1. ไม่มีพื้นเพหรือที่มาของสโน๊ค คือ ผมว่าปกติ
เอาจริงๆ แล้วหนังฝรั่งแทบทุกเรื่องที่ไม่ใช่แนว “ลิเก” คือแนวนิยายแฟนตาซีที่มีเจ้าขุนมูลนายเนี่ย เราแทบไม่เคยเห็นมีการมานั่งเราประวัติบ้านเกิดของตัวละครนะ จริงๆ มักจะเป็นละครเอเชียนี่แหละที่ชอบการเล่าว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ประวัติเป็นอย่างไร กับ Star Wars เรายังไม่เคยถามประวัติที่มาของ โพ ดาเมรอน กันเลย กับ สโน๊ค จริงๆ ถึงตำแหน่งจะใหญ่กว่า แต่จริงๆ หนังก็ให้ความสำคัญของตัวละครนี้ในกลุ่มเดียวกับ ฮาน, ลุค, เลอา คือเป็นพวก “โลกเก่า” ที่มาทำหน้าที่แค่เชื่อมต่อและส่งเสริมคนยุคใหม่ แทบจะมีหน้าที่ตายๆ ไปเท่านั้นเอง
ลุค ส่งต่อด้านสว่างและความเป็นเจได ให้ เรย์ ก่อนตัวเองจะตายไป
สโน๊ค ก็ส่งต่อด้านมืดและความชั่วร้ายให้กับ ไคโล เร็น ในแบบฉบับด้านมืด คือถูกศิษย์ล้างครู
2. ลุค สกายวอล์คเกอร์ ไม่เก่งเท่าไหร่เลย
ก็เหมือนสโน๊ค หนังสงครามดวงดาวเล่าเรื่องของคนรุ่นใหม่ ปั้นทีมชุดใหม่ จึงเหมือนเป็นการบอกลาคนรุ่นเก่ามากกว่า ดังที่เห็นตัวหลักอย่าง ฮาน โซโล ตายตั้งแต่ภาคแรกของรุ่นนี้เลย ลุค จริงๆ ก็ทิ้งลายไว้ได้สวยนะผมว่า และเห็นความฉลาดกว่าเด็กน้อยอย่างเรย์ (ที่มองเห็นแล้วว่าจะเจไดหรือซิธมันก็เท่านั้น วิถีที่ว่าดีเลิศอย่างเจได สุดท้ายก็ก่อให้เกิด เวเดอร์ และ ไคโล) แต่ก็ยังถูกโยดาสอนอยู่นั่นเองว่าการเป็นอาจารย์นั่นไม่ใช่แค่ “ดีกว่า” แต่รวมไปถึงความผิดพลาดด้วย
ลุค ยอมหันกลับมาใช้พลัง พังบ้านตอนที่เรย์จับมือกับไคโล ดวลกับเรย์ (ซึ่งชนะด้วย จนเรย์เอาไลท์เซเบอร์ออกมา) และแสดงการควบคุมโคตรพลัง สร้างภาพสมมุติข้ามกาแล็กซี่มาสอนเชิงไคโลจนเสียท่า
ส่วนที่ว่าทำไมภาค 7 ให้ความสำคัญกับ ลุค จัง เพราะตอนนั้นเค้าคือเจไดคนสุดท้าย คนสุดท้ายที่สอนเจไดรุ่นต่อไปได้ ซึ่งเอาจริงๆ ลุคก็ส่งไม้ต่อความเป็นเจไดให้กับ เรย์ สำเร็จตามที่หวังด้วยซ้ำไปนะครับ แค่ว่าไม่ได้ทำตรงๆ ทื่อๆ แบบฉันสอนเธอให้เก่งได้นะ มันก็จะง่อยเกิ๊นแบบนั้น
Master Jedi Luke Skywalker “saved” หรือช่วยชีวิตเหล่ากบฏ ซึ่งก็คืออนาคตของกาแล็กซี่เลยนะครับ
ปิดฉากตำนาน Young Skywalker ได้อย่างสวยงามแล้วล่ะครับ
3. (ยัง) ไม่ทำให้แฟนๆ หายสงสัยว่าทำไมเรย์เก่งจัง
อันนี้เหมือนแฟนๆ ยังเก็บเอามาคิดจากภาคที่แล้วอีก ซึ่งมันก็อาจจะชวนให้หงุดหงิดบ้างนะ แต่ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องหลัก และหนังยังมีพื้นที่และเวลาให้ “เฉลย” ได้ในภาคต่อไปอีก สิ่งที่เหมือนทำให้สงสัยนิดหน่อยก็อาจจะมีแค่ว่า ทำไม เรย์ ถึงได้ฝันเห็นสถานที่ของ ลุค มาก่อน ซึ่งนั่นไม่เกี่ยวกับการมีความสามารถในการควบคุมพลัง
คือ ผมชอบที่เลิกเล่นเรื่อง “สายเลือด” ด้วยซ้ำไป มันเอเชียมากๆ ๆ ตัวละครดองกันไปหมด ไม่จำเป็นเลย และยิ่งเป็น plot hole ด้วยซ้ำว่า อ้าว แล้วทำไมมีแต่นามสกุล Skywalker ที่ดัง ทั้งที่มีคนใช้ฟอซที่เก่งๆ มากมายเต็มไปหมด?
