เรื่อง ซื้อบ้านกับคนบ้า
- สนใจซื้อบ้านมือสองหลังนึง ในโฉนดมีเจ้าของสองคน คือ ลุงมะเร็ง กับลุงหงอย ราคา 2.8 ล้าน
- ลุงมะเร็งก็ตาย แต่มีเมียชื่อ ป้าประสาท ซึ่งป้าก็คงไม่ค่อยถูกกันกับลุงหงอยหรอก เลยจะขาย จะได้แยกย้ายกัน
- คราวนี้บ้านจะขายได้ ป้าประสาทจะต้องไปยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดกก่อน ซึ่งโดนพี่น้องของลุงมะเร็งค้าน แย่งทรัพย์สินกันพอเป็นพิธี แต่เอาเป็นว่าป้าสู้มาได้ ป้าชนะ ได้บ้านมาครึ่งหลัง
- ลุงหงอยอยากจะขายๆบ้านจะได้จบๆไป เลยติดประกาศขายบ้านด่วน
- มาฝั่งเรา อยากจะซื้อก็ไปยื่นกู้ธนาคาร ก็ต้องทำสัญญา ฝั่งผู้ขายก็ต้องแสดงหลักฐานว่าเป็นเจ้าของทรัพย์ สามารถขายได้ ป้าประสาทไม่ให้ความร่วมมือสักอย่าง แม้แต่บัตรประชาชนก็ไม่ยอมให้ เรื่องวุ่นวายๆ กว่าจะเอาหลักฐานมาครบจนสามารถยื่นกู้กับธนาคารได้ เหนื่อยพอดู
- อะเค ไม่เป็นไร ดันๆ จนผ่านมาได้ ธนาคารอนุมัติ 1.8 ล้าน บาท ตะนี้ป้าก็เยอะอีก จะให้แยกเงินที่จะจ่ายให้ป้าประสาท (1.6 ล้าน) และลุงหงอย (1 ล้าน + มัดจำที่วางไปตอนแรก 2 แสนบาท)
- ธนาคารจ่ายเช็คให้แค่คู่สัญญา นั่นคือลุงหงอย กะ ผู้กู้เท่านั้น ทีนี้ ทำไงหละ
- ฝั่งลุงหงอยโอเค เอาเช็คธนาคารไป 1.6 ล้านบาท เอาเข้าธนาคารแล้วคืนผู้ซื้อ 6 แสนบาท แต่ป้าประสาท ต้องไปหาเงินนอกบัญชีมาให้ป้าอะดิ
- ไม่เป็นไร หาไปหามาไม่พอแฮะ ขาดอีก 3 แสน เลยไปยืมแม่พี่คนหนึ่งมา ซึ่งก็ใจดี ให้ยืมมาก่อน ไม่คิดดอก แต่มีเงื่อนไขว่าต้องโอนคืนภายในบ่ายสอง ของวันที่โอนที่ดิน
- เราเอาเงินที่รวบรวมมาจนได้ 1.6 ล้าน บาท ไปธนาคาร ออกแคสเชียร์เช็คในชื่อป้าประสาท คิดว่าไอ้คนที่มีปัญหาที่สุดได้เงินไปแล้วคงไม่มีปัญหาอะไร
- อะ วางแผนกัน ธนาคารนัด 9.30 เราไปกรมที่ดินแต่เช้า ทำเรื่องโอนคิวแรกๆ เช็คแยกมาแล้วไม่เกินเที่ยงเสร็จ ไปธนาคารสาขาใหญ่ต่อเอาเช็คเข้าโอนเงินคืนที่ยืมมา 3 แสนบาท ไม่น่าเกินบ่ายสอง ทันๆ
- ถึงวันจริง นัด 9.30 ผู้ซือมา 7.00 ลุงหงอยมา 8.00 ป้าประสาทและพวกมากันเกือบ 10.30 โมง ลุงหงอยมากะเมีย แต่ป้าประสาทหอบลูก 3 คน+ เมียของลูกอีก 2 คน มาทั้งบ้านจ้า สองคันรถ มาไมวะ
