เขื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนคงเคยมีประสบการณ์แอบรักเพื่อนของตัวเอง บางคนชอบเพื่อนแล้วบอกความรู้สึกชอบเค้าหรือแอบรักเค้าออกไป อาจจะมีสมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง แต่สำหรับผมเองมันคงผิดหวัง คือเรื่องนี้มันเกิดมานานแล้วครับเลยอยากจะระบายหรือคุยกับเพื่อนๆ ในพันทิปได้ฟัง
เรื่องราวของผมนั้นเริ่มจากสมัย ม.1 ซึ่งตอนนั้นยังวัยเอ๊าะๆ จำได้ว่าตอนนั้นเป็นวันแรกของการมาเรียน ม.1 ซึ่งเป็นคาบโฮมรูม เค้าจะให้เด็กใหม่เข้าพบ อ.ที่ปรึกษาประจำชั้นของตนเอง ผมเองก็เป็นคนเงียบๆ เพราะไม่ได้สนิทหรือรู้จักใครเลย แต่ห้องของผมยังมีเพื่อนผู้หญิงที่เรียนจบจากโรงเรียนเดียวกันแต่ตอนนั้นไม่ได้สนิทกันมาอยู่ห้องเดียวกันด้วย ตอนนั้นก็เลยตัวคนเดียว
เมื่อเข้าพบ อ.ที่ปรึกษา ผมก็มองหาที่นั่งเพื่อฟัง อ.ที่ปรึกษาพูดหน้าห้อง ตัวผมเองก็เงอะๆ งะ ๆ หาที่นั่ง จนมีเพื่อนผู้ชายคนหนึ่ง ขอเรียกมันว่า อ..... ก็แล้วกัน
เพื่อนที่ชื่อย่อ อ.......ก็เรียกผมมานั่งข้างๆมันก็ได้ในตอนนั้นเพราะคงเห็นว่าผมมองหาที่นั่ง แล้วเราก็นั่งฟัง อ.ที่ปรึกษาพูดหน้าห้อง แล้ว อ.ให้เขียน ชื่อ-นามสกุล เผื่อจะได้รู้จักกัน เราก็ทักเค้าไปว่านายชื่อไร เรา ต.... นะ เค้าก็บอกว่าเค้าชื่อ อ..... ยินดีที่ได้รู้จัก นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นเรา 2 คน ที่เราต้องมารู้จักกัน และเค้าก็เป็นเพื่อนคนแรกที่แปลกหน้าสำหรับคนอย่างผม
พอตอนเรียนเราก็คุยกับเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... บ้างแต่ไม่ได้สนิทหรือคุ้นเคยมาก ผมน่ะพอจะมีเพื่อนคนอื่นๆ ซึ่งมันก็อยู่ต่างห้อง จนเรียนไปสักระระยะหนึ่งเราก็พยายามเข้าหาเพื่อนคนอื่นๆ ด้วยจนผมรู้จักเพื่อนที่มาจากที่อื่นๆครบ และได้เป็นเพื่อนกันกับเพื่อนคนอื่นๆ ในที่สุด
ตอนนั้นเพื่อนๆ ต่างก็เรียนกันไปตามแต่ละคน ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งซึ่งอยู่คนละห้องเป็นผู้หญิง เลยแบบว่าอยากแนะนำให้รู้จัก ไอ้เราก็พูดเล่นๆว่าเดี๋ยวแนะนำให้รู้จักและเป็นพ่อสื่อให้เพื่อน อ.....ทำนองนี้ จนเพื่อน อ...กับเพื่อนผู้หญิงต่างห้องเหมือนจะรู้สึกดีต่อกัน เราก็ยินดีกับเพื่อน ตามประสาเด็กๆอย่างเรา
ตอน ม.1 ผมเงียบๆ แต่ก็เรียนคนเดียวเงียบๆ + บวกกับผมเป็นคนหัวดีด้วยเทอมนั้นเลยสอบได้ที่ 1 ของห้อง และด้วยความที่ผมเรียนดีทำให้เพื่อนๆ คนอื่นเลยแบบว่าชอบเข้าหาผม และที่สำคัญผมได้รับการโหวตจากเพื่อนๆ ในห้องให้เป็นหัวหน้าห้อง ตอน ม.2 และด้วยความที่ต้องเป็นหัวหน้าห้องจึงทำให้ผมรู้จักเพื่อนเยอะกว่าเดิม เพื่อนเข้าหาผมเยอะ มาขอลอกการบ้านบ้าง ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรไม่ได้หวงความรู้อะไรผมเลย ผมจึงสนิทกับเพื่อนๆ เร็วหน่อย
ตอน ม.2 เพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ก็สนิทเรามากกว่าเดิม สนิทชนิดที่ว่าให้รูปถ่ายตัวเองกับผมเลยตอนนั้นก็ งงๆ ว่า เอารูปมาให้ผมทำไม เค้าบอกว่าเก็บไว้เถอะ เค้าไม่เคยเอารูปให้ใครเลยนะ ผมก็ งงๆ เออ ออ เก็บรูปเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ไว้เพื่อไม่เป็นการเสียมารยาท และเวลาทำงานกลุ่มเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ก็มักจะมาขออยู่ด้วยตลอด ผมก็โอเคให้อยู่ด้วยกัน ทำงานกลุ่มอะไรด้วยกัน
