ขอเอาบทความที่น่าจะเป็นประโยชน์ในเพจมาแชร์กัน
บอกก่อนเลยว่าเยอรมันนั้น เป็นประเทศที่นักศึกษาไทยอาจจะไม่นิยมมากในการมาศึกษาต่อเหมือนกับ UK หรือ USA ทั้งๆที่ค่าครองชีพรวมไปถึงค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าเยอะมากกกกกกก เอางี้บางที่เหมือนเรียนฟรีกันเลยทีเดียว แต่ด้วยเพราะด้วยสาเหตุหลักๆคือกำแพงทางภาษา เลยอาจจะไม่ได้รับความสนใจจากคนไทยมากนัก แต่!!!เชื่อมั้ยว่า ปัจจุบันเยอรมันเป็นประเทศที่ได้รับการนิยมในการมาศึกษาต่อมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ จากประเทศ USA หรือ UK ที่เราคนไทยนิยมไปศึกษาต่อกันนี่แหล่ะ โอ๊ะ!!! แสดงว่าน่าสนใจ
เพราะด้วยสาเหตุที่ว่าเยอรมันมีมาตรฐานในการศึกษาค่อนข้างสูงมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ถึงขนาดมีการวัดกันเลยว่าปริญญาเอกของประเทศไหนถ้าตีเป็นมูลค่าแล้วสูงที่เป็รลำดับต้นๆของโลก ซึ่งประเทศนั้นก็คือ "เยอรมัน"
ด้วยการที่ประเทศนี้ได้รับการยกย่องจากทั่วโลกว่าเป็นผู้นำด้านวิศวกรรม ด้านนวัตกรรม จนไปถึงด้านการแพทย์ จนไปถึงเป็นเจ้าของบริษัทชั้นนำมากมายในทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Benz BMW Volkswagen Audi Knor Merck โอยยยเยอะมั่ก!!! จึงเป็นแรงดึงดูดให้นักศึกษาจากทั่วโลกมุ่งที่จะมาศึกษาต่อ ณ ประเทศแห่งนี้
แล้วทีนี้คนไทยอย่างเรา ถ้าจะไปเรียนต่อที่เยอรมันจะต้องเตรียมตัวอย่างไรดีหล่ะ?
เอกสารพื้นฐานที่ต้องมี
1. ผลสอบทางภาษา โดยเฉลี่ยถ้าจะเรียนต่อภาคภาษาอังกฤษ ต้องมี IELT ขั้นต่ำอย่างน้อย 6.5 หรือ ภาคภาษาเยอรมันต้องมีผลสอบภาษาเยอรมันขั้นต่ำ B2 หรือให้ดีต้อง C ขึ้นไป
2. ประสบการณ์ การทำงาน (บางคณะ ต้องการ)
3. Recommendation letter บางครั้งไม่ต้องหาไกลตัว ก็หัวหน้างานเรา หรือ อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยของเรานี่แหล่ะคร๊าบบ
4. Statement of purpose หรือ Motivation letter อันนี้สำคัญมากก นะครับเดี๋ยวไปดูข้างล่าง
5. Certificate หรือ ผลงานอื่นๆ ที่คุณคิดว่ามันจะช่วยให้คุณดูเด่นขึ้น ก็ส่งไปจ้า
ช่วงของการสมัครเรียนต่อ?
ที่เยอรมันนั้นโดยปกติจะเปิดเทอม 2 ช่วงต่อปีคือช่วง
ปลายมีนาคมต้นเมษา และ ตุลาคม ซึ่งโดยเฉลี่ย ช่วงปิดการรับสมัครก็คือช่วงก่อนเปิดเทอมประมาณ 2 เดือน หรือถ้าขอทุนก็จะต้องสมัครให้เร็วกว่านั้น อาจจะ 4-6 เดือนก่อนเปิดเทอม
หาคณะที่ต้องการจากไหน?