- อ่อ ระหว่างรอ ลุงหงอยรับโทรศัพท์จากพี่น้องของลุงเองอีกคน ลุงหงอยบอกว่าถูกเรียกเงิน 5 หมื่น โอนแล้วจะโทรไปบอกป้าประสาทให้มาโอนบ้าน โห้ นี่พี่น้องกันหรอนึกว่าปลิง แกบอกแกมี 3 หมื่น ให้โทรไปบอกป้าประสาทมาก่อน แล้วจะ โอนเงินให้ ...อะอันนี้จบไป
- รอไปรอมา 10.30 ป้าประสาทและพวกก็มา และปัญหามันเกิดตรงนี้แหละ ไอ่เฮียตี๋ลูกป้าประสาท ไม่ยอมให้แม่โอนเว๊ย บอกว่ามันไม่เชื่อใจเช็ค มันบอกว่าถ้าโอนบ้านเรียบร้อย ผู้ซื้อจะโทรไปอายัดเช็คได้ ให้เราเอาเช็คเข้าบัญชีให้ก่อน อ่าว เรื่องเดะ มันก็ต้องทำกันตรงนั้นดิวะ คุณเอาเงินเข้าบัญชีแล้วขับรถหนี เราไม่ซวยเรอะ (เฮ๊ย เป็นไรมากป่ะเนี่ย)
- มันพาไปสถานนีตำรวจจ้า ให้ตำรวจไปลงบันทึกว่า เรามีเช็คเลขนี้ๆๆ จะซื้อโฉนดที่ดินเลขที่นี่ๆๆ เพื่ออออออออ ตำรวจยังงงว่าพวกเมิงมาเล่นอะไรกัน อะแจ้งจนลงบันทึกประจำวัน ก็ไม่มีไรเสียหายก็ดีลงบันทึกไว้ต่อหน้าตำรวจ จะได้สบายใจ….ป้าประสาทได้กล่าวไว้ พอออกมาขึ้นรถ ลุงหงอยบอกเดี๋ยวไปที่ดินต่อเลย ไอ่เฮียตี๋บอกว่าเราจะไปธนาคารที่ออกเช็คเพื่อเอาเช็คขึ้นเงินเข้าบัญชีแม่มัน ก็เลยเถียง ก็บอกไหนว่าแค่แจ้งความไง ไหงพูดงี้ แล้วมีหน้ามาบอกให้เราลงในบันทึกว่าเราเป็นผู้แจ้ง แม่มันไม่ได้แจ้ง เอ่อ ประสาทเหมือนแม่เน้อ เช็คเรา เงินเรา เอามาซื้อบ้าน จะลำบากมาลงบันทึกประจำวันแจ้งความตัวเองทำม้ายยย
- ถึงธนาคาร มันบอกจะให้เราเอาเงินสดมาให้มันเลย บอกกลับไปจะบ้าป่าว เรื่องยังไม่ได้ดำเนินการเลยโฉนดยังไม่ได้มาถึงมือเราเลย จะให้เอาให้มันได้ไง โกรธมาก มีการมาชี้หน้ากลับด้วยว่า
จะซื้อไม่ซื้อ ไม่อยากซื้อก็ไม่ต้องซื้อ เลยบอกกลับไปว่าไม่ซื้อแล้วโว๊ย
- ป้าเมียลุงหงอยเดินมาบอกว่าใจเย็นๆ เราถามธนาคารก่อนไหมว่าเค้ามีเงินสดให้เราเบิกไหม 1.6 ล้าน ให้เอาเช็คเข้าแล้วเบิกเงินสดมาให้เราถือ เลยไปปรึกษาธนาคาร
-พี่รอง ผจก ธนาคาร ให้คำแนะนำดีมาก ว่าเอางี้ไหม ให้ป้ามาเปิดบัญชี เอาเช็คเข้า เอาเงินออกไปถือไว้ แล้วค่อยไปที่ดิน มันก็เลยยอม แต่ใจก็เสียวๆ ถ้าเกิดมันเอาเช็คเข้าแล้ว ไม่ยอมถอนออกมาจะทำไง เช็คเงินสด สลักชื่อป้าไปแล้วด้วย
- แต่ดีหน่อย ดูจากที่ธนาคารจัดการให้ก็เรียบร้อยดี ตีสมุด เตรียมเอกสารให้ทั้งฝากเช็ค ทั้งถอนออกมาให้ป้าเซ็นครบถ้วน ก็เซ็นกัน โดยที่ไอ่เฮียตี๋คอยชี้ให้แม่เซ็นต์นี่ๆๆ เร็วๆ ท่าทางอยากได้มาก
