เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลเกี่ยวกับวิญญาณคุณไสย หากท่านใดไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ก็ข้ามกระทู้นี้ไปก็ได้นะคะ หรือจะอ่านเป็นนิทานก็ตามแต่
เรามีปัญหาเกี่ยวกับวิญญาณแฝงปริมาณค่อนข้างเยอะมานานพอสมควร ณ ปัจจุบันก็ปีครึ่งแล้วที่มีอาการ (ก่อนหน้านั้นโดนมาหลายปีมากแต่ไม่รู้ตัว) ตลอดช่วงที่ผ่านมาก็เอาออกไปเยอะแต่ก็มีเข้ามาใหม่เรื่อยๆ อาการก็ทรงๆทรุดๆมาตลอด บางช่วงที่อาการเหมือนจะดีขึ้นก็มักจะมีเหตุการณ์ทำให้อาการทรุดลงไปทุกครั้ง และเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ก็เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้อาการที่เกือบจะดีแล้วกลับทรุดลงไปอีก
เราทำร้านแปลเอกสารโดยจะแปลภาษาอังกฤษเป็นหลัก ภาษาอื่นก็มีบ้างประปราย ซึ่งเรากำลังจะเลิกทำเพราะอาการมึนหัวจากการโดนแฝงมานานทำให้ไม่สามารถทำงานที่ใช้สมองหนักๆได้ ช่วงนั้นเรายังมีลูกค้าอยู่แต่ก็รับได้น้อย อันไหนไม่ไหวก็ไม่รับ ก็เลยมองว่าจะหาคนมาทำแทน เพราะคนที่ช่วยทำอยู่ตอนนั้นก็ขอเลิกทำเพราะท้องแล้วต้องเลี้ยงลูก ซึ่งก็จะมีคนส่งใบสมัครมาบ้าง จริงๆคือไม่ได้ลงประกาศหาก็จะมีนักแปลส่งใบสมัครมาเรื่อยๆอยู่แล้ว แต่ช่วงนั้นมีอยู่คนหนึ่งส่งมาพอดีช่วงที่เราต้องการหาคน
ดูจากใบสมัครก็คิดว่าผ่านและกะว่าจะให้เขาทำแทนเลยหากงานแรกผ่านได้ด้วยดี เพราะจบตรงสายภาษาอังกฤษและมีประสบการณ์การแปลมานานพอสมควร ซึ่งปกติเรารับนักแปลจะรับทางอินเตอร์เนทแล้วตกลงจ้างงานผ่านทางอีเมลโดยที่ไม่ต้องเจอหน้ากันก็ทำเป็นปกติ ก็ไม่เคยมีนักแปลคนไหนมาหาที่ร้านเพราะส่วนใหญ่บ้านอยู่ไกล และเอกสารที่ส่งมาทางอีเมลก็เพียงพอแล้ว แต่นักแปลคนนี้กลับไม่ได้ส่งอีเมลมาอย่างเดียว เขาโทรมาหาเพื่อขอเจอที่ร้านด้วย ซึ่งเราก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน ก็ได้แต่คิดว่าสงสัยคงอยากเห็นว่าเรามีหน้าร้านจริง เวลาจ้างจะได้ไม่กลัวเบี้ยวละมั้ง ก็เลยไม่ได้ว่าอะไรถ้าเขาจะมาหา ทั้งที่เอกสารเขาเราก็ได้ครบแล้ว
ถึงเวลานัด พี่คนนี้เป็นผู้ชายอายุมากกว่าเรา แต่งตัวสุภาพ ดูท่าทางเรียบร้อย ปกติมีงานประจำเป็นเซลล์อยู่แล้ว แต่ทำงานแปลเป็นงานเสริม ก็มาแนะนำตัวและยื่นนามบัตร เรารับนามบัตรมาถือไว้แล้วก็ถามเรื่องว่าเขาทำงานแปลประเภทไหนบ้าง ถนัดแบบไหน ก็ถามเกี่ยวกับการทำงานของเขา แต่สิ่งที่แปลกอย่างหนึ่งก็คือตลอดเวลาที่คุยกับเขา เรารู้สึกขนลุกตลอด มันเป็นอาการขนหัวลุกแล้วก็ลุกไปทั้งตัว เกิดเป็นระลอก วูบๆๆ วูบขึ้นวูบลงอยู่อย่างนั้น ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกแบบนี้เวลาคุยกับคน เพราะปกติความรู้สึกนี้สำหรับเรา มันคือสัมผัสผี
