สีจิ้นผิงถูกนำไปเปรียบเทียบกับย่งเจิ้งฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ชิง

...นโยบายการปราบปรามการทุจริต..ของประธานธิบดีสีจิ้นผิงนั้น...นับแต่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำจีนในปี 2012 สีจิ้นผิง ได้ดำเนินนโยบายปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจังและเป็นวงกว้าง ส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 1 ล้านคนถูกลงโทษ ด้วยข้อกล่าวหาว่ากระทำผิดฐานทุจริต ประพฤติมิชอบในหน้าที่ และกระทำผิดวินัยของพรรคคอมมิวนิสต์
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน 35 คน ถูกลงโทษ ซึ่งถือเป็นจำนวนมากเทียบเท่ากับเจ้าหน้าที่ที่ถูกลงโทษในระยะเวลา 63 ปี ระหว่างปี 1949-2012 ในยุคของเหมาเจ๋อตุงและเติ้งเสี่ยวผิง..และผู้นำคนอื่นๆ
....โดยสีจิ้นผิงมีการเล่นงาน..เชือด...ตัวใหญ่ๆ ระดับผู้บริหารระดับสูงของพรรคคอมมูนิสต์จีน ไป 5 ราย ดังนี้
- รายที่ 1 นายโจว หย่งคัง เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของจีนที่หลุดจากอำนาจ โดยก่อนเกษียณในปี 2012 เขาเคยเป็นนักการเมืองที่ทรงอิทธิพลเป็นอันดับ 3 ในจีน ทว่าในปี 2015 เขาต้องโทษจำคุกในความผิดเกี่ยวกับสินบน ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ และเปิดเผยความลับของรัฐ
- รายที่ 2 นายซุน เจิ้งไช่ ก็ถูกปลดจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์นครฉงชิ่ง ส่งผลให้เขากลายเป็นสมาชิกคณะกรรมการกรมการเมือง หรือ โปลิตบูโร คนที่ 4 ที่ถูกขับออกจากพรรคคอมมิวนิสต์ในขณะดำรงตำแหน่ง โดยนายซุน วัย 54 ปีได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวก่อนที่ประธานาธิบดีสีจะก้าวขึ้นสู่อำนาจ เขาเป็นสมาชิกคณะกรรมการกรมการเมืองอายุน้อยที่สุด และถูกปลดในขณะที่ดำรงตำแหน่งระดับสูง
- รายที่ 3 นายสือ ไช่โห้ว เคยเป็นหนึ่งในนายทหารระดับสูง เขาเกษียณอายุในปี 2013 และถูกสอบสวนในคดีสินบนเพื่อแลกกับยศ ส่งผลให้เขาถูกขับออกจากพรรคคอมมิวนิสต์และถูกดำเนินคดี และเสียชีวิตในปี 2015
- รายที่ 4 นายกั๋ว ป๋อสง เคยดำรงตำแหน่งรองประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลางร่วมกับนายสือ ในปี 2016 เขาเป็นนายทหารระดับสูงสุดที่ถูกดำเนินคดีนับแต่ช่วงสิ้นสุดการปฏิวัติในปี 1949 ที่นำโดยนายเหมา เจ๋อตง นายกั๋วได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตในความผิดเกี่ยวกับสินบน
- รายที่ 5 นายหลิง จี้หัว เคยเป็นที่ปรึกษาคนสนิทของอดีตประธานาธิบดีหู จิ่นเทา แต่ต้องหมดอำนาจลงในยุคของประธานาธิบดีสี และภายหลังถูกจำคุกตลอดชีวิตในความผิดเกี่ยวกับสินบนในปี 2016
....แม้แต่ระดับนายพลในกองทัพปลดแอกประชาชนจีนก็ไม่รอด มีนายพลในกองทัพจีนอีกกว่า 60 นาย ที่ถูกสอบสวนและถูกปลดจากตำแหน่งเพื่อจัดระเบียบองค์กรใหม่ และปรับให้กองทัพมีความทันสมัยมากขึ้น...
....เป็นยุคที่...กวาดล้างการคอรัปชั่น ทุจริตมากที่สุดในรอบ 300 ปี...
....
สีจิ้นผิงถูกนำไปเปรียบเทียบกับฮ่องเต้ที่ปราบปรามการทุจริตมากที่สุดในประวัติศาสตร์จีน...
.......
.....นั่นคือในรัชสมัยองค์ชาย 4 ผู้โด่งดังแห่งราชวงศ์ชิง
ย่งเจิ้งฮ่องเต้ (ค.ศ.1722-1735)...ใช้เวลา 13 ปี
ปฏิรูปการบริหารบ้านเมืองใหม่หมด ปฏิรูปการเก็บภาษี
กวาดล้างขุนนางทุจริต  มีองค์ชาย 8 และ 9 ถูกจำคุก...ถอดอิสริยยศ... ยึดทรัพย์ทั้งหมด
..และองค์ชายอื่นๆ รวมถึงเชื้อพระวงศ์ที่มีส่วนทุจริตถูกปลดออกมากมาย
ขุนนางที่เกี่ยวพันกับการทุจริตถูกปลด ครึ่งราชสำนัก.....
....พระองค์ทรงทำงานหนักมาก ในการปราบปรามทุจริต อ่านฏีกา และเขียนตอบฎีกา ประมาณ 30000 ฉบับ ในเวลา 13 ปี
นอนวันละ 4 ชม. อ่านและเขียนตอบฎีกาวันละ 50 ฉบับ..
ทรงวางพื้นฐานทางการเงินการคลัง...จนนำไปสู่ยุครุ่งเรืองที่สุดในประวัติศาสตร์จีน ในยุครัชสมัย เฉียนหลงฮ่องเต้ พระโอรสของพระองค์ (ค.ศ.1735-1799)
พระองค์ทรงทำให้สถานะการเงินของราชวงศ์ชิง ที่เกือบเข้าขั้นล้มละลาย ในปลายยุคคังซีฮ่องเต้พระบิดา
ที่เหลือเงินในคลัง 6 ล้านตำลึง  ย่งเจิ้งฮ่องเต้ใช้เวลา 13 ปี สามาถจัดเก็บภาษีได้ดีมากๆ..ทำให้มีเงินคลัง 50 + ล้านตำลึง
(ผลของการปราบปรามการทุจริตอย่างหนัก ทำให้พระองค์ถูกใส่ร้ายว่า ปลงพระชนม์พระราชบิดา ปลอมแปลงพินัยกรรม แย่งบัลลังค์จากน้องชายองค์ชาย 14 ซึ่งในเวลาต่อมา พอสูจน์ได้ว่า เป็นการใส่ร้ายจากพวกขุนนางที่เสียผลประโยชน์ทั้งสิ้น)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่