรับการเตรียมตัวและเตรียมใจในการสมัครทุน
STEP 3: การอ่านและศึกษาข้อมูลจาก Brochure ของ DAAD สำหรับ
STEP 4: การเตรียมตัวสอบ IELTS ให้คะแนนผ่านเกณฑ์ (ส่วนใหญ่แล้วรับที่ 7.0 โดยที่ element ทั้งหมด ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน ผ่าน 6.0 คะแนน แต่ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับมหาลัยอยู่ดี)
STEP 5: การเตรียม Essay (Motivation letter, Statement of purpose, etc.) ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
STEP 6: การขอ Reference Letter จากอาจารย์และหัวหน้า
STEP 7: การเตรียมเอกสารอื่นๆ ให้ครบตาม Requirement ของ DAAD และมหาลัย
STEP 8: การขอประทับตรา Certified True Copied จากสถานทูต และการยื่นใบสมัคร
STEP 9: สมัคร Visa ในรูปแบบของนักเรียนทุน DAAD
STEP 10: ลาออกจากงานประจำ
Bonus: University Interview Topic ใน คห. 3 (Add-on as of 2 Jan 2018)
STEP 1: รู้จักตัวเองไวได้เปรียบ
สวัสดีครับ นี่คือครั้งแรกในการเรียนบทความลงในพันทิป ผมตั้งใจจะเล่าเรื่องราวและนำเสนอแนวทางในการการสมัครหนึ่งในทุนที่ดีที่สุดในโลก (มั้ง!!! คิดเอง ฮ่าๆๆๆ) นั่นคือ DAAD Scholarship
ผมเชื่อทุนนี้เป็นทุนที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และสามารถได้รับทุนนี้ได้ถ้ามีความพยายามพอ ผมเองเป็นคนนึงที่มาจากครอบครัวฐานะปานปลางโดยมีผมเป็นลูกชายคนโต และยังมีน้องชายอีก 2 คน ครอบครัวของเรามีแค่คุณพ่อคนเดียวที่ทำงานค้าขาย (ดังนั้นผมรู้ในใจอยู่แล้วว่าพ่อแม่ของผมไม่สามารถส่งผมไปเรียนอังกฤษหรืออเมริกาได้แน่นอน เพราะว่าท่านมีภาระจะต้องดูแลน้องๆที่กำลังเรียน) เนื่องจากผมเป็นคนที่มีความใฝ่ฝันที่จะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตั้งแต่เรียน ป.ตรี แล้ว ดังนั้นผมจึงมีโอกาศเตรียมตัวตั้งแต่อยู่ ปี 4 ตอนที่เรียนอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เมื่อผมเรียนจบ ผมทำงานเป็น Research Asssistant อยู่ที่คณะอยู่เป็นเวลา 4 เดือน ก่อนที่จะได้รับโอกาสเข้ามาทำงานในบริษัท Big 4 โดยทำงานในสายงานภาษี การมาอยู่กรุงเทพฯทำให้ผมเติบโตขึ้นมาก และทำให้ผมรู้จักตัวเองมากขึ้นอีกด้วย หลังจากที่ทำงานในสายงานภาษีในบริษัทสีน้ำเงินเข้มเป็นระยะเวลา 1.5 ปี ผมก็ได้รับโอกาสจากบริษัทสีเหลืองเทาในการทำงานในสายงาน Business Advisory สาเหตุที่ผมเลือกทำงานในบริษัท Big 4 ก็เพราะผมมองว่าบริษัทเหล่านี้มี Brand Name ที่ดี และอาจจะเป็นแต้มตัวในใบสมัครมหาลัยในเยอรมันอีกด้วย
ดังนั้นผมจึงมองว่าการที่เรารู้ตัวไวว่าเราอยากจะสมัครไปทุนไหน และต้องเตรียมตัวอย่างไร เป็นจุดที่ทำให้เราได้เปรียบก็ผู้สมัครทุนท่านอื่นๆ (ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเตรียมพร้อม การจัดสรรเวลาล่วงหน้า หรือ การเตรียมภาษาเยอรมันก็ตาม)
บทความนี้ผมจะเจาะประเด็นไปยัง DAAD Scholarship: Development-Related Postgraduate Course (ขอเรียกสั้นๆ ว่า DAAD EPOS)
ทุน DAAD EPOS คืออะไร
(Reference: DAAD Thailand, https://www.daad.de/deutschland/stipendium/datenbank/en/21148-scholarship-database/?origin=15&status=3&subjectGrps=&daad=1&q=&page=1&detail=50076777#prozess)
