(No Spoil) Review : Star Wars The Last Jedi (2017)
ผมต้องรอหนังเรื่องนี้ถึง2ปีจากภาคก่อนซึ่งมันจบได้ค้างคามาก แต่แล้วพอถึงวันที่ผมได้ดูThe Last Jediหลายๆอย่างมันก็ได้หายค้างคา แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่เป็นคำถามอยู่ในหัว ความรู้สึกระหว่างดูคือไม่รู้ว่าตัวเองจิตหลุดหรืออะไรไปนะ แต่ไม่รู้สึกตัวเลยคือโดนหนังดึงเข้าไปจนรู้ตัวอีกทีก็ตอนจบ แล้วระหว่างตอนเดินออกจากโรงก็มานั่งนึกว่าเราประทับใจอะไรบ้างพอมานึกย้อนแล้วมันฟินไปหมด คือระหว่างดูคือมันเห้ยยย มันขนลุกมันอะไรไปหมดกับสิ่งที่ผกก.คนนี้นำเสนอ ขอบคุณRian Johnsonจริงๆที่เค้า จะไม่ทำให้Star Wars ยึดติดกับอะไรเดิมๆอีกต่อไปในอนาคต ภาคนี้ก็เหมือนสั่งลาอะไรเก่าๆอะ เพื่อที่จะก้าวไปสู่สิ่งใหม่ๆ ผมมองว่าดีนะ เราควรจะได้เห็นอะไรใหม่ๆบ้าง ไม่ควรจะยึดติดกับ Jedi Sith หรือตระกูลSkywalkerอีกต่อไป เพราะเอาตรงๆอย่างเพื่อนผมที่ไม่ใช่แฟนStar Warsก็แบบเคยบอกกับผมว่า ที่มันไม่ดูRogue Oneเพราะไม่มีJediผมแบบ เอิ่มมม คือดูหนังเรื่องนี้เพราะJediหรอกหรอ มันมีอะไรมากกว่านั้นนะ แต่สุดท้ายมันก็ยอมดูแล้วละ แต่แบบอยากให้ทุกคนเปิดใจ เพราะว่าเรื่องราวของStar Warsไม่ใช่แค่การดวลดาบLightsaber มันมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง
ผมอยากพาตาไปดูเลยภาคนี้เพราะจำได้ว่าตาพาผมไปดูEmpire Strikes Back ตอนเอามาRemasterใหม่ในโรงด้วยปี1997มั้งตอนนั้น ถ้าเปรียบภาคนี้ก็คือตรงกลางเหมือนESB คนที่มีความทรงจำกับหนังเรื่องนี้ตั้งแต่เด็กเหมือนผมคงเข้าใจความรู้สึกเลยทีเดียว
เรื่องราวของภาคนี้ต่อจากภาคที่แล้วเป็นการกลับมายึดครองGalaxyอีกครั้งของพวก First Order ฝ่ายกบฏก็กำลังรวมพลที่จะต่อต้านและสู้รบกับพวกFirst Order และไฮไลท์ที่ต่อจากภาคที่แล้วเลยก็นั่นละครับ พลังได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
และที่ผมรู้สึกได้ภาคนี้ให้ความหมายของForceในแบบที่ลึกลงไปจริงๆทำให้คนดูเข้าใจความเป็นJediมากขึ้นว่าหน้าที่ของพวกเขาจริงๆแล้วคืออะไร และForceแท้จริงแล้วมันอะไรยังไง โอ๊ยยยพูดอะไรมากไม่ได้ 555+
ในส่วนของตัวหนังนั้นผมรู้สึกว่ามันก็มีช่วงที่อืดๆอยู่บ้างแต่ก็เข้าใจได้เพราะหนังได้เข้าสู่ยุคใหม่แล้ว และอย่าคาดหวังอะไรจากตัวอย่างเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่คุณคิดเสมอไป และสิ่งที่รู้สึกว่าภาคก่อนๆก็ไม่มีเหมือนนั่นคือความตลกโปะฮา ที่ภาคนี้ใส่มาให้ยิ้มกันมากขึ้นเยอะ และหนังจะค่อยๆเพิ่มความPeakจนคุณตั้งตัวไม่ทันเลยละ ผมโดนมาแล้ว ฮ่าๆ
