[CR] ทริปชะนีประหยัด "สังขละบุรี" 3วัน2คืน ไม่มีรถส่วนตัว

สวัสดีค่ะนี่ก็เป็นกระทู้แรกของ จขกท นะคะ ส่วนตัวเป็นคนชอบเที่ยวอยู่แล้ว ได้รับแรงบันดาลใจโดยตรงจากรายการกบนอกกะลาเลย ไม่รู้ว่าเพื่อนๆเคยดูกันรึป่าวเนอะ อ่ะว่าแล้วก็เริ่มเที่ยวกันได้เลยยย ย ย แบกเป้หนึ่งใบกับใจพองโต(อรั๊ยย) ก็พร้อมเที่ยวได้แล้วค่ะ หวังว่าใครที่สนใจจะไปเที่ยวสังขละบุรีจะได้รับข้อมูลการเดินทางหรือทริกเล็กๆน้อยๆจากประสบการณ์ตรงของ จขกท นะคะ
     เริ่มแรกเลยคือวันที่ 21-23 ธ.ค. 2560 ที่ผ่านมาหลังจากสอบไฟนอลของมหาลัยมาหมาดๆก็ต้องหาทางปลดปล่อยกันซะหน่อย ตั้งใจไว้ว่าปิดเทอมนี้ต้องหาที่เที่ยวให้ได้ ไม่ไหวแล้วโว้ยยย ช่วงสอบที่ผ่านมา กินๆ นอนๆ อ่านๆ ขลุกตัวอยู่แต่ในมอ แม้จะมีตังค์อยู่น้อยนิดก็จะขูดกระเป๋าตังค์ไปเที่ยวให้ได้ ว่าแล้วก็วางแผนกับเพื่อนสาวอีก 6 คนกันเลยย
     ด้วยความที่ที่เที่ยวในประเทศไทยเราก็มีมากมาย จะไปไหนดีว่ะะ ที่เป็นธรรมชาติๆ เดินทางโดยรถประจำทางได้ ค่าใช้จ่ายไม่สูงเกินไป(ถูกเลยแล้วกัน) แถ่น แทน แท๊นนนน นี่เลยย “สังขละบุรี!!!”
การเดินทาง
เรามาเริ่มกันที่การเดินทางไปสังขละบุรีกันก่อนนะคะ จริงๆแล้วเราสามารถไปได้หลายทางเลย จากการเก็บข้อมูลจากกระทู้พี่ๆ สามารถเดินทางได้ดังนี้ค่ะ
- รถไฟ : จะมีรถไฟฟรีขึ้นได้จากสถานีธนบุรี รอบ 7.50 แต่มันจะไปถึงแค่สถานีน้ำตก แล้วเราต้องหารถไปสังขละบุรีต่อ อันนี้จากการอ่านกระทู้อื่นมา ก็ไม่แน่ใจว่าเราจะหารถที่โบกให้หญิงสาว7นางขึ้นไปคันเดียวกันได้รึป่าว ข้อนี้เลยล่มไปค่ะ
- รถทัวร์จากบขส.สายใต้ใหม่ ราคา 100 บาท ไปลงบขส.กาญจนบุรีใช้เวลาเดินทาง 2 ชม จะมีรถออกทุกครึ่ง ชม แล้วต่อรถตู้ บขส. จากกาญ ไปสังขละบุรี ราคา 175 บาท รถออกทุก 20 นาที ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม ครึ่ง เราเลยเลือกข้อนี้ค่ะ
สรุปคือ
1) รถทัวร์จากสายใต้ใหม่รอบ 8.00 ถึง บขส กาญ 10.00 ราคา 100 บาท
2) รถตู้จาก บขส กาญจนบุรี รอบ 13.10 ถึง บขส สังขละบุรี 16.40 ราคา 175 บาทค่ะ
     ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถทัวร์ จู่ๆเราก็ได้มาค้นพบว่าเฮ้ย บขส มันใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำแควนิดเดียวเองนี่หว่า ถ้าเราหารถไปเที่ยวซัก ชม นึง แล้วค่อยมาขึ้นรถตู้ต่อไปสังขละบุรีก็ยังทัน จึงเป็นเหตุให้พวกเราจับรถตู้รอบ 13.10 นั่นเองค่ะ

