มาแชร์ประสบการณ์ค่ะ กรณีรถโดนชนท้าย (เราประกันวิริยะ คู่กรณี อลิอันซ์)
วันที่ 26 พ.ย. 60 รถโดนชนท้าย สิ่งแรกเราต้องเก็บอารมณ์และใช้สติ เรียกประกันมาด่วนทั้งคู่ คุยกับคู่กรณีสรุปฝ่ายคู่กรณีผิด เราได้ใบเคลมจากประกันรถและระบุชัดเจนว่าเราเป็นฝ่ายถูก ต้องเช็คว่าระบุความเสียหายรถของเราไว้ด้วยว่าเสียหายส่วนใดบ้าง และเราต้องขอเอกสารเลขที่ใบเคลมของคู่กรณีและเลขที่กรมธรรม์ (อาจจะขอถ่ายรูปเพื่อเก็บไว้ใช้ยื่นเรียกร้องค่าสินไหม) จากนั้นก็แยกย้าย เราแจ้งเคลมกับทางศูนย์ซ่อมตัวถังและสีวันที่ 28 พ.ย. 60 จากการประเมินของช่าง ใช้เวลาซ่อมรถ 7 วัน เราเข้าซ่อมวันที่ 9 ธ.ค. 60 และรับรถวันที่ 16 ธ.ค. 60 ในวันรับรถเราต้องขอเอกสารจากทางศูนย์ซ่อมเพื่อมาเรียกร้องสินไหมระหว่างรถซ่อมยื่นกับประกันคู่กรณี
## เตรียมเอกสารเรียกร้องค่าสินไหม ##
1.สำเนาทะเบียนรถ
2.บัตรประชาชนเจ้าของรถ
3.ใบรับรถ
4.กรมธรรม์
5.หน้าบัญชีธนาคาร
6.หนังสือเรียกร้อง (ต้องเขียนเอง เราเขียนคล้ายๆกับข้อมูลที่เรารวบรวมมา รายละเอียดประมาณด้านล่างนี้)
วันที่ ....
เรื่อง เรียกร้องสินไหมระหว่างรถซ่อม
เรียน แผนกสินไหม บริษัท อลิอันซ์ ประกันภัย จำกัด (มหาชน)
อ้างอิงเลขที่กธ. ..... ผู้เอาประกัน .......
ข้าพเจ้า .... เจ้าของรถ .... ทะเบียน ...... ถูกรถยนต์ที่ขับโดย...... ยี่ห้อ .... ทะเบียน .... ชนเข้าที่ กันชนหลังและประตูท้าย รวมถึงเซนเซอร์หลัง สถานที่เกิดเหตุ ....... เมื่อวันที่ ....... ทำให้รถข้าพเจ้ามีความเสียหายหลักดังนี้ (รายละเอียดตามเอกสารแนบ)
1.
2.
ข้าพเจ้าจึงได้นำรถเข้าซ่อมที่ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี ที่ ...............
ในวันที่ ..... ซ่อมเสร็จ วันที่ ........ รวมเป็นระยะเวลา 7 วัน
ข้าพเจ้าต้องใช้รถในการทำงานเป็นประจำทุกวันในตำแหน่ง Sales Executive ของบริษัท ...... ต้องใช้รถยนต์ในการมาทำงานไป-กลับ และต้องใช้ในการพบลูกค้าตามสถานที่ต่างๆทั่วไป เช่น สมุทรปราการ กรุงเทพฯ ฯลฯ ส่งผลในความไม่สะดวกที่จะต้องนั่งรถโดยสารสาธารณะไปทำงานแทน และความไม่สะดวกในการเดินทางอย่างมากต่องานคือการเดินทางติดต่อกับลูกค้า ตลอดระยะเวลาที่นำรถเข้าซ่อมซึ่งทำให้ข้าพเจ้าไม่สามารถเดินทางไปพบลูกค้า และปฏิบัติงานได้อย่างปกติ
จึงขอเรียกสินไหมดังนี้
1. ค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ 1,000 บาทต่อวัน เป็นระยะเวลา 7 วัน รวม 7,000 บาท
2. ค่าเสื่อมราคาแห่งทรัพย์สิน : ค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ที่ถูกชน 15,000 บาท เนื่องจาก มีประวัติรถยนต์ถูกชนท้ายและมีการซ่อมเพื่อให้กลับมายังสภาพเดิมแล้วก็ตาม แต่ก็ส่งผลทำให้มูลค่าราคาของรถยนต์ที่มีการซ่อมมีมูลค่าลดลงจากสาเหตุนี้ รวมค่าชดเชยประโยชน์จากการใช้รถที่หายไป ทั้งสิ้น 22,000 บาท
จึงเรียนมาเพื่อเรียกร้องสินไหมดังกล่าว
ขอแสดงความนับถือ
…………………………………….