ลองหาคณะที่ต้องการได้ง่ายๆ โดย เข้าไปตาม Link นี้
https://www.daad.de/deutschland/en/
แล้วทำการ Search ซะ!!! มีเต็มไปหมดเลยสนุกแน่
โอเค!!! มาต่อกับ เนื้อหากันเลยครับ เพื่อการอ่านง่ายๆ ผมจะ List ออกมาเป็นข้อๆให้ดังนี้
"ข้อดี"
มาตรฐานสูง ตัวเลือกเยอะ
1. จำไว้เลยนะครับ ทุกครั้งที่นึกถึงเยอรมันให้นึกถึงคำว่า กระบวนการ กับมาตฐานไว้ก่อนเลย ดังนั้นหนีไม่พ้นว่ามาตรฐานการศึกษาของเยอรมันนั้นสูงมากสูงจนกระทั่งหลายประเทศในยุโรปด้วยกัน หรือแม้กระทั่งทวีปอื่นๆ ยังยอมรับว่า มาตรฐานการศึกษาของเยอรมันนั้นสูงมากจริงๆ พร้อมด้วยชื่อเสียงของประเทศที่เป็นหนึ่งในด้านของ วิศวกรรม การแพทย์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี จึงทำให้นักศึกษาที่จบจากเยอรมัน ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากทั่วโลก และที่สำคัญคือ หลักสูตรมีให้เลือกเยอะมาก เข้าไปเลือกดูซะ!!!
https://www.daad.de/deutschland/en/
2. ค่าเรียนที่เยอรมันค่อนข้างถูกมากกเรียกว่าฟรีได้เลย ฮ่าๆ
ถูกกกกจนหลายคนบอกว่า เรียน(เกือบ)ฟรี กันเลยทีเดียวเพราะเนื่องจากรัฐบาลเยอรมันสนับสนุนด้านการศึกษาอย่างทั่วถึง จนกระทั่งครอบคลุมนักศึกษาที่มาจากต่างประเทศ แต่อาจจะมีข้อยกเว้นในบางหลักสูตรที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงแต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นก็อาจจะไม่สูงมากจนเกินไป ด้วยสาเหตุจากข้อ ที่ 1 และข้อที่ 2 รวมกันจึงทำให้นักศึกษาจากประเทศที่นักศึกษาไทยมักจะไปศึกษาต่อเช่น USA หรือ UK แห่กันมาเรียนที่เยอรมันค่อนข้างสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลองเข้าไปดูเลย!!!
(American students head to Germany for free college)
http://www.marketplace.org/2015/04/01/education/learning-curve/american-students-head-germany-free-college
อ๊ะๆ รีบหน่อยนะ บางรัฐเค้ากำลังขึ้นค่าเรียนแล้วนะ ;)
3. ค่าครองชีพไม่แพงจนเกินไป
ค่าครองชีพในเยอรมันนั้น บางอย่างถือว่าถูกกว่าไทยด้วยซ้ำ อาทิ อุปโภค บริโภค การเดินทาง หรืออื่นๆ แต่ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่มักจะอยู่ที่เรื่องที่พักมากกว่าดังนั้นต้องดูดีๆ
ซึ่งถ้าประหยัดๆหน่อย ทำกับข้าวทานเอง ไม่ฟุ่มเฟือย ปาร์ตี้กับทานข้าวนอกบ้านนานๆครั้ง ไม่ช้อปปิ้งมากมาย เดือนๆนึง ก็อยู่ได้แน่นอน แต่อย่างลืมให้ชีวิตมีสีสันหน่อย เที่ยวบ้าง หรือเก็บเงินไปท่องเที่ยวในยุโรปได้สบายๆ
4. ทุนการศึกษาเยอะ