มีครั้งหนึ่งเรียนวิชาสังคม อ.ให้ไปเอาสมุดการบ้านที่ส่งกองไว้ที่โต๊ะห้องพักครู อ.ให้เราไปเอาสมุดมาให้เพื่อนๆ แล้วทีนี้สมุดมันเยอะเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ก็อาสาไปเป็นเพื่อน แล้วเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... บอกรีบๆไปเอาเร็วๆ แล้วจับมือเราวิ่งไปเอาสมุดการบ้านที่วางไว้โต๊ะ อ.ที่ห้องพักครู เราก็แปลกใจ ทำไมต้องจับมือเราวิ่งด้วย ทำให้ผมฉุกคิดมาว่าเพื่อนกันต้องทำกันขนาดนี้เลยหรอจึงเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกดีๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
พอมาตอน ม.3 เพื่อนที่ชื่อ อ....ก็ได้รับการโหวตให้เป็นหัวหน้าห้อง ผมก็คอยสอนงานเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ว่าต้องทำอะไร ทำยังไงบ้าง ซึ่งมันยิ่งทำให้ผมกับเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ
พอตอนเข้าค่ายพักแรมลูกเสือ ผมกับ อ..... อยู่คนละกลุ่ม นอนคนละเต้นท์ คืนนั้นหลังจากที่ผมออกไปแปรงฟันก่อนนอน พอกลับเข้าเต้นท์ของผมเอง ก็งง ว่าเฮ้ยทำไมที่นอนผมมันดูกว้างและสะอาดกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ผมก็ถามเพื่อนในเต้นท์ว่าใครมาทำเนี่ย เพื่อนที่นอนในเต้นท์ก็บอกว่าเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... คนนั้นขอมานอนด้วย ผมก็แปลกใจทั้งๆที่อยู่คนละเต้นท์กันแล้วมานอนด้วย ยิ่งทำให้ผมคิดไปเองต่างๆนานาว่าเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... คิดอะไรกับผมหรือเปล่า และที่สำคัญตอนนอนผมก็แอบลองเชิงเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... โดยการนอนกอดมัน แต่เพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ว่าไม่ชอบอะไรแบบนี้ พอเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... เป็นยามหน้าเต้นท์ชอบส่องไฟมาทางผมอีก ผมก็แปลกๆละ นั่นมันทำให้ผมคิดไปว่าผมอาจจะชอบเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... คนนี้ไปแล้วหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรให้ใครฟัง
มีครั้งหนึ่งมีเรียนดนตรีไทยตอน ม.3 คือเพื่อนๆก็เรียนด้วยกันทั้งห้อง แต่วันนั้นผมไปเข้าเรียนสายเพราะไปทำธุระที่ห้องวิชาการ จากนั้นผมก็รีบเข้าเรียนตามเพื่อนๆ แล้วผมมองหาที่นั่งเรียนในห้อง พอดีตอนนั้น อ.ยังไม่เข้าสอน เพื่อนในห้องก็นั่งรวมกัน แต่ผมไม่มีที่นั่ง เพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ก็สั่งให้เพื่อนที่นั่งเรียนใกล้ๆเค้าลุกไปนั่งที่อื่น แล้วปัดที่นั่งให้ผมพร้อมลากแขนผมเพื่อจะไปนั่งข้างๆเค้า ผมก็แบบเวอร์ไปป่ะไล่เพื่อนที่มาก่อนให้ออกไปนั่งที่อื่น ส่วนเพื่อนที่มาก่อนมันก็ลุกไปนั่งที่อื่นตามน้ำ
พอนานไปผมก็รู้สึกดีต่อเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... มากขึ้นแต่เค้าก็ไม่ได้พูดอะไรหรือแสดงออกมาว่าจะยังไง อะไรกับผม และผมก็ไม่กล้าที่จะถามไปว่าคิดอะไรกับผมหรือเปล่า จึงเก็บความรู้สึกนี้มาซักพัก จนผมแน่ใจว่าผมควรจะบอกกับเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... คนนี้ว่าผมคิดยังไงโดยกะว่าจะเขียนเรื่องราวต่างๆลงในสมุดบันทึกและวาดรูปคล้ายๆ กับหนังเรื่องเพื่อนสนิท (เป็นหนังที่ปลื้มมาก)