ขั้นตอนแจ้งเรื่อง
1.ติดต่อประกันคู่กรณี เจ้าหน้าที่จะให้รายละเอียดการส่งเอกสาร ของเราส่งทาง Email
2.รอเจ้าหน้าที่ประกันคู่กรณี ประเมินและติดต่อ เราส่งเอกสารวันที่ 18 ธ.ค.60 เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมาวันที่ 21 ธ.ค.60
โดยเจ้าหน้าที่จะโทรมาประณีประนอมรายการต่างๆรวมถึงจำนวนเงินที่เราทำเรื่องเรียกร้องไป กรณีของเราเจ้าหน้าที่แจ้งว่า
*** ค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ 1,000 บาทต่อวัน ==> ประกันคู่กรณี อนุมัติ ให้วันล่ะ 300 บาท ตรงกับข้อมูลที่เรารวบรวมมาจริงๆที่บอกว่าประกันจะต่อรองเกินกว่า 50% ซึ่งเราก็ไม่ตกลง ต่อรองไปมา สรุปจบที่ 500 บาทต่อวัน
ดังนั้นค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทจะต้องรับผิดจึงมิได้จำกัดเฉพาะความเสียหายต่อทรัพย์สินโดยตรง แต่รวมถึงค่าสินไหมทดแทนอย่างอื่นที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก เช่น ค่าเสื่อมราคาแห่งทรัพย์สิน ค่าขาดประโยชน์การใช้ทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย
แต่เหนืออื่นใด ค่าเสื่อมราคาหรือภาษากฏหมายเขาเรียกว่าค่าเสื่อมราคาแห่งทรัพย์สินนั้น โดยเฉพาะค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ที่ถูกชน มีคำพิพากษาศาลฎีกาไว้ชัดเจนแล้วว่า บริษัทประกันภัยต้องจ่ายคือคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1874/2526มาแชร์ประสบการณ์ค่ะ กรณีรถโดนชนท้าย (เราประกันวิริยะ คู่กรณี อลิอันซ์)
วันที่ 26 พ.ย. 60 รถโดนชนท้าย สิ่งแรกเราต้องเก็บอารมณ์และใช้สติ เรียกประกันมาด่วนทั้งคู่ คุยกับคู่กรณีสรุปฝ่ายคู่กรณีผิด เราได้ใบเคลมจากประกันรถและระบุชัดเจนว่าเราเป็นฝ่ายถูก ต้องเช็คว่าระบุความเสียหายรถของเราไว้ด้วยว่าเสียหายส่วนใดบ้าง และเราต้องขอเอกสารเลขที่ใบเคลมของคู่กรณีและเลขที่กรมธรรม์ (อาจจะขอถ่ายรูปเพื่อเก็บไว้ใช้ยื่นเรียกร้องค่าสินไหม) จากนั้นก็แยกย้าย เราแจ้งเคลมกับทางศูนย์ซ่อมตัวถังและสีวันที่ 28 พ.ย. 60 จากการประเมินของช่าง ใช้เวลาซ่อมรถ 7 วัน เราเข้าซ่อมวันที่ 9 ธ.ค. 60 และรับรถวันที่ 16 ธ.ค. 60 ในวันรับรถเราต้องขอเอกสารจากทางศูนย์ซ่อมเพื่อมาเรียกร้องสินไหมระหว่างรถซ่อมยื่นกับประกันคู่กรณี
## เตรียมเอกสารเรียกร้องค่าสินไหม ##
1.สำเนาทะเบียนรถ
2.บัตรประชาชนเจ้าของรถ
3.ใบรับรถ
4.กรมธรรม์
5.หน้าบัญชีธนาคาร
6.หนังสือเรียกร้อง (ต้องเขียนเอง เราเขียนคล้ายๆกับข้อมูลที่เรารวบรวมมา รายละเอียดประมาณด้านล่างนี้)
วันที่ ....
