สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 21
วิธีการพัฒนาและส่งเสริมของเมืองไทยยังทำไม่ดีและเนื่องจากเมืองไทยเป็นศรีธนญชัยกันเยอะ มันจึงทำให้คนที่ทำดีมีปัญหาตลอด ในขณะที่คนที่ทำไม่ดีก็หาทางออกได้ด้วยเหตุผลที่ข้างๆคูๆ
มาดูตัวอย่างของประเทศจีนกัน
ประเทศจีนเพิ่งเปิดประเทศได้ไม่นานแต่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสูงมากจนตอนนี้ส่งจรวดไปนอกโลกได้แล้ว ทั้งนี้เพราะทางรัฐบาลจีนเขามีแผนการจัดการที่ดี เขามองประเทศชาติเป็นหลักตัวอย่างเช่น สมมุติว่ามี นาย ก. คนนึงอยากทำกิจการอะไรสักอย่างนึง (ที่ต้องจ้างคนเป็นลูกจ้าง ไม่ใช่เปิดร้านขายของ) เช่นโรงงานต่อเรือ เขาก็จะไปเสนอแผนงานและขอการสนับสนุนจากรัฐบาล (รัฐบาลในที่นี้คือหน่วยงานท้องถิ่นที่เป็นตัวแทนของรัฐบาล) จากนั้นรัฐบาลก็จะพิจารณาให้เงินสนับสนุนทำธุรกิจ โดยรัฐบาลจะให้ทั้งเงินทุนและที่ดิน โดยรัฐบาลก็จะได้ถือหุ้นครึ่งหนึ่งและมีส่วนต่อความรู้ที่เกิดขึ้น (รวมถึงสิทธิบัตร ฯลฯ) รัฐบาลก็มีเอี่ยวด้วยครึ่งหนึ่ง จากนั้นเมื่อมีหลาย บ เกิดขึ้นที่สร้างเทคโนโลยีต่างๆ (ทั้งเล็กและใหญ่) รัฐบาลก็จะนำความรู้ต่างๆเหล่านั้นมาสร้างงานใหม่ สร้างเทคโนโลยีใหม่ แล้วหาคนมาทำต่อ ในช่วงเริ่มต้นเขาอาจจะไป Copy คนอื่น (ทำโดย บ เอกชน แต่เบื้องหลังมีรัฐเกี่ยวข้อง) แต่หลังจากนั้นก็สร้างของวตัวเองขึ้นมา เขามีการส่งคนไปเรียนต่อที่ ตปท แล้วกลับมา หรือ ซื้อตัวคนจีนเก่งๆที่ทำงานอยู่ที่ประเทศอเมริกาหรืออื่นๆ (ที่เกษียณหรือเหตุผลอื่นๆ) ให้กลับมาช่วยประเทศชาติ
ในกรณีที่ทำขาดทุน รัฐบาลก็ถือว่าชั่งมัน ไม่ได้ต้องเอาเงินมาคืน แต่เขาอาจจะไม่มีสิทธิมาเสนออะไรได้อีกต่อไป ถือว่าชีวิตนี้ให้โอกาสหนึ่งครั้ง แต่ถ้าเห็นว่าบริษัทนั้นมีคุณค่าต่อประเทศชาติ รัฐบาลก็ยอมขาดทุนได้ ตัวอย่างเช่น ประเทศจีนมาประมูลสร้างรถไฟ (ตัวอย่างนะ) จากประเทศอินโด คนอินโดก็จะส่งงผู้เชี่ยวชาญมาคุมงานก่อสร้างที่จีน ซึ่งแน่นอนจีนยังทำรถไฟไม่ดี วิศวกรควบคุมก็จะสั่งให้แก้ไขพร้อมกับสอนไปด้วยว่าต้องทำไงถึงจะดี ความรู้เหล่านี้หาซื้อไม่ได้ บางครั้งถูกแก้ไขจนทำให้การส่งมอบงานล่าช้า แต่รัฐบาลก็ยอมรับภาระนั้นแทน เพียงเพื่อให้บริษัทนั้นได้ทำงานและได้ความรู้มาพัฒนางค์ความรู้ของประเทศต่อไป ปรากฏว่าด้วยวิธีนี้มีบริษัทจีนหลายบริษัทมีเทคโนโลยี่และความรู้เป็นของตนเองนำไปสร้างอะไรใหม่ได้