ในด้านของฉากยานบู๊กันสะบั่นแหลกนั้นก็ยังคงดีมาก และมีฉากที่จะทำให้คุณแบบเหวอและแบบเชสสสโด้วววเอางี้เลยหรอ
การแบ่งบทตัวละครตอนแรกก็คิดว่าจะทำได้ดีมั้ย แต่แบบบอกได้เลยว่ามันยอดเยี่ยมอะ Serviceแฟนรุ่นเก่าแต่ก็ไม่ได้ลืมตัวละครใหม่ๆ แต่บางตัวละครก็รู้สึกว่าพยายามจัดให้เหลือเกินจนแบบบางทีไม่ต้องมีก็ได้ม้างฉากนี้อะไรงี้
ทางด้านCG Visul Effectต่างๆผมก็มองว่างดงามและอลังการงานละเอียดล้านดาวนะ ก็ระดับนี้แล้วอะเนอะงานต้องดีอยู่แล้ว
Soundนี่ไม่ต้องพูดถึงเราอาจจะน้ำตาไหลหรือตื่นเต้นไปกับตัวหนังสือสีเหลืองกันในภาคที่แล้วเพราะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของไตรภาคนี้ที่ทำให้หายคิดถึง แต่ภาคนี้คุณก็จะรู้สึกตื่นเต้นอีกครั้งที่ได้ยินมันหึกเหิมสุดๆ
สุดท้าย The Last Jediเป็นภาคที่กลมกล่อมในทุกๆด้าน ขอบคุณRian Johnsonอีกครั้งที่ทำให้มันออกมาดีขนาดนี้ ยังคงไม่ลืมอะไรเก่าๆและทำให้เราคิดถึงภาคเก่าๆ และในส่วนของความใหม่นั้นก็พยายามจะพาเราก้าวข้ามอะไรเดิมๆออกไปที่ไม่ใช่Star Warsแบบที่เราเคยดูมากัน เหมือนจะบอกกับคนดูว่าเราควรเลิกยึดติดกับอะไรเดิมๆได้แล้ว เราไม่ได้ลืมสิ่งที่ยังอยู่ในความทรงจำที่ดีนะ แต่เราต้องก้าวไปสู่อะไรใหม่ๆบ้างได้แล้ว ผมมองว่าผกก.มองไปถึงไตรภาคหน้าแล้วเปรยๆไว้ตั้งแต่ภาคนี้เลยละกันอะไรประมาณนี้ ฮ่าๆ ภาคหน้าจะปิดฉากไตรภาคนี้แล้วผมคิดว่ามันต้องเดือดระอุแน่นอน ต้องรอติดตามกันต่อไปมหากาพย์นี้จะมีบทสรุปอย่างไร อ่อๆเกือบลืมดูในIMAXจะเต็มอิ่มมากๆอีกเช่นเคยโคตรกระหึ่ม ฮ่าๆ
Star Wars เป็นมากกว่าหนังเรื่องหนึ่งไปแล้ว เป็นPop Cultureไปโดยปริยายขนลุกทุกครั้งที่ได้เห็นการเคลื่อนไหวของคนทั่วโลกที่มีต่อหนังเรื่องนี้ และมีข้อคิดแรงบันดาลใจที่เอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้อยู่ตลอด ขอบคุณที่ทำให้หนังเรื่องสุดท้ายที่ผมจะดูในปีนี้เป็นเรื่องนี้ มีความสุขมากๆครับ
และสุดท้ายจริงๆอย่าลืมดูจนจบรายชื่อนักแสดงละไม่ต้องถึงกับนั่งจนจบEnd Creditก็ได้เพราะว่าจะมีการขอบคุณและไว้อาลัยCarrie Fisherด้วยครับ R.I.P My Princess Carrie Fisher เจ้าหญิงของพวกเราตลอดไป
Score 9.5/10 (A+)
Film Boy