เรื่อง เรียกร้องสินไหมระหว่างรถซ่อม
เรียน แผนกสินไหม บริษัท อลิอันซ์ ประกันภัย จำกัด (มหาชน)
อ้างอิงเลขที่กธ. ..... ผู้เอาประกัน .......
ข้าพเจ้า .... เจ้าของรถ .... ทะเบียน ...... ถูกรถยนต์ที่ขับโดย...... ยี่ห้อ .... ทะเบียน .... ชนเข้าที่ กันชนหลังและประตูท้าย รวมถึงเซนเซอร์หลัง สถานที่เกิดเหตุ ....... เมื่อวันที่ ....... ทำให้รถข้าพเจ้ามีความเสียหายหลักดังนี้ (รายละเอียดตามเอกสารแนบ)
1. ....
2. ....
ข้าพเจ้าจึงได้นำรถเข้าซ่อมที่ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี ที่ ...............
ในวันที่ ..... ซ่อมเสร็จ วันที่ ........ รวมเป็นระยะเวลา 7 วัน
ข้าพเจ้าต้องใช้รถในการทำงานเป็นประจำทุกวันในตำแหน่ง Sales Executive ของบริษัท ...... ต้องใช้รถยนต์ในการมาทำงานไป-กลับ และต้องใช้ในการพบลูกค้าตามสถานที่ต่างๆทั่วไป เช่น สมุทรปราการ กรุงเทพฯ ฯลฯ ส่งผลในความไม่สะดวกที่จะต้องนั่งรถโดยสารสาธารณะไปทำงานแทน และความไม่สะดวกในการเดินทางอย่างมากต่องานคือการเดินทางติดต่อกับลูกค้า ตลอดระยะเวลาที่นำรถเข้าซ่อมซึ่งทำให้ข้าพเจ้าไม่สามารถเดินทางไปพบลูกค้า และปฏิบัติงานได้อย่างปกติ
จึงขอเรียกสินไหมดังนี้
1. ค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ 1,000 บาทต่อวัน เป็นระยะเวลา 7 วัน รวม 7,000 บาท
2. ค่าเสื่อมราคาแห่งทรัพย์สิน : ค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ที่ถูกชน 15,000 บาท เนื่องจาก มีประวัติรถยนต์ถูกชนท้ายและมีการซ่อมเพื่อให้กลับมายังสภาพเดิมแล้วก็ตาม แต่ก็ส่งผลทำให้มูลค่าราคาของรถยนต์ที่มีการซ่อมมีมูลค่าลดลงจากสาเหตุนี้ รวมค่าชดเชยประโยชน์จากการใช้รถที่หายไป ทั้งสิ้น 22,000 บาท
จึงเรียนมาเพื่อเรียกร้องสินไหมดังกล่าว
ขอแสดงความนับถือ
…………………………………….