ถ้าเราเอาแบบนี้มาทำที่เมืองไทยจะเกิดอะไรขึ้น
กรณีที่ทำไม่ดี: สิ่งแรกเลยการให้ทุน คนให้ทุนจะดูว่าคนขอเป็นลูกใครหรือป่าว โดยไม่สนใจว่างานที่ทำนั้นจะสร้างงานหรือยังยืนหรือไม่หรือ
กรณีที่ทำดี: คนให้งบจะถูกร้องเรียน และโดนฟ้องให้ตรวจสอบเสียผู้เสียคนไปหลายคนแล้ว
ดังนั้นของไทยจะไม่กล้าทำแบบจีน แต่ใช้วิธีให้ทุนในรูปแบบทุนกู้ยืม sme ซึ่งแน่นอนถ้ามันทำดีก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ดีก็ต้องหาเงินมาใช้หนี้คืน สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้ามากู้ยืม ยกเว้นคนที่เป็นลูกเจ้าสัวทั้งหลายที่กล้ามาขอกู้ เพราะมีเจ้าสัวคอยเป็นแบ็คให้ จริงๆเจ้าสัวจะเอาเงินให้ลูกตัวเองทำก็ได้ แต่เมื่อรัฐมีนโยบาย ใครจะทิ้งโอกาสละ ได้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำขนาดนั้น (ถึงทำเจ้ง เจ้าสัวผู้เป็นพ่อก้มีเงินใช้คืนให้ได้ แต่คนธรรมดาจะเอาที่ไหนมาคืน ทำธุรกิจมันไม่ใช่จะดีไปทุก บ มีดีมีเสีย รัฐออกเงินให้เรียน ป1 จนจบ ป ตรี แต่หลังจากนั้นรัฐไม่ช่วยอะไรอีกแล้ว ให้ไปเป็นลูกจ้างอย่างเดียว) นอกจากนั้น ถ้า บ ทำได้ดี ก็แค่เอาเงินไปคืนรัฐ แต่เทคโนโลยีที่มีกลับยังเป็นของคนๆนั้นรัฐไม่มีเอี่ยว พอทำไปๆ ขี้เกียจทำ ก็เอาไปขายให้กับคนประเทศอื่นซะงั้น แต่ถ้ามันเป็นของรัฐครึ่งหนึ่ง รัฐก้อาจจะไม่ขายถ้าเห็นว่ามันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
ประเทศไทยไม่มีอะไรเป็นของตนเองเลย ซื้อมาทั้งนั้น
เทคโนโลยีถลุงเหล็ก ก็จ้างต่างชาติมาติดตั้ง
เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ ก็ไปซื้อชิ้นส่วนมาจากต่างชาติ
เทคโนโลยีรถยนต์ ไม่มีแม้แต่การสร้างยางรถยนต์ น๊อตตัวหนึ่งยังต้องซื้อเครื่องจักรจาก ตปท เลย
ไทยเราแค่ประเทศที่เอาของคนอื่นมาประกอบแค่นั้น
มาดูตัวอย่างของประเทศจีนกัน