พอใกล้จบ ม.3 ผมก็ถามเค้าไปว่าจะเรียนต่อที่ไหน เรียนสายอะไร ส่วนผมตั้งใจว่าจะลองไปสอบเข้าโรงเรียนในเมือง พอคิดว่าจะต้องได้แยกย้ายกับเพื่อนๆที่เรียนมาด้วยกัน แน่นอนว่าสมัยนั้นมันต้องมีการเขียนสมุด friendship ให้กันเพื่อแทนความรู้สึกดีๆ กับเพื่อนๆ ในห้อง ผมก็ทยอยให้เพื่อนเขียนรวมถึงเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... คนนั้นด้วย
ใน friendship เพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ก็ให้เบอร์โทรกับอีเมล์มาผมก็เพิ่มเพื่อนลงใน MSN (ช่วงนั้นยังไม่มี facebook เหมือนสมัยนี้) เผื่อมีอะไรติดต่อกัน พอผมตั้งใจแน่ละว่าต้องไปเรียนในเมืองจริงๆ จึงเริ่มลงมือเขียนเรื่องราวต่างๆ แทนความรู้สึกดีๆลงในสมุดบันทึกที่มีต่อเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... และวาดรูปเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ให้ กะว่าจะให้ตอนวันlสุดท้ายของการมาเรียน ม.ต้น
พอวันสุดท้ายของ ม.ต้น (วันรับใบเกรด) ผมก็บอกเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... คนนั้นว่า มาเจอผมตรงม้านั่งหลังอาคารเรียนหน่อย มีเรื่องจะพูดด้วย เค้าก็ตกลงมาตามนัด ผมก็ทำใจรอเค้าอยู่นาน จนเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... เดินมาเองและผมก็แน่ใจละคงต้องบอกให้รู้ละว่าเรารู้สึกยังไงกับเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... คนนี้ ซ฿งผมก็อ้ำอึ้งไปพักหนึ่งแล้วจึงยื่นสมุดบันทึกที่เตรียมไว้แล้วบอกเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ไปว่า...........อ......ชั้น “รักแกว่ะ” เพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ฟังที่ผมบอกก็อึ้งนิดๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร ผมก็แบบทำตัวไม่ถูกเลยลุกจากน้ามั่งแล้วหันหลังเดินไปที่มอเตอร์ไซต์ แล้วขับมอเตอร์ไซต์กลับบ้านไปแบบนั้นเลย โดยไม่หันมามองเพื่อนคนนั้นอีกเลย..........
แล้วผมก็ไปสอบเข้าเรียน ม.ปลาย ในเมืองได้ในที่สุด และไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... อีกเลย แต่ก็แอบถามๆ เพื่อนเก่าคนอื่นๆ ว่าที่โรงเรียนเดิมเป็นยังไงบ้าง ทุกคนยังสบายดีอยู่หรือเปล่า
จนมาเรียน ม.ปลายในเมืองครบ 3 ปี ก็ถึงเวลาที่ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ผมก็สอบติดโควตาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ (มหาวิทยาลัยที่มีประเพณีรับน้องขึ้นดอยสุเทพ) แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ก็มาสอบเข้าที่มหาวิทยาลัยที่อยู่เยื้องๆ กับมหาวิททยาลัยผม ช่วงมาเรียนมหาวิทยาลัยผมก็ปรับตัวใหม่ ไม่ค่อยมีเวลาว่างเพราะมีกิจกรรมรับน้องตลอด ถ้าว่างก็เล่น MSN บ้าง ผมก็ลองทักเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... คนนี้ใน MSN ตามอีเมล์ที่เค้าเขียนลงไว้ใน friendship ไป เพราะไม่รู้ว่าเค้าเรียนที่ไหน ไม่ได้ติดต่อกันตั้งแต่ครั้งที่บอกความรู้สึกผมไป คงคิดว่าเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ลืมไปแล้ว พอทักไปก็เพิ่งรู้ว่าผมกับเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... เรียนมหาวิทยาลัยใกล้ๆกัน ผมก็แปลกใจและแอบดีใจนะว่าทำไมมาเรียนใกล้ๆกัน ก็อย่างว่าแล่ะด้วยความที่ผมไม่ค่อยได้เล่น MSN.....