ขั้นตอนแจ้งเรื่อง
1.ติดต่อประกันคู่กรณี เจ้าหน้าที่จะให้รายละเอียดการส่งเอกสาร ของเราส่งทาง Email
2.รอเจ้าหน้าที่ประกันคู่กรณี ประเมินและติดต่อ เราส่งเอกสารวันที่ 18 ธ.ค.60 เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมาวันที่ 21 ธ.ค.60
โดยเจ้าหน้าที่จะโทรมาประณีประนอมรายการต่างๆรวมถึงจำนวนเงินที่เราทำเรื่องเรียกร้องไป กรณีของเราเจ้าหน้าที่แจ้งว่า
*** ค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ 1,000 บาทต่อวัน ==> ประกันคู่กรณี อนุมัติ ให้วันล่ะ 300 บาท ตรงกับข้อมูลที่เรารวบรวมมาจริงๆที่บอกว่าประกันจะต่อรองเกินกว่า 50% ซึ่งเราก็ไม่ตกลง ต่อรองไปมา สรุปจบที่ 500 บาทต่อวัน
*** ค่าเสื่อมราคาแห่งทรัพย์สิน : ค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ที่ถูกชน 15,000 บาท ==> ประกันคู่กรณีไม่อนุมัติ เหตุผลแรกที่ประกันแจ้งคือ ไม่มีการชดเชยในส่วนนี้ พอเราแจ้งว่าเราถาม คปภ.มาแล้วว่าสามารถเรียกร้องได้ ประกันก็ให้เหตุผลเพิ่มเติมขึ้นมาว่า รถที่ถูกชนไม่ได้มีความเสียหายต่อโครงสร้างหลักของรถ ในส่วนที่เสียหายเป็นชิ้นส่วนที่สามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนแท้จากศูนย์กลับมาแทนได้ และดำเนินการเสร็จเรียบร้อยรถกลับสู่สภาพเหมือนเดิมแล้ว เประกันจึงไม่ได้ค่าชดเชยในส่วนนี้เป็นรูปแบบของตัวเงิน
3.เจ้าหน้าที่ประกันคู่กรณีส่งเอกสารกลับมาให้เราทาง Email เป็นสัญญาประณีประนอม โดยเราต้องลงรายเซ็นต์จริง พร้อมแนบเอกสารเซ็นต์รับรอง กลับทางไปรษณีย์ แล้วรอเงินเข้าบัญชี (คราวนี้ก็รอๆๆๆๆๆกันไปค่ะ จะช้าจะเร็วอย่างน้อยก็เป็น สัปดาห์แหละค่ะ ) นี่เราส่งไปวันที่ 22 ธ.ค. 60 ก็รอดูว่าจะอนุมัติเงินเข้าวันไหน จะมาอัพเดทอีกทีนะ
สรุป : สิ่งที่ได้ค่าชดเชยจากประกันคู่กรณี คือ
1.ค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ เราสามารถเรียกร้องได้แน่นอน 100% หากใครจำเป็นต้องเช่ารถระหว่างรถซ่อม ก็ต้องมีเอกสารค่าใช้จ่ายที่เราเสียไปและค่าเช่าควรสอบถามประกันคู่กรณีก่อนว่างบประมาณอยู่ที่เท่าไหร่ เราถามมาแล้วว่า ประกันคู่กรณีเราจะมีงบอยู่ที่ไม่เกิดวันล่ะ 800 บาท แต่ 7 วันเราไม่อยากวุ่นวายจึงไม่ได้ไปเช่ารถ กรณีถ้ามีค่าใช้จ่ายในการเดินทางหรือค่าใช้จ่ายที่ระบุเป็นลายลักษณ์ษรชัดเจนก็สามารถยื่นได้ ยิ่งดีเลยแบบนี้ประกันจะต่อรองเรายากขึ้น กรณีของเราไม่ได้มีเอกสารระบุชัดเจนเราจึงตั้งเพื่อประกันต่อรองไปตามข้อมูลที่เราหามา
2.สำหรับค่าเสื่อมราคาแห่งทรัพย์สิน : ค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ที่ถูกชน สามารถเบิกได้ตามกรณีอย่างที่เราอธิบายไว้แล้ว ด้านล่างคือข้อมูลที่เรารวบรวมไว้ระบุชัดเจน
" ดังนั้นค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทจะต้องรับผิดจึงมิได้จำกัดเฉพาะความเสียหายต่อทรัพย์สินโดยตรง แต่รวมถึงค่าสินไหมทดแทนอย่างอื่นที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก เช่น ค่าเสื่อมราคาแห่งทรัพย์สิน ค่าขาดประโยชน์การใช้ทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย
แต่เหนืออื่นใด ค่าเสื่อมราคาหรือภาษากฏหมายเขาเรียกว่าค่าเสื่อมราคาแห่งทรัพย์สินนั้น โดยเฉพาะค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ที่ถูกชน มีคำพิพากษาศาลฎีกาไว้ชัดเจนแล้วว่า บริษัทประกันภัยต้องจ่ายคือคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1874/2526"
******* ไม่มีใครอยากเกิดอุบัติเหตุ แต่เมื่อเกิดแล้วก็ต้องเรียกร้องตามสิทธิ์ที่เราพึ่งได้ ทางที่ดีขับขี่ปลอดภัย ระมัดระวังให้มากๆคือ ดีที่สุด ********
^^_________________________________________________________________________^^
แชร์ประวบการณ์ รถโดนชนท้าย มีประกันชั้น 1 ทั้งคู่ ได้ชดเชยอะไรบ้าง ?????