ลุค ก็พูดเป็นนัยๆ เองว่า ไม่ใช่ว่าเจไดมีพลังในตัว แต่เจได เรียนรู้ที่จะใช้พลังเหล่านั้น แปลว่าใครมีวิชาก็ใช้พลังได้ทั้งนั้นครับ แต่จะให้มีแบบ ไควกอน จิน มาพูดว่า โอ้ เรย์มี Midi-Chlorians มากเป็นประวัติการณ์เลยนะ เทพ เหมือนตอนเจออนาคิน ผมว่ามัน cliché อ่ะ เกร่อ ไม่ต้องมีอ่ะดีแล้ว
4. ทำไมไล่ยิงยานฝ่ายกบฏเป็นหลายๆ ชั่วโมง ไม่ทำอะไรมากกว่านั้น
ฝ่ายตรงข้ามหมดสิ้นแล้ว เหลือแค่ไม่กี่ร้อยคน ยานไม่กี่ลำ พลังงานใกล้หมด ผมก็ไม่เห็นเหตุผลที่ต้องทำอย่างอื่นเลย รอฆ่าเอาง่ายๆ นี่แหละดีแล้ว หรือถ้าจะมองว่า การคุมทัพทุกครั้งของนายพลฮักซ์นั้นล้มเหลวมาตลอด ก็ยังได้นะ Star Destroyer ก็โดนถล่มในภาคที่แล้ว เปิดหัวมาก็เสียท่า คือหมอนี่มันมีแต่ความคลั่งแต่ไม่มีกึ๋นจริงๆ
ส่วนว่าทำไมกองทหารที่ส่งลงไปที่ฐานทัพสุดท้ายของพวกกบฏบนดาวเกลือนั่นดูไม่เยอะ ไม่ยิ่งใหญ่อะไรเลย เอ่อ ตอนนั้นพวกกบฏทั้งหมดเหลือชนิดที่แค่ว่าทั้งหมดขึ้นยาน มิลเลนเนี่ยม ฟอลคอน หนีไปกับเรย์ได้นะครับ เหลือแค่หยิบมือเดียวจริงๆ ที่ยกมานั่นผมว่าก็เว่อร์แล้วด้วยซ้ำไป
ติ่งสุดท้ายคือบางคนบ่นว่าทำไมไม่มีการดวลไลท์เซเบอร์ คือ จริงๆ ผมว่ามันมีฉากอีพิคๆ เยอะมากแล้วนะ จนไม่จำเป็นต้องมีอะไรแบบนั้นน่ะ เปิดหัวมานั่นก็เจ๋งแล้ว แต่ที่เด็ดสุดคือ ไคโล & เรย์ vs สโน๊ค นั่นแหละครับ แบบ เหยดดดดดด ส่วนฉาก ลุค โชว์พลังตอนท้ายนั้นก็สุดยอดแล้วอ่ะ
สิ่งที่ไม่ค่อยชอบ
ภารกิจหา hacker มันค่อนข้างขัดกับความรู้สึก "ฉุกเฉิน" ที่หนัง built ผู้ชมมาในตอนแรกที่ First Order ไล่จี้ยานมา คือ โอเค เข้าใจแหละว่าจริงๆ หนังก็อธิบายแล้วว่านี่เชื้อเพลิงเหลืออีก 16 ชั่วโมงนะ แต่มันก็ยังอดรู้สึกไม่ได้ว่าไปใช้เวลากับอะไรตรงนั้นมากไป มีนอกเรื่องนอกอารมณ์ด้วย
สิ่งที่ชอบ