พอได้คุยกับเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... เค้าบอกว่าเรียนใกล้กันว่างๆนัดไปกินข้าว กินไอติมด้วยกัน ...เราก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากไปหรอกแต่มันติดกิจกรรมของทางมหาวิทยาลัย เลยเลื่อนนัดเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ไปทุกครั้งที่เค้าชวน เค้าก็ทวงถามผมตลอดว่าเมื่อไรจะว่างไปทานข้าวด้วยกัน พอผมบอกไม่ค่อยมีเวลาว่างจริงๆเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ก็แบบว่าหายไปเลย (สงสัยคงขี้เกียจตามผม) แล้วก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก ทั้งๆที่ผมก็อยากคุยด้วยถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปทานข้าวด้วยกัน........จนมารู้จักกันอีกทีใน facebook ผมก็มี facebook เค้า แล้วเพื่อนสมัย ม.ต้นก็สร้างกลุ่มเพื่อนเพื่อนัดกินเลี้ยงปีใหม่ช่วงหยุดยาวที่บ้านเพื่อน ผมก็ลองไปซักครั้งเพื่อรำลึกเรื่องราวต่างๆของเพื่อนๆในอดีต ในตอนแรกก็ไม่คิดว่าเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... คนนี้ จะมาด้วย เพราะไม่ได้เจอหน้ากัน ไม่ติดต่อกันนานเกือบ 5 ปี พอเจอกันผมก็เหมือนจะทำตัวไม่ถูกกับเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... คนนี้ แต่เค้าก็ยังเหมือนเดิมคอยถามผมว่าเป็นยังไงบ้าง ไม่เจอกันนาน สบายดีมั้ย ทำไมชวนไปกินข้าวด้วยกันทำไมไม่ค่อยจะยอมไป แล้วเค้ายังถามผมอีกว่าเมาหรือเปล่า(กินเลี้ยงรวมรุ่นมักจะมีเหล้า เบียร์ เสมอ) มักจะคอยถามผมตลอดว่ากลับบ้านไหวไหม ซึ่งผมก็ไม่ได้กินเหล้า เบียร์ เยอะ เพราะทางกลับบ้านมันค่อนข้างไกล อันตราย และดึกด้วย
จากที่นัดรวมรุ่มกันแล้วก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย จนผมอยู่ ปี 4 มาเจอเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... นั่งทานข้าวกับเพื่อนของเค้าที่หน้ามหาลัยผม .....ผมก็มาทานข้าวกับเพื่อนๆที่เรียนมหาลัยเดียวกับผม ผมกับเพื่อนๆในกลุ่มใส่เสื้อกาวน์สีขาว(เพราะเรียนสายการแพทย์) ผมก็เหลือบไปเห็นเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... นั่งโต๊ะใกล้ๆกับผม แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... จะเห็นผมหรือจำผมได้หรือเปล่าแต่ต่างคนก็ต่างก็ไม่ได้ทักทายอะไรกันเลย ไม่ใช่ว่าผมหยิ่งหรืออะไรนะ แต่ เกรงใจเพื่อนๆทั้งของผมและของเค้าเองต่างหาก.......จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันเลยจริงๆจนปัจจุบัน จนอายุย่างเข้าจะ 30 ปีแล้ว แต่ก็พอรู้ว่าเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... เรียนปริญญาโทที่ ม.เอกชนใน กทม. แล้วจบปริญญาโทด้าน animation ไรพวกนี้แล่ะครับ ที่ ม.รังสิต และก็เพิ่งรับปริญญาไปช่วงกลางเดือนธันวาคมปีนี้ และเหมือนเค้าไปเป็น อาจารย์สอนเด็กมหาวิทยาลัยไรทำนองนี้ด้วย ผมก็ดีใจกับเค้าและก็นึกเสียดายที่ตอนนั้นไม่เคยจะไปตามที่เค้าชวน T-T มันเลยทำให้ผมกับเค้าห่างจากกันไปเลย...........