วันที่ 26 พ.ย. 60 รถโดนชนท้าย สิ่งแรกเราต้องเก็บอารมณ์และใช้สติ เรียกประกันมาด่วนทั้งคู่ คุยกับคู่กรณีสรุปฝ่ายคู่กรณีผิด เราได้ใบเคลมจากประกันรถและระบุชัดเจนว่าเราเป็นฝ่ายถูก ต้องเช็คว่าระบุความเสียหายรถของเราไว้ด้วยว่าเสียหายส่วนใดบ้าง และเราต้องขอเอกสารเลขที่ใบเคลมของคู่กรณีและเลขที่กรมธรรม์ (อาจจะขอถ่ายรูปเพื่อเก็บไว้ใช้ยื่นเรียกร้องค่าสินไหม) จากนั้นก็แยกย้าย เราแจ้งเคลมกับทางศูนย์ซ่อมตัวถังและสีวันที่ 28 พ.ย. 60 จากการประเมินของช่าง ใช้เวลาซ่อมรถ 7 วัน เราเข้าซ่อมวันที่ 9 ธ.ค. 60 และรับรถวันที่ 16 ธ.ค. 60 ในวันรับรถเราต้องขอเอกสารจากทางศูนย์ซ่อมเพื่อมาเรียกร้องสินไหมระหว่างรถซ่อมยื่นกับประกันคู่กรณี
## เตรียมเอกสารเรียกร้องค่าสินไหม ##
1.สำเนาทะเบียนรถ
2.บัตรประชาชนเจ้าของรถ
3.ใบรับรถ
4.กรมธรรม์
5.หน้าบัญชีธนาคาร
6.หนังสือเรียกร้อง (ต้องเขียนเอง เราเขียนคล้ายๆกับข้อมูลที่เรารวบรวมมา รายละเอียดประมาณด้านล่างนี้)
วันที่ ....
เรื่อง เรียกร้องสินไหมระหว่างรถซ่อม
เรียน แผนกสินไหม บริษัท อลิอันซ์ ประกันภัย จำกัด (มหาชน)
อ้างอิงเลขที่กธ. ..... ผู้เอาประกัน .......
ข้าพเจ้า .... เจ้าของรถ .... ทะเบียน ...... ถูกรถยนต์ที่ขับโดย...... ยี่ห้อ .... ทะเบียน .... ชนเข้าที่ กันชนหลังและประตูท้าย รวมถึงเซนเซอร์หลัง สถานที่เกิดเหตุ ....... เมื่อวันที่ ....... ทำให้รถข้าพเจ้ามีความเสียหายหลักดังนี้ (รายละเอียดตามเอกสารแนบ)
1.
2.
ข้าพเจ้าจึงได้นำรถเข้าซ่อมที่ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี ที่ ...............
ในวันที่ ..... ซ่อมเสร็จ วันที่ ........ รวมเป็นระยะเวลา 7 วัน
ข้าพเจ้าต้องใช้รถในการทำงานเป็นประจำทุกวันในตำแหน่ง Sales Executive ของบริษัท ...... ต้องใช้รถยนต์ในการมาทำงานไป-กลับ และต้องใช้ในการพบลูกค้าตามสถานที่ต่างๆทั่วไป เช่น สมุทรปราการ กรุงเทพฯ ฯลฯ ส่งผลในความไม่สะดวกที่จะต้องนั่งรถโดยสารสาธารณะไปทำงานแทน และความไม่สะดวกในการเดินทางอย่างมากต่องานคือการเดินทางติดต่อกับลูกค้า ตลอดระยะเวลาที่นำรถเข้าซ่อมซึ่งทำให้ข้าพเจ้าไม่สามารถเดินทางไปพบลูกค้า และปฏิบัติงานได้อย่างปกติ
จึงขอเรียกสินไหมดังนี้
1. ค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ 1,000 บาทต่อวัน เป็นระยะเวลา 7 วัน รวม 7,000 บาท
2. ค่าเสื่อมราคาแห่งทรัพย์สิน : ค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ที่ถูกชน 15,000 บาท เนื่องจาก มีประวัติรถยนต์ถูกชนท้ายและมีการซ่อมเพื่อให้กลับมายังสภาพเดิมแล้วก็ตาม แต่ก็ส่งผลทำให้มูลค่าราคาของรถยนต์ที่มีการซ่อมมีมูลค่าลดลงจากสาเหตุนี้ รวมค่าชดเชยประโยชน์จากการใช้รถที่หายไป ทั้งสิ้น 22,000 บาท
จึงเรียนมาเพื่อเรียกร้องสินไหมดังกล่าว
ขอแสดงความนับถือ
…………………………………….
