พ่อมาบอกให้กลับบ้าน

พ่อมาบอกให้กลับบ้าน
    “กลับบ้านนะลูก คุณปู่ตายแล้ว”
ภาพของพ่อใส่ชุดซาฟารีสีกรมท่าที่พ่อชอบใส่ มายืนร้องไห้ที่ปลายเตียง อาการอยู่ในภวังค์ ครึ่งหลับครึ่งตื่นของผมซึ่งผมเองยังคิดว่าตัวเองฝันไปแต่ถ้าเป็นฝันทำไมมันเหมือนจริงขนาดนั้น ผมก็เลยปลอบใจพ่อไปว่า
“พ่ออย่าร้องไห้ไปเลย ปู่แกก็แก่มากและไปสบายแล้วพ่อไม่ต้องเสียใจนะ”
สิ้นเสียงของผมก็ได้ยินโทรศัพท์ดังกริ๊งเข้ามาห้องพักของผมและได้ยินเสียงของน้าสาวพูดผ่านสายโทรศัพท์ขึ้นว่า
“ตรีฟังน้านะ ทำใจดีดี กลับมาบ้านด่วน พ่อเธอตายแล้ว” เมื่อได้ยินดังนั้นผมรู้สึกช็อคทำอะไรไม่ถูกจึงรัวถามกลับไปหาน้าเป็นชุด น้าจึงบอกให้ผมตั้งสติกลับมาบ้านก่อนแล้วค่อยคุยกัน ผมได้แต่งุนงงและในสมองมีแต่คำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อ ผมรีบไปที่อาเขตนั่งรถจากเชียงใหม่จุดหมายคือมาบ้านที่พะเยา ตลอดเส้นทางผมร้องไห้จนคนบนรถหันมามองแต่ผมไม่รู้สึกอายอะไรนอกจากอยากให้ถึงบ้านเร็วที่สุด
ผมใช้เวลาเดินทางจากเชียงใหม่มาถึงบ้านที่พะเยาเกือบ 5 ชั่วโมงเป็นการนั่งรถที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของผม เมื่อใกล้ถึงบ้านในใจอธิฐานว่าขออย่าให้เป็นความจริง ขอให้สิ่งที่ผมได้ยินเป็นแค่เสียงลมที่พัดผ่าน ใกล้ถึงบ้านมาทุกขณะใจผมเต้นเร็วและแรง บ้านผมอยู่ติดถนนมองเห็นชาวบ้านกำลังกางเต๊นที่หน้าบ้าน ผมเริ่มใจคอไม่ดี น้ำตาก็ไหลออกมาจนสุดท้ายรถโดยสารส่งถึงหน้าบ้าน ยายและป้าร้องไห้ออกมารับพร้อมกับกอดผม ผมมองหาแม่และน้องชาย ทั้งสองอยู่ในบ้านร้องไห้รอและแม่เดินออกมาจูงมือผม แม่พูดว่า “ไปกราบพ่อนะลูก” สิ้นเสียงแม่ผมหน้ามืดและล้มลงต่อหน้าโลงศพของพ่อ
พ่อของผมเสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยวัยเพียง 42 ปี คุณหมอได้ลงในใบมรณะบัตรว่าพ่อหัวใจล้มเหลว หลังจากงานศพของพ่อได้ผ่านไปด้วยความเศร้าสลดของครอบครัวที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นมาในชีวิต    ซึ่งตอนนั้นผมกำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่   4     และไปฝึกงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ น้องชายกำลังเรียนอยู่มัธยมปลาย ทำให้ตอนนั้นครอบครัวเราลำบากมากเนื่องจากสูญเสียเสาที่เป็นกำลังหลักลงไป แม่ได้เล่าก่อนวันที่พ่อจะเสียชีวิตว่าตอนเย็นพ่อลงไปแห้งน้ำคลองในสวนหน้าบ้านเพื่อจับปลาโดยที่พ่อเป็นคนงมปลาในน้ำแล้วโยนให้แม่ที่ยืนอยู่บนขอบคลองเก็บปลาใส่ข้องไว้ จู่ ๆ แม่ก็เห็นพ่อมองขึ้นมาจ้องที่หน้าแม่แล้วทำท่าแลบลิ้นปริ้นตาอย่างน่ากลัวแม่ไม่เคยเห็นพ่อทำอย่างนี้มาก่อน แม่จึงต่อว่าพ่อทำอย่างนั้นทำไม พ่อก็เงยขึ้นมาด้วยใบหน้าปกติและพูดว่าทำอะไร แม่ก็แปลกใจคิดว่าตนเองตาฝาด ตอนกลางคืนหลังจากทานข้าวเย็นเสร็จพ่อก็ขอตัวเข้านอนบ่นว่าปวดหัว