[Europe 12 วัน 3 ประเทศ] ตอนที่ 3: ล่องเรือที่ Lucence แล้วไปขึ้น Rigi กัน

*** ครั้งแรกของเรากับการไป Europe โดยทริปนี้ เราไปด้วยกันสามประเทศคือ เนเธอแลนด์ ฝรั่งเศส และ ปิดท้ายที่สวิสเซอร์แลนด์ *****
ช่วงที่ไปคือ ระหว่างวันที่ 4 พย. - 15 พย. ซึ่งถือเป็นช่วงเปลี่ยนฤดูจากฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูหนาวพอดี


####################################################
ตอนที่ 1 : เดินเลียบคลองที่อัมสเตอร์ดัม แล้วไปขับเรือที่ Giethoorn ปิดท้ายด้วยหมู่บ้านกังหันลม https://ppantip.com/topic/37143126
ตอนที่ 2 : ปารีสต้องมนต์ หลงไปในพิพิธภัณฑ์ Louvre https://ppantip.com/topic/37148324/
ตอนที่ 3: ล่องเรือที่ Lucernce แล้วไปขึ้น Rigi กัน https://ppantip.com/topic/37207676/
######################################################

@@ 9/11/2017 : เราตื่นตั้งแต่ตี 4  เพื่อมาจัดกระเป๋าอีกครั้ง เพื่อเตรียมตัวไปขึ้นรถไฟ ไปเมือง Basel ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เราเรียกใช้ บริการ Uber ตกราวๆ 200 กว่าบาท จากโรงแรมไปยังสถานีรถไฟ Gare de Lyon เช้านี้อากาศหนาวมาก เราจองตั๋วรถไฟล่วงหน้า 4 เดือน ได้ราคา 29 Euro โดยเราจะไปลงที่สถานี Basel SBB จากนั้นจึงเปิดใช้ swiss pass ต่อไปยังเมือง Lucerne ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงจากปารีสไป Basel ค่ะ

แต่ปฏิบัติการสำคัญของเราคือ การตามหา stamp ของศุลกากร เพื่อทำ tax refund  เพิ่งมารู้ความยากลำบากของการทำ tax refund ที่สวิสก็คราวนี้แหละ เพราะเราซื้อของจากฝรั่งเศส และ บินกลับไทยจากสวิส แต่บังเอิญว่าสวิสไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศ EU ดังนั้นจึงทำ tax refund ของฝรั่งเศสไม่ได้

ดีที่มี pantip ช่วยชีวิต จากการอ่าน pantip เรามี 3 ทางเลือกด้วยกันคือ
1. มีห้อง custom ของฝรั่งเศสอยู่ตรงชานชลาที่ 34 ของสถานี Basel การเดินทางคือ ต้องเดินออกมานอกสถานีก่อนแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามป้ายที่บอกเลขชานชลา
2. นั่งรถรางสาย 8 ไป ทาง Weil am Rhein Bahnhof/Zentrum เพื่อข้ามฝั่งไปเยอรมัน โดยเราสามารถ stamp ได้ที่นั่น
3. ทางสุดท้ายไปที่ Euro Airport แล้วไปหา custom ที่นั่น มีรถที่สามารถนั่งจากสถานี Basel ไปถึง Euro Airport ได้เลย

หลังจากนั่งรถไฟไป 3 ชั่วโมง เราก็ถึงสถานี Basel จากนั้นก็เดินลงมาชั้นล่าง แล้วเดินไปตามป้ายชานชลาที่ 34-35 ในใจหวังว่าขอให้เจอเจ้าหน้าที่ด้วยเถิด จะได้เดินทางต่อไป Lucence ได้เลย เราสองคนลากกระเป๋าแบบทุลักทุเล เดินไปตามล่าหาชานชลาดังกล่าว เดินไปถึงก็งงๆ ไม่มีป้ายอะไรบอกเลยว่าไหนคือ custom วนไปวนมาจนต้องถามเจ้าหน้าที่แถวนั้น ได้ความว่าคือห้องที่ปิดประตูอยู่แล้วไม่มีป้ายใดๆ เราเคาะประตูอยู่นาน ยืนรออยู่ซักพัก ก็ไม่มีใครออกมาเปิดประตู เลยได้แต่ทำใจ จากที่อ่านใน pantip มาหลายๆ คนก็โชคไม่เข้าข้างแบบเรา คือไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ สุดท้าย เราเลยลากกระเป๋ากลับไปตั้งหลักใน สถานี Basel