ต้องขอบอกว่า ทุนการศึกษาที่เยอรมันนั้น บางทุนเค้าครอบคลุมได้อลังการจริงๆ นะคือแทบมาแต่ตัวเลย อย่างทุน DAAD(German Academic Exchange Service) นอกจากนี้ก็ยังมีทุนอื่นๆ อีกมากมาย เช่น Erasmus ทุนของมหาวิทยาลัยเอง ทุนจากองค์กรทางสังคม ทุนจากองค์กรภาคธุรกิจ มูลนิธิต่างๆในเยอรมนี เดี่ยวพ่อบ้านจะมาเจาะละเอียดเรื่องทุนให้ฟังแบบละเอียดๆ
5. ทำงานพิเศษและสามารถขอวีซ่าทำงานหลังเรียนจบได้
นักศึกษาที่นี่สามารถทำงานได้ระหว่างทำงาน ถ้าจำไม่ผิด น่าจะ 120 วันในกรณีเต็มวัน และ 240 วันในกรณีครึ่งวัน จึงทำให้มีรายได้เข้ามาช่วยเหลือเราได้ โดยส่วนใหญ่ค่าจ้างขึ้นอยู่กับงานที่นักศึกษาทำ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 9-15 ยูโร และอีกข้อนึงดีนึงที่นักศึกษาจากทั่วโลกชอบมากคือพอเรียนจบทางเยอรมันจะให้ระยะเวลาในการหางานในประเทศเยอรมันต่อ จึงทำให้นักศึกษาที่นี่มีโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัทชั้นนำของเยอรมันซึ่งก็ถือว่าเป็นบริษัทแถวหน้าของโลก อาทิ Audi,BMW,Daimler, Merk, Bosch และอื่นๆ อีกมากมาย
6. ได้ประสบการณ์ที่ล้ำค่าและได้สิทธิประโยชน์การเป็นนักศึกษา
การศึกษาแต่ในห้องเรียนอย่างเดียว บอกตรงๆว่าคง ไม่เพียงพอในการพัฒนาตัวเอง พ่อบ้านรับประกันว่าถ้าคุณมาที่นี่ สิ่งที่คุณจะได้นั้นคือประสบการณ์ที่มีค่า ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้การทำงานอย่างเป็นระบบ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเจ้าของประเทศหรือเพื่อนๆจากทั่วโลก และนอกเหนือกว่านั้นคือในเยอรมันและยุโรปมีสิ่งต่างๆ ที่รอให้คุณไปค้นหาแน่นอนไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม สิ่งก่อสร้าง และยิ่งถ้า!!! คุณเป็นนักศึกษาคุณจะได้สิทธิพิเศษเช่นค่าตั๋วราคาถูก หรือทำกิจกรรมต่างๆ ก็มีส่วนลด อย่างพ่อบ้านนี่ก็สมัครเล่น Sport club ถูกกว่าคนอื่นตั้งครึ่งนึงแหน่ะ เอ้า!!! การผจญภัยรอคุณอยู่แล้ววว
ข้อเสีย
จะพูดแต่ข้อดี อย่างเดียวก็ไม่ได้มาดูข้อเสียกันบ้างดีกว่า
1. ด้วยมาตรฐานที่สูง คุณภาพที่ได้รับการยอมรับ คุณก็จะไม่พ้นอย่างแน่นอนที่จะต้องเรียนหนัก และด้วยระบบการศึกษาที่นี่ อาจารย์เค้าไม่มานั่งจี้คุณนะ คุณต้องรับผิดชอบตัวเอง เพราะที่นี่เด็กเยอรมันแค่ไม่กี่ขวบเค้าก็เริ่มช่วยตัวเองได้ แถมเดินไปโรงเรียนเองอีกต่างหาก
2. หลักสูตรที่นี่เรียนระยะ เวลา 2 ปีเท่านั้น ซึ่งถ้าเกิดไปเทียบกับประเทศอื่นๆ บางประเทศ คุณอาจจะเจอหลักสูตรที่จบได้ไวกว่า อาทิ 1 ปีครึ่งหรือ 1 ปี 8 เดือน
3. แม้จะเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ คุณก็ควรรู้ภาษาเยอรมันบ้าง เพราะอย่างไรก็ตามอย่าลืมว่า เวลาเราไปซื้อของ หรือแม้แต่เวลาเพื่อนๆ คุยกันเวลานอกเวลางานเวลาเค้าพูดเยอรมันคุณจะได้พูดได้
