สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
จำไว้นะครับ มีลูกสอนลูก มีหลานสอนหลาน ว่าจะไม่ค้ำประกันให้ใครในโลกนี้
ยกเว้นค้ำให้พ่อแม่ได้ ญาติสนิท มิตรสหาย ห้ามเด็ดขาด พี่น้องกันก็ไม่ได้นะครับ
************ถ้าโดนให้ค้ำประกัน บอกเพื่อนหรือญาติคุณไปเลยว่า ให้เปลี่ยนสัญญาเป็นคุณกู้แทน แล้วให้คนที่มาขอให้คุณค้ำให้ เป็น "คนค้ำประกัน" คุณแทน**********
ยกเว้นค้ำให้พ่อแม่ได้ ญาติสนิท มิตรสหาย ห้ามเด็ดขาด พี่น้องกันก็ไม่ได้นะครับ
************ถ้าโดนให้ค้ำประกัน บอกเพื่อนหรือญาติคุณไปเลยว่า ให้เปลี่ยนสัญญาเป็นคุณกู้แทน แล้วให้คนที่มาขอให้คุณค้ำให้ เป็น "คนค้ำประกัน" คุณแทน**********
ความคิดเห็นที่ 44
เราเคยมีประสบการณ์ค้ำประกันรถแล้วโดนฟ้องค่ะ ตอนที่ได้หมายแจ้งจะให้เราจ่ายส่วนต่างจากการที่เค้ายึดรถไปขายทอดตลาดแล้วแต่ได้ไม่เต็มยอดหนี้ เลยจะมาเก็บกับเราประมาณสี่แสน แต่เราไม่ยอมค่ะ จ้างทนายสู้คดี ศาลชั้นต้นให้จ่ายแสนห้า แต่เรายื่นศาลอุทธรณ์สู้ต่อ สรุปตัดสินให้จ่ายเก้าพันกว่าบาท แต่โจทย์ไม่ยอมส่งฟ้องฎีกาต่อ สุดท้ายฎีกาไม่รับตีกลับมาบอกว่าให้ยึดตามคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ค่ะ กว่าจะจบคดีใช้เวลา 3 ปี เพราะฉะนั้นปรึกษาทนายก่อนว่าเคสคุณขอยื่นอุทธรณ์ได้หรือไม่ ไปสู้คดีกันในศาลดีกว่า ถ้าอยากให้แนะนำทนายก็อินบ๊อคมาถามได้ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 6
"...แต่เนื่องจากทางญาติผู้เสียชีวิตบอกว่าจะเป็นผู้รับผิดชอบผ่อนรถคันนี้ต่อและจะตกลงกันเองในครอบครัว เราจึงไว้ใจและไม่เคยถามถึงเรื่องนี้อีก..."
- เรื่องแบบนี้ใช้ความไว้ใจไม่ได้ พังกันมาเยอะแล้ว นี่ก็อีกกรณีหนึ่ง
"...เรามีทางไหนบ้างที่จะให้ฝ่ายญาติผู้ตายรับผิดชอบหนี้ก้อนนี้..."
- ไม่มี
"...คนค้ำต้องเดือดร้อนแต่ทางเค้าไม่รับผิดชอบอะไรเลยค่ะ..."
- ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าทำไมเขาถึงพูดกันนักกันาหนาว่าอย่าไปค้ำประกันอะไรให้ใครซี้ซั้ว
๑. ยังไงคุณก็ต้องยอมชดใช้หนี้ก้อนนี้ เพราะผู้ตายไม่มีมรดก หรือทรัพย์สินที่เจ้าหนี้เขาจะไปยึดได้ และผู้รับมรดก (แม่ผู้ตาย) ก็ไม่มีสมบัติ เพราะฉะนั้น "คุณ ในฐานะ ผู้ค้ำประกัน" ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่มีทางหลบเลี่ยงได้
๒. ให้ไปคุยกับเจ้าหนี้ ขอประนอมหนี้ อย่าเพิ่งยึดทรัพย์ ไปตกลงกันว่าจะจ่ายเท่าไหร่ ระยะเวลาแค่ไหน ดอกเบี้ยเป็นยังไง ที่สำคัญคือต้องไปศาลทุกครั้งที่ถูกเรียก ห้ามเบี้ยวเด็ดขาด เพราะถ้าเบี้ยว แสดงว่ามีเจตนาไม่ชดใช้หนี้ เรื่องมันจะเลวร้ายลงไปอีก
คนค้ำจะหลุดจากหนี้ได้ ก็มีไม่กี่กรณี
๑. เจ้าหนี้ได้รับการชำระหนี้จนหมด
๒. ตาย
๓. ล้มละลาย
- เรื่องแบบนี้ใช้ความไว้ใจไม่ได้ พังกันมาเยอะแล้ว นี่ก็อีกกรณีหนึ่ง
"...เรามีทางไหนบ้างที่จะให้ฝ่ายญาติผู้ตายรับผิดชอบหนี้ก้อนนี้..."
