อยากทราบว่าประเพณีประหลาดในประเทศอัฟริกาตะวันตกเฉียงเหนือนี้มาจากอาหรับหรือจากคนดำอัฟริกันก่อนหน้าอาหรับจะเข้ามา

เช่นประเพณี บังคับข่มขืนใจเด็กผู้หญิงให้ตัวอ้วน leblouh

ประเพณีนี้มีปรากฏในทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอัฟริกาซึ่ง
ผู้หญิงสวยในนิยามของชาวตูเร็กคือผู้หญิงที่มีรูปร่างอ้วนใหญ่และผิวค่อนข้างสว่างไปยังขาว .....ยิ่งถ้าอ้วนแล้วมีเซลลูไลต์เป็นลอนๆ หน้าท้อง แขนขามีรอยแตกลายจะยิ่งถือว่าสวย สมบูรณ์แบบ ยั่วยวนทางกามาราคะเหมาะแก่การเจริญพันธุ์ และอีกคติเป็นลักษณะของผู้มีอันจะกิน ประเพณีการบังคับขืนใจให้กินอย่างทรมานนี้เรียกว่า Leblouh (lebluh) เล็บลูห์


ชีวิตของเพศหญิงในประเทศ เมอร์ริเตเนีย, เวส ซาฮาร่า และทางใต้ของโมร็อกโค ถือว่าจะดีจะเลวก็แขวนอยู่ในกำมือของผู้ชาย ไม่ใช่อิสระภาพจากการเรียนหนังสือจบมามีชีวิตอิสระของตัวเอง......พวกแม่ๆของบรรดาเด็กผุ้หญิงที่อายุตั้งแต่แปดขวบขึ้นไปจะเริ่มบังคับพิธีการนี้โดยการบังคับให้เด็กดื่มนมวัวหรือนมอูดสดๆที่มีไขมันล้วนๆถึง12ลิตร ในตอนเช้าพร้อมด้วยอาหารไขมันสูงสองกิโล เช่นคุชคุชคลุกกะเนยสองถ้วย และทำแบบนี้ทุกวันจนโตเป็นสาวซึ่งแน่นอนว่าไม่มีเด็กคนไหนสามารถกินอาหารแบบนั้นได้หมดภายในหนึ่งมื้อ การบังคับกินจึงได้เกิดขึ้น โดยตามประเพณีเดิมจะมีเครื่องมือเป็นไม้ดัดนิ้ว ซึ่งจะถูกนำมาสวมไว้ที่มือหรือที่เท้าของเด็ก....

ตลอดเวลาที่เด็กโดนบังคับให้ดื่มนมอูดไขมันสูง แม่เด็กจะใช้เครื่องมือบีบมือหรือเท้าเด็กไปด้วยเพื่อให้เด็กรู้สึกเจ็บปวดจะได้โฟกัสไปที่ความเจ็บปวดแทนที่จะโฟกัสไปที่นมรสชาติมันจัดที่จะทำให้เด็กอวกออกมา....

เด็กหลายคนมีอาการป่วยจากพิษความมันของอาหาร
บางคนนิ้วมือนิ้วเท้าแตกเพราะโดนแม่ใช้เครื่องมือบีบแรงจนเกินไป
โดยแม่เด็กอ้างว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพราะถือว่าเป็นอนาคตของลูกสาว.....การช่วยให้ลูกสาวโตเป็นสาวที่อ้วนใหญ่ขนาดว่าเดินแทบไม่ได้จะทำให้เธอมีตัวเลือกมากในการเลือกสามีที่จะเลี้ยงดูเธอไปจนตายเพราะผู้ชายจะชอบเจ้าสาวที่อ้วนเท่านั้น ในประเทศพวกนี้ผูหญิงผอมถูกมองว่าน่าเกลียดน่ากลัวหุ่นเหมือนผี เหมือนคนป่วย เหมือนคนจน หรือผู้หญิงที่ไม่แข็งแรงไม่เหมาะแก่การเจริญพันธุ์.....ในประเทศอัฟริกาตะวันตกเฉียงเหนือถือว่าการบังคับให้ลูกสาวอ้วนด้วยวิธีเล็บลูห์นั้นเป็นความหวังดีของแม่เด็กที่นี้ ไม่ต่างจากการที่แม่ในสังคมอื่นที่รักลูกจะต้องขับดันลูกของตนให้เรียนจบมหาลัย

และครั้นก่อนวันแต่งงานอาทิตย์สองอาทิตย์จะมีการเจ้าสาวแยกอยู่เดี่ยวและบังคับให้กินอาหารเยอะมากๆขึ้นไปอีกเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าพิธีแต่งงาน เธอจะต้องมีรูปร่างเหมือนแม่พันธุ์ที่พร้อมผลิตทายาทเยอะๆในอนาคต

และแทนที่จะต้องข่มขืนใจกันให้กินจนอ้วนเช่นนี้ ทำไมแม่ชาวอัฟริกันตะวันตกเฉียงเหนือจึงไม่เลือกที่จะทำอาหารอร่อยให้เด็กกินจุแทน.....คำตอบก็คือ นมอูดมีความเชื่อว่าจะทำให้สีผิวของลูกสาวขาวสว่างขึ้นเหมือนสีนมนั้นเอง'...'........ปัจจุบันประเพณีนี้เริ่มมีความเสื่อมลง มีสาวๆอัฟริกันตะวันตกเฉียงเหนือที่โตมาเป็นสาวผอมบางมากมาย ในขณะที่สาวอ้วนนั้นโดนเพื่อนแกล้งที่โรงเรียนหรืออ้วนจนเดินไปเรียนไม่ได้แต่กระนั้นประเพณีก็ยังมีอยู่ และมีเด็กผู้หญิงเล็กๆที่โดนบังคับในประเพณีจนทุกวันนี้แม้จะมีองกรที่เริ่มออกมาช่วย