ขั้นตอนแจ้งเรื่อง
1.ติดต่อประกันคู่กรณี เจ้าหน้าที่จะให้รายละเอียดการส่งเอกสาร ของเราส่งทาง Email
2.รอเจ้าหน้าที่ประกันคู่กรณี ประเมินและติดต่อ เราส่งเอกสารวันที่ 18 ธ.ค.60 เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมาวันที่ 21 ธ.ค.60
โดยเจ้าหน้าที่จะโทรมาประณีประนอมรายการต่างๆรวมถึงจำนวนเงินที่เราทำเรื่องเรียกร้องไป กรณีของเราเจ้าหน้าที่แจ้งว่า
*** ค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ 1,000 บาทต่อวัน ==> ประกันคู่กรณี อนุมัติ ให้วันล่ะ 300 บาท ตรงกับข้อมูลที่เรารวบรวมมาจริงๆที่บอกว่าประกันจะต่อรองเกินกว่า 50% ซึ่งเราก็ไม่ตกลง ต่อรองไปมา สรุปจบที่ 500 บาทต่อวัน
ดังนั้นค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทจะต้องรับผิดจึงมิได้จำกัดเฉพาะความเสียหายต่อทรัพย์สินโดยตรง แต่รวมถึงค่าสินไหมทดแทนอย่างอื่นที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก เช่น ค่าเสื่อมราคาแห่งทรัพย์สิน ค่าขาดประโยชน์การใช้ทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย
แต่เหนืออื่นใด ค่าเสื่อมราคาหรือภาษากฏหมายเขาเรียกว่าค่าเสื่อมราคาแห่งทรัพย์สินนั้น โดยเฉพาะค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ที่ถูกชน มีคำพิพากษาศาลฎีกาไว้ชัดเจนแล้วว่า บริษัทประกันภัยต้องจ่ายคือคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1874/2526มาแชร์ประสบการณ์ค่ะ กรณีรถโดนชนท้าย (เราประกันวิริยะ คู่กรณี อลิอันซ์)
วันที่ 26 พ.ย. 60 รถโดนชนท้าย สิ่งแรกเราต้องเก็บอารมณ์และใช้สติ เรียกประกันมาด่วนทั้งคู่ คุยกับคู่กรณีสรุปฝ่ายคู่กรณีผิด เราได้ใบเคลมจากประกันรถและระบุชัดเจนว่าเราเป็นฝ่ายถูก ต้องเช็คว่าระบุความเสียหายรถของเราไว้ด้วยว่าเสียหายส่วนใดบ้าง และเราต้องขอเอกสารเลขที่ใบเคลมของคู่กรณีและเลขที่กรมธรรม์ (อาจจะขอถ่ายรูปเพื่อเก็บไว้ใช้ยื่นเรียกร้องค่าสินไหม) จากนั้นก็แยกย้าย เราแจ้งเคลมกับทางศูนย์ซ่อมตัวถังและสีวันที่ 28 พ.ย. 60 จากการประเมินของช่าง ใช้เวลาซ่อมรถ 7 วัน เราเข้าซ่อมวันที่ 9 ธ.ค. 60 และรับรถวันที่ 16 ธ.ค. 60 ในวันรับรถเราต้องขอเอกสารจากทางศูนย์ซ่อมเพื่อมาเรียกร้องสินไหมระหว่างรถซ่อมยื่นกับประกันคู่กรณี
## เตรียมเอกสารเรียกร้องค่าสินไหม ##
1.สำเนาทะเบียนรถ
2.บัตรประชาชนเจ้าของรถ
3.ใบรับรถ
4.กรมธรรม์
5.หน้าบัญชีธนาคาร
6.หนังสือเรียกร้อง (ต้องเขียนเอง เราเขียนคล้ายๆกับข้อมูลที่เรารวบรวมมา รายละเอียดประมาณด้านล่างนี้)
วันที่ ....