- ไม่มี
"...คนค้ำต้องเดือดร้อนแต่ทางเค้าไม่รับผิดชอบอะไรเลยค่ะ..."
- ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าทำไมเขาถึงพูดกันนักกันาหนาว่าอย่าไปค้ำประกันอะไรให้ใครซี้ซั้ว
๑. ยังไงคุณก็ต้องยอมชดใช้หนี้ก้อนนี้ เพราะผู้ตายไม่มีมรดก หรือทรัพย์สินที่เจ้าหนี้เขาจะไปยึดได้ และผู้รับมรดก (แม่ผู้ตาย) ก็ไม่มีสมบัติ เพราะฉะนั้น "คุณ ในฐานะ ผู้ค้ำประกัน" ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่มีทางหลบเลี่ยงได้
๒. ให้ไปคุยกับเจ้าหนี้ ขอประนอมหนี้ อย่าเพิ่งยึดทรัพย์ ไปตกลงกันว่าจะจ่ายเท่าไหร่ ระยะเวลาแค่ไหน ดอกเบี้ยเป็นยังไง ที่สำคัญคือต้องไปศาลทุกครั้งที่ถูกเรียก ห้ามเบี้ยวเด็ดขาด เพราะถ้าเบี้ยว แสดงว่ามีเจตนาไม่ชดใช้หนี้ เรื่องมันจะเลวร้ายลงไปอีก
คนค้ำจะหลุดจากหนี้ได้ ก็มีไม่กี่กรณี
๑. เจ้าหนี้ได้รับการชำระหนี้จนหมด
๒. ตาย
๓. ล้มละลาย
ความคิดเห็นที่ 58
ถ้ากระบวนการถึงขั้นประเมินราคาบ้านขายทอดตลาดแล้วก็คงยากแล้วแหล่ะครับ ทางเลือกสุดท้ายคือหาเงินสดไปขอปิดหนี้แค่นั่นเองแหล่ะครับ คุณไม่เคยไปตามที่ศาลนัดเลยหรอครับ ทำไมปล่อยให้มาถึงกระบวนการนี้ได้ เพื่อนผมคนนึงก็โดนยึดบ้านขายทอดตลาดไปแล้วในราคาประเมินซึ่งถูกแสนถูกด้วย เนื่องจากไม่ไปตามที่ศาลนัด เพราะคิดว่าเราแค่คนค่ำ ไม่ใช่คนซื้อรถ ที่จริงเค้าเล่นคนค่ำก่อนเลย บ้านก็ถูกขาย ลูกก็ไปทาง เมียก็ไปทาง เพราะทะเลาะกัน ด่าผัวโง่ทุกวัน สุดท้ายบ้านแตกสิครับ ส่วนเรื่องเอาเงินสดไปปิดหนี้ต้องรีบติดต่อนะครับ เค้าจะมีกำหนดวันให้เราเลย ว่าต้องไม่เกินวันนั่น วันนี้ เพราะเค้าชนะคดีแล้ว เตรียมขายบ้านแล้ว เค้าไม่ง้อเราแล้วครับ (ข้อมูลนี้ได้มาจากตัวเพื่อนเล่าให้ฟังนะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์)
ความคิดเห็นที่ 13
มันมาถึงขั้นตอนการยึดทรัพย์แล้วเหรอ แสดงว่าคดีถึงที่สุดแล้วสินะ
ที่ผ่านมาคุณไม่ได้รับหมายอะไรเลยเหรอ?? อันนี้ค่อนข้างแปลกใจ
คุณกำลังเจอกับพวกหัวหมอไร้คุณธรรมอย่างรุนแรง มีการไปปรึกษาทนายด้วย
ทนายฝั่งนู้นก็ดี๊ดี แนะนำได้ดีมาก น่าจะไปเป็นทนายให้ครูปรีชานะนั่น
ถ้าคดียังไม่ถึงที่สุด ยังไงก็เข้าไปเจรจากับเจ้าหนี้ก่อน มีเงินก้อนก็โปะไปก่อน
เพื่อสร้างความมั่นใจให้เจ้าหนี้ จ่ายหมดไปก่อนได้ยิ่งดี ส่วนเรื่องรถ