ลุค ไม่ถูกแสดงภาพแบบ cliche อาจารย์แก่เก่งสุดเทพผู้เงียบขรึมและกวาดล้างจักรวาลได้ นั่นมันการ์ตูนญี่ปุ่น แบบนี้แหละดีแล้ว ดูเป็นคนปกติ ยังมีความสับสน กลัว แบบคนปกติ แต่ก็ไว้ลายอาจารย์เจไดในตำนานได้อย่างยิ่งใหญ่
ไคโล เร็น และ เรย์ take over จักรวาล Star Wars เรียบร้อยอย่างแท้จริง เก็บกวาดรุ่นเก่าๆ หมด ไม่ว่าจะด้านมืดหรือด้านสว่าง และตีความความขัดแย้งให้หลุดพ้นจากกรอบแคบๆ ของการเป็น Jedi vs Sith คือ จริงๆ ไม่ว่าจะเรียกตัวเองว่าอย่างไร จะเปลี่ยนชื่อ สุดท้ายมันก็เป็นความขัดแย้งของผู้ใช้พลังที่แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย เจไดกับซิธอาจจะตายไปแล้วจริงๆ ก็ได้ มันขึ้นอยู่กับการตีความว่า เรย์ และ ไคโล จะเรียกตัวเองว่า เจได และ ซิธ หรือไม่ จริงๆ อันนี้ถูกมากๆ เลยด้วยซ้ำ เพราะถ้าวนอยู่กับ Jedi vs Sith ซ้ำไปซ้ำมา นี่มันภาคที่ 8 เข้าไปแล้ว เอียนแย่ ต้องตีความใหม่แบบนี้แหละ
การปะทะกันของ ลุค vs เรย์, plot twist ของ ไคโล ต่อ สโน๊ค, การร่วมมือกันสั้นๆ ของ ไคโล และ เรย์, การปะทะกันของ ฟิน กับ กัปตันฟาสม่า, การใช้พลังของเลอา, การเรียนรู้และเติบโตของ โพ ดาเมรอน, ความกล้าหาญที่ทำให้คนไร้พลังอย่าง ฟิน เป็นฮีโร่ได้, และการโชว์พลังเทพของ ลุค ในตอนสุดท้าย
ส่วนคำถามที่ว่า ทำไม ไคโล เร็น ถึงไม่ยิงแม่ตัวเอง? มันอาจเป็นตอบที่ว่าทำไม ไคโล ถึงได้ฆ่าสโน็คเช่นกัน ไคโล คุยอะไรกับสโน๊คมาตั้งแต่แรกเริ่มที่วิหารเจไดของลุคนั้นไม่มีใครทราบ แต่เราทราบว่า ไคโล กระหายในพลังมาก ไม่อยากอ่อนแอ ถึงขนาดยอมฆ่าพ่อตัวเอง แต่เมื่อถูกสโน๊คด่าสาดเสียเทเสีย บางคนอาจคิดว่าเจ้าตัวหงุดหงิดและอยากยิ่งพิสูจน์ตัวเองกับสโน๊ค กลับกลายเป็นว่า...
ไคโล คิดได้แล้วว่า เค้าไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองกับสโน๊ค ไม่จำเป็นต้องฆ่าแม่ตัวเอง แต่เค้าสามารถโค่นสโน๊ค โดยมีเรย์เป็นส่วนหนึ่งในนั้นได้เลย!