ปล.1 ผมก็แอบเสียดายช่วงเวลาที่ผ่านมายังไงก็ไม่รู้
ปล.2 เพื่อนผู้หญิงที่ผมเคยเป็นคนแนะนำให้เพื่อนที่ชื่อ อ......รู้จักตอน ม.ต้น กลายเป็นทอมไปแล้ว
ห่างเพื่อนเพราะคำว่า “ชั้นรักแกว่ะ” (ช vs ช)
เรื่องราวของผมนั้นเริ่มจากสมัย ม.1 ซึ่งตอนนั้นยังวัยเอ๊าะๆ จำได้ว่าตอนนั้นเป็นวันแรกของการมาเรียน ม.1 ซึ่งเป็นคาบโฮมรูม เค้าจะให้เด็กใหม่เข้าพบ อ.ที่ปรึกษาประจำชั้นของตนเอง ผมเองก็เป็นคนเงียบๆ เพราะไม่ได้สนิทหรือรู้จักใครเลย แต่ห้องของผมยังมีเพื่อนผู้หญิงที่เรียนจบจากโรงเรียนเดียวกันแต่ตอนนั้นไม่ได้สนิทกันมาอยู่ห้องเดียวกันด้วย ตอนนั้นก็เลยตัวคนเดียว
เมื่อเข้าพบ อ.ที่ปรึกษา ผมก็มองหาที่นั่งเพื่อฟัง อ.ที่ปรึกษาพูดหน้าห้อง ตัวผมเองก็เงอะๆ งะ ๆ หาที่นั่ง จนมีเพื่อนผู้ชายคนหนึ่ง ขอเรียกมันว่า อ..... ก็แล้วกัน
เพื่อนที่ชื่อย่อ อ.......ก็เรียกผมมานั่งข้างๆมันก็ได้ในตอนนั้นเพราะคงเห็นว่าผมมองหาที่นั่ง แล้วเราก็นั่งฟัง อ.ที่ปรึกษาพูดหน้าห้อง แล้ว อ.ให้เขียน ชื่อ-นามสกุล เผื่อจะได้รู้จักกัน เราก็ทักเค้าไปว่านายชื่อไร เรา ต.... นะ เค้าก็บอกว่าเค้าชื่อ อ..... ยินดีที่ได้รู้จัก นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นเรา 2 คน ที่เราต้องมารู้จักกัน และเค้าก็เป็นเพื่อนคนแรกที่แปลกหน้าสำหรับคนอย่างผม
พอตอนเรียนเราก็คุยกับเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... บ้างแต่ไม่ได้สนิทหรือคุ้นเคยมาก ผมน่ะพอจะมีเพื่อนคนอื่นๆ ซึ่งมันก็อยู่ต่างห้อง จนเรียนไปสักระระยะหนึ่งเราก็พยายามเข้าหาเพื่อนคนอื่นๆ ด้วยจนผมรู้จักเพื่อนที่มาจากที่อื่นๆครบ และได้เป็นเพื่อนกันกับเพื่อนคนอื่นๆ ในที่สุด
ตอนนั้นเพื่อนๆ ต่างก็เรียนกันไปตามแต่ละคน ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งซึ่งอยู่คนละห้องเป็นผู้หญิง เลยแบบว่าอยากแนะนำให้รู้จัก ไอ้เราก็พูดเล่นๆว่าเดี๋ยวแนะนำให้รู้จักและเป็นพ่อสื่อให้เพื่อน อ.....ทำนองนี้ จนเพื่อน อ...กับเพื่อนผู้หญิงต่างห้องเหมือนจะรู้สึกดีต่อกัน เราก็ยินดีกับเพื่อน ตามประสาเด็กๆอย่างเรา
ตอน ม.1 ผมเงียบๆ แต่ก็เรียนคนเดียวเงียบๆ + บวกกับผมเป็นคนหัวดีด้วยเทอมนั้นเลยสอบได้ที่ 1 ของห้อง และด้วยความที่ผมเรียนดีทำให้เพื่อนๆ คนอื่นเลยแบบว่าชอบเข้าหาผม และที่สำคัญผมได้รับการโหวตจากเพื่อนๆ ในห้องให้เป็นหัวหน้าห้อง ตอน ม.2 และด้วยความที่ต้องเป็นหัวหน้าห้องจึงทำให้ผมรู้จักเพื่อนเยอะกว่าเดิม เพื่อนเข้าหาผมเยอะ มาขอลอกการบ้านบ้าง ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรไม่ได้หวงความรู้อะไรผมเลย ผมจึงสนิทกับเพื่อนๆ เร็วหน่อย
ตอน ม.2 เพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ก็สนิทเรามากกว่าเดิม สนิทชนิดที่ว่าให้รูปถ่ายตัวเองกับผมเลยตอนนั้นก็ งงๆ ว่า เอารูปมาให้ผมทำไม เค้าบอกว่าเก็บไว้เถอะ เค้าไม่เคยเอารูปให้ใครเลยนะ ผมก็ งงๆ เออ ออ เก็บรูปเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ไว้เพื่อไม่เป็นการเสียมารยาท และเวลาทำงานกลุ่มเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ก็มักจะมาขออยู่ด้วยตลอด ผมก็โอเคให้อยู่ด้วยกัน ทำงานกลุ่มอะไรด้วยกัน