ประเทศจีนเพิ่งเปิดประเทศได้ไม่นานแต่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสูงมากจนตอนนี้ส่งจรวดไปนอกโลกได้แล้ว ทั้งนี้เพราะทางรัฐบาลจีนเขามีแผนการจัดการที่ดี เขามองประเทศชาติเป็นหลักตัวอย่างเช่น สมมุติว่ามี นาย ก. คนนึงอยากทำกิจการอะไรสักอย่างนึง (ที่ต้องจ้างคนเป็นลูกจ้าง ไม่ใช่เปิดร้านขายของ) เช่นโรงงานต่อเรือ เขาก็จะไปเสนอแผนงานและขอการสนับสนุนจากรัฐบาล (รัฐบาลในที่นี้คือหน่วยงานท้องถิ่นที่เป็นตัวแทนของรัฐบาล) จากนั้นรัฐบาลก็จะพิจารณาให้เงินสนับสนุนทำธุรกิจ โดยรัฐบาลจะให้ทั้งเงินทุนและที่ดิน โดยรัฐบาลก็จะได้ถือหุ้นครึ่งหนึ่งและมีส่วนต่อความรู้ที่เกิดขึ้น (รวมถึงสิทธิบัตร ฯลฯ) รัฐบาลก็มีเอี่ยวด้วยครึ่งหนึ่ง จากนั้นเมื่อมีหลาย บ เกิดขึ้นที่สร้างเทคโนโลยีต่างๆ (ทั้งเล็กและใหญ่) รัฐบาลก็จะนำความรู้ต่างๆเหล่านั้นมาสร้างงานใหม่ สร้างเทคโนโลยีใหม่ แล้วหาคนมาทำต่อ ในช่วงเริ่มต้นเขาอาจจะไป Copy คนอื่น (ทำโดย บ เอกชน แต่เบื้องหลังมีรัฐเกี่ยวข้อง) แต่หลังจากนั้นก็สร้างของวตัวเองขึ้นมา เขามีการส่งคนไปเรียนต่อที่ ตปท แล้วกลับมา หรือ ซื้อตัวคนจีนเก่งๆที่ทำงานอยู่ที่ประเทศอเมริกาหรืออื่นๆ (ที่เกษียณหรือเหตุผลอื่นๆ) ให้กลับมาช่วยประเทศชาติ
ในกรณีที่ทำขาดทุน รัฐบาลก็ถือว่าชั่งมัน ไม่ได้ต้องเอาเงินมาคืน แต่เขาอาจจะไม่มีสิทธิมาเสนออะไรได้อีกต่อไป ถือว่าชีวิตนี้ให้โอกาสหนึ่งครั้ง แต่ถ้าเห็นว่าบริษัทนั้นมีคุณค่าต่อประเทศชาติ รัฐบาลก็ยอมขาดทุนได้ ตัวอย่างเช่น ประเทศจีนมาประมูลสร้างรถไฟ (ตัวอย่างนะ) จากประเทศอินโด คนอินโดก็จะส่งงผู้เชี่ยวชาญมาคุมงานก่อสร้างที่จีน ซึ่งแน่นอนจีนยังทำรถไฟไม่ดี วิศวกรควบคุมก็จะสั่งให้แก้ไขพร้อมกับสอนไปด้วยว่าต้องทำไงถึงจะดี ความรู้เหล่านี้หาซื้อไม่ได้ บางครั้งถูกแก้ไขจนทำให้การส่งมอบงานล่าช้า แต่รัฐบาลก็ยอมรับภาระนั้นแทน เพียงเพื่อให้บริษัทนั้นได้ทำงานและได้ความรู้มาพัฒนางค์ความรู้ของประเทศต่อไป ปรากฏว่าด้วยวิธีนี้มีบริษัทจีนหลายบริษัทมีเทคโนโลยี่และความรู้เป็นของตนเองนำไปสร้างอะไรใหม่ได้
ถ้าเราเอาแบบนี้มาทำที่เมืองไทยจะเกิดอะไรขึ้น
กรณีที่ทำไม่ดี: สิ่งแรกเลยการให้ทุน คนให้ทุนจะดูว่าคนขอเป็นลูกใครหรือป่าว โดยไม่สนใจว่างานที่ทำนั้นจะสร้างงานหรือยังยืนหรือไม่หรือ
กรณีที่ทำดี: คนให้งบจะถูกร้องเรียน และโดนฟ้องให้ตรวจสอบเสียผู้เสียคนไปหลายคนแล้ว