ประมาณตี 4 กว่า ๆ แม่ได้ยินเสียงพ่อละเมอว่า “ไม่ผมไม่ไป แม่ (ย่าที่เสียชีวิตไปแล้ว) อย่าเพิ่งเอาผมไป” แม่เลยลุกขึ้นมาเปิดไฟก็เห็นพ่อนอนเพ้ออยู่อย่างนั้น พ่อหลับตาอีกมือหนึ่งของพ่อชี้มายังประตูห้องนอนแม่หันไปดูก็ไม่เห็นมีใครเหมือนที่พ่อพูด แม่พยายามปลุกให้พ่อตื่นแต่ก็ไม่ได้ผล แม่จึงวิ่งไปหาน้าเขยที่อยู่ข้างบ้านให้มาช่วยเพื่อนำพ่อส่งโรงพยาบาล แม่มัวแต่หาบัตรต่าง ๆ ของพ่อส่วนน้าเขยพยุงพ่อขึ้นรถกระบะและเห็นท่าไม่ดีเลยไม่รอแม่ น้าเขยรีบบึ่งรถไปที่โรงพยาบาลประจำอำเภอและพยายามเรียกพ่อผมให้ตื่นแต่พ่อก็ยังคงเพ้อและเริ่มมีเลือดไหลออกจากจมูก โค้งสุดท้ายก่อนเข้าโรงพยาบาลพ่อกระอักเป็นเลือดออกมาเต็มเบาะรถพอน้าเขยจอดรถที่อาคารฉุกเฉิน พยาบาลและเจ้าหน้าที่ก็วิ่งกรูกันออกมาและรีบนำตัวพ่อเข้าห้องฉุกเฉิน บังเอิญว่าลุงของผมมานอนเฝ้าพ่อของลุงที่โรงพยาบาลพอดีและกำลังเดินลงมาที่ชั้นล่างเพื่อจะออกมาซื้อกับข้าวเช้ากิน เมื่อเห็นน้าเขยจึงเดินตรงไปหาและถามว่าเกิดอะไรขึ้น พาใครมาหาหมอ แล้วลุงก็พูดขึ้นว่าเมื่อกี้เห็น มานัส (ชื่อพ่อผม) เดินลงจากรถสวนเข้าไปที่ตึก 13 ลุงพยายามเรียกแต่พ่อก็ไม่หันมา น้าเขยได้ยินอย่างนั้นก็หน้าถอดสีจึงบอกลุงว่าคนที่หมอพาเข้าห้องฉุกเฉินก็คือคนที่ลุงกำลังพูดถึง ตึก 13 ที่ว่าซึ่งผมก็มารู้ภายหลังว่ามีห้องเย็นไว้สำหรับเก็บศพคนตายเพื่อรอให้ญาติมารับ ลุงได้ยินเช่นนั้นถึงกับขนหัวลุก จากนั้นอีกไม่นานคุณหมอจึงเดินออกมาบอกลุงกับน้าเขยว่าไม่สามารถช่วยพ่อผมได้แล้วเนื่องจากพ่อผมเส้นเลือดในสมองแตก จึงทำให้หัวใจล้มเหลวและตายไปในที่สุด
หลังจากจัดการเรื่องทางบ้านเสร็จสรรพ ผมอยู่เป็นเพื่อนแม่และน้องชายประมาณ 10 วัน จึงจำเป็นต้องเดินทางมาฝึกงานต่อด้วยใจที่หดหู่และเศร้าหมอง ผมนึกย้อนไปถึงวันที่พ่อมายืนร้องไห้ที่ห้องนอนผม ผมคิดว่าเป็นพ่อจริง ๆ ที่มาบอกแต่พ่อไม่บอกตรงๆ ว่าพ่อตายท่านคงเป็นห่วงว่าผมจะตกใจ เลยบอกว่าเป็นปู่ของผม จากกรณีของพ่อที่เสียชีวิตทำให้ผมเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าภูตผีวิญญาณนั้นมีจริง ทุกวันนี้มีแต่คนพิสูจน์ว่าผีมีจริงหรือไม่ แต่สำหรับผมแค่เรื่องของพ่อที่จากไปก็มากพอเกินที่จะพิสูจน์แล้ว ดังนั้นในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ก็ขอให้ทำความดีต่อกัน เพราะคนเรารู้แต่วันเกิดไม่รู้วันตาย วันหนึ่งถ้าคนที่เรารักได้จากไปโดยที่เราไม่มีโอกาสแม้แต่จะล่ำลาหรือจะบอกความรู้สึกให้กันเหมือนผมทุกวันนี้ ที่อยากจะบอกพ่อเหลือเกินว่า “ผมรักพ่อครับ”

                                                                             ครูมิตร  เชียงราย

                                                            
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่