มีครั้งหนึ่งเรียนวิชาสังคม อ.ให้ไปเอาสมุดการบ้านที่ส่งกองไว้ที่โต๊ะห้องพักครู อ.ให้เราไปเอาสมุดมาให้เพื่อนๆ แล้วทีนี้สมุดมันเยอะเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ก็อาสาไปเป็นเพื่อน แล้วเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... บอกรีบๆไปเอาเร็วๆ แล้วจับมือเราวิ่งไปเอาสมุดการบ้านที่วางไว้โต๊ะ อ.ที่ห้องพักครู เราก็แปลกใจ ทำไมต้องจับมือเราวิ่งด้วย ทำให้ผมฉุกคิดมาว่าเพื่อนกันต้องทำกันขนาดนี้เลยหรอจึงเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกดีๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
พอมาตอน ม.3 เพื่อนที่ชื่อ อ....ก็ได้รับการโหวตให้เป็นหัวหน้าห้อง ผมก็คอยสอนงานเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ว่าต้องทำอะไร ทำยังไงบ้าง ซึ่งมันยิ่งทำให้ผมกับเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ
พอตอนเข้าค่ายพักแรมลูกเสือ ผมกับ อ..... อยู่คนละกลุ่ม นอนคนละเต้นท์ คืนนั้นหลังจากที่ผมออกไปแปรงฟันก่อนนอน พอกลับเข้าเต้นท์ของผมเอง ก็งง ว่าเฮ้ยทำไมที่นอนผมมันดูกว้างและสะอาดกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ผมก็ถามเพื่อนในเต้นท์ว่าใครมาทำเนี่ย เพื่อนที่นอนในเต้นท์ก็บอกว่าเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... คนนั้นขอมานอนด้วย ผมก็แปลกใจทั้งๆที่อยู่คนละเต้นท์กันแล้วมานอนด้วย ยิ่งทำให้ผมคิดไปเองต่างๆนานาว่าเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... คิดอะไรกับผมหรือเปล่า และที่สำคัญตอนนอนผมก็แอบลองเชิงเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... โดยการนอนกอดมัน แต่เพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ว่าไม่ชอบอะไรแบบนี้ พอเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... เป็นยามหน้าเต้นท์ชอบส่องไฟมาทางผมอีก ผมก็แปลกๆละ นั่นมันทำให้ผมคิดไปว่าผมอาจจะชอบเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... คนนี้ไปแล้วหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรให้ใครฟัง
มีครั้งหนึ่งมีเรียนดนตรีไทยตอน ม.3 คือเพื่อนๆก็เรียนด้วยกันทั้งห้อง แต่วันนั้นผมไปเข้าเรียนสายเพราะไปทำธุระที่ห้องวิชาการ จากนั้นผมก็รีบเข้าเรียนตามเพื่อนๆ แล้วผมมองหาที่นั่งเรียนในห้อง พอดีตอนนั้น อ.ยังไม่เข้าสอน เพื่อนในห้องก็นั่งรวมกัน แต่ผมไม่มีที่นั่ง เพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ก็สั่งให้เพื่อนที่นั่งเรียนใกล้ๆเค้าลุกไปนั่งที่อื่น แล้วปัดที่นั่งให้ผมพร้อมลากแขนผมเพื่อจะไปนั่งข้างๆเค้า ผมก็แบบเวอร์ไปป่ะไล่เพื่อนที่มาก่อนให้ออกไปนั่งที่อื่น ส่วนเพื่อนที่มาก่อนมันก็ลุกไปนั่งที่อื่นตามน้ำ
พอนานไปผมก็รู้สึกดีต่อเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... มากขึ้นแต่เค้าก็ไม่ได้พูดอะไรหรือแสดงออกมาว่าจะยังไง อะไรกับผม และผมก็ไม่กล้าที่จะถามไปว่าคิดอะไรกับผมหรือเปล่า จึงเก็บความรู้สึกนี้มาซักพัก จนผมแน่ใจว่าผมควรจะบอกกับเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... คนนี้ว่าผมคิดยังไงโดยกะว่าจะเขียนเรื่องราวต่างๆลงในสมุดบันทึกและวาดรูปคล้ายๆ กับหนังเรื่องเพื่อนสนิท (เป็นหนังที่ปลื้มมาก)