เนื่องจากแต่เดิมเราก็พอมีเซนส์อยู่บ้างนิดๆหน่อยๆแต่ตั้งแต่โดนแฝง สัมผัสที่เรารับได้มันมาเต็มกว่าเดิมมาก เวลาสวดมนต์แผ่ส่วนกุศลเราจะรู้สึกชัดว่ามีคนมารับหรือไม่ เวลาที่เราจุดธูปสื่อสารกับวิญญาณแล้วเขาตอบรับมันคืออาการขนลุกวูบๆๆแบบนี้เลย แต่ตอนนั้นเรางงๆเพราะทำไมถึงมีความรู้สึกนี้กับคน เราไม่อยากคิดว่าเขามีวิญญาณแฝงเหมือนเรา แต่ถ้าเป็นแบบนั้นตอนที่เขากลับไปแล้ว เราก็ต้องไม่รู้สึกอะไรแล้ว แต่อันนี้คือแปลกมากเพราะพอเขากลับไปแล้ว เรายังคงมีความรู้สึกนี้อยู่แต่น้อยกว่าตอนที่พี่เขาอยู่หน่อย
หลังจากที่เขากลับไป เราก็เอานามบัตรไปไว้ที่โต๊ะทำงานในห้องนอนของเราโดยไม่ได้คิดอะไร แค่สงสัยอยู่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคืออะไรกันแน่....คืนนั้นเราก็อาการไม่ค่อยดี อาการมึนหัวหนักขึ้นกว่าเดิม และรู้สึกไม่สบายจนต้องรีบนอน พอตื่นมันรุ่งขึ้นหัวเราหนักมากก็ได้แต่งงว่าอาการเราเหมือนจะดีขึ้นแล้ว ทำไมอาการกลับทรุดลงอีก เลยมาเอะใจว่าถ้าอาการนั้นมันไม่ได้เกิดจากตัวคน แต่มันเกิดจากของที่เขาให้เรามาล่ะ ก็มีของแค่อย่างเดียวที่เขาให้เรา นั่นก็คือนามบัตร เรานั่งคิดย้อนเหตุการณ์ก็ยิ่งมั่นใจว่าเรามีอาการแปลกๆนี้ตั้งแต่รับนามบัตรมา แล้วตลอดเวลาที่เราคุยกับเขา เราก็ยังถือนามบัตรไว้ในมือตลอด จนเขากลับเราก็ยังมีอาการเพราะยังถือนามบัตรเขาอยู่ แถมยังเอามาไว้ในห้องนอนอีก
คิดได้ดังนั้นเราจึงรีบเอานามบัตรใบนั้นไปทิ้งถังขยะนอกห้องทันที เราลองไลน์ไปเลียบๆเคียงๆถามพี่เขาว่าทำไมเราคุยกับเขาแล้วมีอาการแปลกๆ เราแค่อยากดูปฏิกิริยาเขาว่าจะตอบเราว่าอะไร ถ้าเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้เขาก็คงจะงงๆ แต่คำตอบที่เราได้จากพี่เขายิ่งทำให้เราแน่ใจว่ามันต้องมีอะไรในนามบัตรเขาแน่ๆ เขาถึงอยากเจอตัวเราเพื่อยื่นนามบัตรให้ พี่เขาตอบว่าที่เรามีอาการขนลุกคงเพราะพี่เขาพรีเซนต์ดีอย่างมืออาชีพ ไม่มีอะไรหรอก...เขาตอบแบบไม่มีทีท่าแปลกใจเลยสักนิดกับอาการที่เราเล่าให้เขาฟัง
แต่จุดพีคก็คือในคืนนั้นหลังจากที่เราเอานามบัตรไปทิ้งแล้ว เรานอนหลับในห้องอยู่ดีๆ ก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างโดยกระตุกอย่างแรง หลังจากนั้นก็มีอาการชาที่หัวเข่า ปกติถ้าเราขาหรือแขนชามันจะชาทั้งท่อนแล้วสักพักก็หาย แต่นี่ไม่ใช่ อาการชาที่เข่าทั้งสองข้างมันเป็นจุดแล้วก็วิ่งได้ อาการชาวิ่งจากหัวเข่าทั้งสองข้างไหลออกไปจนถึงปลายเท้าแล้วหลุดออกไป มันเหมือนมีอะไรวิ่งออกจากตัวเราไป ตอนนั้นงงมากว่าคืออะไร แต่ในความรู้สึกคือคิดว่าของที่อยู่ในนามบัตรคงออกไปแล้ว