     สำหรับเรื่องกระเป๋าสัมภาระไม่ต้องห่วงเลย เพราะที่บริเวณ บขส เค้ามีที่รับฝากกระเป๋าด้วยนะเออ ถึงตรงนี้ต้องขอเล่าถึงความงกของพวกเรานิสนุง เนื่องด้วยตอนที่เราไปสอบถามเที่ยวรถตู้ไปสังขละ เราก็ได้ถามพี่ที่ขายตั๋วว่าเค้ารับฝากกระเป๋ารึป่าว พี่เค้าก็บอกว่ามีร้านกาแฟข้างๆที่ขายตั๋วเนี่ยเค้ารับฝากนะ พวกเราก็จัดแจงไปดูราคากันเรียบร้อย ตามป้ายบอกไว้ว่า ใบเล็ก 35-. ใบกลาง 55-. ใบใหญ่ 85-. พวกเราก็คิดในใจกันล่ะว่าใบที่สะพายอยู่เนี่ย เค้าจะนับว่าเล็ก/กลาง/ใหญ่ว้า จึงได้ทำการบุกร้านกาแฟเพื่อถามราคา พี่เจ้าของร้านคงจะเห็นหน้าตาพวกเราหงิมๆเลยบอกให้เอากระเป๋ามาวางไว้เลย แต่ให้เอาของมีค่าติดตัวไปให้หมด พอถามเรื่องราคาไป พี่เค้าบอกว่า ไม่แพงหรอกน้อง ไอคำนี้แหละค่ะท่านผู้ชม เสียวเหลือเกิน... สุดท้ายพวกเรามารับกระเป๋าคืน (ด้วยในใจคิดว่าเอาล่ะว่ะ เป็นไงเป็นกัน จะต่อราคาให้ถึงที่สุด) พี่เจ้าของร้านบอกว่า 7 ใบ 60! หืมมมม 60 บาทค่ะ โอ้โหหห แทบจะกราบแทบเท้า 555555 เผื่อบังเอิญพี่เจ้าของร้านกาแฟโผล่มาแถวนี้ ก็อยากจะขอบคุณพี่เป็นอย่างสูงเลยนะคะ
     อ่ะมาต่อกันที่การเดินทางไปสะพานแควใหญ่กันนะคะ พวกเรามากันเยอะก็เลยเหมาสองแถวกันเลย คุณลุงใจดีคิดราคา ไปกลับ บขส-สะพานแควใหญ่ 150-. แถมแวะสุสานเชลยทหารสัมพันธมิตรให้ด้วยนะเออ
     มาถึงกันแล้ววว สะพานแควใหญ่ สะพานข้ามแม่น้ำแควเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่ง เป็นสะพานที่สำคัญที่สุดของเส้นทางรถไฟสายมรณะ สร้างขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ได้แก่ ทหารอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย ฮอลันดา และนิวซีแลนด์ประมาณ 61,700 คน สมทบด้วยกรรมกรชาวจีน ญวน ชวา มลายู ไทย พม่า และอินเดีย อีกจำนวนมาก มาก่อสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นเส้นทางผ่านไปสู่ประเทศพม่า ซึ่งเส้นทางช่วงหนึ่งจะต้องข้ามแม่น้ำแควใหญ่ จึงต้องมีการสร้างสะพานขึ้น การสร้างสะพานและทางรถไฟสายนี้ เต็มไปด้วยความยากลำบาก ความทารุณของสงครามและโรคภัย ตลอดจนการขาดแคลนอาหาร ทำให้เชลยศึกหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลง (ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดียค่ะ)
ทางรถไฟบนสะพานที่เห็นในรูปปัจจุบันก็ยังใช้สัญจรกันอยู่นะคะ
     บริเวณสะพานจะมีของขายมากมาย พวกเราก็ได้สอยชุดชาวมอญกันไปคนละชุด ด้วยความที่กลัวว่าที่สังขละจะแพงกว่าป่าวว่ะ ที่นี่ 240 เอาก็เอาว่ะ ซื้อเลยแล้วกัน!