พอใกล้จบ ม.3 ผมก็ถามเค้าไปว่าจะเรียนต่อที่ไหน เรียนสายอะไร ส่วนผมตั้งใจว่าจะลองไปสอบเข้าโรงเรียนในเมือง พอคิดว่าจะต้องได้แยกย้ายกับเพื่อนๆที่เรียนมาด้วยกัน แน่นอนว่าสมัยนั้นมันต้องมีการเขียนสมุด friendship ให้กันเพื่อแทนความรู้สึกดีๆ กับเพื่อนๆ ในห้อง ผมก็ทยอยให้เพื่อนเขียนรวมถึงเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... คนนั้นด้วย
ใน friendship เพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ก็ให้เบอร์โทรกับอีเมล์มาผมก็เพิ่มเพื่อนลงใน MSN (ช่วงนั้นยังไม่มี facebook เหมือนสมัยนี้) เผื่อมีอะไรติดต่อกัน พอผมตั้งใจแน่ละว่าต้องไปเรียนในเมืองจริงๆ จึงเริ่มลงมือเขียนเรื่องราวต่างๆ แทนความรู้สึกดีๆลงในสมุดบันทึกที่มีต่อเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... และวาดรูปเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ให้ กะว่าจะให้ตอนวันlสุดท้ายของการมาเรียน ม.ต้น
พอวันสุดท้ายของ ม.ต้น (วันรับใบเกรด) ผมก็บอกเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... คนนั้นว่า มาเจอผมตรงม้านั่งหลังอาคารเรียนหน่อย มีเรื่องจะพูดด้วย เค้าก็ตกลงมาตามนัด ผมก็ทำใจรอเค้าอยู่นาน จนเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... เดินมาเองและผมก็แน่ใจละคงต้องบอกให้รู้ละว่าเรารู้สึกยังไงกับเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... คนนี้ ซ฿งผมก็อ้ำอึ้งไปพักหนึ่งแล้วจึงยื่นสมุดบันทึกที่เตรียมไว้แล้วบอกเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ไปว่า...........อ......ชั้น “รักแกว่ะ” เพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ฟังที่ผมบอกก็อึ้งนิดๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร ผมก็แบบทำตัวไม่ถูกเลยลุกจากน้ามั่งแล้วหันหลังเดินไปที่มอเตอร์ไซต์ แล้วขับมอเตอร์ไซต์กลับบ้านไปแบบนั้นเลย โดยไม่หันมามองเพื่อนคนนั้นอีกเลย..........
แล้วผมก็ไปสอบเข้าเรียน ม.ปลาย ในเมืองได้ในที่สุด และไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... อีกเลย แต่ก็แอบถามๆ เพื่อนเก่าคนอื่นๆ ว่าที่โรงเรียนเดิมเป็นยังไงบ้าง ทุกคนยังสบายดีอยู่หรือเปล่า
จนมาเรียน ม.ปลายในเมืองครบ 3 ปี ก็ถึงเวลาที่ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ผมก็สอบติดโควตาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ (มหาวิทยาลัยที่มีประเพณีรับน้องขึ้นดอยสุเทพ) แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ก็มาสอบเข้าที่มหาวิทยาลัยที่อยู่เยื้องๆ กับมหาวิททยาลัยผม ช่วงมาเรียนมหาวิทยาลัยผมก็ปรับตัวใหม่ ไม่ค่อยมีเวลาว่างเพราะมีกิจกรรมรับน้องตลอด ถ้าว่างก็เล่น MSN บ้าง ผมก็ลองทักเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... คนนี้ใน MSN ตามอีเมล์ที่เค้าเขียนลงไว้ใน friendship ไป เพราะไม่รู้ว่าเค้าเรียนที่ไหน ไม่ได้ติดต่อกันตั้งแต่ครั้งที่บอกความรู้สึกผมไป คงคิดว่าเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ลืมไปแล้ว พอทักไปก็เพิ่งรู้ว่าผมกับเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... เรียนมหาวิทยาลัยใกล้ๆกัน ผมก็แปลกใจและแอบดีใจนะว่าทำไมมาเรียนใกล้ๆกัน ก็อย่างว่าแล่ะด้วยความที่ผมไม่ค่อยได้เล่น MSN.....