ดังนั้น ถามว่า ในตัวไคโลยังมีด้านสว่างหรือไม่ ถ้าตีความตามนี้ก็ ไม่ เพราะเจ้าตัวไม่ได้ยิงแม่ตัวเองไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะไม่ได้เห็นความสำคัญที่จะทำ แต่ยิ่งถลำลงด้านมืดด้วยการคิดล้างครูตัวเองเลยต่างหาก ส่วนการโอ้โลมกับเรย์ เอากลายๆ แล้วมันแทบจะเป็นความรักเสียด้วยซ้ำ หรือมันอาจเป็นแค่การมองว่าเห็นคนที่มีพลังแข็งแกร่งเช่นเดียวกับตัวเองและสามารถเป็นใหญ่ไปด้วยกันได้ ประเด็นนี้อาจต้องรอดูภาคต่อไป
โดยส่วนตัวแล้วชอบมากครับภาคนี้
:: Star Wars: The Last Jedi - ตอบคำถามคนที่ไม่ชอบ และเสนอด้านที่ผมชอบ (Spoiler) ::
เอาจริงๆ แล้วหนังฝรั่งแทบทุกเรื่องที่ไม่ใช่แนว “ลิเก” คือแนวนิยายแฟนตาซีที่มีเจ้าขุนมูลนายเนี่ย เราแทบไม่เคยเห็นมีการมานั่งเราประวัติบ้านเกิดของตัวละครนะ จริงๆ มักจะเป็นละครเอเชียนี่แหละที่ชอบการเล่าว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ประวัติเป็นอย่างไร กับ Star Wars เรายังไม่เคยถามประวัติที่มาของ โพ ดาเมรอน กันเลย กับ สโน๊ค จริงๆ ถึงตำแหน่งจะใหญ่กว่า แต่จริงๆ หนังก็ให้ความสำคัญของตัวละครนี้ในกลุ่มเดียวกับ ฮาน, ลุค, เลอา คือเป็นพวก “โลกเก่า” ที่มาทำหน้าที่แค่เชื่อมต่อและส่งเสริมคนยุคใหม่ แทบจะมีหน้าที่ตายๆ ไปเท่านั้นเอง
ลุค ส่งต่อด้านสว่างและความเป็นเจได ให้ เรย์ ก่อนตัวเองจะตายไป
สโน๊ค ก็ส่งต่อด้านมืดและความชั่วร้ายให้กับ ไคโล เร็น ในแบบฉบับด้านมืด คือถูกศิษย์ล้างครู
2. ลุค สกายวอล์คเกอร์ ไม่เก่งเท่าไหร่เลย
ก็เหมือนสโน๊ค หนังสงครามดวงดาวเล่าเรื่องของคนรุ่นใหม่ ปั้นทีมชุดใหม่ จึงเหมือนเป็นการบอกลาคนรุ่นเก่ามากกว่า ดังที่เห็นตัวหลักอย่าง ฮาน โซโล ตายตั้งแต่ภาคแรกของรุ่นนี้เลย ลุค จริงๆ ก็ทิ้งลายไว้ได้สวยนะผมว่า และเห็นความฉลาดกว่าเด็กน้อยอย่างเรย์ (ที่มองเห็นแล้วว่าจะเจไดหรือซิธมันก็เท่านั้น วิถีที่ว่าดีเลิศอย่างเจได สุดท้ายก็ก่อให้เกิด เวเดอร์ และ ไคโล) แต่ก็ยังถูกโยดาสอนอยู่นั่นเองว่าการเป็นอาจารย์นั่นไม่ใช่แค่ “ดีกว่า” แต่รวมไปถึงความผิดพลาดด้วย
ลุค ยอมหันกลับมาใช้พลัง พังบ้านตอนที่เรย์จับมือกับไคโล ดวลกับเรย์ (ซึ่งชนะด้วย จนเรย์เอาไลท์เซเบอร์ออกมา) และแสดงการควบคุมโคตรพลัง สร้างภาพสมมุติข้ามกาแล็กซี่มาสอนเชิงไคโลจนเสียท่า
ส่วนที่ว่าทำไมภาค 7 ให้ความสำคัญกับ ลุค จัง เพราะตอนนั้นเค้าคือเจไดคนสุดท้าย คนสุดท้ายที่สอนเจไดรุ่นต่อไปได้ ซึ่งเอาจริงๆ ลุคก็ส่งไม้ต่อความเป็นเจไดให้กับ เรย์ สำเร็จตามที่หวังด้วยซ้ำไปนะครับ แค่ว่าไม่ได้ทำตรงๆ ทื่อๆ แบบฉันสอนเธอให้เก่งได้นะ มันก็จะง่อยเกิ๊นแบบนั้น
Master Jedi Luke Skywalker “saved” หรือช่วยชีวิตเหล่ากบฏ ซึ่งก็คืออนาคตของกาแล็กซี่เลยนะครับ
ปิดฉากตำนาน Young Skywalker ได้อย่างสวยงามแล้วล่ะครับ
3. (ยัง) ไม่ทำให้แฟนๆ หายสงสัยว่าทำไมเรย์เก่งจัง
อันนี้เหมือนแฟนๆ ยังเก็บเอามาคิดจากภาคที่แล้วอีก ซึ่งมันก็อาจจะชวนให้หงุดหงิดบ้างนะ แต่ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องหลัก และหนังยังมีพื้นที่และเวลาให้ “เฉลย” ได้ในภาคต่อไปอีก สิ่งที่เหมือนทำให้สงสัยนิดหน่อยก็อาจจะมีแค่ว่า ทำไม เรย์ ถึงได้ฝันเห็นสถานที่ของ ลุค มาก่อน ซึ่งนั่นไม่เกี่ยวกับการมีความสามารถในการควบคุมพลัง
คือ ผมชอบที่เลิกเล่นเรื่อง “สายเลือด” ด้วยซ้ำไป มันเอเชียมากๆ ๆ ตัวละครดองกันไปหมด ไม่จำเป็นเลย และยิ่งเป็น plot hole ด้วยซ้ำว่า อ้าว แล้วทำไมมีแต่นามสกุล Skywalker ที่ดัง ทั้งที่มีคนใช้ฟอซที่เก่งๆ มากมายเต็มไปหมด?