ตอนนั้นได้แต่สันนิษฐานว่าเขาคงจะเอานามบัตรไปทำพิธี น่าจะมีพวกกุมาร หรือสาริกาอะไรพวกนั้นหรือเปล่า ที่ทำให้คนจ้างงานเขาง่าย หรือซื้อของเขาง่าย ถึงเราจะไม่ได้มีกรรมกับของพวกนั้นเลยทำให้ของพวกนั้นออกไปจากตัวได้ในเวลาไม่กี่วัน แต่กรรมที่เรามีกับพวกที่แฝงอยู่ในตัวเราอยู่แล้วคงมีเยอะ เพราะการที่ของพวกนี้ผ่านร่างบ่อยๆยิ่งทำให้ร่างกายอ่อนแอลงอย่างมาก
หลังจากเหตุการณ์นั้นร่างกายเราทรุดลงค่อนข้างมาก ใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะดีขึ้น เราก็เลยไม่ได้จ้างพี่เขาเพราะเราเข็ดจริงๆ ไม่อยากยุ่งกับคนเล่นของพวกนี้ในช่วงที่ดวงเราอ่อนมาก ก็เลยไม่ได้คุยกันอีก หลังจากนี้จะรับอะไรจากใครก็คงต้องดูดีๆ ไม่งั้นก็จะส่งผลต่อร่างกายเราอีก ขอฝากสำหรับคนชอบลงของพวกนี้ด้วยนะคะว่าคุณอาจคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่คุณทำเพื่อประโยชน์ในการทำมาหากินของคุณจะทำร้ายคนอื่นได้ เพราะบางคนช่วงที่ดวงเขาตกหรือกำลังมีปัญหาเรื่องนี้อยู่ ของพวกนี้มันจะดึงดูดกันแล้วเขาจะไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ จะทำอะไรขอให้ระวังให้มากค่ะ
อย่ารับของจากคนแปลกหน้า !!!
เรามีปัญหาเกี่ยวกับวิญญาณแฝงปริมาณค่อนข้างเยอะมานานพอสมควร ณ ปัจจุบันก็ปีครึ่งแล้วที่มีอาการ (ก่อนหน้านั้นโดนมาหลายปีมากแต่ไม่รู้ตัว) ตลอดช่วงที่ผ่านมาก็เอาออกไปเยอะแต่ก็มีเข้ามาใหม่เรื่อยๆ อาการก็ทรงๆทรุดๆมาตลอด บางช่วงที่อาการเหมือนจะดีขึ้นก็มักจะมีเหตุการณ์ทำให้อาการทรุดลงไปทุกครั้ง และเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ก็เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้อาการที่เกือบจะดีแล้วกลับทรุดลงไปอีก
เราทำร้านแปลเอกสารโดยจะแปลภาษาอังกฤษเป็นหลัก ภาษาอื่นก็มีบ้างประปราย ซึ่งเรากำลังจะเลิกทำเพราะอาการมึนหัวจากการโดนแฝงมานานทำให้ไม่สามารถทำงานที่ใช้สมองหนักๆได้ ช่วงนั้นเรายังมีลูกค้าอยู่แต่ก็รับได้น้อย อันไหนไม่ไหวก็ไม่รับ ก็เลยมองว่าจะหาคนมาทำแทน เพราะคนที่ช่วยทำอยู่ตอนนั้นก็ขอเลิกทำเพราะท้องแล้วต้องเลี้ยงลูก ซึ่งก็จะมีคนส่งใบสมัครมาบ้าง จริงๆคือไม่ได้ลงประกาศหาก็จะมีนักแปลส่งใบสมัครมาเรื่อยๆอยู่แล้ว แต่ช่วงนั้นมีอยู่คนหนึ่งส่งมาพอดีช่วงที่เราต้องการหาคน