[CR] (No Spoil) Review : Star Wars The Last Jedi (2017)
ผมต้องรอหนังเรื่องนี้ถึง2ปีจากภาคก่อนซึ่งมันจบได้ค้างคามาก แต่แล้วพอถึงวันที่ผมได้ดูThe Last Jediหลายๆอย่างมันก็ได้หายค้างคา แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่เป็นคำถามอยู่ในหัว ความรู้สึกระหว่างดูคือไม่รู้ว่าตัวเองจิตหลุดหรืออะไรไปนะ แต่ไม่รู้สึกตัวเลยคือโดนหนังดึงเข้าไปจนรู้ตัวอีกทีก็ตอนจบ แล้วระหว่างตอนเดินออกจากโรงก็มานั่งนึกว่าเราประทับใจอะไรบ้างพอมานึกย้อนแล้วมันฟินไปหมด คือระหว่างดูคือมันเห้ยยย มันขนลุกมันอะไรไปหมดกับสิ่งที่ผกก.คนนี้นำเสนอ ขอบคุณRian Johnsonจริงๆที่เค้า จะไม่ทำให้Star Wars ยึดติดกับอะไรเดิมๆอีกต่อไปในอนาคต ภาคนี้ก็เหมือนสั่งลาอะไรเก่าๆอะ เพื่อที่จะก้าวไปสู่สิ่งใหม่ๆ ผมมองว่าดีนะ เราควรจะได้เห็นอะไรใหม่ๆบ้าง ไม่ควรจะยึดติดกับ Jedi Sith หรือตระกูลSkywalkerอีกต่อไป เพราะเอาตรงๆอย่างเพื่อนผมที่ไม่ใช่แฟนStar Warsก็แบบเคยบอกกับผมว่า ที่มันไม่ดูRogue Oneเพราะไม่มีJediผมแบบ เอิ่มมม คือดูหนังเรื่องนี้เพราะJediหรอกหรอ มันมีอะไรมากกว่านั้นนะ แต่สุดท้ายมันก็ยอมดูแล้วละ แต่แบบอยากให้ทุกคนเปิดใจ เพราะว่าเรื่องราวของStar Warsไม่ใช่แค่การดวลดาบLightsaber มันมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง
ผมอยากพาตาไปดูเลยภาคนี้เพราะจำได้ว่าตาพาผมไปดูEmpire Strikes Back ตอนเอามาRemasterใหม่ในโรงด้วยปี1997มั้งตอนนั้น ถ้าเปรียบภาคนี้ก็คือตรงกลางเหมือนESB คนที่มีความทรงจำกับหนังเรื่องนี้ตั้งแต่เด็กเหมือนผมคงเข้าใจความรู้สึกเลยทีเดียว
เรื่องราวของภาคนี้ต่อจากภาคที่แล้วเป็นการกลับมายึดครองGalaxyอีกครั้งของพวก First Order ฝ่ายกบฏก็กำลังรวมพลที่จะต่อต้านและสู้รบกับพวกFirst Order และไฮไลท์ที่ต่อจากภาคที่แล้วเลยก็นั่นละครับ พลังได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
และที่ผมรู้สึกได้ภาคนี้ให้ความหมายของForceในแบบที่ลึกลงไปจริงๆทำให้คนดูเข้าใจความเป็นJediมากขึ้นว่าหน้าที่ของพวกเขาจริงๆแล้วคืออะไร และForceแท้จริงแล้วมันอะไรยังไง โอ๊ยยยพูดอะไรมากไม่ได้ 555+
ในส่วนของตัวหนังนั้นผมรู้สึกว่ามันก็มีช่วงที่อืดๆอยู่บ้างแต่ก็เข้าใจได้เพราะหนังได้เข้าสู่ยุคใหม่แล้ว และอย่าคาดหวังอะไรจากตัวอย่างเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่คุณคิดเสมอไป และสิ่งที่รู้สึกว่าภาคก่อนๆก็ไม่มีเหมือนนั่นคือความตลกโปะฮา ที่ภาคนี้ใส่มาให้ยิ้มกันมากขึ้นเยอะ และหนังจะค่อยๆเพิ่มความPeakจนคุณตั้งตัวไม่ทันเลยละ ผมโดนมาแล้ว ฮ่าๆ