- ได้เงินออกมา ก็นับที่เครื่องใช่มะ ส่วนเงินล้าน ส่วนใหญ่ ธนาคารเขาจะห่อไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนเศษแสนก็ไปยืนดูเครื่องนับเงินกัน อะเค ทุกคนไปดู แยกย้าย แต่พอเดินออกมา ไอ่เฮียตี๋นั่น ก็ยังมีหน้ามาพูดอีกว่า เดวเรามานับกันอีกที เมิงจะนับทำไมอีกกกก เสียเวลาโว๊ย
- หอบเงินสด พากันกลับมาถึงที่ดิน ปาเข้าไปจะบ่ายสองครึ่ง เรื่องที่สัญญากับแม่เพื่อนไว้ว่าต้องไปคืนเงินที่ยืมมาไว้ เครียดมาก ณ จุดนี้ แต่ทำไงได้ คนขายมันเยอะ จุดนี้เสียใจมากที่ต้องผิดคำพูด
- รอสิทีนี้ ธนาคารก็รอ ที่ดินก็รอ นัดเขาไว้แต่เช้ากว่าจะยอม (เห็นเงินแล้วเลยยอมจะโอนหนะ) ได้คิวก็ปาเข้าไปสี่โมงครึ่ง ขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ดินและธนาคารมาก ณ จุดนี้ ที่ยอมรอเรา
- พอจะเดินเรื่องโอน ก็เริ่มมีปัญหาอีกหละ ฝั่งเราเอกสารครบ เงินอยู่ในมือ พร้อมจ่ายแล้ว แต่ผู้ขายเอกสารอันนั้นไม่มี อันนี้ไม่ได้แจ้ง ตรงนี้ใครทำ อะไรหายๆ ฯลฯ ปัญหาร้อยแปด ไม่มีการเตรียมตัวใดๆ มาเลย กว่าจะได้เรียกให้เซ็นล่อเข้าไปจะหกโมงแล้ว
- ที่ผ่านมาเงินสดที่ถอนมา อยู่ในซองเย็บสนิทออกมาจากธนาคาร พอไอ่เฮียตี๋จะเอา มาบอกอีก ขอนับเงิน (เอาจริงใช่ไหม) นับไปงั้น ยืนเฝ้าหละ พวกเมิงนับกันเองนะ แต่ก็เถอะ เสียเวลาไปอีก
- ป้าประสาทแอบมีหันหน้ามาบอกด้วยนะ เดวเราให้เงินกันแล้ว จะได้จบๆ กัน ไม่ต้องรู้จักกันอีก อยากจะตะโกนไปดังๆ ว่า ใครอยากรู้จักกะเมิ๊งงงงง
- เสร็จเรื่องโฉนดข้างบน ลงมาหาเจ้าหน้าที่ธนาคารข้างล่าง ทำเรื่องจำนอง รับเช็ค มอบเงินกันเรียบร้อย เงินทั้งซองนั้นก็เอาวางไว้งั้นแหละ แล้วเขี่ยๆ ไปให้ฝั่งนู้น โดยไม่มองหน้ากันอีกเลย เห็นแค่หางตาว่าป้าประสาทนั่งทำหน้าหงอยๆ ส่วนลูกๆ ทั้งสาม มองกันตาวาว เลยพอจะเข้าใจหละว่าอยู่กันมายังไง ทำไมถึงมีปัญหากันแบบนี้
- จบแล้ว โอนบ้านเรียบร้อย แต่ก็ยังค้างเรื่องคืนเงินที่ยืมมา ต้องไปหาหยิบยืมคนอื่นมาคืนให้ได้ภายในวันนั้นซึ่งก็ขอบคุณพี่ชายที่ให้ความช่วยเหลือ เสียเวลาขับรถไปไกลเพื่อไปหาตู้โอนให้
- ต่ออีกนิด เรื่องนี้สอนอะไรดี ข้อแรกที่คิดได้ ก่อนไปทำธุรกรรมอะไรกับใคร ตรวจสอบประวัติ เช็คพฤติกรรมเขาก่อนก็ดี ถ้าทำได้ รวมถึงให้เขาแสดงให้ดูด้วยว่าเขามีความสามารถในการขายสิ่งที่เขาต้องการขายจริงหรือไม่ ก่อนเริ่มเดินเรื่องฝั่งเรา
-ข้อสองคืออาจจะต้องมีความละเอียดรอบคอบ รู้จักวางแผนจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ มีสติรับมือกับเหตุเหล่านั้น
-อีกข้ออยากแถม เลี้ยงลูกมายังไง ลูกมันก็เลยโตมาเป็นอย่างงั้น สันดานล้วนๆ งานนี้ดูแล้วป้าประสาทขายบ้านไป จะได้เงินเองสักบาทหรือเปล่าก็ไม่รู้ เงินสด 1.6 ล้าน วางตรงหน้าลูกๆ สามคน ที่มีแววตาของความโลภอยู่เต็มไปหมด โดยที่ไม่เคยสนใจถามไถ่อะไรแม่ตัวเองสักคำตลอดทั้งวันที่ผ่านมา สิ่งที่พูดกับแม่ตัวเองก็คือ แม่เซ็นตรงนี้ๆๆๆ แถมขู่แม่ตัวเองด้วยอารมณ์ว่าแม่ตัดสินใจเองนะ เกิดอะไรขึ้นมาก็เพราะแม่ (คือตัวป้าแอบมีช่วงใจอ่อนยอมรับเช็คก็ได้แล้ว) บลาๆๆๆ งานนี้ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกรรมหละกันนะ อย่าได้เจอกันอีกเลย ชาตินี้...
ขออภัยนะครับ หาก tag ไม่ถูกต้อง แต่อยากแบ่งปันประสบการณ์ที่ผมได้พบจากการซื้อขายบ้านมือสองที่เพิ่งได้พบเจอมาครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ ใกล้ปีใหม่แล้วก็ขอให้มีความสุขตลอดเทศกาลปีใหม่นี้ครับ
ซื้อบ้านกับคนบ้า...
- สนใจซื้อบ้านมือสองหลังนึง ในโฉนดมีเจ้าของสองคน คือ ลุงมะเร็ง กับลุงหงอย ราคา 2.8 ล้าน
- ลุงมะเร็งก็ตาย แต่มีเมียชื่อ ป้าประสาท ซึ่งป้าก็คงไม่ค่อยถูกกันกับลุงหงอยหรอก เลยจะขาย จะได้แยกย้ายกัน
- คราวนี้บ้านจะขายได้ ป้าประสาทจะต้องไปยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดกก่อน ซึ่งโดนพี่น้องของลุงมะเร็งค้าน แย่งทรัพย์สินกันพอเป็นพิธี แต่เอาเป็นว่าป้าสู้มาได้ ป้าชนะ ได้บ้านมาครึ่งหลัง
- ลุงหงอยอยากจะขายๆบ้านจะได้จบๆไป เลยติดประกาศขายบ้านด่วน
- มาฝั่งเรา อยากจะซื้อก็ไปยื่นกู้ธนาคาร ก็ต้องทำสัญญา ฝั่งผู้ขายก็ต้องแสดงหลักฐานว่าเป็นเจ้าของทรัพย์ สามารถขายได้ ป้าประสาทไม่ให้ความร่วมมือสักอย่าง แม้แต่บัตรประชาชนก็ไม่ยอมให้ เรื่องวุ่นวายๆ กว่าจะเอาหลักฐานมาครบจนสามารถยื่นกู้กับธนาคารได้ เหนื่อยพอดู
- อะเค ไม่เป็นไร ดันๆ จนผ่านมาได้ ธนาคารอนุมัติ 1.8 ล้าน บาท ตะนี้ป้าก็เยอะอีก จะให้แยกเงินที่จะจ่ายให้ป้าประสาท (1.6 ล้าน) และลุงหงอย (1 ล้าน + มัดจำที่วางไปตอนแรก 2 แสนบาท)
