26 ธ.ค. 2560 เป็นวันครบรอบ 13 ปี ของการเกิดคลื่นยักษ์ #สึนามิ ที่ภาคใต้ของประเทศไทย ในครั้งนั่นมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก #ภูเก็ต ก็เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักในครั้งนั้น แต่หลังจากเหตุการณ์สงบได้มีจิตอาสาเข้าไปค้นหา ผู้บาดเจ็บ และผู้รอดชีวิต หนึ่งในนั้น คือ คุณพ่อของนนท์ และ นนท์ ธนนท์ ซึ่งตอนนั้นอายุ 8 ปี จขกท ได้บังเอิญไปอ่านเจอในเฟสบุ๊กของผู้ใช้ชื่อว่า "ป้าที สามกอง" รู้สึกประทับใจมาก เลยอยากนำเรื่องราวดีๆ มาแชร์กับทุกคนให้ทราบไปพร้อมกันค่ะ
เรื่องเล่าเมื่อครบ 11 ปีเหตุการณ์สึนามิ
วันนี้(26 ธันวาคม 2558) เป็นวันที่ครบรอบ 11ปีที่ชาวภูเก็ตและเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหลายๆจังหวัด หลายๆประเทศที่พบกับธรณีพิบัติภัยครั้งใหญ่ “สึนามิ” ในวันนั้นคนภูเก็ตไม่รู้จักว่าสึนามิคืออะไร จำได้ว่าเช้าวันนั้น คนในตัวเมืองได้รับแจ้งทางวิทยุว่าเกิดพายุและคลื่นยักษ์กวาดผู้คนล้มตาย อาคารบ้านเรือนเสียหาย ตามบริเวณชายฝั่งทะเล ข่าวที่ส่งมาว่าบริเวณที่เจอภัย สึนามิหนักๆก็คือ กมลา ป่าตอง กะตะ และให้ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะอพยพขึ้นไปบนภูเขา บางคนซึ่งรวมทั้งผู้เขียนไปรวมตัวกันเพื่อรับฟังข่าวจากแหล่งต่างๆเพื่อพร้อมที่จะได้ให้ช่วยเหลือกับผู้ประสบภัยในครั้งนี้ ซึ่งข่าวก็คือข่าว จริงบ้าง ข่าวลือบ้าง ทำให้ในความรู้สึกของคนรับข่าวคือชายทะเลที่เจอภัย สึนามินั้นช่างเป็นสถานที่อันตรายเหลือเกิน ขนาดบางคนหนีภัยขึ้นบนภูเขามาขณะที่นุ่งผ้ากระโจมอกอาบน้ำ ผมเต็มไปด้วยแชมพูยังยอมอยู่ในสภาพนั้นทั้งวันทั้งคืนไม่กล้ากลับลงจากภูขาเพราะกลัวว่าอาจมี after shock อีกรอบ
แต่ในท่ามกลางความกลัวว่าจะเกิด after shock กลัวเจอศพของผู้คนที่ตลอดทั้งวันได้รับข่าวว่าที่ตรงนั้นตรงนี้มีคนตายเยอะแยะ ก็ยังมีหลายๆคนที่มีจิตอาสาจะไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ติดค้างในอาคารบ้านเรือนและโรงแรมตามชายฝั่งทะเล ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ พ่อน้องนนท์ที่ชวนลูกชายวัย 8 ขวบ ขับรถข้ามเขาไปยังหาดกะตะน้อยเพื่อไปช่วยค้นหาและให้ความช่วยเหลือ เผื่อมีใครตกค้างในอาคารที่ประสบภัยสึนามิในตอนเช้าของวันนั้น พ่อน้องนนท์เล่าให้ผู้เขียนฟังภายหลังว่าสองพ่อลูกถือไฟฉายคนละกระบอกเข้าไปในอาคารโรงแรมแห่งหนึ่งช่วยกันส่องหาและส่งเสียงว่ามีใครติดอยู่ในอาคารแห่งนั้นบ้าง ซึ่งนับเป็นโชคดีของนักท่องเที่ยวชายชาวฟินแลนด์คนหนึ่งซึ่งหนีภัยน้ำท่วมอยู่ชั้นบนอาคารตามลำพังเพราะเพื่อนร่วมทริปซึ่งรวมทั้งภรรยาของท่านเข้ามาเที่ยวในตัวเมืองตั้งแต่เช้าตรู่และไม่สามารถติดต่อกันได้ก็เลยอยู่รอที่นั้นไม่กล้าไปไหนกลัวจะพลัดหลงกัน(วันนั้นไฟฟ้าดับ และสัญญาณโทรศัพท์ใช้งานไม่ได้ตลอดทั้งวัน) ทั้งสองพ่อลูกจึงได้ชักชวนนักท่องเที่ยวท่านนั้นไปด้วยกันเพื่อมาตามหาภรรยาในตัวเมือง ซึ่งในที่สุดก็ได้เจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาและหาที่พักในตัวเมืองเพื่อเตรียมตัวกลับประเทศต่อไปโดยพ่อได้ให้หมายเลขโทรศัพท์ไว้เผื่อหากมีปัญหาในการเดินทางจะได้โทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือได้ พ่อน้องนนท์เล่าให้ฟังว่าฝ่ายนักท่องเที่ยวทั้งสองคนจะมอบเงินรางวัลเป็นการขอบคุณเด็กน้อยที่มีความกล้าหาญและมีน้ำใจช่วยเหลือแต่น้องไม่ยอมรับแถมกระซิบบอกพ่อว่า “พ่ออย่าไปรับเงินเค้านะลูกสงสารเค้า”
ที่จริงเรื่องที่เล่ามานี้ก็น่าจะจบไปตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2547 แล้ว เพราะน้องนนท์กับพ่อ ก็เหมือนกับคนไทยใจดีอีกหลายๆคนที่ทำดีเพื่อให้ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทอง หรือคำสรรเสริญประกาศเกียรติคุณใดๆ แต่ไม่คาดว่าอีกสิบปีต่อมาชาวต่างประเทศทั้งสองท่านเดินทางกลับมาเที่ยวภูเก็ตอีกครั้งเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น และอยากพบหน้าเด็กน้อยที่เคยช่วยเหลือพวกเขาอีกครั้ง เมื่อมาถึงเมืองไทยทั้งสองสามีภรรยาก็โทรศัพท์หาพ่อน้องนนท์ว่าอยากพบน้องนนท์(โดยที่ไม่รู้มาก่อนว่าน้องไปเป็นนักร้องที่กรุงเทพแล้ว) และช่างบังเอิญที่น้องนนท์มีกำหนดมาร้องเพลงที่ภูเก็ต(วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557) พอดี ซึ่งพ่อก็ทำเซอไพรส์ไม่บอกให้ทั้งสองฝ่ายรู้ตัวล่วงหน้า พอทั้งสองเห็นป้ายไวนิล เห็นตัวนักร้องที่กำลังยืนร้องเพลงอยู่ก็เอะอะตื่นเต้นกันใหญ่เพราะนึกไม่ถึง ยิ่งพอเราบอกว่าน้องชนะการประกวด The Voice Thailand 1 ก็ยิ่งชื่นชมเพราะทางฟินแลนด์ก็มีการแข่งขัน The Voice เหมือนกัน
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ก็เพราะน้องชมภู่ แฟนคลับน้องนนท์ที่ไปภูเก็ตด้วยในวันนั้น เห็นว่ามีอะไรกันเอะอะตื่นเต้นผู้เขียนเลยเล่าให้ฟัง และวันนี้(26 ธันวาคม 2558) น้องชมภู่ได้ลงเรื่องนี้ในเฟสบุค เลยเมนต์ตอบกับไปตอบกันมา และมีคนขอให้ผู้เขียน เขียนเล่าให้ฟังว่าเรื่องเป็นยังไง มายังไง ทั้งนี้เนื่องจากผู้เขียนมีอาชีพครูก็เลยยินดีเขียนเพื่อเล่าสู่กันฟัง เผื่อเด็กๆได้อ่านได้รู้ว่าในสังคมนี้มีคนมากมายที่ชอบจะทำดี เสียสละ มีน้ำใจโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และหนึ่งในจำนวนนั้นคือ น้องนนท์ ธนนท์ จำเริญ ซึ่งแน่นอนว่าท่านที่อ่านมาตั้งแต่ต้นคงเห็นชัดเจนว่าต้นแบบของน้องนนท์คือใคร....