ทุน Development-Related Postgraduate Courses (EPOS) เป็นกลุ่มทุนที่มีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาบุคลากรในประเทศที่กำลังพัฒนาทั่วโลก โดยเปิดรับผู้สมัครเข้าเรียนในหลักสูตรต่างๆ ในระดับปริญญาโท (และบางหลักสูตรในระดับปริญญาเอก) ในสาขาวิชาที่หลากหลาย ได้แก่ เศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ วิศวกรรมด้านพลังงานหมุนเวียนและการจัดการทรัพยากร การวางผังเมือง เกษตรกรรมและป่าไม้ วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม สาธารณสุขศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ นิติศาสตร์และนิเทศศาสตร์ เป็นต้น
Requirement DAAD EPOS
ผู้สมัครทุน DAAD จะต้องมีคุณสมบัติเบื้องต้น คือ จบวุฒิปริญญาก่อนหน้ามาไม่เกิน 6 ปี ไม่ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศเยอรมนีเกิน 15 เดือน นับถึงวันที่ปิดรับสมัคร มีประสบการณ์การทำงานอย่างน้อย 2 ปี ส่วนเงื่อนไขอื่นๆ ขึ้นอยู่กับการกำหนดของทางหลักสูตร
หมายเหตุ: นั่นหมายความว่าเราจะต้องจบ ป.ตรี แล้วและทำงานแล้วอย่างน้อย 2 ปี และมีระยะเวลาสมัครทุนไม่เกิน 6 ปีหลังจากจบ ป.ตรี
Courses
การสมัครจะเป็นการส่งเอกสารตรงไปที่หลักสูตรหรือมหาวิทยาลัยในกลุ่มทุน ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีและขั้นตอนในการสมัครได้ในเว็บไซต์ของหลักสูตรหรือมหาวิทยาลัย (ปี 2018/2019) (Link: https://www.daad.de/medien/deutschland/stipendien/formulare/epos_deadlines.pdf)
Benefit
ผู้ที่ได้รับทุนจะได้รับการยกเว้นค่าเรียน (ถ้ามี) ได้รับค่าใช้จ่ายรายเดือน (750 ยูโรสำหรับระดับปริญญาโทและ 1,000 ยูโรสำหรับระดับปริญญาเอก) และค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
Process และขั้นตอนของทุน DAAD EPOS
1. สมัครโดยตรงกับมหาลัยที่ร่วมโครงการทุน DAAD EPOS พร้อมแนบใบสมัครทุน DAAD และเอกสารต่างๆที่มหาลัยและทุนต้องการ
2. มหาลัย Shortlist Candidate โดยคัดเลือก GPA, Essay, ประสบการณ์การทำงาน, หรือ ความเกี่ยวข้อง Course เรียนที่เราเรียนมา เป็นต้น
3. สัมภาษณ์กับมหาลัย (เวลาในการสัมภาษณ์อยู่ระหว่าง 20 - 30 นาที)
4. ทราบผลว่าได้รับทุนหรือไม่
STEP 2: การจัดสรรเวลาสำหรับการเตรียมตัวและเตรียมใจในการสมัครทุน
เหตุผลที่ยกหัวข้อนี้เป็นหัวข้อหลักภายใต้ Guideline เพราะว่า การที่จะได้มาซึ่งทุนเราจะต้องใช้กำลังกายและกำลังใจมากมาย กี่นาที กี่ชั่วโมง กี่วัน และกว่าอีกหลายหยดเหงื่อและน้ำตาที่จะต้องเสียให้กับการสอบ IELTS, การร่าง ESSAY, และ การรอคอย เป็นต้น (...เริ่มเพ้อเจ้อละ)
เข้าใจว่าผู้ที่จะสมัครทุนนี้ก็ต้องผ่านการทำงานมาแล้วอย่างน้อย 2 ปี ดังนั้นหากจะสมัครทุนในช่วงที่ทำงานอยู่นั้นคงเป็นเรื่องที่สาหัสน่าดู (เช่น ผม เป็นต้น) ดังนั้นการเตรียมตัวและเตรียมใจสำหรับหนทางการสมัครนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญมาก ระยะเวลาสำหรับการเตรียมตัวสมัครทุนควรจะอยู่ที่ 6 เดือน ถึง 1 ปี
ในบทความนี้ ผมขอนำเสนอการเตรียมตัวในภาพรวมก่อนที่จะระบุรายละเอียดการสมัครทุนใน Step ถัดไปนะครับ
การเตรียมตัวด้านวิชาการ (Academic)
DAAD ไม่ได้กำหนดเกรดขั้นต่ำในการสมัครทุน โดยได้ระบุเกณฑ์การคัดเลือกที่เกี่ยวข้องกับวิชาการไว้ว่า