- ธนาคารจ่ายเช็คให้แค่คู่สัญญา นั่นคือลุงหงอย กะ ผู้กู้เท่านั้น ทีนี้ ทำไงหละ
- ฝั่งลุงหงอยโอเค เอาเช็คธนาคารไป 1.6 ล้านบาท เอาเข้าธนาคารแล้วคืนผู้ซื้อ 6 แสนบาท แต่ป้าประสาท ต้องไปหาเงินนอกบัญชีมาให้ป้าอะดิ
- ไม่เป็นไร หาไปหามาไม่พอแฮะ ขาดอีก 3 แสน เลยไปยืมแม่พี่คนหนึ่งมา ซึ่งก็ใจดี ให้ยืมมาก่อน ไม่คิดดอก แต่มีเงื่อนไขว่าต้องโอนคืนภายในบ่ายสอง ของวันที่โอนที่ดิน
- เราเอาเงินที่รวบรวมมาจนได้ 1.6 ล้าน บาท ไปธนาคาร ออกแคสเชียร์เช็คในชื่อป้าประสาท คิดว่าไอ้คนที่มีปัญหาที่สุดได้เงินไปแล้วคงไม่มีปัญหาอะไร
- อะ วางแผนกัน ธนาคารนัด 9.30 เราไปกรมที่ดินแต่เช้า ทำเรื่องโอนคิวแรกๆ เช็คแยกมาแล้วไม่เกินเที่ยงเสร็จ ไปธนาคารสาขาใหญ่ต่อเอาเช็คเข้าโอนเงินคืนที่ยืมมา 3 แสนบาท ไม่น่าเกินบ่ายสอง ทันๆ
- ถึงวันจริง นัด 9.30 ผู้ซือมา 7.00 ลุงหงอยมา 8.00 ป้าประสาทและพวกมากันเกือบ 10.30 โมง ลุงหงอยมากะเมีย แต่ป้าประสาทหอบลูก 3 คน+ เมียของลูกอีก 2 คน มาทั้งบ้านจ้า สองคันรถ มาไมวะ
- อ่อ ระหว่างรอ ลุงหงอยรับโทรศัพท์จากพี่น้องของลุงเองอีกคน ลุงหงอยบอกว่าถูกเรียกเงิน 5 หมื่น โอนแล้วจะโทรไปบอกป้าประสาทให้มาโอนบ้าน โห้ นี่พี่น้องกันหรอนึกว่าปลิง แกบอกแกมี 3 หมื่น ให้โทรไปบอกป้าประสาทมาก่อน แล้วจะ โอนเงินให้ ...อะอันนี้จบไป
- รอไปรอมา 10.30 ป้าประสาทและพวกก็มา และปัญหามันเกิดตรงนี้แหละ ไอ่เฮียตี๋ลูกป้าประสาท ไม่ยอมให้แม่โอนเว๊ย บอกว่ามันไม่เชื่อใจเช็ค มันบอกว่าถ้าโอนบ้านเรียบร้อย ผู้ซื้อจะโทรไปอายัดเช็คได้ ให้เราเอาเช็คเข้าบัญชีให้ก่อน อ่าว เรื่องเดะ มันก็ต้องทำกันตรงนั้นดิวะ คุณเอาเงินเข้าบัญชีแล้วขับรถหนี เราไม่ซวยเรอะ (เฮ๊ย เป็นไรมากป่ะเนี่ย)
- มันพาไปสถานนีตำรวจจ้า ให้ตำรวจไปลงบันทึกว่า เรามีเช็คเลขนี้ๆๆ จะซื้อโฉนดที่ดินเลขที่นี่ๆๆ เพื่ออออออออ ตำรวจยังงงว่าพวกเมิงมาเล่นอะไรกัน อะแจ้งจนลงบันทึกประจำวัน ก็ไม่มีไรเสียหายก็ดีลงบันทึกไว้ต่อหน้าตำรวจ จะได้สบายใจ….ป้าประสาทได้กล่าวไว้ พอออกมาขึ้นรถ ลุงหงอยบอกเดี๋ยวไปที่ดินต่อเลย ไอ่เฮียตี๋บอกว่าเราจะไปธนาคารที่ออกเช็คเพื่อเอาเช็คขึ้นเงินเข้าบัญชีแม่มัน ก็เลยเถียง ก็บอกไหนว่าแค่แจ้งความไง ไหงพูดงี้ แล้วมีหน้ามาบอกให้เราลงในบันทึกว่าเราเป็นผู้แจ้ง แม่มันไม่ได้แจ้ง เอ่อ ประสาทเหมือนแม่เน้อ เช็คเรา เงินเรา เอามาซื้อบ้าน จะลำบากมาลงบันทึกประจำวันแจ้งความตัวเองทำม้ายยย