การพบกันครั้งแรกหลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น 11 ปี
ติดตามอ่านเรื่องเล่าฉบับเต็มได้ที่ลิงค์นี้นะคะ Cr. FB ป้าที สามกอง
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=943201022421711&id=100001954672562
**จขกท ติดตามผลงานธนนท์มานาน แต่เพิ่งเป็นสมาชิกพันทิปได้ไม่นาน เป็นมือใหม่หัดตั้งกระทู้ เพื่อนๆท่านใดมีคำแนะนำในการตั้งกระทู้ โปรดชี้แนะด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
รำลึก 13 ปี สึนามิ กับ "นนท์ ธนนท์"
เรื่องเล่าเมื่อครบ 11 ปีเหตุการณ์สึนามิ
วันนี้(26 ธันวาคม 2558) เป็นวันที่ครบรอบ 11ปีที่ชาวภูเก็ตและเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหลายๆจังหวัด หลายๆประเทศที่พบกับธรณีพิบัติภัยครั้งใหญ่ “สึนามิ” ในวันนั้นคนภูเก็ตไม่รู้จักว่าสึนามิคืออะไร จำได้ว่าเช้าวันนั้น คนในตัวเมืองได้รับแจ้งทางวิทยุว่าเกิดพายุและคลื่นยักษ์กวาดผู้คนล้มตาย อาคารบ้านเรือนเสียหาย ตามบริเวณชายฝั่งทะเล ข่าวที่ส่งมาว่าบริเวณที่เจอภัย สึนามิหนักๆก็คือ กมลา ป่าตอง กะตะ และให้ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะอพยพขึ้นไปบนภูเขา บางคนซึ่งรวมทั้งผู้เขียนไปรวมตัวกันเพื่อรับฟังข่าวจากแหล่งต่างๆเพื่อพร้อมที่จะได้ให้ช่วยเหลือกับผู้ประสบภัยในครั้งนี้ ซึ่งข่าวก็คือข่าว จริงบ้าง ข่าวลือบ้าง ทำให้ในความรู้สึกของคนรับข่าวคือชายทะเลที่เจอภัย สึนามินั้นช่างเป็นสถานที่อันตรายเหลือเกิน ขนาดบางคนหนีภัยขึ้นบนภูเขามาขณะที่นุ่งผ้ากระโจมอกอาบน้ำ ผมเต็มไปด้วยแชมพูยังยอมอยู่ในสภาพนั้นทั้งวันทั้งคืนไม่กล้ากลับลงจากภูขาเพราะกลัวว่าอาจมี after shock อีกรอบ
แต่ในท่ามกลางความกลัวว่าจะเกิด after shock กลัวเจอศพของผู้คนที่ตลอดทั้งวันได้รับข่าวว่าที่ตรงนั้นตรงนี้มีคนตายเยอะแยะ ก็ยังมีหลายๆคนที่มีจิตอาสาจะไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ติดค้างในอาคารบ้านเรือนและโรงแรมตามชายฝั่งทะเล ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ พ่อน้องนนท์ที่ชวนลูกชายวัย 8 ขวบ ขับรถข้ามเขาไปยังหาดกะตะน้อยเพื่อไปช่วยค้นหาและให้ความช่วยเหลือ เผื่อมีใครตกค้างในอาคารที่ประสบภัยสึนามิในตอนเช้าของวันนั้น พ่อน้องนนท์เล่าให้ผู้เขียนฟังภายหลังว่าสองพ่อลูกถือไฟฉายคนละกระบอกเข้าไปในอาคารโรงแรมแห่งหนึ่งช่วยกันส่องหาและส่งเสียงว่ามีใครติดอยู่ในอาคารแห่งนั้นบ้าง ซึ่งนับเป็นโชคดีของนักท่องเที่ยวชายชาวฟินแลนด์คนหนึ่งซึ่งหนีภัยน้ำท่วมอยู่ชั้นบนอาคารตามลำพังเพราะเพื่อนร่วมทริปซึ่งรวมทั้งภรรยาของท่านเข้ามาเที่ยวในตัวเมืองตั้งแต่เช้าตรู่และไม่สามารถติดต่อกันได้ก็เลยอยู่รอที่นั้นไม่กล้าไปไหนกลัวจะพลัดหลงกัน(วันนั้นไฟฟ้าดับ และสัญญาณโทรศัพท์ใช้งานไม่ได้ตลอดทั้งวัน) ทั้งสองพ่อลูกจึงได้ชักชวนนักท่องเที่ยวท่านนั้นไปด้วยกันเพื่อมาตามหาภรรยาในตัวเมือง