ดูจากใบสมัครก็คิดว่าผ่านและกะว่าจะให้เขาทำแทนเลยหากงานแรกผ่านได้ด้วยดี เพราะจบตรงสายภาษาอังกฤษและมีประสบการณ์การแปลมานานพอสมควร ซึ่งปกติเรารับนักแปลจะรับทางอินเตอร์เนทแล้วตกลงจ้างงานผ่านทางอีเมลโดยที่ไม่ต้องเจอหน้ากันก็ทำเป็นปกติ ก็ไม่เคยมีนักแปลคนไหนมาหาที่ร้านเพราะส่วนใหญ่บ้านอยู่ไกล และเอกสารที่ส่งมาทางอีเมลก็เพียงพอแล้ว แต่นักแปลคนนี้กลับไม่ได้ส่งอีเมลมาอย่างเดียว เขาโทรมาหาเพื่อขอเจอที่ร้านด้วย ซึ่งเราก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน ก็ได้แต่คิดว่าสงสัยคงอยากเห็นว่าเรามีหน้าร้านจริง เวลาจ้างจะได้ไม่กลัวเบี้ยวละมั้ง ก็เลยไม่ได้ว่าอะไรถ้าเขาจะมาหา ทั้งที่เอกสารเขาเราก็ได้ครบแล้ว
ถึงเวลานัด พี่คนนี้เป็นผู้ชายอายุมากกว่าเรา แต่งตัวสุภาพ ดูท่าทางเรียบร้อย ปกติมีงานประจำเป็นเซลล์อยู่แล้ว แต่ทำงานแปลเป็นงานเสริม ก็มาแนะนำตัวและยื่นนามบัตร เรารับนามบัตรมาถือไว้แล้วก็ถามเรื่องว่าเขาทำงานแปลประเภทไหนบ้าง ถนัดแบบไหน ก็ถามเกี่ยวกับการทำงานของเขา แต่สิ่งที่แปลกอย่างหนึ่งก็คือตลอดเวลาที่คุยกับเขา เรารู้สึกขนลุกตลอด มันเป็นอาการขนหัวลุกแล้วก็ลุกไปทั้งตัว เกิดเป็นระลอก วูบๆๆ วูบขึ้นวูบลงอยู่อย่างนั้น ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกแบบนี้เวลาคุยกับคน เพราะปกติความรู้สึกนี้สำหรับเรา มันคือสัมผัสผี
เนื่องจากแต่เดิมเราก็พอมีเซนส์อยู่บ้างนิดๆหน่อยๆแต่ตั้งแต่โดนแฝง สัมผัสที่เรารับได้มันมาเต็มกว่าเดิมมาก เวลาสวดมนต์แผ่ส่วนกุศลเราจะรู้สึกชัดว่ามีคนมารับหรือไม่ เวลาที่เราจุดธูปสื่อสารกับวิญญาณแล้วเขาตอบรับมันคืออาการขนลุกวูบๆๆแบบนี้เลย แต่ตอนนั้นเรางงๆเพราะทำไมถึงมีความรู้สึกนี้กับคน เราไม่อยากคิดว่าเขามีวิญญาณแฝงเหมือนเรา แต่ถ้าเป็นแบบนั้นตอนที่เขากลับไปแล้ว เราก็ต้องไม่รู้สึกอะไรแล้ว แต่อันนี้คือแปลกมากเพราะพอเขากลับไปแล้ว เรายังคงมีความรู้สึกนี้อยู่แต่น้อยกว่าตอนที่พี่เขาอยู่หน่อย
หลังจากที่เขากลับไป เราก็เอานามบัตรไปไว้ที่โต๊ะทำงานในห้องนอนของเราโดยไม่ได้คิดอะไร แค่สงสัยอยู่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคืออะไรกันแน่....คืนนั้นเราก็อาการไม่ค่อยดี อาการมึนหัวหนักขึ้นกว่าเดิม และรู้สึกไม่สบายจนต้องรีบนอน พอตื่นมันรุ่งขึ้นหัวเราหนักมากก็ได้แต่งงว่าอาการเราเหมือนจะดีขึ้นแล้ว ทำไมอาการกลับทรุดลงอีก เลยมาเอะใจว่าถ้าอาการนั้นมันไม่ได้เกิดจากตัวคน แต่มันเกิดจากของที่เขาให้เรามาล่ะ ก็มีของแค่อย่างเดียวที่เขาให้เรา นั่นก็คือนามบัตร เรานั่งคิดย้อนเหตุการณ์ก็ยิ่งมั่นใจว่าเรามีอาการแปลกๆนี้ตั้งแต่รับนามบัตรมา แล้วตลอดเวลาที่เราคุยกับเขา เราก็ยังถือนามบัตรไว้ในมือตลอด จนเขากลับเราก็ยังมีอาการเพราะยังถือนามบัตรเขาอยู่ แถมยังเอามาไว้ในห้องนอนอีก