- Candidates fulfil the necessary academic requirements and can be expected to successfully complete a study programme in Germany (above-average result for first academic exam – top performance third, language skills)
- Candidates have a Bachelor degree (usually a four-year course) in an appropriate subject
จึงกล่าวได้ว่าโดยรวมแล้วหากผู้สมัครมีเกรด GPA 3.25 ขึ้นไปก็จะมีโอกาสถูก Shortlist สูงขึ้นไป แต่อย่างไรก็ตามเกรด GPA ขั้นต่ำสำหรับการสมัครมหาลัยนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละทุนและมหาลัย
การเตรียมตัวด้านการทำงาน
เกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องวิชาการนั้น DAAD EPSO ระบุว่า
Candidates have at least two years' professional experience
ดังนั้น Ideal candidate ที่ทุน DAAD EPOS มองหาก็คือ Young Professional ที่ทำงานมาแล้ว 2 ปี (จะดีมากหากทำงานให้กับหน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานการศึกษา หรือวิจัย แต่ก็ไม่ได้จำกัดเท่านี้เพราะผมเองก็ทำงานสายงานธุรกิจในบริษัทเอกชน) โดยประสบการณ์ทำงานนั้นจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่สนใจจะไปเรียน
การเตรียมตัวด้านกิจกรรมพิเศษและความเป็นผู้นำ
การคัดเลือกที่สำคัญของ DAAD ระบุว่า
Candidates can prove their motivation is development-related and be expected to take on social responsibility and initiate and support processes of change in their personal and professional environment after their training/scholarship
กิจกรรมเพื่อสังคม และ Leadership skills เป็น Hidden Jigsaw ที่ไม่มีระบุไว้ใน Requirement ของทุนหรือมหาลัย แต่หากท่านใดที่มีความเป็นผู้นำ กล้าคิดกล้าตัดสินใจ และมีจิตอาสาในการทำกิจกรรมเพื่อเป็นประจำอยู่ ท่านจะกลายเป็น Ideal Candidate สำหรับทุนนี้เลยครับ
โดยส่วนของผมแล้ว ผมเป็นคนที่ชอบทำอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ผมแข่ง business case สมัยเรียนมหาลัย และในช่วงที่ทำงาน ผมก็มักจะหาเวลาทำงานเพื่อสังคม เช่น สอนคณิตและอังกฤษให้กับน้องๆโรงเรียนเด็กตาบอด แถวๆ บีทีเอส อนุสาวรีย์
การทำกิจกรรมเหล่านี้ นอกจากเราจะได้บุญแล้วเรายังได้รู้จักสังคมใหม่ๆทำให้เราสามารถปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี ผมจึงอยากเชิญชวนทุกๆคนมาสอนพิเศษให้น้องๆนะครับ (ทุกวันอาทิตย์ เวลา 9.00 - 11.30 ครับ)
STEP 3: การอ่าน Brochure ของทุน DAAD EPOS
STEP นี้สั้นๆแต่มีความสำคัญมากครับ เพราะว่าข้อมูลทุกอย่างอยู่ใน Brochure เล่มนี้ ผมแนะนำให้ทำความเข้าใจ ทุน DAAD และหลักสูตรของมหาลัยที่สนใจ อย่างละเอียด และ List หลักสูตรที่สนใจออกมา 3 ตัวเลือก (ทุนจำกัดตัวเลือกไว้ที่ 3 ตำแหน่ง โดยลำดับการ Rank หลักสูตรมีความสำคัญต่อการมอบทุน - คล้ายๆกับการเลือกคณะตอนสอบ Admission)
Link:
https://www.daad.de/medien/der-daad/unsere-aufgaben/entwicklungszusammenarbeit/pdfs/daad_programmbroschu%CC%88re_entwicklungsbezogene_studienga%CC%88nge_2018_19_screen.pdf
DAAD EPOS scholarship: step-by-step guideline
ขออภัยหากมีการข้อบกพร้อง เช่น พิมพ์ตกหล่น ใช้ภาษาไทยผิด ใช้ภาษาไทยคำอังกฤษคำ เป็นต้น