และแล้ว เราก็มาถึง สังขละบุรี!!!!!
     โดยรถบขส จะมาจอดบริเวณตลาดนั่นเอง สำหรับทริปนี้เราจะใช้เวลาเที่ยว 3 วัน 2 คืน รวมวันมาและกลับ ที่พักที่สังขละบุรีจะมีหลายแบบให้เลือกนะคะ พวกเราก็ได้จองที่พักกันมาล่วงหน้าแล้ว โดยดูจากรีวิวพี่ๆหลากๆกระทู้มารวมกัน ก็เป็นอันว่าเราเลือกที่จะพักบนแพ ชื่อแพซองกาเรียน้อย มีลุงบุญเป็นเจ้าของแพ (https://www.ceediz.com/th/travel/kanchanaburi/sp/h/%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%8B%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2.161424/  (เอาลิ้งไป เผื่อใครสนใจจอง)
แพลุงบุญจะอยู่บริเวณสะพานไม้หรือสะพานมอญตามแผนที่นะคะ เดี๋ยวจะมารีวิวให้ฟังว่าที่พักเป็นยังไงบ้าง
     สำหรับการเดินทางจาก บขส ในตลาดมาที่สะพานไม้ส่วนใหญ่จะใช้มอเตอร์ไซด์รับจ้าง ระยะทางประมาณกิโลกว่าๆ แต่เป็นทางลงเขา ราคาอยู่ที่ 20 บาทขาดตัว ด้วยความงกที่สั่งสมกันมาจึงทำให้พวกเราหาทางอื่น นั่นคือ เดินไปติดต่อพี่ที่ บขส อ้อนวอน(ตีน)พี่เจ้าหน้าที่ พี่เค้าก็ใจดีเอารถซาเล้งไปส่ง 7 คน 2 รอบ 80 บาท
     และแล้วเราก็มาถึงสะพานมอญกัน ตามในรูปจะอยู่ด้านขวามือสุดนะคะ เห็นได้ว่ามีแพที่พักมากมายให้เลือกเลย แพลุงบุญเป็นแพที่อยู่ติดสะพานมอญมากที่สุด รูปด้านล่างนี้ถ่ายจากแพลุงบุญ
ทางลงแพก็จะโคลงๆหน่อย
    เราพักที่แพซองกาเรียน้อยกัน2 คืนนะคะ โดยในแพแต่ละหลังจะมีจำนวนห้องพักต่างกัน ที่ จขกท พักจะเป็นแพที่มีห้องนอนห้องเดียวสำหรับ6คน(แต่เราพัก7) มีห้องน้ำในแพ มีลานไม้พร้อมเสื่อให้นั่งกินลมชมวิวได้ ที่ จขกท ชอบมากเลยก็คือ แพของคุณลุงจะมีเครื่องครัวให้อย่างครบครัน ทั้งจาน ชาม ช้อน ส้อม มีด จนไปถึงเตาอั้งโล่ เหมาะแก่การมาสังสรรอย่างมาก555 และในตอนเช้าก็จะมีกาแฟ โอวัลติน ขนมปัง ปาท่องโก๋มาเสิร์ฟให้ที่แพค่ะ
หลังจากเก็บข้าวเก็บของเข้าที่พักเสร็จ ก็ได้เวลาเริ่มทริปเราอย่างจริงจังซะที
ชื่อสินค้า:   เที่ยวสังขละบุรี
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่