4. ที่พัก หายาก หายากมากกกก หายากโคตร!!!! บอกไว้ก่อนเลย เท่าที่รู้มาบางคนบอกว่า พี่!!! ที่พักหายากกว่าสมัครเรียนอีก 555 บอกเลยว่าบางครั้งเค้าพูดไม่เกินจริงเลยนะ ดังนั้นถ้าได้ใบตอบรับปุ๊บ สิ่งแรกๆ ที่คุณต้องทำคือ หาที่พักแล้ว รีบ Confirm ลองดูเบื้องต้นได้จากในนี้
https://www.daad.de/deutschland/nach-deutschland/bewerbung/en/22222-wohnheimfinder/ หรือ Web อื่นๆ ก็ต้องลองหาดู เพราะอย่าลืมว่านักศึกษามุ่งหน้ามาเยอรมันจากทั่วโลกใครดี ใครไว ใครได้เน้อออ
5. บางเมืองเหงา และเกือบทุกอย่างปิดวันอาทิตย์
สำหรับคนชอบแสงสี อย่าลืมเช็คเมืองที่จะมาก่อนด้วยหล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าพ่อบ้านไม่เตือน เพราะถ้าเมืองเล็กๆ เค้าจะไม่มีร้านค้ามากนัก รวมไปถึงสถานที่ Entertain ต่างๆ นานา แน่นอน คุณอาจจะได้ไปเดินเล่นแต่ในป่า หรือเดินชมฟาร์มวัว แทน จะหาว่าไม่เตือน และที่สำคัญ ที่นี่ทุกอย่างปิดวันอาทิตย์หมด(ยกเว้นร้านอาหารบางร้าน) ไม่มี Seven เหมือนบ้านเรานะ
มาพูดคุยกันต่อได้ ที่ เพจพ่อบ้านเยอรมัน
https://www.facebook.com/Germanhousehusbands/
ข้อดีข้อเสีย ของการเรียนต่อประเทศเยอรมัน และรวบรวม 25 ทุนการศึกษาที่คุณห้ามพลาด!!!!
บอกก่อนเลยว่าเยอรมันนั้น เป็นประเทศที่นักศึกษาไทยอาจจะไม่นิยมมากในการมาศึกษาต่อเหมือนกับ UK หรือ USA ทั้งๆที่ค่าครองชีพรวมไปถึงค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าเยอะมากกกกกกก เอางี้บางที่เหมือนเรียนฟรีกันเลยทีเดียว แต่ด้วยเพราะด้วยสาเหตุหลักๆคือกำแพงทางภาษา เลยอาจจะไม่ได้รับความสนใจจากคนไทยมากนัก แต่!!!เชื่อมั้ยว่า ปัจจุบันเยอรมันเป็นประเทศที่ได้รับการนิยมในการมาศึกษาต่อมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ จากประเทศ USA หรือ UK ที่เราคนไทยนิยมไปศึกษาต่อกันนี่แหล่ะ โอ๊ะ!!! แสดงว่าน่าสนใจ
เพราะด้วยสาเหตุที่ว่าเยอรมันมีมาตรฐานในการศึกษาค่อนข้างสูงมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ถึงขนาดมีการวัดกันเลยว่าปริญญาเอกของประเทศไหนถ้าตีเป็นมูลค่าแล้วสูงที่เป็รลำดับต้นๆของโลก ซึ่งประเทศนั้นก็คือ "เยอรมัน"
ด้วยการที่ประเทศนี้ได้รับการยกย่องจากทั่วโลกว่าเป็นผู้นำด้านวิศวกรรม ด้านนวัตกรรม จนไปถึงด้านการแพทย์ จนไปถึงเป็นเจ้าของบริษัทชั้นนำมากมายในทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Benz BMW Volkswagen Audi Knor Merck โอยยยเยอะมั่ก!!! จึงเป็นแรงดึงดูดให้นักศึกษาจากทั่วโลกมุ่งที่จะมาศึกษาต่อ ณ ประเทศแห่งนี้
แล้วทีนี้คนไทยอย่างเรา ถ้าจะไปเรียนต่อที่เยอรมันจะต้องเตรียมตัวอย่างไรดีหล่ะ?