ผมไม่ค่อยได้เล่นพันทิปเลย ต้องขออภัยที่อาจจะไม่ได้ตอบหลังไมค์ หรือ ตอบช้าเกินไปนะครับ
DAAD EPOS scholarship: step-by-step guideline
สารบัญ
STEP 1: รู้จักตัวเองไวได้เปรียบ
STEP 2: การจัดสรรเวลาสำหรับการเตรียมตัวและเตรียมใจในการสมัครทุน
STEP 3: การอ่านและศึกษาข้อมูลจาก Brochure ของ DAAD สำหรับ
STEP 4: การเตรียมตัวสอบ IELTS ให้คะแนนผ่านเกณฑ์ (ส่วนใหญ่แล้วรับที่ 7.0 โดยที่ element ทั้งหมด ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน ผ่าน 6.0 คะแนน แต่ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับมหาลัยอยู่ดี)
STEP 5: การเตรียม Essay (Motivation letter, Statement of purpose, etc.) ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
STEP 6: การขอ Reference Letter จากอาจารย์และหัวหน้า
STEP 7: การเตรียมเอกสารอื่นๆ ให้ครบตาม Requirement ของ DAAD และมหาลัย
STEP 8: การขอประทับตรา Certified True Copied จากสถานทูต และการยื่นใบสมัคร
STEP 9: สมัคร Visa ในรูปแบบของนักเรียนทุน DAAD
STEP 10: ลาออกจากงานประจำ
Bonus: University Interview Topic ใน คห. 3 (Add-on as of 2 Jan 2018)
STEP 1: รู้จักตัวเองไวได้เปรียบ
สวัสดีครับ นี่คือครั้งแรกในการเรียนบทความลงในพันทิป ผมตั้งใจจะเล่าเรื่องราวและนำเสนอแนวทางในการการสมัครหนึ่งในทุนที่ดีที่สุดในโลก (มั้ง!!! คิดเอง ฮ่าๆๆๆ) นั่นคือ DAAD Scholarship
ผมเชื่อทุนนี้เป็นทุนที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และสามารถได้รับทุนนี้ได้ถ้ามีความพยายามพอ ผมเองเป็นคนนึงที่มาจากครอบครัวฐานะปานปลางโดยมีผมเป็นลูกชายคนโต และยังมีน้องชายอีก 2 คน ครอบครัวของเรามีแค่คุณพ่อคนเดียวที่ทำงานค้าขาย (ดังนั้นผมรู้ในใจอยู่แล้วว่าพ่อแม่ของผมไม่สามารถส่งผมไปเรียนอังกฤษหรืออเมริกาได้แน่นอน เพราะว่าท่านมีภาระจะต้องดูแลน้องๆที่กำลังเรียน) เนื่องจากผมเป็นคนที่มีความใฝ่ฝันที่จะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตั้งแต่เรียน ป.ตรี แล้ว ดังนั้นผมจึงมีโอกาศเตรียมตัวตั้งแต่อยู่ ปี 4 ตอนที่เรียนอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เมื่อผมเรียนจบ ผมทำงานเป็น Research Asssistant อยู่ที่คณะอยู่เป็นเวลา 4 เดือน ก่อนที่จะได้รับโอกาสเข้ามาทำงานในบริษัท Big 4 โดยทำงานในสายงานภาษี การมาอยู่กรุงเทพฯทำให้ผมเติบโตขึ้นมาก และทำให้ผมรู้จักตัวเองมากขึ้นอีกด้วย หลังจากที่ทำงานในสายงานภาษีในบริษัทสีน้ำเงินเข้มเป็นระยะเวลา 1.5 ปี ผมก็ได้รับโอกาสจากบริษัทสีเหลืองเทาในการทำงานในสายงาน Business Advisory สาเหตุที่ผมเลือกทำงานในบริษัท Big 4 ก็เพราะผมมองว่าบริษัทเหล่านี้มี Brand Name ที่ดี และอาจจะเป็นแต้มตัวในใบสมัครมหาลัยในเยอรมันอีกด้วย
ดังนั้นผมจึงมองว่าการที่เรารู้ตัวไวว่าเราอยากจะสมัครไปทุนไหน และต้องเตรียมตัวอย่างไร เป็นจุดที่ทำให้เราได้เปรียบก็ผู้สมัครทุนท่านอื่นๆ (ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเตรียมพร้อม การจัดสรรเวลาล่วงหน้า หรือ การเตรียมภาษาเยอรมันก็ตาม)
บทความนี้ผมจะเจาะประเด็นไปยัง DAAD Scholarship: Development-Related Postgraduate Course (ขอเรียกสั้นๆ ว่า DAAD EPOS)
ทุน DAAD EPOS คืออะไร