- ถึงธนาคาร มันบอกจะให้เราเอาเงินสดมาให้มันเลย บอกกลับไปจะบ้าป่าว เรื่องยังไม่ได้ดำเนินการเลยโฉนดยังไม่ได้มาถึงมือเราเลย จะให้เอาให้มันได้ไง โกรธมาก มีการมาชี้หน้ากลับด้วยว่า
จะซื้อไม่ซื้อ ไม่อยากซื้อก็ไม่ต้องซื้อ เลยบอกกลับไปว่าไม่ซื้อแล้วโว๊ย
- ป้าเมียลุงหงอยเดินมาบอกว่าใจเย็นๆ เราถามธนาคารก่อนไหมว่าเค้ามีเงินสดให้เราเบิกไหม 1.6 ล้าน ให้เอาเช็คเข้าแล้วเบิกเงินสดมาให้เราถือ เลยไปปรึกษาธนาคาร
-พี่รอง ผจก ธนาคาร ให้คำแนะนำดีมาก ว่าเอางี้ไหม ให้ป้ามาเปิดบัญชี เอาเช็คเข้า เอาเงินออกไปถือไว้ แล้วค่อยไปที่ดิน มันก็เลยยอม แต่ใจก็เสียวๆ ถ้าเกิดมันเอาเช็คเข้าแล้ว ไม่ยอมถอนออกมาจะทำไง เช็คเงินสด สลักชื่อป้าไปแล้วด้วย
- แต่ดีหน่อย ดูจากที่ธนาคารจัดการให้ก็เรียบร้อยดี ตีสมุด เตรียมเอกสารให้ทั้งฝากเช็ค ทั้งถอนออกมาให้ป้าเซ็นครบถ้วน ก็เซ็นกัน โดยที่ไอ่เฮียตี๋คอยชี้ให้แม่เซ็นต์นี่ๆๆ เร็วๆ ท่าทางอยากได้มาก
- ได้เงินออกมา ก็นับที่เครื่องใช่มะ ส่วนเงินล้าน ส่วนใหญ่ ธนาคารเขาจะห่อไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนเศษแสนก็ไปยืนดูเครื่องนับเงินกัน อะเค ทุกคนไปดู แยกย้าย แต่พอเดินออกมา ไอ่เฮียตี๋นั่น ก็ยังมีหน้ามาพูดอีกว่า เดวเรามานับกันอีกที เมิงจะนับทำไมอีกกกก เสียเวลาโว๊ย
- หอบเงินสด พากันกลับมาถึงที่ดิน ปาเข้าไปจะบ่ายสองครึ่ง เรื่องที่สัญญากับแม่เพื่อนไว้ว่าต้องไปคืนเงินที่ยืมมาไว้ เครียดมาก ณ จุดนี้ แต่ทำไงได้ คนขายมันเยอะ จุดนี้เสียใจมากที่ต้องผิดคำพูด
- รอสิทีนี้ ธนาคารก็รอ ที่ดินก็รอ นัดเขาไว้แต่เช้ากว่าจะยอม (เห็นเงินแล้วเลยยอมจะโอนหนะ) ได้คิวก็ปาเข้าไปสี่โมงครึ่ง ขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ดินและธนาคารมาก ณ จุดนี้ ที่ยอมรอเรา
- พอจะเดินเรื่องโอน ก็เริ่มมีปัญหาอีกหละ ฝั่งเราเอกสารครบ เงินอยู่ในมือ พร้อมจ่ายแล้ว แต่ผู้ขายเอกสารอันนั้นไม่มี อันนี้ไม่ได้แจ้ง ตรงนี้ใครทำ อะไรหายๆ ฯลฯ ปัญหาร้อยแปด ไม่มีการเตรียมตัวใดๆ มาเลย กว่าจะได้เรียกให้เซ็นล่อเข้าไปจะหกโมงแล้ว