ลุค ก็พูดเป็นนัยๆ เองว่า ไม่ใช่ว่าเจไดมีพลังในตัว แต่เจได เรียนรู้ที่จะใช้พลังเหล่านั้น แปลว่าใครมีวิชาก็ใช้พลังได้ทั้งนั้นครับ แต่จะให้มีแบบ ไควกอน จิน มาพูดว่า โอ้ เรย์มี Midi-Chlorians มากเป็นประวัติการณ์เลยนะ เทพ เหมือนตอนเจออนาคิน ผมว่ามัน cliché อ่ะ เกร่อ ไม่ต้องมีอ่ะดีแล้ว
4. ทำไมไล่ยิงยานฝ่ายกบฏเป็นหลายๆ ชั่วโมง ไม่ทำอะไรมากกว่านั้น
ฝ่ายตรงข้ามหมดสิ้นแล้ว เหลือแค่ไม่กี่ร้อยคน ยานไม่กี่ลำ พลังงานใกล้หมด ผมก็ไม่เห็นเหตุผลที่ต้องทำอย่างอื่นเลย รอฆ่าเอาง่ายๆ นี่แหละดีแล้ว หรือถ้าจะมองว่า การคุมทัพทุกครั้งของนายพลฮักซ์นั้นล้มเหลวมาตลอด ก็ยังได้นะ Star Destroyer ก็โดนถล่มในภาคที่แล้ว เปิดหัวมาก็เสียท่า คือหมอนี่มันมีแต่ความคลั่งแต่ไม่มีกึ๋นจริงๆ
ส่วนว่าทำไมกองทหารที่ส่งลงไปที่ฐานทัพสุดท้ายของพวกกบฏบนดาวเกลือนั่นดูไม่เยอะ ไม่ยิ่งใหญ่อะไรเลย เอ่อ ตอนนั้นพวกกบฏทั้งหมดเหลือชนิดที่แค่ว่าทั้งหมดขึ้นยาน มิลเลนเนี่ยม ฟอลคอน หนีไปกับเรย์ได้นะครับ เหลือแค่หยิบมือเดียวจริงๆ ที่ยกมานั่นผมว่าก็เว่อร์แล้วด้วยซ้ำไป
ติ่งสุดท้ายคือบางคนบ่นว่าทำไมไม่มีการดวลไลท์เซเบอร์ คือ จริงๆ ผมว่ามันมีฉากอีพิคๆ เยอะมากแล้วนะ จนไม่จำเป็นต้องมีอะไรแบบนั้นน่ะ เปิดหัวมานั่นก็เจ๋งแล้ว แต่ที่เด็ดสุดคือ ไคโล & เรย์ vs สโน๊ค นั่นแหละครับ แบบ เหยดดดดดด ส่วนฉาก ลุค โชว์พลังตอนท้ายนั้นก็สุดยอดแล้วอ่ะ
สิ่งที่ไม่ค่อยชอบ
ภารกิจหา hacker มันค่อนข้างขัดกับความรู้สึก "ฉุกเฉิน" ที่หนัง built ผู้ชมมาในตอนแรกที่ First Order ไล่จี้ยานมา คือ โอเค เข้าใจแหละว่าจริงๆ หนังก็อธิบายแล้วว่านี่เชื้อเพลิงเหลืออีก 16 ชั่วโมงนะ แต่มันก็ยังอดรู้สึกไม่ได้ว่าไปใช้เวลากับอะไรตรงนั้นมากไป มีนอกเรื่องนอกอารมณ์ด้วย
สิ่งที่ชอบ
ลุค ไม่ถูกแสดงภาพแบบ cliche อาจารย์แก่เก่งสุดเทพผู้เงียบขรึมและกวาดล้างจักรวาลได้ นั่นมันการ์ตูนญี่ปุ่น แบบนี้แหละดีแล้ว ดูเป็นคนปกติ ยังมีความสับสน กลัว แบบคนปกติ แต่ก็ไว้ลายอาจารย์เจไดในตำนานได้อย่างยิ่งใหญ่