(Reference: DAAD Thailand, https://www.daad.de/deutschland/stipendium/datenbank/en/21148-scholarship-database/?origin=15&status=3&subjectGrps=&daad=1&q=&page=1&detail=50076777#prozess)
ทุน Development-Related Postgraduate Courses (EPOS) เป็นกลุ่มทุนที่มีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาบุคลากรในประเทศที่กำลังพัฒนาทั่วโลก โดยเปิดรับผู้สมัครเข้าเรียนในหลักสูตรต่างๆ ในระดับปริญญาโท (และบางหลักสูตรในระดับปริญญาเอก) ในสาขาวิชาที่หลากหลาย ได้แก่ เศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ วิศวกรรมด้านพลังงานหมุนเวียนและการจัดการทรัพยากร การวางผังเมือง เกษตรกรรมและป่าไม้ วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม สาธารณสุขศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ นิติศาสตร์และนิเทศศาสตร์ เป็นต้น
Requirement DAAD EPOS
ผู้สมัครทุน DAAD จะต้องมีคุณสมบัติเบื้องต้น คือ จบวุฒิปริญญาก่อนหน้ามาไม่เกิน 6 ปี ไม่ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศเยอรมนีเกิน 15 เดือน นับถึงวันที่ปิดรับสมัคร มีประสบการณ์การทำงานอย่างน้อย 2 ปี ส่วนเงื่อนไขอื่นๆ ขึ้นอยู่กับการกำหนดของทางหลักสูตร
หมายเหตุ: นั่นหมายความว่าเราจะต้องจบ ป.ตรี แล้วและทำงานแล้วอย่างน้อย 2 ปี และมีระยะเวลาสมัครทุนไม่เกิน 6 ปีหลังจากจบ ป.ตรี
Courses
การสมัครจะเป็นการส่งเอกสารตรงไปที่หลักสูตรหรือมหาวิทยาลัยในกลุ่มทุน ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีและขั้นตอนในการสมัครได้ในเว็บไซต์ของหลักสูตรหรือมหาวิทยาลัย (ปี 2018/2019) (Link: https://www.daad.de/medien/deutschland/stipendien/formulare/epos_deadlines.pdf)
Benefit
ผู้ที่ได้รับทุนจะได้รับการยกเว้นค่าเรียน (ถ้ามี) ได้รับค่าใช้จ่ายรายเดือน (750 ยูโรสำหรับระดับปริญญาโทและ 1,000 ยูโรสำหรับระดับปริญญาเอก) และค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
Process และขั้นตอนของทุน DAAD EPOS
1. สมัครโดยตรงกับมหาลัยที่ร่วมโครงการทุน DAAD EPOS พร้อมแนบใบสมัครทุน DAAD และเอกสารต่างๆที่มหาลัยและทุนต้องการ
2. มหาลัย Shortlist Candidate โดยคัดเลือก GPA, Essay, ประสบการณ์การทำงาน, หรือ ความเกี่ยวข้อง Course เรียนที่เราเรียนมา เป็นต้น
3. สัมภาษณ์กับมหาลัย (เวลาในการสัมภาษณ์อยู่ระหว่าง 20 - 30 นาที)
4. ทราบผลว่าได้รับทุนหรือไม่
STEP 2: การจัดสรรเวลาสำหรับการเตรียมตัวและเตรียมใจในการสมัครทุน
เหตุผลที่ยกหัวข้อนี้เป็นหัวข้อหลักภายใต้ Guideline เพราะว่า การที่จะได้มาซึ่งทุนเราจะต้องใช้กำลังกายและกำลังใจมากมาย กี่นาที กี่ชั่วโมง กี่วัน และกว่าอีกหลายหยดเหงื่อและน้ำตาที่จะต้องเสียให้กับการสอบ IELTS, การร่าง ESSAY, และ การรอคอย เป็นต้น (...เริ่มเพ้อเจ้อละ)
เข้าใจว่าผู้ที่จะสมัครทุนนี้ก็ต้องผ่านการทำงานมาแล้วอย่างน้อย 2 ปี ดังนั้นหากจะสมัครทุนในช่วงที่ทำงานอยู่นั้นคงเป็นเรื่องที่สาหัสน่าดู (เช่น ผม เป็นต้น) ดังนั้นการเตรียมตัวและเตรียมใจสำหรับหนทางการสมัครนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญมาก ระยะเวลาสำหรับการเตรียมตัวสมัครทุนควรจะอยู่ที่ 6 เดือน ถึง 1 ปี
ในบทความนี้ ผมขอนำเสนอการเตรียมตัวในภาพรวมก่อนที่จะระบุรายละเอียดการสมัครทุนใน Step ถัดไปนะครับ