เอกสารพื้นฐานที่ต้องมี
1. ผลสอบทางภาษา โดยเฉลี่ยถ้าจะเรียนต่อภาคภาษาอังกฤษ ต้องมี IELT ขั้นต่ำอย่างน้อย 6.5 หรือ ภาคภาษาเยอรมันต้องมีผลสอบภาษาเยอรมันขั้นต่ำ B2 หรือให้ดีต้อง C ขึ้นไป
2. ประสบการณ์ การทำงาน (บางคณะ ต้องการ)
3. Recommendation letter บางครั้งไม่ต้องหาไกลตัว ก็หัวหน้างานเรา หรือ อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยของเรานี่แหล่ะคร๊าบบ
4. Statement of purpose หรือ Motivation letter อันนี้สำคัญมากก นะครับเดี๋ยวไปดูข้างล่าง
5. Certificate หรือ ผลงานอื่นๆ ที่คุณคิดว่ามันจะช่วยให้คุณดูเด่นขึ้น ก็ส่งไปจ้า
ช่วงของการสมัครเรียนต่อ?
ที่เยอรมันนั้นโดยปกติจะเปิดเทอม 2 ช่วงต่อปีคือช่วง
ปลายมีนาคมต้นเมษา และ ตุลาคม ซึ่งโดยเฉลี่ย ช่วงปิดการรับสมัครก็คือช่วงก่อนเปิดเทอมประมาณ 2 เดือน หรือถ้าขอทุนก็จะต้องสมัครให้เร็วกว่านั้น อาจจะ 4-6 เดือนก่อนเปิดเทอม
หาคณะที่ต้องการจากไหน?
ลองหาคณะที่ต้องการได้ง่ายๆ โดย เข้าไปตาม Link นี้
https://www.daad.de/deutschland/en/
แล้วทำการ Search ซะ!!! มีเต็มไปหมดเลยสนุกแน่
โอเค!!! มาต่อกับ เนื้อหากันเลยครับ เพื่อการอ่านง่ายๆ ผมจะ List ออกมาเป็นข้อๆให้ดังนี้
"ข้อดี"
มาตรฐานสูง ตัวเลือกเยอะ
1. จำไว้เลยนะครับ ทุกครั้งที่นึกถึงเยอรมันให้นึกถึงคำว่า กระบวนการ กับมาตฐานไว้ก่อนเลย ดังนั้นหนีไม่พ้นว่ามาตรฐานการศึกษาของเยอรมันนั้นสูงมากสูงจนกระทั่งหลายประเทศในยุโรปด้วยกัน หรือแม้กระทั่งทวีปอื่นๆ ยังยอมรับว่า มาตรฐานการศึกษาของเยอรมันนั้นสูงมากจริงๆ พร้อมด้วยชื่อเสียงของประเทศที่เป็นหนึ่งในด้านของ วิศวกรรม การแพทย์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี จึงทำให้นักศึกษาที่จบจากเยอรมัน ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากทั่วโลก และที่สำคัญคือ หลักสูตรมีให้เลือกเยอะมาก เข้าไปเลือกดูซะ!!! https://www.daad.de/deutschland/en/
2. ค่าเรียนที่เยอรมันค่อนข้างถูกมากกเรียกว่าฟรีได้เลย ฮ่าๆ
ถูกกกกจนหลายคนบอกว่า เรียน(เกือบ)ฟรี กันเลยทีเดียวเพราะเนื่องจากรัฐบาลเยอรมันสนับสนุนด้านการศึกษาอย่างทั่วถึง จนกระทั่งครอบคลุมนักศึกษาที่มาจากต่างประเทศ แต่อาจจะมีข้อยกเว้นในบางหลักสูตรที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงแต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นก็อาจจะไม่สูงมากจนเกินไป ด้วยสาเหตุจากข้อ ที่ 1 และข้อที่ 2 รวมกันจึงทำให้นักศึกษาจากประเทศที่นักศึกษาไทยมักจะไปศึกษาต่อเช่น USA หรือ UK แห่กันมาเรียนที่เยอรมันค่อนข้างสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลองเข้าไปดูเลย!!!