ในด้านของฉากยานบู๊กันสะบั่นแหลกนั้นก็ยังคงดีมาก และมีฉากที่จะทำให้คุณแบบเหวอและแบบเชสสสโด้วววเอางี้เลยหรอ
การแบ่งบทตัวละครตอนแรกก็คิดว่าจะทำได้ดีมั้ย แต่แบบบอกได้เลยว่ามันยอดเยี่ยมอะ Serviceแฟนรุ่นเก่าแต่ก็ไม่ได้ลืมตัวละครใหม่ๆ แต่บางตัวละครก็รู้สึกว่าพยายามจัดให้เหลือเกินจนแบบบางทีไม่ต้องมีก็ได้ม้างฉากนี้อะไรงี้
ทางด้านCG Visul Effectต่างๆผมก็มองว่างดงามและอลังการงานละเอียดล้านดาวนะ ก็ระดับนี้แล้วอะเนอะงานต้องดีอยู่แล้ว
Soundนี่ไม่ต้องพูดถึงเราอาจจะน้ำตาไหลหรือตื่นเต้นไปกับตัวหนังสือสีเหลืองกันในภาคที่แล้วเพราะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของไตรภาคนี้ที่ทำให้หายคิดถึง แต่ภาคนี้คุณก็จะรู้สึกตื่นเต้นอีกครั้งที่ได้ยินมันหึกเหิมสุดๆ
สุดท้าย The Last Jediเป็นภาคที่กลมกล่อมในทุกๆด้าน ขอบคุณRian Johnsonอีกครั้งที่ทำให้มันออกมาดีขนาดนี้ ยังคงไม่ลืมอะไรเก่าๆและทำให้เราคิดถึงภาคเก่าๆ และในส่วนของความใหม่นั้นก็พยายามจะพาเราก้าวข้ามอะไรเดิมๆออกไปที่ไม่ใช่Star Warsแบบที่เราเคยดูมากัน เหมือนจะบอกกับคนดูว่าเราควรเลิกยึดติดกับอะไรเดิมๆได้แล้ว เราไม่ได้ลืมสิ่งที่ยังอยู่ในความทรงจำที่ดีนะ แต่เราต้องก้าวไปสู่อะไรใหม่ๆบ้างได้แล้ว ผมมองว่าผกก.มองไปถึงไตรภาคหน้าแล้วเปรยๆไว้ตั้งแต่ภาคนี้เลยละกันอะไรประมาณนี้ ฮ่าๆ ภาคหน้าจะปิดฉากไตรภาคนี้แล้วผมคิดว่ามันต้องเดือดระอุแน่นอน ต้องรอติดตามกันต่อไปมหากาพย์นี้จะมีบทสรุปอย่างไร อ่อๆเกือบลืมดูในIMAXจะเต็มอิ่มมากๆอีกเช่นเคยโคตรกระหึ่ม ฮ่าๆ
Star Wars เป็นมากกว่าหนังเรื่องหนึ่งไปแล้ว เป็นPop Cultureไปโดยปริยายขนลุกทุกครั้งที่ได้เห็นการเคลื่อนไหวของคนทั่วโลกที่มีต่อหนังเรื่องนี้ และมีข้อคิดแรงบันดาลใจที่เอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้อยู่ตลอด ขอบคุณที่ทำให้หนังเรื่องสุดท้ายที่ผมจะดูในปีนี้เป็นเรื่องนี้ มีความสุขมากๆครับ
และสุดท้ายจริงๆอย่าลืมดูจนจบรายชื่อนักแสดงละไม่ต้องถึงกับนั่งจนจบEnd Creditก็ได้เพราะว่าจะมีการขอบคุณและไว้อาลัยCarrie Fisherด้วยครับ R.I.P My Princess Carrie Fisher เจ้าหญิงของพวกเราตลอดไป
Score 9.5/10 (A+)
Film Boy