พอได้คุยกับเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... เค้าบอกว่าเรียนใกล้กันว่างๆนัดไปกินข้าว กินไอติมด้วยกัน ...เราก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากไปหรอกแต่มันติดกิจกรรมของทางมหาวิทยาลัย เลยเลื่อนนัดเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ไปทุกครั้งที่เค้าชวน เค้าก็ทวงถามผมตลอดว่าเมื่อไรจะว่างไปทานข้าวด้วยกัน พอผมบอกไม่ค่อยมีเวลาว่างจริงๆเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... ก็แบบว่าหายไปเลย (สงสัยคงขี้เกียจตามผม) แล้วก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก ทั้งๆที่ผมก็อยากคุยด้วยถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปทานข้าวด้วยกัน........จนมารู้จักกันอีกทีใน facebook ผมก็มี facebook เค้า แล้วเพื่อนสมัย ม.ต้นก็สร้างกลุ่มเพื่อนเพื่อนัดกินเลี้ยงปีใหม่ช่วงหยุดยาวที่บ้านเพื่อน ผมก็ลองไปซักครั้งเพื่อรำลึกเรื่องราวต่างๆของเพื่อนๆในอดีต ในตอนแรกก็ไม่คิดว่าเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... คนนี้ จะมาด้วย เพราะไม่ได้เจอหน้ากัน ไม่ติดต่อกันนานเกือบ 5 ปี พอเจอกันผมก็เหมือนจะทำตัวไม่ถูกกับเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... คนนี้ แต่เค้าก็ยังเหมือนเดิมคอยถามผมว่าเป็นยังไงบ้าง ไม่เจอกันนาน สบายดีมั้ย ทำไมชวนไปกินข้าวด้วยกันทำไมไม่ค่อยจะยอมไป แล้วเค้ายังถามผมอีกว่าเมาหรือเปล่า(กินเลี้ยงรวมรุ่นมักจะมีเหล้า เบียร์ เสมอ) มักจะคอยถามผมตลอดว่ากลับบ้านไหวไหม ซึ่งผมก็ไม่ได้กินเหล้า เบียร์ เยอะ เพราะทางกลับบ้านมันค่อนข้างไกล อันตราย และดึกด้วย
จากที่นัดรวมรุ่มกันแล้วก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย จนผมอยู่ ปี 4 มาเจอเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... นั่งทานข้าวกับเพื่อนของเค้าที่หน้ามหาลัยผม .....ผมก็มาทานข้าวกับเพื่อนๆที่เรียนมหาลัยเดียวกับผม ผมกับเพื่อนๆในกลุ่มใส่เสื้อกาวน์สีขาว(เพราะเรียนสายการแพทย์) ผมก็เหลือบไปเห็นเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... นั่งโต๊ะใกล้ๆกับผม แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... จะเห็นผมหรือจำผมได้หรือเปล่าแต่ต่างคนก็ต่างก็ไม่ได้ทักทายอะไรกันเลย ไม่ใช่ว่าผมหยิ่งหรืออะไรนะ แต่ เกรงใจเพื่อนๆทั้งของผมและของเค้าเองต่างหาก.......จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันเลยจริงๆจนปัจจุบัน จนอายุย่างเข้าจะ 30 ปีแล้ว แต่ก็พอรู้ว่าเพื่อนที่ชื่อย่อ อ...... เรียนปริญญาโทที่ ม.เอกชนใน กทม. แล้วจบปริญญาโทด้าน animation ไรพวกนี้แล่ะครับ ที่ ม.รังสิต และก็เพิ่งรับปริญญาไปช่วงกลางเดือนธันวาคมปีนี้ และเหมือนเค้าไปเป็น อาจารย์สอนเด็กมหาวิทยาลัยไรทำนองนี้ด้วย ผมก็ดีใจกับเค้าและก็นึกเสียดายที่ตอนนั้นไม่เคยจะไปตามที่เค้าชวน T-T มันเลยทำให้ผมกับเค้าห่างจากกันไปเลย...........
ปล.1 ผมก็แอบเสียดายช่วงเวลาที่ผ่านมายังไงก็ไม่รู้
ปล.2 เพื่อนผู้หญิงที่ผมเคยเป็นคนแนะนำให้เพื่อนที่ชื่อ อ......รู้จักตอน ม.ต้น กลายเป็นทอมไปแล้ว