ทีนี้ก็เหลือ 2 ทางเลือก คือไป ฝั่งเยอรมัน กับ ไปสนามบิน แต่ว่า กันว่า สนามบินต้อง declare ของ ด้วยความที่กระเป๋าใหญ่ ไม่อยากลากไปให้ทุลักทุเล เราเลยตัดสินใจกันว่าจะลองนั่งรถไปที่ฝั่งเยอรมันก่อน

แต่ก่อนจะไป อย่างแรกที่ต้องทำคือ ต้องไปฝากกระเป๋าก่อน เดินลงไปฝากกระเป๋าที่ชั้นใต้ดิน ไม่มีแบงค์ย่อย ไม่มีเหรียญใดๆ เลย แต่ที่สวิสมีเครื่องให้แลก รู้สึกสะดวกสบายตรงนี้ ลากกระเป๋าไปฝากในราคา 6 ฟรังก์ จากนั้น เดินไปเข้าห้องน้ำ ความพีคอยู่ที่ ห้องน้ำของสถานีนี้ คือ 2 ฟรังก์ 70 บาท!!! OMG อยากจะนั่งอยู่ในห้องน้ำซักชั่วโมงเพื่อความคุ้ม

โฉมหน้าห้องน้ำ พอเดินออกมาจากห้องน้ำพนักงานจะวิ่งปรี่เข้าไปเช็ดทันที


หลังจากทำธุระใดๆ เสร็จแล้ว เราก็พากันออกไปหารถที่จะไป stamp ใบ refund ที่ขึ้นรถอยู่หน้าสถานีเลย เห็นรถสาย 8 มา เลยพากันวิ่งเลยจ้า ปรากฏ ขึ้นผิดฝั่งไปอีก ดีที่คนสวิสใจดี เห็นเราสองคนงงๆ กับทิศทาง เค้าเลยถามว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย เราเลยถามซะเลยว่า Weil am Rhein Bahnhof/Zentrum  ไปทางไหน สรุปลงป้ายถัดไป แล้วขึ้นรถสาย 8 ย้อนกลับมาทางเดิม ใช้เวลาเดินทางราวๆ ครึ่งชั่วโมง ก็ถึงชายแดนสวิส และ เยอรมัน อ้อ พอขึ้นรถถูกฝั่งแล้วก็ไม่ต้องกลัวหลงนะคะ มีข้อมูลบอกป้ายในจอ ความดีงามคือมีข้อมูลบอกตลอดทั้งที่สวิสและเนเธอร์แลนด์ แต่ในปารีสเราไม่ทราบ เพราะว่าไม่ได้ใช้บริการรถบัสหรือรถรางเลย

พอข้ามเขตมาฝั่งเยอรมัน รถจะจอดแล้วจะมีเจ้าหน้าที่ของเยอรมันขึ้นมาบนรถมาตรวจ passport และ ID card ทีละคน ทราบมาว่าคนสวิสชอบข้ามฝั่งไปซื้อของที่เยอรมัน เพราะว่ามีราคาถูกกว่า พอซื้อเสร็จก็สามารถทำ tax refund ได้อีกด้วย ลงจากรถปุ๊บเราก็พุ่งตัวไปที่ custom แล้วก็ได้ stamp มาอย่างง่ายดายแบบไม่ถามอะไรซักคำ ดีใจจนน้ำตาจะไหล เย้!!

ตรงนี้จะเป็นส่วนของ custom จากจุดที่ลงรถ ให้ข้ามถนน แล้วเดินย้อนกลับมา ส่วนขากลับ ก็ยืนรอรถตรงใกล้ๆ custom ได้เลยค่ะ เพราะว่าป้ายจะอยู่ตรงนั้น


กลับมาถึงสถานี Basel เราก็ซื้อขนมเตรียมขึ้นไปกินบนรถไฟ สามารถ check ตาราง เที่ยวรถได้จาก app SBB Mobile จะบอกเวลารถออกและชานชลาไว้ทั้งหมด

ต่อไปเราจะไปเที่ยว Lucerne แล้วนอนที่นั่นหนึ่งคืน จากนั้นวันถัดไปก็จะเดินทางไป Interlaken ต่อ เดี๋ยวจะมาเล่าเรื่อง Lucerne ต่อนะคะ อ้อเราเริ่มใช้ swiss pass กันวันนี้เลยนะคะ จาก Basel ไป Lucerne
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่