- ที่ผ่านมาเงินสดที่ถอนมา อยู่ในซองเย็บสนิทออกมาจากธนาคาร พอไอ่เฮียตี๋จะเอา มาบอกอีก ขอนับเงิน (เอาจริงใช่ไหม) นับไปงั้น ยืนเฝ้าหละ พวกเมิงนับกันเองนะ แต่ก็เถอะ เสียเวลาไปอีก
- ป้าประสาทแอบมีหันหน้ามาบอกด้วยนะ เดวเราให้เงินกันแล้ว จะได้จบๆ กัน ไม่ต้องรู้จักกันอีก อยากจะตะโกนไปดังๆ ว่า ใครอยากรู้จักกะเมิ๊งงงงง
- เสร็จเรื่องโฉนดข้างบน ลงมาหาเจ้าหน้าที่ธนาคารข้างล่าง ทำเรื่องจำนอง รับเช็ค มอบเงินกันเรียบร้อย เงินทั้งซองนั้นก็เอาวางไว้งั้นแหละ แล้วเขี่ยๆ ไปให้ฝั่งนู้น โดยไม่มองหน้ากันอีกเลย เห็นแค่หางตาว่าป้าประสาทนั่งทำหน้าหงอยๆ ส่วนลูกๆ ทั้งสาม มองกันตาวาว เลยพอจะเข้าใจหละว่าอยู่กันมายังไง ทำไมถึงมีปัญหากันแบบนี้
- จบแล้ว โอนบ้านเรียบร้อย แต่ก็ยังค้างเรื่องคืนเงินที่ยืมมา ต้องไปหาหยิบยืมคนอื่นมาคืนให้ได้ภายในวันนั้นซึ่งก็ขอบคุณพี่ชายที่ให้ความช่วยเหลือ เสียเวลาขับรถไปไกลเพื่อไปหาตู้โอนให้
- ต่ออีกนิด เรื่องนี้สอนอะไรดี ข้อแรกที่คิดได้ ก่อนไปทำธุรกรรมอะไรกับใคร ตรวจสอบประวัติ เช็คพฤติกรรมเขาก่อนก็ดี ถ้าทำได้ รวมถึงให้เขาแสดงให้ดูด้วยว่าเขามีความสามารถในการขายสิ่งที่เขาต้องการขายจริงหรือไม่ ก่อนเริ่มเดินเรื่องฝั่งเรา
-ข้อสองคืออาจจะต้องมีความละเอียดรอบคอบ รู้จักวางแผนจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ มีสติรับมือกับเหตุเหล่านั้น
-อีกข้ออยากแถม เลี้ยงลูกมายังไง ลูกมันก็เลยโตมาเป็นอย่างงั้น สันดานล้วนๆ งานนี้ดูแล้วป้าประสาทขายบ้านไป จะได้เงินเองสักบาทหรือเปล่าก็ไม่รู้ เงินสด 1.6 ล้าน วางตรงหน้าลูกๆ สามคน ที่มีแววตาของความโลภอยู่เต็มไปหมด โดยที่ไม่เคยสนใจถามไถ่อะไรแม่ตัวเองสักคำตลอดทั้งวันที่ผ่านมา สิ่งที่พูดกับแม่ตัวเองก็คือ แม่เซ็นตรงนี้ๆๆๆ แถมขู่แม่ตัวเองด้วยอารมณ์ว่าแม่ตัดสินใจเองนะ เกิดอะไรขึ้นมาก็เพราะแม่ (คือตัวป้าแอบมีช่วงใจอ่อนยอมรับเช็คก็ได้แล้ว) บลาๆๆๆ งานนี้ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกรรมหละกันนะ อย่าได้เจอกันอีกเลย ชาตินี้...
ขออภัยนะครับ หาก tag ไม่ถูกต้อง แต่อยากแบ่งปันประสบการณ์ที่ผมได้พบจากการซื้อขายบ้านมือสองที่เพิ่งได้พบเจอมาครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ ใกล้ปีใหม่แล้วก็ขอให้มีความสุขตลอดเทศกาลปีใหม่นี้ครับ