(American students head to Germany for free college) http://www.marketplace.org/2015/04/01/education/learning-curve/american-students-head-germany-free-college
อ๊ะๆ รีบหน่อยนะ บางรัฐเค้ากำลังขึ้นค่าเรียนแล้วนะ ;)
3. ค่าครองชีพไม่แพงจนเกินไป
ค่าครองชีพในเยอรมันนั้น บางอย่างถือว่าถูกกว่าไทยด้วยซ้ำ อาทิ อุปโภค บริโภค การเดินทาง หรืออื่นๆ แต่ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่มักจะอยู่ที่เรื่องที่พักมากกว่าดังนั้นต้องดูดีๆ
ซึ่งถ้าประหยัดๆหน่อย ทำกับข้าวทานเอง ไม่ฟุ่มเฟือย ปาร์ตี้กับทานข้าวนอกบ้านนานๆครั้ง ไม่ช้อปปิ้งมากมาย เดือนๆนึง ก็อยู่ได้แน่นอน แต่อย่างลืมให้ชีวิตมีสีสันหน่อย เที่ยวบ้าง หรือเก็บเงินไปท่องเที่ยวในยุโรปได้สบายๆ
4. ทุนการศึกษาเยอะ
ต้องขอบอกว่า ทุนการศึกษาที่เยอรมันนั้น บางทุนเค้าครอบคลุมได้อลังการจริงๆ นะคือแทบมาแต่ตัวเลย อย่างทุน DAAD(German Academic Exchange Service) นอกจากนี้ก็ยังมีทุนอื่นๆ อีกมากมาย เช่น Erasmus ทุนของมหาวิทยาลัยเอง ทุนจากองค์กรทางสังคม ทุนจากองค์กรภาคธุรกิจ มูลนิธิต่างๆในเยอรมนี เดี่ยวพ่อบ้านจะมาเจาะละเอียดเรื่องทุนให้ฟังแบบละเอียดๆ
5. ทำงานพิเศษและสามารถขอวีซ่าทำงานหลังเรียนจบได้
นักศึกษาที่นี่สามารถทำงานได้ระหว่างทำงาน ถ้าจำไม่ผิด น่าจะ 120 วันในกรณีเต็มวัน และ 240 วันในกรณีครึ่งวัน จึงทำให้มีรายได้เข้ามาช่วยเหลือเราได้ โดยส่วนใหญ่ค่าจ้างขึ้นอยู่กับงานที่นักศึกษาทำ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 9-15 ยูโร และอีกข้อนึงดีนึงที่นักศึกษาจากทั่วโลกชอบมากคือพอเรียนจบทางเยอรมันจะให้ระยะเวลาในการหางานในประเทศเยอรมันต่อ จึงทำให้นักศึกษาที่นี่มีโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัทชั้นนำของเยอรมันซึ่งก็ถือว่าเป็นบริษัทแถวหน้าของโลก อาทิ Audi,BMW,Daimler, Merk, Bosch และอื่นๆ อีกมากมาย
6. ได้ประสบการณ์ที่ล้ำค่าและได้สิทธิประโยชน์การเป็นนักศึกษา
การศึกษาแต่ในห้องเรียนอย่างเดียว บอกตรงๆว่าคง ไม่เพียงพอในการพัฒนาตัวเอง พ่อบ้านรับประกันว่าถ้าคุณมาที่นี่ สิ่งที่คุณจะได้นั้นคือประสบการณ์ที่มีค่า ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้การทำงานอย่างเป็นระบบ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเจ้าของประเทศหรือเพื่อนๆจากทั่วโลก