การลาออกจากงานครั้งสุดท้ายจากงานประจำเปรียบดั่งการออกไปผจญภัยเฉกเช่น แบร์กริล ที่ต้องออกไปใช้ชีวิตเอาตัวรอดที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงอันตรายรอบด้านทางการเงินที่คาดไม่ถึง แต่ผู้ที่สามารถรอดไปจนถึงเป้าหมายแสงสว่างปลายอุโมงค์เท่านั้นจะได้รางวัลอันล้ำค่า นั่นคือ เวลา นั่นเอง คนส่วนใหญ่มักจะมองที่ตัวเงิน แต่หารู้ไม่ว่า เวลา ต่างหากที่มีมูลค่าไม่สามารถตีราคาได้ ซึ่งเป็นมูลค่าอนันต์
เวลา ที่ได้อยู่กับครอบครัว
เวลา ที่ได้ทำสิ่งบ้าๆ บอๆ ดั่งใจปรารถนา
เวลา สำหรับงานอดิเรกที่ตัวเองแอพโพซิเอท โปรดปราน
เวลา ไปดูหนังวันพุธ ในราคา 80 บาท
เวลา ท่องเที่ยวโดยไม่ต้องแย่งกันกิน แย่งกันเที่ยว แย่งกันอึปัสสาวะ ในช่วงเทศกาล
เวลา สำหรับความคิดสร้างสรรค์ สิ่งต่างๆ มากมายตามที่ใจเราโหยหา
เวลา บลาๆๆ....มากมาย
เพราะชีวิตคนเราไม่ใช่วัฎจักรวงจรชีวิตแมลง ที่จะวนลูปซ้ำๆ ของตัวเองแบบแมลงไปตลอด....
วัฐจักรสัตว์สังคมที่เรียกว่ามนุษย์เงินเดือนมักจะติดกับดักเวลาที่ตัวเองได้ขังตัวเองไว้ นั่นคือวัตถุนิยม การก่อร่างสร้างหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และความเสี่ยงของมนุษย์เงินเดือนนั่นก็คือมักจะชล่า..ลา..ล่า..ใจในการบริหารความเสี่ยงทางการเงิน ซึ่งหารู้ไม่ว่ามนุษย์เงินเดือนมีรายได้เพียงแหล่งเดียวที่มาจากนายจ้าง แต่มักจะมองข้ามไปว่าบริษัทไม่ว่าเล็กหรือใหญ่มีโอกาสล่มสลายเป็นแบบสัมพันธภาพทำลายล้างเป็นวงกว้างได้ตลอดเวลา
ถามตัวเองว่า วันนี้มีหนี้สินจ่ายเปล่าทำงานให้ธนาคารฟรีๆ กินเปล่าไม่มี ROI กลับมาเท่าไหร่ มีเป้าหมายอย่างไรกับใช้ชีวิต เดือนนี้มีเหลือเก็บเท่าไหร่ ปีนี้มีเหลือเก็บเท่าไหร่ อีก 3-5 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
และส่วนใหญ่มักจะไม่รู้เล่ห์กลทางการเงินของธนาคารในการผ่อนที่อยู่อาศัย ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเป็นทรัพยฺ์สินของตัวเอง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วในช่วงของการผ่อนชำระนั้น ก็ยังเป็นทรัพย์สินของธนาคารอยู่ตราบใดที่ชำระไม่หมด หรือซื้อขาด เพราะด้วยกลไกดอกเบี้ยอันแยบยลนี่เอง ที่คนส่วนใหญ่มักเพิกเฉยในการอ่านสัญญาเมื่อเซ็นแก่ก...ไปแล้วทุกอย่างก็จบสิ้นทันทีและมีผลตามมาด้วยข้อเสียเปรียบนั่นเอง
ซึ่งหนังเรื่อง 99 Homes เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องของเหยื่อความโหดร้ายโครงสร้างทางการเงินของระบบทุนนิยม
ยิ่งซ้ำร้ายค่านิยมการผ่อนรถไม่สมเหตุสมผล เปรียบดั่งมะเร็งร้ายที่กัดกินสุขภาพทางการเงินโดยไม่รู้ตัว
ในวิกฤติมีโอกาส ในโอกาสก็มีวิกฤตที่ต้องเผชิญเสมอ คนเตรียมพร้อม เตรียมการ และวางแผนเท่านั้นที่จะสามารถอยู่รอดได้ในโลกสังคมอยู่ยากยุคนี้ได้
ระลึกไว้เสมอว่า....
1.รายได้เท่าไหร่ถึงอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งงานประจำ - อย่างน้อยเราก็มีข้าวกินเมื่อตดงาน
2.หาแหล่งรายได้ทำด้วยตนเองเพื่อสร้างแหล่งรายได้สำรอง
3.โฟกัสเอาให้อยู่หมัดขยี้ให้มันสามารถทำรายได้เทียบเท่างานประจำได้
4.จงจำไว้เสมอ "ทุกธุรกิจคือการพนัน เดิมพันแบบไฮโลสูงต่ำ มี 2 ทางให้เลือก คือ เจ๊ง...หาย กับ รวยวายป่วม" - เริ่มความเสี่ยงเมื่อยังเยาว์วัย ย่อมได้เปรียบกว่าเริ่มความเสี่ยงตอนแก่เหนียงยานเสมอ ชีวิตไม่ใช่ละคร ที่จะให้เหมือนกันกับ ไก่ของตาลุงเคนตั๊กกี้ ที่ปาอายุไปวัยเกษียณทอดไก่ขายจนรวยอู้ฟู่
5.ลาออกเมื่อถ้าธุรกิจที่สร้างพอยาใส้แล้ว - จะรออะไร เวลา มีมูลค่าอนันต์บนโลกไปนี้ หาใช้มันให้คุ้มค่า
งืมๆ...