ไคโล เร็น และ เรย์ take over จักรวาล Star Wars เรียบร้อยอย่างแท้จริง เก็บกวาดรุ่นเก่าๆ หมด ไม่ว่าจะด้านมืดหรือด้านสว่าง และตีความความขัดแย้งให้หลุดพ้นจากกรอบแคบๆ ของการเป็น Jedi vs Sith คือ จริงๆ ไม่ว่าจะเรียกตัวเองว่าอย่างไร จะเปลี่ยนชื่อ สุดท้ายมันก็เป็นความขัดแย้งของผู้ใช้พลังที่แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย เจไดกับซิธอาจจะตายไปแล้วจริงๆ ก็ได้ มันขึ้นอยู่กับการตีความว่า เรย์ และ ไคโล จะเรียกตัวเองว่า เจได และ ซิธ หรือไม่ จริงๆ อันนี้ถูกมากๆ เลยด้วยซ้ำ เพราะถ้าวนอยู่กับ Jedi vs Sith ซ้ำไปซ้ำมา นี่มันภาคที่ 8 เข้าไปแล้ว เอียนแย่ ต้องตีความใหม่แบบนี้แหละ
การปะทะกันของ ลุค vs เรย์, plot twist ของ ไคโล ต่อ สโน๊ค, การร่วมมือกันสั้นๆ ของ ไคโล และ เรย์, การปะทะกันของ ฟิน กับ กัปตันฟาสม่า, การใช้พลังของเลอา, การเรียนรู้และเติบโตของ โพ ดาเมรอน, ความกล้าหาญที่ทำให้คนไร้พลังอย่าง ฟิน เป็นฮีโร่ได้, และการโชว์พลังเทพของ ลุค ในตอนสุดท้าย
ส่วนคำถามที่ว่า ทำไม ไคโล เร็น ถึงไม่ยิงแม่ตัวเอง? มันอาจเป็นตอบที่ว่าทำไม ไคโล ถึงได้ฆ่าสโน็คเช่นกัน ไคโล คุยอะไรกับสโน๊คมาตั้งแต่แรกเริ่มที่วิหารเจไดของลุคนั้นไม่มีใครทราบ แต่เราทราบว่า ไคโล กระหายในพลังมาก ไม่อยากอ่อนแอ ถึงขนาดยอมฆ่าพ่อตัวเอง แต่เมื่อถูกสโน๊คด่าสาดเสียเทเสีย บางคนอาจคิดว่าเจ้าตัวหงุดหงิดและอยากยิ่งพิสูจน์ตัวเองกับสโน๊ค กลับกลายเป็นว่า...
ไคโล คิดได้แล้วว่า เค้าไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองกับสโน๊ค ไม่จำเป็นต้องฆ่าแม่ตัวเอง แต่เค้าสามารถโค่นสโน๊ค โดยมีเรย์เป็นส่วนหนึ่งในนั้นได้เลย!
ดังนั้น ถามว่า ในตัวไคโลยังมีด้านสว่างหรือไม่ ถ้าตีความตามนี้ก็ ไม่ เพราะเจ้าตัวไม่ได้ยิงแม่ตัวเองไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะไม่ได้เห็นความสำคัญที่จะทำ แต่ยิ่งถลำลงด้านมืดด้วยการคิดล้างครูตัวเองเลยต่างหาก ส่วนการโอ้โลมกับเรย์ เอากลายๆ แล้วมันแทบจะเป็นความรักเสียด้วยซ้ำ หรือมันอาจเป็นแค่การมองว่าเห็นคนที่มีพลังแข็งแกร่งเช่นเดียวกับตัวเองและสามารถเป็นใหญ่ไปด้วยกันได้ ประเด็นนี้อาจต้องรอดูภาคต่อไป
โดยส่วนตัวแล้วชอบมากครับภาคนี้