ดังนั้นของไทยจะไม่กล้าทำแบบจีน แต่ใช้วิธีให้ทุนในรูปแบบทุนกู้ยืม sme ซึ่งแน่นอนถ้ามันทำดีก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ดีก็ต้องหาเงินมาใช้หนี้คืน สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้ามากู้ยืม ยกเว้นคนที่เป็นลูกเจ้าสัวทั้งหลายที่กล้ามาขอกู้ เพราะมีเจ้าสัวคอยเป็นแบ็คให้ จริงๆเจ้าสัวจะเอาเงินให้ลูกตัวเองทำก็ได้ แต่เมื่อรัฐมีนโยบาย ใครจะทิ้งโอกาสละ ได้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำขนาดนั้น (ถึงทำเจ้ง เจ้าสัวผู้เป็นพ่อก้มีเงินใช้คืนให้ได้ แต่คนธรรมดาจะเอาที่ไหนมาคืน ทำธุรกิจมันไม่ใช่จะดีไปทุก บ มีดีมีเสีย รัฐออกเงินให้เรียน ป1 จนจบ ป ตรี แต่หลังจากนั้นรัฐไม่ช่วยอะไรอีกแล้ว ให้ไปเป็นลูกจ้างอย่างเดียว) นอกจากนั้น ถ้า บ ทำได้ดี ก็แค่เอาเงินไปคืนรัฐ แต่เทคโนโลยีที่มีกลับยังเป็นของคนๆนั้นรัฐไม่มีเอี่ยว พอทำไปๆ ขี้เกียจทำ ก็เอาไปขายให้กับคนประเทศอื่นซะงั้น แต่ถ้ามันเป็นของรัฐครึ่งหนึ่ง รัฐก้อาจจะไม่ขายถ้าเห็นว่ามันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
ประเทศไทยไม่มีอะไรเป็นของตนเองเลย ซื้อมาทั้งนั้น
เทคโนโลยีถลุงเหล็ก ก็จ้างต่างชาติมาติดตั้ง
เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ ก็ไปซื้อชิ้นส่วนมาจากต่างชาติ
เทคโนโลยีรถยนต์ ไม่มีแม้แต่การสร้างยางรถยนต์ น๊อตตัวหนึ่งยังต้องซื้อเครื่องจักรจาก ตปท เลย
ไทยเราแค่ประเทศที่เอาของคนอื่นมาประกอบแค่นั้น
ความคิดเห็นที่ 15
ทีวี ธานนินทร์ สม้ยก่อน ใช้แผงวงจร ของ บราวฟุ้งเยอรมัน ซื้อ แผงวงจรมาประกอบ ครับ
ทีวีธานินทร์ไปดูวงจรเลยครับ กี่สิบรุ่น ข้างในเหมือนกันไม่เคยเปลี่ยนเลย
วงจรทีวี ธานินทร์ มีไม่กี่แบบเอง ครับ เปลี่ยนแต่รุ่น
ส่วนไดสตาร์นั่น 5555 ตั้งแต่แรกๆแล้ว ข้างในใช้แผงวงจร ของเกาหลีใต้ รุ่นแรกๆ เหมือนของซัมซุง รุ่นเก่าๆเลย
มาหลังๆ ก็ซื้อของยี่ห้ออื่นมาใช้
พอ หลังสุด ใช้แผงวงจร ของจีนครับ หลายรุ่นหลายยี่ห้อ ไดสตาร์นี่ดี กว่าธานินทร์ตรงที่ วงจรทีวี มีหลากหลายรุ่นมาก ธานินทร์ นี่ มีไม่กี่ วงจรเอง
ผมยังเคยอบรมซ่อมทีวีไดสตาร์ ที่คุรุสภา สม้ยก่อนเลย ตอนนี้ทีวีจีนยังไม่เข้ามาขาย ไดสตาร์ก็พออยู่ได้ เพราะว่าเอา แผงวงจรทีวีจีนมาใส่
พอจีนเข้ามา ไดสตาร์ก็เสร็จ เพราะว่าเจ้าของ เข้ามาขายเอง
เหมือนมือถือ ไอโมบาย นั่นแหละ แรกๆ พอขายได้ เอามือถือจีนมาแปะยี่ห้อขาย พอเจ้าของเข้ามาขายเองก็เรียบร้อยครับ