วางแผนสักนิดก่อนคิดลงทุน เป็นนายตัวเอง เพื่อหนีการจองจำงานประจำ เอาตัวรอดแบบแบร์กริล
เวลา ที่ได้อยู่กับครอบครัว
เวลา ที่ได้ทำสิ่งบ้าๆ บอๆ ดั่งใจปรารถนา
เวลา สำหรับงานอดิเรกที่ตัวเองแอพโพซิเอท โปรดปราน
เวลา ไปดูหนังวันพุธ ในราคา 80 บาท
เวลา ท่องเที่ยวโดยไม่ต้องแย่งกันกิน แย่งกันเที่ยว แย่งกันอึปัสสาวะ ในช่วงเทศกาล
เวลา สำหรับความคิดสร้างสรรค์ สิ่งต่างๆ มากมายตามที่ใจเราโหยหา
เวลา บลาๆๆ....มากมาย
เพราะชีวิตคนเราไม่ใช่วัฎจักรวงจรชีวิตแมลง ที่จะวนลูปซ้ำๆ ของตัวเองแบบแมลงไปตลอด....
วัฐจักรสัตว์สังคมที่เรียกว่ามนุษย์เงินเดือนมักจะติดกับดักเวลาที่ตัวเองได้ขังตัวเองไว้ นั่นคือวัตถุนิยม การก่อร่างสร้างหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และความเสี่ยงของมนุษย์เงินเดือนนั่นก็คือมักจะชล่า..ลา..ล่า..ใจในการบริหารความเสี่ยงทางการเงิน ซึ่งหารู้ไม่ว่ามนุษย์เงินเดือนมีรายได้เพียงแหล่งเดียวที่มาจากนายจ้าง แต่มักจะมองข้ามไปว่าบริษัทไม่ว่าเล็กหรือใหญ่มีโอกาสล่มสลายเป็นแบบสัมพันธภาพทำลายล้างเป็นวงกว้างได้ตลอดเวลา
ถามตัวเองว่า วันนี้มีหนี้สินจ่ายเปล่าทำงานให้ธนาคารฟรีๆ กินเปล่าไม่มี ROI กลับมาเท่าไหร่ มีเป้าหมายอย่างไรกับใช้ชีวิต เดือนนี้มีเหลือเก็บเท่าไหร่ ปีนี้มีเหลือเก็บเท่าไหร่ อีก 3-5 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
และส่วนใหญ่มักจะไม่รู้เล่ห์กลทางการเงินของธนาคารในการผ่อนที่อยู่อาศัย ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเป็นทรัพยฺ์สินของตัวเอง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วในช่วงของการผ่อนชำระนั้น ก็ยังเป็นทรัพย์สินของธนาคารอยู่ตราบใดที่ชำระไม่หมด หรือซื้อขาด เพราะด้วยกลไกดอกเบี้ยอันแยบยลนี่เอง ที่คนส่วนใหญ่มักเพิกเฉยในการอ่านสัญญาเมื่อเซ็นแก่ก...ไปแล้วทุกอย่างก็จบสิ้นทันทีและมีผลตามมาด้วยข้อเสียเปรียบนั่นเอง
ซึ่งหนังเรื่อง 99 Homes เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องของเหยื่อความโหดร้ายโครงสร้างทางการเงินของระบบทุนนิยม
ยิ่งซ้ำร้ายค่านิยมการผ่อนรถไม่สมเหตุสมผล เปรียบดั่งมะเร็งร้ายที่กัดกินสุขภาพทางการเงินโดยไม่รู้ตัว
ในวิกฤติมีโอกาส ในโอกาสก็มีวิกฤตที่ต้องเผชิญเสมอ คนเตรียมพร้อม เตรียมการ และวางแผนเท่านั้นที่จะสามารถอยู่รอดได้ในโลกสังคมอยู่ยากยุคนี้ได้
ระลึกไว้เสมอว่า....
1.รายได้เท่าไหร่ถึงอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งงานประจำ - อย่างน้อยเราก็มีข้าวกินเมื่อตดงาน
2.หาแหล่งรายได้ทำด้วยตนเองเพื่อสร้างแหล่งรายได้สำรอง
3.โฟกัสเอาให้อยู่หมัดขยี้ให้มันสามารถทำรายได้เทียบเท่างานประจำได้
4.จงจำไว้เสมอ "ทุกธุรกิจคือการพนัน เดิมพันแบบไฮโลสูงต่ำ มี 2 ทางให้เลือก คือ เจ๊ง...หาย กับ รวยวายป่วม" - เริ่มความเสี่ยงเมื่อยังเยาว์วัย ย่อมได้เปรียบกว่าเริ่มความเสี่ยงตอนแก่เหนียงยานเสมอ ชีวิตไม่ใช่ละคร ที่จะให้เหมือนกันกับ ไก่ของตาลุงเคนตั๊กกี้ ที่ปาอายุไปวัยเกษียณทอดไก่ขายจนรวยอู้ฟู่
5.ลาออกเมื่อถ้าธุรกิจที่สร้างพอยาใส้แล้ว - จะรออะไร เวลา มีมูลค่าอนันต์บนโลกไปนี้ หาใช้มันให้คุ้มค่า
งืมๆ...