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


อีกประเพณีนึงที่น่าทึ่งขึ้นไปอีกคือประเพณี ขลิบ คลิตอลิสหญิง ในประเทศตะวันตกเรียกพิธีกรรมนี้สั้นๆว่า FGM female genital mutilation  ประเพณีนี้มีปรากฏในบูกินาฟาโซทางตะวันตกของอัฟริกา, 75เปอร์เซ็นต์ของอียิป, บางส่วนของเคิร์ดดิสถาน, ทางใต้ของประเทศโซนอัฟริกาเหนือทั้งหมด และอัฟริกาตะวันออกทั้งประเทศ

การขลิบนี้จะต้องทำโดยหญิงมีอายุพื้นบ้าน และทำสดปราศจากยาชา
ใช้เพียง กรรไกร และด้ายหรือเชือกเย็บ..... ในประเทศทางอัฟริกาตะวันตกที่นับถือศาสนาอิสลาม......แต่ในโซนทางใต้ของอัฟริกาเหนือเช่นใน
อียิปจะมีความทันสมัยและผ่อนผันทางพิธีกรรมมากกว่า คือใช้ยาชาร่วมด้วยและทานยาแก้อักเสบ......แต่ทางอัฟริกาตะวันตกจะทำกันสดๆ โดยบางท้องถื่นอาจตัดมากกว่า คลิตอลิส คือตัดแคมออกไปจนหมด เพราะความเชื่อว่าทำให้เกิดความสกปรกและมีกลิ่น
นอกจากนี้ยังเชื่อว่าเด็กผู้หญิงที่ถูกตัดคลิตอลิสออกไปจะไม่สามารถมีความรู้สึกทางเพศได้จะทำให้พวกเธอเป็นผู้หญิงที่บริสุทธิ์ผุดผ่องโดยแท้จริงที่ไม่เคยรับรู้ความรู้สึกทางเพศ และหญิงประเภทนี้เองที่ผู้ชายปรารถนาจะได้มาเป็นภรรยา ซึ่งในทุกประเทศที่กล่าวมาจะมีการทำ เฉพาะในกลุ่มที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั่น

หลายครั้งการตัดเย็บกันสดๆทำให้เด็กเสียเลือดหรือติดเชื้ออักเสบจนตายไปหลายเคส......วิธีการคือบรรดาญาติผู้หญิงจะช่วยกันจับเด็กมาขึงไว้และทำการตัดและเย็บด้วยเชือกและไม้ซี่เล็กค้ำ และพาเด็กไปนอนแยก ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสหลายเดือน
ครั้นบางคนที่รอดมาได้ไม่ตาย และโตขึ้นมาครั้นพอมีสามีก็มีเรื่องขึ้นอีก เพราะไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ บางครั้งผู้ทำไม่มีความรู้และเย็บปิดช่องคลอด หรือทำให้ผิดรูปร่างก็ต้องมีการแก้กันใหม่อีกครั้ง ถือเป็นความทรมานแสนสาหัสของผู้หญิงที่โดนตัดคลิตอลิส

ประเพณีนี้ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันถือว่าผิดกฏหมายหรือยัง แต่มีองการออกมาต่อต้านเยอะมาก รวมทั้งนางแบบชาวเอธิโอเปียชื่อดังที่เคยหนีจากประเทศบ้านเกิดและครอบครัวมาเพราะการนี้ ก็ออกมารณรงค์ต่อต้านการขลิบเด็กหญิงแต่ก็ยังมีการกระทำอยู่แม้กระทั่งในหมู่ผู้อพยพที่เข้าไปในยุโรปและอเมริกา แม้แต่ประเทศอาหรับที่ศิวิไลย์เช่นอียิปก็ยังมีประเพณีอยู่ถึง75เปอร์์์์์์์์์์์์์์์เซนต์ของประเทศ


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

อยากทราบว่าทั้งหมดทั้งมวลนี้มันเป็นประเพณีที่ได้มาจากวัฒนธรรมดั้งเดิมของงคนอัฟริกันก่อนชาวอาหรับจะเข้าไป? หรือชาวอาหรับนำเข้าไปคะ?

ถ้าจะบอกประเพณีมาจากชาวอาหรับแต่ทำไมก็มีอาหรับอีกหลายพวก
อีกหลายประเทศ อย่างพวกโอมาน ยูเออี จอร์แดน เลบานอน หรือแม้แต่โมร็อกคัน อียิป แอลจีเรีย ตูนีเซีย ฯ ประเทศเองกลับมีพวกที่ผู้หญิงเขาใช้ชีวิตอยู่กันสุดสบายชีวิตดังเจ้าหญิงแบบพวกนางๆอาหรับที่เขาโพสต์โชว์สวยแชร์รูปรวมกันในเฟซบุ้คแบบในอีกกระทู้ที่เราโพสต์
อย่างสาวๆพวกนี้มี่ชีวิตห่างไกลกับประเพณีพวกนั่นสิ้นเชิง











ขอแท็กซ์ห้องอิสลามด้วยนะคะเพราะอยากทราบว่าประเพณีอันหลังนี้มีการพูดในฮาดิษไหม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่