เรื่อง เรียกร้องสินไหมระหว่างรถซ่อม
เรียน แผนกสินไหม บริษัท อลิอันซ์ ประกันภัย จำกัด (มหาชน)
อ้างอิงเลขที่กธ. ..... ผู้เอาประกัน .......
ข้าพเจ้า .... เจ้าของรถ .... ทะเบียน ...... ถูกรถยนต์ที่ขับโดย...... ยี่ห้อ .... ทะเบียน .... ชนเข้าที่ กันชนหลังและประตูท้าย รวมถึงเซนเซอร์หลัง สถานที่เกิดเหตุ ....... เมื่อวันที่ ....... ทำให้รถข้าพเจ้ามีความเสียหายหลักดังนี้ (รายละเอียดตามเอกสารแนบ)
1. ....
2. ....
ข้าพเจ้าจึงได้นำรถเข้าซ่อมที่ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี ที่ ...............
ในวันที่ ..... ซ่อมเสร็จ วันที่ ........ รวมเป็นระยะเวลา 7 วัน
ข้าพเจ้าต้องใช้รถในการทำงานเป็นประจำทุกวันในตำแหน่ง Sales Executive ของบริษัท ...... ต้องใช้รถยนต์ในการมาทำงานไป-กลับ และต้องใช้ในการพบลูกค้าตามสถานที่ต่างๆทั่วไป เช่น สมุทรปราการ กรุงเทพฯ ฯลฯ ส่งผลในความไม่สะดวกที่จะต้องนั่งรถโดยสารสาธารณะไปทำงานแทน และความไม่สะดวกในการเดินทางอย่างมากต่องานคือการเดินทางติดต่อกับลูกค้า ตลอดระยะเวลาที่นำรถเข้าซ่อมซึ่งทำให้ข้าพเจ้าไม่สามารถเดินทางไปพบลูกค้า และปฏิบัติงานได้อย่างปกติ
จึงขอเรียกสินไหมดังนี้
1. ค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ 1,000 บาทต่อวัน เป็นระยะเวลา 7 วัน รวม 7,000 บาท
2. ค่าเสื่อมราคาแห่งทรัพย์สิน : ค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ที่ถูกชน 15,000 บาท เนื่องจาก มีประวัติรถยนต์ถูกชนท้ายและมีการซ่อมเพื่อให้กลับมายังสภาพเดิมแล้วก็ตาม แต่ก็ส่งผลทำให้มูลค่าราคาของรถยนต์ที่มีการซ่อมมีมูลค่าลดลงจากสาเหตุนี้ รวมค่าชดเชยประโยชน์จากการใช้รถที่หายไป ทั้งสิ้น 22,000 บาท
จึงเรียนมาเพื่อเรียกร้องสินไหมดังกล่าว
ขอแสดงความนับถือ
…………………………………….