และนอกเหนือกว่านั้นคือในเยอรมันและยุโรปมีสิ่งต่างๆ ที่รอให้คุณไปค้นหาแน่นอนไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม สิ่งก่อสร้าง และยิ่งถ้า!!! คุณเป็นนักศึกษาคุณจะได้สิทธิพิเศษเช่นค่าตั๋วราคาถูก หรือทำกิจกรรมต่างๆ ก็มีส่วนลด อย่างพ่อบ้านนี่ก็สมัครเล่น Sport club ถูกกว่าคนอื่นตั้งครึ่งนึงแหน่ะ เอ้า!!! การผจญภัยรอคุณอยู่แล้ววว
ข้อเสีย
จะพูดแต่ข้อดี อย่างเดียวก็ไม่ได้มาดูข้อเสียกันบ้างดีกว่า
1. ด้วยมาตรฐานที่สูง คุณภาพที่ได้รับการยอมรับ คุณก็จะไม่พ้นอย่างแน่นอนที่จะต้องเรียนหนัก และด้วยระบบการศึกษาที่นี่ อาจารย์เค้าไม่มานั่งจี้คุณนะ คุณต้องรับผิดชอบตัวเอง เพราะที่นี่เด็กเยอรมันแค่ไม่กี่ขวบเค้าก็เริ่มช่วยตัวเองได้ แถมเดินไปโรงเรียนเองอีกต่างหาก
2. หลักสูตรที่นี่เรียนระยะ เวลา 2 ปีเท่านั้น ซึ่งถ้าเกิดไปเทียบกับประเทศอื่นๆ บางประเทศ คุณอาจจะเจอหลักสูตรที่จบได้ไวกว่า อาทิ 1 ปีครึ่งหรือ 1 ปี 8 เดือน
3. แม้จะเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ คุณก็ควรรู้ภาษาเยอรมันบ้าง เพราะอย่างไรก็ตามอย่าลืมว่า เวลาเราไปซื้อของ หรือแม้แต่เวลาเพื่อนๆ คุยกันเวลานอกเวลางานเวลาเค้าพูดเยอรมันคุณจะได้พูดได้
4. ที่พัก หายาก หายากมากกกก หายากโคตร!!!! บอกไว้ก่อนเลย เท่าที่รู้มาบางคนบอกว่า พี่!!! ที่พักหายากกว่าสมัครเรียนอีก 555 บอกเลยว่าบางครั้งเค้าพูดไม่เกินจริงเลยนะ ดังนั้นถ้าได้ใบตอบรับปุ๊บ สิ่งแรกๆ ที่คุณต้องทำคือ หาที่พักแล้ว รีบ Confirm ลองดูเบื้องต้นได้จากในนี้ https://www.daad.de/deutschland/nach-deutschland/bewerbung/en/22222-wohnheimfinder/ หรือ Web อื่นๆ ก็ต้องลองหาดู เพราะอย่าลืมว่านักศึกษามุ่งหน้ามาเยอรมันจากทั่วโลกใครดี ใครไว ใครได้เน้อออ
5. บางเมืองเหงา และเกือบทุกอย่างปิดวันอาทิตย์
สำหรับคนชอบแสงสี อย่าลืมเช็คเมืองที่จะมาก่อนด้วยหล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าพ่อบ้านไม่เตือน เพราะถ้าเมืองเล็กๆ เค้าจะไม่มีร้านค้ามากนัก รวมไปถึงสถานที่ Entertain ต่างๆ นานา แน่นอน คุณอาจจะได้ไปเดินเล่นแต่ในป่า หรือเดินชมฟาร์มวัว แทน จะหาว่าไม่เตือน และที่สำคัญ ที่นี่ทุกอย่างปิดวันอาทิตย์หมด(ยกเว้นร้านอาหารบางร้าน) ไม่มี Seven เหมือนบ้านเรานะ
มาพูดคุยกันต่อได้ ที่ เพจพ่อบ้านเยอรมัน https://www.facebook.com/Germanhousehusbands/