คิดได้ดังนั้นเราจึงรีบเอานามบัตรใบนั้นไปทิ้งถังขยะนอกห้องทันที เราลองไลน์ไปเลียบๆเคียงๆถามพี่เขาว่าทำไมเราคุยกับเขาแล้วมีอาการแปลกๆ เราแค่อยากดูปฏิกิริยาเขาว่าจะตอบเราว่าอะไร ถ้าเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้เขาก็คงจะงงๆ แต่คำตอบที่เราได้จากพี่เขายิ่งทำให้เราแน่ใจว่ามันต้องมีอะไรในนามบัตรเขาแน่ๆ เขาถึงอยากเจอตัวเราเพื่อยื่นนามบัตรให้ พี่เขาตอบว่าที่เรามีอาการขนลุกคงเพราะพี่เขาพรีเซนต์ดีอย่างมืออาชีพ ไม่มีอะไรหรอก...เขาตอบแบบไม่มีทีท่าแปลกใจเลยสักนิดกับอาการที่เราเล่าให้เขาฟัง
แต่จุดพีคก็คือในคืนนั้นหลังจากที่เราเอานามบัตรไปทิ้งแล้ว เรานอนหลับในห้องอยู่ดีๆ ก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างโดยกระตุกอย่างแรง หลังจากนั้นก็มีอาการชาที่หัวเข่า ปกติถ้าเราขาหรือแขนชามันจะชาทั้งท่อนแล้วสักพักก็หาย แต่นี่ไม่ใช่ อาการชาที่เข่าทั้งสองข้างมันเป็นจุดแล้วก็วิ่งได้ อาการชาวิ่งจากหัวเข่าทั้งสองข้างไหลออกไปจนถึงปลายเท้าแล้วหลุดออกไป มันเหมือนมีอะไรวิ่งออกจากตัวเราไป ตอนนั้นงงมากว่าคืออะไร แต่ในความรู้สึกคือคิดว่าของที่อยู่ในนามบัตรคงออกไปแล้ว
ตอนนั้นได้แต่สันนิษฐานว่าเขาคงจะเอานามบัตรไปทำพิธี น่าจะมีพวกกุมาร หรือสาริกาอะไรพวกนั้นหรือเปล่า ที่ทำให้คนจ้างงานเขาง่าย หรือซื้อของเขาง่าย ถึงเราจะไม่ได้มีกรรมกับของพวกนั้นเลยทำให้ของพวกนั้นออกไปจากตัวได้ในเวลาไม่กี่วัน แต่กรรมที่เรามีกับพวกที่แฝงอยู่ในตัวเราอยู่แล้วคงมีเยอะ เพราะการที่ของพวกนี้ผ่านร่างบ่อยๆยิ่งทำให้ร่างกายอ่อนแอลงอย่างมาก
หลังจากเหตุการณ์นั้นร่างกายเราทรุดลงค่อนข้างมาก ใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะดีขึ้น เราก็เลยไม่ได้จ้างพี่เขาเพราะเราเข็ดจริงๆ ไม่อยากยุ่งกับคนเล่นของพวกนี้ในช่วงที่ดวงเราอ่อนมาก ก็เลยไม่ได้คุยกันอีก หลังจากนี้จะรับอะไรจากใครก็คงต้องดูดีๆ ไม่งั้นก็จะส่งผลต่อร่างกายเราอีก ขอฝากสำหรับคนชอบลงของพวกนี้ด้วยนะคะว่าคุณอาจคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่คุณทำเพื่อประโยชน์ในการทำมาหากินของคุณจะทำร้ายคนอื่นได้ เพราะบางคนช่วงที่ดวงเขาตกหรือกำลังมีปัญหาเรื่องนี้อยู่ ของพวกนี้มันจะดึงดูดกันแล้วเขาจะไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ จะทำอะไรขอให้ระวังให้มากค่ะ