ซึ่งในที่สุดก็ได้เจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาและหาที่พักในตัวเมืองเพื่อเตรียมตัวกลับประเทศต่อไปโดยพ่อได้ให้หมายเลขโทรศัพท์ไว้เผื่อหากมีปัญหาในการเดินทางจะได้โทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือได้ พ่อน้องนนท์เล่าให้ฟังว่าฝ่ายนักท่องเที่ยวทั้งสองคนจะมอบเงินรางวัลเป็นการขอบคุณเด็กน้อยที่มีความกล้าหาญและมีน้ำใจช่วยเหลือแต่น้องไม่ยอมรับแถมกระซิบบอกพ่อว่า “พ่ออย่าไปรับเงินเค้านะลูกสงสารเค้า”
ที่จริงเรื่องที่เล่ามานี้ก็น่าจะจบไปตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2547 แล้ว เพราะน้องนนท์กับพ่อ ก็เหมือนกับคนไทยใจดีอีกหลายๆคนที่ทำดีเพื่อให้ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทอง หรือคำสรรเสริญประกาศเกียรติคุณใดๆ แต่ไม่คาดว่าอีกสิบปีต่อมาชาวต่างประเทศทั้งสองท่านเดินทางกลับมาเที่ยวภูเก็ตอีกครั้งเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น และอยากพบหน้าเด็กน้อยที่เคยช่วยเหลือพวกเขาอีกครั้ง เมื่อมาถึงเมืองไทยทั้งสองสามีภรรยาก็โทรศัพท์หาพ่อน้องนนท์ว่าอยากพบน้องนนท์(โดยที่ไม่รู้มาก่อนว่าน้องไปเป็นนักร้องที่กรุงเทพแล้ว) และช่างบังเอิญที่น้องนนท์มีกำหนดมาร้องเพลงที่ภูเก็ต(วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557) พอดี ซึ่งพ่อก็ทำเซอไพรส์ไม่บอกให้ทั้งสองฝ่ายรู้ตัวล่วงหน้า พอทั้งสองเห็นป้ายไวนิล เห็นตัวนักร้องที่กำลังยืนร้องเพลงอยู่ก็เอะอะตื่นเต้นกันใหญ่เพราะนึกไม่ถึง ยิ่งพอเราบอกว่าน้องชนะการประกวด The Voice Thailand 1 ก็ยิ่งชื่นชมเพราะทางฟินแลนด์ก็มีการแข่งขัน The Voice เหมือนกัน
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ก็เพราะน้องชมภู่ แฟนคลับน้องนนท์ที่ไปภูเก็ตด้วยในวันนั้น เห็นว่ามีอะไรกันเอะอะตื่นเต้นผู้เขียนเลยเล่าให้ฟัง และวันนี้(26 ธันวาคม 2558) น้องชมภู่ได้ลงเรื่องนี้ในเฟสบุค เลยเมนต์ตอบกับไปตอบกันมา และมีคนขอให้ผู้เขียน เขียนเล่าให้ฟังว่าเรื่องเป็นยังไง มายังไง ทั้งนี้เนื่องจากผู้เขียนมีอาชีพครูก็เลยยินดีเขียนเพื่อเล่าสู่กันฟัง เผื่อเด็กๆได้อ่านได้รู้ว่าในสังคมนี้มีคนมากมายที่ชอบจะทำดี เสียสละ มีน้ำใจโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และหนึ่งในจำนวนนั้นคือ น้องนนท์ ธนนท์ จำเริญ ซึ่งแน่นอนว่าท่านที่อ่านมาตั้งแต่ต้นคงเห็นชัดเจนว่าต้นแบบของน้องนนท์คือใคร....
การพบกันครั้งแรกหลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น 11 ปี
ติดตามอ่านเรื่องเล่าฉบับเต็มได้ที่ลิงค์นี้นะคะ Cr. FB ป้าที สามกอง
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=943201022421711&id=100001954672562
**จขกท ติดตามผลงานธนนท์มานาน แต่เพิ่งเป็นสมาชิกพันทิปได้ไม่นาน เป็นมือใหม่หัดตั้งกระทู้ เพื่อนๆท่านใดมีคำแนะนำในการตั้งกระทู้ โปรดชี้แนะด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