การเตรียมตัวด้านวิชาการ (Academic)
DAAD ไม่ได้กำหนดเกรดขั้นต่ำในการสมัครทุน โดยได้ระบุเกณฑ์การคัดเลือกที่เกี่ยวข้องกับวิชาการไว้ว่า
- Candidates fulfil the necessary academic requirements and can be expected to successfully complete a study programme in Germany (above-average result for first academic exam – top performance third, language skills)
- Candidates have a Bachelor degree (usually a four-year course) in an appropriate subject
จึงกล่าวได้ว่าโดยรวมแล้วหากผู้สมัครมีเกรด GPA 3.25 ขึ้นไปก็จะมีโอกาสถูก Shortlist สูงขึ้นไป แต่อย่างไรก็ตามเกรด GPA ขั้นต่ำสำหรับการสมัครมหาลัยนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละทุนและมหาลัย
การเตรียมตัวด้านการทำงาน
เกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องวิชาการนั้น DAAD EPSO ระบุว่า
Candidates have at least two years' professional experience
ดังนั้น Ideal candidate ที่ทุน DAAD EPOS มองหาก็คือ Young Professional ที่ทำงานมาแล้ว 2 ปี (จะดีมากหากทำงานให้กับหน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานการศึกษา หรือวิจัย แต่ก็ไม่ได้จำกัดเท่านี้เพราะผมเองก็ทำงานสายงานธุรกิจในบริษัทเอกชน) โดยประสบการณ์ทำงานนั้นจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่สนใจจะไปเรียน
การเตรียมตัวด้านกิจกรรมพิเศษและความเป็นผู้นำ
การคัดเลือกที่สำคัญของ DAAD ระบุว่า
Candidates can prove their motivation is development-related and be expected to take on social responsibility and initiate and support processes of change in their personal and professional environment after their training/scholarship
กิจกรรมเพื่อสังคม และ Leadership skills เป็น Hidden Jigsaw ที่ไม่มีระบุไว้ใน Requirement ของทุนหรือมหาลัย แต่หากท่านใดที่มีความเป็นผู้นำ กล้าคิดกล้าตัดสินใจ และมีจิตอาสาในการทำกิจกรรมเพื่อเป็นประจำอยู่ ท่านจะกลายเป็น Ideal Candidate สำหรับทุนนี้เลยครับ
โดยส่วนของผมแล้ว ผมเป็นคนที่ชอบทำอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ผมแข่ง business case สมัยเรียนมหาลัย และในช่วงที่ทำงาน ผมก็มักจะหาเวลาทำงานเพื่อสังคม เช่น สอนคณิตและอังกฤษให้กับน้องๆโรงเรียนเด็กตาบอด แถวๆ บีทีเอส อนุสาวรีย์
การทำกิจกรรมเหล่านี้ นอกจากเราจะได้บุญแล้วเรายังได้รู้จักสังคมใหม่ๆทำให้เราสามารถปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี ผมจึงอยากเชิญชวนทุกๆคนมาสอนพิเศษให้น้องๆนะครับ (ทุกวันอาทิตย์ เวลา 9.00 - 11.30 ครับ)
STEP 3: การอ่าน Brochure ของทุน DAAD EPOS
STEP นี้สั้นๆแต่มีความสำคัญมากครับ เพราะว่าข้อมูลทุกอย่างอยู่ใน Brochure เล่มนี้ ผมแนะนำให้ทำความเข้าใจ ทุน DAAD และหลักสูตรของมหาลัยที่สนใจ อย่างละเอียด และ List หลักสูตรที่สนใจออกมา 3 ตัวเลือก (ทุนจำกัดตัวเลือกไว้ที่ 3 ตำแหน่ง โดยลำดับการ Rank หลักสูตรมีความสำคัญต่อการมอบทุน - คล้ายๆกับการเลือกคณะตอนสอบ Admission)
Link: https://www.daad.de/medien/der-daad/unsere-aufgaben/entwicklungszusammenarbeit/pdfs/daad_programmbroschu%CC%88re_entwicklungsbezogene_studienga%CC%88nge_2018_19_screen.pdf