ขั้นตอนแจ้งเรื่อง
1.ติดต่อประกันคู่กรณี เจ้าหน้าที่จะให้รายละเอียดการส่งเอกสาร ของเราส่งทาง Email
2.รอเจ้าหน้าที่ประกันคู่กรณี ประเมินและติดต่อ เราส่งเอกสารวันที่ 18 ธ.ค.60 เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมาวันที่ 21 ธ.ค.60
โดยเจ้าหน้าที่จะโทรมาประณีประนอมรายการต่างๆรวมถึงจำนวนเงินที่เราทำเรื่องเรียกร้องไป กรณีของเราเจ้าหน้าที่แจ้งว่า
*** ค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ 1,000 บาทต่อวัน ==> ประกันคู่กรณี อนุมัติ ให้วันล่ะ 300 บาท ตรงกับข้อมูลที่เรารวบรวมมาจริงๆที่บอกว่าประกันจะต่อรองเกินกว่า 50% ซึ่งเราก็ไม่ตกลง ต่อรองไปมา สรุปจบที่ 500 บาทต่อวัน
*** ค่าเสื่อมราคาแห่งทรัพย์สิน : ค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ที่ถูกชน 15,000 บาท ==> ประกันคู่กรณีไม่อนุมัติ เหตุผลแรกที่ประกันแจ้งคือ ไม่มีการชดเชยในส่วนนี้ พอเราแจ้งว่าเราถาม คปภ.มาแล้วว่าสามารถเรียกร้องได้ ประกันก็ให้เหตุผลเพิ่มเติมขึ้นมาว่า รถที่ถูกชนไม่ได้มีความเสียหายต่อโครงสร้างหลักของรถ ในส่วนที่เสียหายเป็นชิ้นส่วนที่สามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนแท้จากศูนย์กลับมาแทนได้ และดำเนินการเสร็จเรียบร้อยรถกลับสู่สภาพเหมือนเดิมแล้ว เประกันจึงไม่ได้ค่าชดเชยในส่วนนี้เป็นรูปแบบของตัวเงิน
3.เจ้าหน้าที่ประกันคู่กรณีส่งเอกสารกลับมาให้เราทาง Email เป็นสัญญาประณีประนอม โดยเราต้องลงรายเซ็นต์จริง พร้อมแนบเอกสารเซ็นต์รับรอง กลับทางไปรษณีย์ แล้วรอเงินเข้าบัญชี (คราวนี้ก็รอๆๆๆๆๆกันไปค่ะ จะช้าจะเร็วอย่างน้อยก็เป็น สัปดาห์แหละค่ะ ) นี่เราส่งไปวันที่ 22 ธ.ค. 60 ก็รอดูว่าจะอนุมัติเงินเข้าวันไหน จะมาอัพเดทอีกทีนะ
สรุป : สิ่งที่ได้ค่าชดเชยจากประกันคู่กรณี คือ
1.ค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ เราสามารถเรียกร้องได้แน่นอน 100% หากใครจำเป็นต้องเช่ารถระหว่างรถซ่อม ก็ต้องมีเอกสารค่าใช้จ่ายที่เราเสียไปและค่าเช่าควรสอบถามประกันคู่กรณีก่อนว่างบประมาณอยู่ที่เท่าไหร่ เราถามมาแล้วว่า ประกันคู่กรณีเราจะมีงบอยู่ที่ไม่เกิดวันล่ะ 800 บาท แต่ 7 วันเราไม่อยากวุ่นวายจึงไม่ได้ไปเช่ารถ กรณีถ้ามีค่าใช้จ่ายในการเดินทางหรือค่าใช้จ่ายที่ระบุเป็นลายลักษณ์ษรชัดเจนก็สามารถยื่นได้ ยิ่งดีเลยแบบนี้ประกันจะต่อรองเรายากขึ้น กรณีของเราไม่ได้มีเอกสารระบุชัดเจนเราจึงตั้งเพื่อประกันต่อรองไปตามข้อมูลที่เราหามา
2.สำหรับค่าเสื่อมราคาแห่งทรัพย์สิน : ค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ที่ถูกชน สามารถเบิกได้ตามกรณีอย่างที่เราอธิบายไว้แล้ว ด้านล่างคือข้อมูลที่เรารวบรวมไว้ระบุชัดเจน
" ดังนั้นค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทจะต้องรับผิดจึงมิได้จำกัดเฉพาะความเสียหายต่อทรัพย์สินโดยตรง แต่รวมถึงค่าสินไหมทดแทนอย่างอื่นที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก เช่น ค่าเสื่อมราคาแห่งทรัพย์สิน ค่าขาดประโยชน์การใช้ทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย
แต่เหนืออื่นใด ค่าเสื่อมราคาหรือภาษากฏหมายเขาเรียกว่าค่าเสื่อมราคาแห่งทรัพย์สินนั้น โดยเฉพาะค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ที่ถูกชน มีคำพิพากษาศาลฎีกาไว้ชัดเจนแล้วว่า บริษัทประกันภัยต้องจ่ายคือคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1874/2526"
******* ไม่มีใครอยากเกิดอุบัติเหตุ แต่เมื่อเกิดแล้วก็ต้องเรียกร้องตามสิทธิ์ที่เราพึ่งได้ ทางที่ดีขับขี่ปลอดภัย ระมัดระวังให้มากๆคือ ดีที่สุด ********
^^_________________________________________________________________________^^