จำไว้อย่างนึง พวกสินค้าอีเลคทรอนิคส์ นี่ ไม่ว่ากล้องวงจรปิด หรืออะไร เกือบทั้งหมด นำเข้าจากจีนครับ อาจเข้ามาประกอบในนี้ แล้วแปะยี่ห้อ หรือ ว่าเอาเข้ามาทั้งเครื่อง
พวกเครื่องรับดาวเทียมเหมือนกัน อย่างผมไปอบรม ตอนเปิดตัว ipm hd pro เจ้าของก็บอกเองว่าสินค้ากำลังนำเข้า ติดอยู่ที่โกดัง
55555555555555555
หรือ ยี่ห้อ ชื่อไทยๆ น่ะครับ จานดาวเทียม เครื่องรับ หรือพวกเครื่องวัดสัญญาณดาวเทียม ก็นำเข้ามาจากจีน
ผมไปอบรมบ่อย เจ้าของเขาก็บอกเองเลยว่า นำเข้ามาจากจีน แต่เลือกโรงงาน
หรือใน web eclub แอดมิน เขาก็บินไปจีนบ่อย ไปเอาสินค้า และอะไหล่มาขายครับ
ทีวีธานินทร์ไปดูวงจรเลยครับ กี่สิบรุ่น ข้างในเหมือนกันไม่เคยเปลี่ยนเลย
วงจรทีวี ธานินทร์ มีไม่กี่แบบเอง ครับ เปลี่ยนแต่รุ่น
ส่วนไดสตาร์นั่น 5555 ตั้งแต่แรกๆแล้ว ข้างในใช้แผงวงจร ของเกาหลีใต้ รุ่นแรกๆ เหมือนของซัมซุง รุ่นเก่าๆเลย
มาหลังๆ ก็ซื้อของยี่ห้ออื่นมาใช้
พอ หลังสุด ใช้แผงวงจร ของจีนครับ หลายรุ่นหลายยี่ห้อ ไดสตาร์นี่ดี กว่าธานินทร์ตรงที่ วงจรทีวี มีหลากหลายรุ่นมาก ธานินทร์ นี่ มีไม่กี่ วงจรเอง
ผมยังเคยอบรมซ่อมทีวีไดสตาร์ ที่คุรุสภา สม้ยก่อนเลย ตอนนี้ทีวีจีนยังไม่เข้ามาขาย ไดสตาร์ก็พออยู่ได้ เพราะว่าเอา แผงวงจรทีวีจีนมาใส่
พอจีนเข้ามา ไดสตาร์ก็เสร็จ เพราะว่าเจ้าของ เข้ามาขายเอง
เหมือนมือถือ ไอโมบาย นั่นแหละ แรกๆ พอขายได้ เอามือถือจีนมาแปะยี่ห้อขาย พอเจ้าของเข้ามาขายเองก็เรียบร้อยครับ
จำไว้อย่างนึง พวกสินค้าอีเลคทรอนิคส์ นี่ ไม่ว่ากล้องวงจรปิด หรืออะไร เกือบทั้งหมด นำเข้าจากจีนครับ อาจเข้ามาประกอบในนี้ แล้วแปะยี่ห้อ หรือ ว่าเอาเข้ามาทั้งเครื่อง
พวกเครื่องรับดาวเทียมเหมือนกัน อย่างผมไปอบรม ตอนเปิดตัว ipm hd pro เจ้าของก็บอกเองว่าสินค้ากำลังนำเข้า ติดอยู่ที่โกดัง
55555555555555555
หรือ ยี่ห้อ ชื่อไทยๆ น่ะครับ จานดาวเทียม เครื่องรับ หรือพวกเครื่องวัดสัญญาณดาวเทียม ก็นำเข้ามาจากจีน
ผมไปอบรมบ่อย เจ้าของเขาก็บอกเองเลยว่า นำเข้ามาจากจีน แต่เลือกโรงงาน
หรือใน web eclub แอดมิน เขาก็บินไปจีนบ่อย ไปเอาสินค้า และอะไหล่มาขายครับ
แสดงความคิดเห็น
ทำไมพวกสินค้าแบรนด์ไทย พวกอีเลคโทรนิค กับ รถยนต์ ถึงไปไม่ค่อยรอด ? ทั้งๆที่คนไทยก็ไม่ได้ด้อยความสามารถขนาดนั้น