จ้างพวกติดตามหนี้ไปตามเอารถกลับมา งานนี้ลงมือเองไม่ได้หรอก
เพราะทางนู้นมีทนายที่ดีคอยให้คำแนะนำ
ที่ผ่านมาคุณไม่ได้รับหมายอะไรเลยเหรอ?? อันนี้ค่อนข้างแปลกใจ
คุณกำลังเจอกับพวกหัวหมอไร้คุณธรรมอย่างรุนแรง มีการไปปรึกษาทนายด้วย
ทนายฝั่งนู้นก็ดี๊ดี แนะนำได้ดีมาก น่าจะไปเป็นทนายให้ครูปรีชานะนั่น
ถ้าคดียังไม่ถึงที่สุด ยังไงก็เข้าไปเจรจากับเจ้าหนี้ก่อน มีเงินก้อนก็โปะไปก่อน
เพื่อสร้างความมั่นใจให้เจ้าหนี้ จ่ายหมดไปก่อนได้ยิ่งดี ส่วนเรื่องรถ
จ้างพวกติดตามหนี้ไปตามเอารถกลับมา งานนี้ลงมือเองไม่ได้หรอก
เพราะทางนู้นมีทนายที่ดีคอยให้คำแนะนำ
แสดงความคิดเห็น
ค้ำประกันรถให้เพื่อนจนโดนบังคับคดียึดบ้าน ควรทำอย่างไร???
เรื่องมีอยุ่ว่าเมื่อ5ปีที่แล้วเราเคยค้ำประกันให้พี่คนหนึ่งซื้อรถตู้ เวลาผ่านมาจนเมื่อ2ปีที่แล้วพี่คนนี้เสียชีวิตค่ะ และมีหนังสือแจ้งมาจากทางบริษัทโตโยต้าให้เราในฐานะผู้ค้ำไปทำเรื่องรับและจัดการมรดกในส่วนของรถตู้คันที่เราค้ำประกัน แต่เนื่องจากทางญาติผู้เสียชีวิตบอกว่าจะเป็นผู้รับผิดชอบผ่อนรถคันนี้ต่อและจะตกลงกันเองในครอบครัว เราจึงไว้ใจและไม่เคยถามถึงเรื่องนี้อีก จนเมื่อต้นเดือนธันวาคม ปีนี้ เราได้รับหนังสือแจ้งจากกรมบังคับคดี แจ้งยึดทรัพย์เราโดยแจ้งยึดบ้านเราขายทอดตลาด ในราคาประเมินบ้าน3,200,000บาท ซึ่งในเอกสารแจ้งว่ารถตู้คันที่เราค้ำประกันไม่มีการผ่อนชำระเลยและมียอดค้างจำนวน 234,×××บาท ซึ่งเราไม่ทันตั้งตัวและตกใจมาก เลยไปขอคัดคำฟ้องที่ศาลและไปตามหาแม่ของผู้เสียชีวิต โดยแม่เป็นผู้เซ็นรับมรดกรถคันนี้ จากการสอบถามแม่บอกมาเซ็นรับแต่รถได้ให้เมียผุ้ตายไปใช้ต่อ และทราบเรื่องแล้วว่ารถไม่ได้ผ่อน และทางพี่ชายผุ้ตายบอกว่าปรึกษาทนายแล้วทนายบอกว่าให้ปล่อยให้ศาลฟ้องเพราะไม่สามารถทำอะไรแม่ได้เพราะแม่ไม่มีทรัพสินใดๆเป็นชื่อแม่ #แต่ตอนนี้ศาลกลับฟ้องยึดทรัพย์เรา จึงอยากขอสอบถามผู้รุ้ว่าเรามีทางไหนบ้างที่จะให้ฝ่ายญาติผู้ตายรับผิดชอบหนี้ก้อนนี้ ซึ่งเราไม่อยากโดนยึดบ้านและต้องรับผิดชอบหนี้ก้อนนี้เอง ทั้งที่ญาติๆผู้ตายรุ้อยุ่แล้วว่าถ้าศาลฟ้องคือคนค้ำตองเดือดร้อนแต่ทางเค้าไม่รับผิดชอบอะไรเลยค่ะ ตอนนี้เครียดมาก ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